Tag: วิตามินซี

  • สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก

    สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก

    สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก เรารู้กันอยู่แล้วว่าผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ให้แร่ธาตุและวิตามินต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ชอบกินผักอยู่ดี วันนี้จะนำเอาคุณประโยชน์ที่ได้จากการกินผักมาบอกกล่าวเล่าสิบกัน เผื่อคนที่ไม่ชอบกินผักจะอยากหันมาลิ้มลองบ้างนะคะ ในผักให้เส้นใยอาหารจำนวนมาก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลงจับคอเลสเตอร์ในทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ยิ่งเป็นผักพื้นบ้านก็ยิ่งมีเส้นใยอาหารจำนวนมาก เช่น ใบมันปู สะเดา ลูกเหรียง ถั่วลันเตา ผักชีล้อม กะเฉด มะระขี้นก ผักหวาน มะเขือยาว คะน้า แครอท มะเขือเปราะ ยอดมะระหวาน ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำปลี ตำลึง ส่วนวิตามินเอที่ช่วยในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตารวมทั้งการมองเห็น และสร้างผนังเซลล์ในปอด ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของร่างกายและภูมิคุ้มกันนั้น พบมากในฟักทอง พริกหวาน แครอท ผักเหรียง กระเฉด ยอดมะม่วงหิมพานต์ ตำลึง ผักกาดขาว สะเดา ผักกูด ผักพูม ผักชีล้อม ใบมันปู ฯลฯ และวิตามินที่ช่วยในการสร้างเสริมคอลลาเจน ก็คือวิตามินซีนั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก รักษาบาดแผล สังเคราะห์ฮอร์โมนและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ในร่างกายด้วย…

  • คุณประโยชน์ของวิตามินและเส้นใยอาหารในผัก

    คุณประโยชน์ของวิตามินและเส้นใยอาหารในผัก

    คุณประโยชน์ของวิตามินและเส้นใยอาหารในผัก การกินผักที่เพียงพอให้ประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากนะคะ ยิ่งโดยเฉพาะเส้นใยอาหารและวิตามินในผักแล้วเนี่ย ในแต่ละวันเราควรกินผักทั้งผักสดและผักสุกให้ได้ประมาณ 4-6 ทัพพีต่อวันจึงเข้ามาเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกค่ะ ซึ่งสารอาหารที่เราได้รับจากผักนั้น หลัก ๆ ก็ได้แก่ – ได้รับเส้นใยอาหารอาหาร เส้นใยที่ละลายน้ำได้นั้นช่วยในการดักจับคาร์โบไฮเดรตให้มีการย่อยและดูดซึมช้าลง น้ำตาลในเลือดจึงมีความคงที่ ช่วยจับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดอัตราความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ส่วนเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น ป้องกันและรักษาอาการท้องผูก ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย – ได้รับวิตามินเอ ช่วยรักษาสุขภาพดวงตาและการมองเห็น ทำให้ระบบสืบพันธ์ทำงานได้ตามปกติ ส่งเสริมพัฒนาการของร่างกาย ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโรค ทำให้เซลล์ของผนังปอด ลำไส้ ทางเดินปัสสาวะแข็งแรงด้วย ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ – วิตามินซี ช่วยในการสร้างคอลลาเจนทำให้กระดูก ฟัน หลอดเลือด และผิวหนังแข็งแรง รักษาบาดแผล สร้างฮอร์โมนบางชนิด เช่น ฮอร์โมนไทร็อกซินที่ช่วยควบคุมอัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก และเสริมภูมิคุ้มการโรคทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันความเสื่อมถอยของร่างกายได้ – ได้รับวิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระไม่ให้มาทำลายเซลล์ได้ ช่วยป้องกันและชะลอการเกิดโรคหัวใจหรือมะเร็ง วิตามินอีพบได้มากในผักโขม บร็อกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง การกินผักที่จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จริง ๆ นั้นควรทานผักที่ปลอดสารพิษ หรือถ้าเป็นผักที่ปลูกเองยิ่งดีใหญ่…

  • กลูต้าไทโอนทำให้ผิวขาวใสได้จริงหรือ?

    กลูต้าไทโอนทำให้ผิวขาวใสได้จริงหรือ?

    กลูต้าไทโอนทำให้ผิวขาวใสได้จริงหรือ? กลูต้าไทโอนเป็นสารที่พบได้ในพืช ผัก ผลไม้ทั่วไป รวมทั้งเนื้อสัตว์ด้วย แหล่งของกลูต้าไทโอนที่พบได้มากได้แก่ อะโวคาโด หน่อไม้ฝรั่ง สตรอเบอ์รี่ มะเขือเทศ ส้ม บร็อกโคลี่ ผักโขม เกรปฟรุต ฯลฯ และกลูต้าไทอนนี้ยังพบได้ในเซลล์ตับของเราเอง ซึ่งมนุษย์ผลิตได้เองตามธรรมชาติ แต่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น กลูต้าไทโอนเป็นกรดอมิโนที่สำคัญในการต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายได้ ช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย นอกจากนี้แล้วยังเป็นสารที่นำมารักษาโรคข้ออักเสบ มะเร็ง พาร์กินสัน โรคตับ โรคไต โรคเอดส์ รักษาอาการหูตึงจากเสียงดัง รักษาภาวะเป็นหมันในเพศชายได้ ส่วนที่ทานแล้วผิวขาวขึ้นนั้นเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น เพราะกลูต้าไทโอนนั้นจะเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินบนผิวหนังและตามร่างกายด้วย ด้วยความที่สารนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเทียบเท่าวิตามินซีหรือวิตามินอี การเพิ่มสารนี้เข้าไปในร่างกายจะช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ช่วยให้อายุยืนยาวขึ้น ซึ่งนั่นเป็นวัตถุประสงค์หลักของกลูต้าไทโอนมากกว่าผิวขาวใส แต่ก็ใช่ว่าจะกินกลูต้าไทโอนเข้าไปแล้วจะได้รับผลอย่างที่ต้องการทุกครั้ง หากคุณดื่มเหล้า เบียร์ สูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ หรือทานยาพาราเซตามอลอยู่บ่อย ๆ ตลอดจนออกกำลังกายหนัก ๆ ก็จะทำให้กลูต้าไทโอนสูญเสียประสิทธิภาพลงไปได้ และการกินกลูต้าไทโอนนี้ก็อาจทำให้มีผลข้างเคียงด้วยคือ ทำให้ผิวหนังแดง ความดันโลหิตต่ำ หอบหืดเฉียบพลัน จึงควรสังเกตอาการหลังการกินไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามการทานอาหารทุกหมู่ที่มีความสดใหม่จากธรรมชาติ และดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ผิวพรรณดูสดใส เปล่งปลั่งร่างกายแข็งแรงได้อย่างเต็มที่ที่สุดแล้วค่ะ  

  • ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป

    ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป

    ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป สำหรับสาว ๆ ที่รักการมีผิวพรรณที่เต่งตึงขาวสดใส วันนี้จะขอแนะนำผลไม้ดี ๆสามชนิดที่ยิ่งทานก็ยิ่งสวย ยิ่งทานผิวก็ยิ่งเปล่งปลั่งเต่งตึง สดใสย้อนอายุมาฝากกันค่ะ – Grapefruit หรือ เกรปฟรุต เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหวาน ตระกูลเดียวกับพวกส้มและมะนาว อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กรดซิติก จึงมีประโยชน์ต่อการปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างในเลือดและของเหลวในร่างกาย บำรุงตับ อีกทั้งยังมีกรดซาลิไซลิดที่สามารถจัดการกับแคลเซียมที่ผลึกอยู่ตามข้อ โรคไขข้ออักเสบจึงดีขึ้น – ลูกกีวี ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้เช่นกัน ช่วยป้องกันหวัดได้ในแม้ในห้วงเวลาที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง ทานแล้วผิวสวยใส เพราะอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้หลายส่วนในเวลาเดียวกัน – สับปะรด ไม่ว่าสายพันธุ์ไหน ก็อุดมไปด้วยบรอเมลิน เอนไซม์ที่ช่วยรักษาระดับความเป็นกรดเป็นด่างของร่างกายให้สมดุล อุดมไปด้วยวิตามินซี และแร่ธาตุอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ไม่แพ้ผลไม้จากต่างประเทศ ช่วยต้านทานการอักเสบ และย่อยโปรตีนได้ดี จึงช่วยลดสิวอักเสบและทำให้ผิวสวยใสกระจ่างด้วยวิตามินนานาชนิดค่ะ

  • มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย

    มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย

    มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย หากจะพูดถึงพืชผักสีแดงที่มีรสชาติอมเปรี้ยว อมหวานนิด ๆ กรอบและฉ่ำน้ำในตัวแล้ว ก็ต้องนึกถึงมะเขือเทศเป็นลำดับแรก ๆ เลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทานมะเขือเทศแค่ผลเดียวก็ได้รับวิตามินและแร่ธาตุบำรุงร่างกายได้ทั่วจากหัวจรดเท้าเลย มาดูประโยชน์ของมะเขือเทศกันเลยค่ะว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณอย่างไรกันบ้าง – มะเขือเทศมีวิตามินเอปริมาณสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา – ทานมะเขือเทศมาก ๆ ช่วยผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ – วิตามินบีในมะเขือเทศช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ – ส่วนวิตามินซีที่พบมากเช่นกันในมะเขือเทศ ช่วยป้องกันไข้หวัด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย – มะเขือเทศเป็นผักที่ทานได้อย่างสบายใจเพราะมีแคลอรี่ต่ำ ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักตัว – สารไลโคปีนในมะเขือเทศซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน ช่วยป้องกันการก่อตัวของมะเร็ง ซึ่งไลโคปีนในมะเขือเทศนี้มีฤทธิ์มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึงสองเท่าเลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชผักที่นำไปประกอบอาหารก็อร่อย หรือจะทานสด ๆ เหมือนผลไม้ก็ดีทั้งนั้น และแม้ว่าการทานมะเขือเทศจะมีประโยชน์แต่ก็อย่าลืมว่าการทานผักควรทานให้มีความหลากหลาย มีหลากสีสันจึงจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ด้วยนะคะ

  • ผักผลไม้  5 ชนิดทานแล้วฟันขาวสะอาด

    ผักผลไม้ 5 ชนิดทานแล้วฟันขาวสะอาด

    ผักผลไม้  5 ชนิดทานแล้วฟันขาวสะอาด การทำให้ฟันขาวสดใสนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเข้าคอร์สขัดฟันหรือฟอกฟันใหม่ก็ได้นะคะ หากฟันของคุณยังไม่เหลืองมากเท่าไรนัก การทานอาหารที่มีส่วนช่วยให้ฟันขาวสะอาดก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ฟันของคุณขาวสะอาดได้อย่างง่ายดายและมีราคาไม่แพงอีกด้วย หนำซ้ำอาหารเหล่านี้ยังช่วยให้สุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงขึ้นไปพร้อม ๆ กัน มาลองดูว่าผักผลไม้ทั้งห้าชนิดนี้คืออะไรบ้างนะคะ 1. แอปเปิ้ล เพราะในแอปเปิ้ลมีกรดมาลิกที่ช่วยสลายคราบที่สะสมบนฟันได้อย่างเป็นธรรมชาตะ ช่วยทำความสะอาดฟันได้ เพิ่มน้ำลายแล้วยังป้องกันการสะสมของคราบแบคทีเรียเหนียว ๆ ที่เกาะอยู่ระหว่างคราบและผิวฟันออกไปได้อย่างง่ายดายด้วยค่ะ 2. ถั่ว เพราะในถั่วนั้นมีแคลเซียมที่ช่วยให้ฟันแข็งแรง มีฤทธิ์กัดกร่อนเล็กน้อยแต่ไม่ส่งผลต่อผิวฟัน จึงสามารถขจัดคราบต่าง ๆ บนผิวฟันได้ดี 3. คึ่นช่าย เพราะในขึ้นฉ่ายมีเส้นใยที่ทำงานเหมือนแปรงสีฟันจึงช่วยขัดคราบออกไปจากผิวฟันเมื่อคุณเคี้ยวสด ๆ ทั้งยังเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำอีกด้วย ทานมากเท่าไรก็ไม่ต้องกลัวอ้วนค่ะ 4. สับปะรด การที่สับปะรดสามารถขัดคราบบนผิวฟันออกไปได้นั้น เพราะมีเอนไซม์บรอมีเลน นั่นเอง 5. แครอท ช่วยเติมเต็มวิตามินตามที่ร่างกายต้องการ ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลาย จึงทำให้ฟันมีสุขภาพดี แต่อาหารที่ควรเลี่ยงนั้นคืออาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือมีวิตามินซีสูงนั้นเอง เพราะจะเป็นการทำลายเคลือบฟันก่อให้เกิดอาการเสียวฟันในอนาคตได้

  • ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา

    ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา

    ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา เชื่อไหมว่า “ส้ม” เนี่ย มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราทั้งผล ไม่ว่าจะเป็นเปลือกภายนอกตลอดจนเนื้อส้มภายใน มาลองดูกันทีละส่วนเลยค่ะว่า แต่ละส่วนของส้มนั้นมีผลต่อสุขภาพของเราอย่างไรได้บ้าง เริ่มเลยค่ะ 1. เนื้อของส้ม เนื้อส้มมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีนสูงมาก เนื้อส้มเพียง 100 กรัม สามารถให้วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่เพียงพอสำหรับร่างกายแต่ละวันแล้ว นอกจากทำให้ผิวสวย ด้วยคุณสมบัติของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินซี จึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนผิว ทำให้ผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น ผิวจึงสวยใสแลดูอ่อนกว่าวัย และเสริมพลังด้วยเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยให้ผนังหลอดเลือดและเส้นฝอยแข็งแรง จึงลดอาการเส้นเลือดฝอยแตกตามผิวกายส่วนต่าง ๆ ได้ ทั้งยังทำให้เส้นผมและเล็บแข็งแรง วิตามินซียังช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันได้ด้วย 2. ผิวส้ม หรือเปลือกส้ม ประโยชน์ของเปลือกส้มอยู่ที่น้ำมันหอมระเหยบนเปลือก ที่ช่วยสลายความเครียด และความเมื่อยล้า ช่วยให้ร่างกายและความคิดได้ผ่อนคลาย เพียงนำน้ำมันหอมระเหยอมาสูดดมหรือนวดตามร่างกายส่วนร่าง ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในขณะที่กระตุ้นระบบประสาทได้อีก อีกทั้งยังมีการวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษที่ค้นพบว่าเปลือกส้มมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกของส้มเขียวหวานที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้บางชนิด ซึ่งในอนาคตอาจมีการพัฒนาขึ้นไปสู่การบำบัดโรคมะเร็งแนวใหม่ได้ ว่าแล้ววันนี้ออกไปส้มมาทานกันดีกว่าค่ะ

  • ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อร่างกายของเรา

    ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อร่างกายของเรา

    ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อร่างกายของเรา คุณสมบัติเด่น ๆ ของวิตามินซีเลยก็คือ การที่มีคุณสมบัติเป็นวิตามินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ นั่นเอง ซึ่งประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการบริโภควิตามินซีอย่างพอเพียงและเป็นประจำก็คือ 1. ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานสูงขึ้น 2. ช่วยป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็งในร่างกาย 3. ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัน 4. ป้องกันโรคเหงือก โรคในช่องปากต่าง ๆ เช่น โรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเหงือกอักเสบได้ ฯลฯ และในทางกลับกันหากร่างกายของเราได้รับวิตามินซีไม่เพียงต่อความต้องการ ก็อาจก่อผลเสียได้ดังต่อไปนี้ 1. มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เป็นหวัดและติดเชื้อได้ง่าย กับทั้งความสามารถในการกำจัดพิษยังลดลงอีกด้วย 2. ผิวหนังเหี่ยวย่น ไม่สดใส ขาดความยืดหยุ่น ปรากฏจุดด่างดำ และเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน 3. ประสาทสัมผัสด้อยลง อ่อนเพลีย ไม่สดใส ไม่มีเรี่ยวแรง 4. มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งในส่วนอื่น ๆ 5. การทำงานของต่อมหมวกไตลดลง และเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่าย 6. ทำให้เป็นโรคโลหิตจาง หรือโรคอื่น ๆ ได้ง่าย แผลหายช้า อ่านแล้วอย่าเพิ่งเครียดไป…