Tag: วัคซีน
-
วัคซีนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรฉีด
วัคซีนที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรฉีด เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และเด็กในครรภ์ คุณผู้หญิงทุกคนที่กำลังตั้งครรภ์ควรได้รับวัคซีนตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ แต่ก็มีบางรายที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนการตั้งครรภ์ หรือได้รับไม่ครบทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคระหว่างการตั้งครรภ์ได้ วัคซีนที่แนะนำให้ฉีดไว้เพื่อป้องกันสุขภาพได้แก่ – วัคซีนป้องกันไอกรน คอตีบ บาดทะยัก แม้ว่าหญิงตั้งครรภ์ผู้นั้นจะเคยได้รับวัคซีนมาก่อนก็ยังต้องฉีดไว้อยู่ดี ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฉีดเพื่อให้ภูมิคุ้มกันนี้ไปสู่ลูกด้วยก็คือ ในช่วงอายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์ เป็นวัคซีนที่มีอยู่ครบในเข็มเดียว สาเหตุที่ต้องฉีดเป็นเพราะว่าขณะนี้โรคคอตีบอาจกลับมาระบาดได้อีก โรคไอกรนเด็กมักจะติดเชื้อมาจากแม่ และบาดทะยักก็ยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์และคลอดด้วย – วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพราะเป็นโรคที่ทำอันตรายกับคนท้องได้มากกว่าคนธรรมดา หากติดเชื้อขึ้นมาจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงมากกว่าปกติได้ ทั้งเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ปอดบวม หัวใจวาย 1 เข็มจะป้องกันได้ 1 ปี – วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เป็นวัคซีนสำคัญที่จำเป็นต้องฉีด หากไม่เคยได้รับวัคซีนเลยหรือเจาะเลือดแล้วไม่มีภูมิต้านทานเลย หญิงตั้งครรภ์จะมีโอกาสเสี่ยงได้ง่าย เช่น ได้รับจากสามีที่เป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบบี – หากในบ้านเลี้ยงสัตว์ไว้ ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ถ้าไม่แน่ใจว่ามีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ก็ให้ฉีดวัคซีนได้ทันที นอกจากนี้แล้วยังมีวัคซีนอีกหลายชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ไข้สมองอักเสบ หัด คางทูม หัดเยอรมัน โปลิโอ วัณโรค ฯลฯ…
-
โยชิฮีโร่ คาวัวก้า นักวิจัยไวรัสไข้หวัดนก กล่าวจะกลับไปศึกษาเชื้อโรคนี้อีกครั้งหลังพับโครงการไปหนึ่งปี
โยชิฮีโร่ คาวัวก้า นักวิจัยไวรัสไข้หวัดนก กล่าวจะกลับไปศึกษาเชื้อโรคนี้อีกครั้งหลังพับโครงการไปหนึ่งปี โยชิฮีโร่ คาวัวก้า นักวิทยาไวรัสชาวญี่ปุ่นแห่งมหาวิทยาลัย University of Tokyo กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่าเขาและนักวิทยาศาสตร์นานาชาติอีก 40 คนที่ตกลงหยุดพักการศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสไข้หวัดนกตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้ตัดสินใจกันว่าจะเริ่มกลับไปทำการศึกษาเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ต่อ โดยมีเป้าหมายในการหาทางป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คน ประมาณหนึ่งปีกว่าที่แล้ว เกิดความกังวลกันในวงกว้างว่าสำเนาของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่มีความสามารถแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกลายพันธุ์ อาจจะเล็ดลอดออกมาจากห้องแลปวิจัยต่างๆแล้วแพร่ระบาดในกลุ่มคนทั่วไปได้ บรรดานักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าถึงเวลาต้องเดินหน้าการวิจัยต่อไป หลังจากมีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยของการศึกษาวิจัยเชื้อไข้หวัดนกในหลายประเทศนานหนึ่งปีเต็ม แล้วพบว่าการศึกษาวิจัยเชื้อโรคชนิดนี้สร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพของสาธารณชนเพียงน้อยนิดจนแทบไม่มีเลย คุณฟูชิแอร์กล่าวว่างานวิจัยยังจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์พัฒนาวัคซีนต่อต้านเชื้อไข้หวัดนก H5N1 นอกเหนือจากเนเธอร์แลนด์แล้ว จีนกำลังวางแผนที่จะเดินหน้าการวิจัยเชื้อไวรัสนี้ต่อไปในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ดี นักวิจัยในหลายประเทศอื่นๆต้องพึ่งเงินทุนในการวิจัยเชื้อไวรัสจากรัฐบาลสหรัฐ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติสหรัฐด้านโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อ (National Institute of Allergy and Infectious Diseases) กล่าวว่าการร้องขอเงินสนับสนุนการวิจัยไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ต้องผ่านการพิจารณาภายใต้ข้อกำหนดที่ว่านักวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์ว่าการวิจัยของตนจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่เป็นภัย เขากล่าวว่าแม้ว่านักวิจัยจะตัดสินใจยกเลิกการหยุดพักการวิจัย นักวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐจะยังไม่สามารถเดินหน้าการวิจัยได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติเสียก่อน อย่างไรก็ดี คุณรอน ฟูชิแอร์ นักวิจัยแห่งเนเธอแลนด์กล่าวว่านักวิจัยนานาชาติอาจจะสามารถขอรับเงินสนุบสนุนการวิจัยเชื้อไข้หวัดนก H5N1 บางส่วนได้จากสหภาพยุโรป
-
หน่วยงาน Gavi alliance รณรงค์ให้เด็กหญิงทั่วโลก ได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
หน่วยงาน Gavi alliance รณรงค์ให้เด็กหญิงทั่วโลก ได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ด็อกเตอร์เบริ์กลี่ผู้เชี่ยวชาญแห่งหน่วยงาน Gavi alliance กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส human papilloma หรือ HPV บางชนิดซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธุ์ ด็อกเตอร์เซ็ธ เบริ์กลี่ กล่าวว่ามะเร็งปากมดลูกคร่าชีวิตผู้หญิงจำนวนมากทั่วโลก ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกหนึ่งคนเสียชีวิตทุกทุกสองนาที มะเร็งชนิดนี้คร่าชีวิตผู้หญิงมากกว่าการคลอดบุตร ประมาณว่ามีผู้หญิงราว 275,000 คนเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกทุกปีทุกปีและ 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตจากมะเร็งชนิดนี้เป็นหญิงในประเทศกำลังพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากไม่มีแนวทางออกมาจัดการ คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นเป็นสี่แสนสามหมื่นรายต่อปีภายในอีก 17 ปีข้างหน้า หน่วยงาน Gavi alliance ได้เลือกประเทศกำลังพัฒนาแปดประเทศเพื่อเริ่มโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้ ประเทศทั้งแปดนี้ได้แก่ กาน่า แคนยา มาดากัสก้า มาลาวี ไนเจอร์ เซียร่า ลีอง และแทนซาเนีย ในทวีปอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าและประเทศลาวในเอเชีย หน่วยงาน Gavi alliance กล่าวถึงเรื่องการรณรงณ์ครั้งนี้ว่า จะฉีดวัคซีนให้แก่จำนวนหนึ่งแสนแปดหมื่นคน โดยจะเริ่มในแคนยา กาน่าและเซียร่า ลีอง เป็นสามประเทศแรก ทางหน่วยงานยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มประเทศใดก่อนและหลัง ส่วนการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในแทนซาเนียจะเริ่มในปีหน้า การฉีดวัคซีนจะจัดทำภายใต้โครงการของโรงเรียน แต่ด็อกเตอร์เบิร์กลี่กล่าวว่ายังต้องมีการทำงานเพิ่มเติมในการพยายามให้บริการฉีดวัคซีนนี้แก่เด็กหญิงที่ไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย…