Tag: ลดความอ้วน
-
ชาอู่หลง ลดความอ้วนได้จริงหรือไม่
ชาอู่หลง ลดความอ้วนได้จริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนชาติไหนๆ ก็มักจะค้นหาเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มาช่วยให้สิ่งที่ต้องการบรรลุเป้าหมายโดยเร็วและใช้แรงกายน้อยที่สุดกันทั้งนั้น การหาทางลัดที่ว่าไม่เว้นแม้กระทั่งการลดความอ้วนให้ได้เร็ว ๆ โดยไม่ต้องลดอาหารหรือออกกำลังกาย สินค้าที่เป็นทางลดในการลดความอ้วนจึงเกิดขึ้นมาแรงเป็นระยะ ๆ แล้ววูบหายไป ล่าสุดที่เป็นกระแสขึ้นมาอีกก็คือ การดื่มชาอู่หลงด้วยความหวังว่าจะลดน้ำหนักได้นั่นเอง แต่นี่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มาดูกันค่ะ เชื่อว่าแนวคิดการดื่มชาอู่หลงเพื่อการลดน้ำหนัก น่าจะมาจากสารโพลีฟีนอลในชา ที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเอนไซม์ไลเปสจากตับอ่อน มีบทบาทสำคัญในการช่วยย่อยสลายไขมันจากอาหาร ไขมันจึงถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายลดลง เป็นกลไกเดี่ยวกับการยาลดน้ำหนักบางตัวในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเคยมีการศึกษาในหญิงชาวญี่ปุ่นพบว่าการดื่มชาอู่หลงนี้ช่วยเพิ่มการเผาผลาญขณะนั่งพักเป็นเวลาสองชั่วโมงหลังดื่มได้ราวร้อยละ 10 ซึ่งมากกว่าชาเขียวที่ให้เพียงร้อยละ 4 และยังมีการศึกษาจีนอีกพบว่าการให้คน 102 คนดื่มชาอู่หลงทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ช่วยลดน้ำหนักได้เกินกว่า 3 กิโลกรัม และส่วนที่ลดเป็นไขมันที่พุงเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีงานวิจัยสนับสนุนอยู่หลายชิ้น แต่ก็ยังพบข้อบกพร่องว่าการวิจัยเหล่านั้นไม่มีการทดลองแบบเปรียบเทียบโดยมีกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ ไม่มีการควบคุมปัจจัยอื่น ๆ ที่ดีพอ และชาอู่หลงที่พวกเขาดื่มนั้นเป็นชาอู่หลงจริง ๆ ไม่ใช่ชาบรรจุขวดที่วางขายด้วย เคยมีงานวิทยานิพนธ์ในเมืองไทยที่น่าสนใจได้วิจัยว่า ความสามารถต้านอนุมูลอิสระและปริมาณของโพลีฟีนอลในชาเขียวขวดที่วางขายในเมืองไทยนั้น มีน้อยกว่าชาเขียวชงสด ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสารโพลีฟีนอลในชาอู่หลงบรรจุขวดนั้นจะมีประสิทธิภาพคงอยู่ครบถวน และแน่นอนว่าหากคุณผู้อ่านจะสังเกตฉลากโภชนาการก่อนซื้อ จะเห็นได้ว่า บางยี่ห้อนั้นเติมน้ำตาลลงไปถึง 28 กรัมต่อขวด ดื่มแล้วหวานชื่นใจดับกระหาย แต่ไขมันรอบพุงคุณไม่หายแน่ๆ กลับจะเพิ่มขึ้นไปอีกด้วยซ้ำไปค่ะ หากอยากจะดื่มจริง…
-
เคล็ดลับการวิ่งเพื่อลดความอ้วน
เคล็ดลับการวิ่งเพื่อลดความอ้วน การออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้น เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอ้วนได้อย่างรวดเร็ว ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากก็สามารถทำได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันโรคหัวใจ เพิ่มสมรรถภาพให้กับร่างกาย ฯลฯ แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งใหม่ ๆ ควรรู้จักวิธีการวิ่งเสียก่อน มิเช่นนั้นอาจเหนื่อยหอบจนล้าหรือบาดเจ็บได้ค่ะ ท่าวิ่งและการลงน้ำหนักที่ถูกต้อง ควรวิ่งด้วยแรงจากกล้ามเนื้อโคนขา ไม่ควรลงน้ำหนักที่ปลายเท้า ควรวิ่งก้าวยาว ๆ จนกว่าจะเมื่อย เพราะกล้ามเนื้อนั้นจะใช้พลังงานจากไกลโคเจน เมื่อใช้ไกลโครเจนหมดแล้วร่างกายจะเริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะทำให้สะสมได้มากกว่าเดิม ช่วยให้เราออกกำลังด้วยการวิ่งได้ไกลและนานมากขึ้น ควรวิ่งให้เร็ว ๆ บ้าง เพราะการวิ่งเร็วจะทำให้หัวใจต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อลำเลียงออกซิเจนและพลังงาน เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจจึงขยายตัว เป็นการป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้ไปในตัว อีกทั้งในขณะที่วิ่งควรจะใช้กระบังลมในการหายใจ จะสามารถหายใจได้ลึกและยาวขึ้นกว่าปกติ ซึ่งการหายใจด้วยกระบังลมสามารถฝึกได้โดยการนอนหงายแล้วใช้หนังสือวางบริเวณท้อง หายใจให้หนังสือขยับขึ้นลงในขณะที่สูดลมหายใจ การหายใจแบบนี้จะทำให้ปอดขยายตัว ทำงานได้เต็มที่ ทำให้ไม่เหนื่อยง่าย วิ่งได้ระยะทางที่มากกว่าเดิม การวิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นนั้น มีคำแนะนำว่า ควรเลือกรองเท้าสำหรับวิ่งที่สวมสบาย สวมถุงเท้า ดื่มน้ำให้พอเพียงก่อนวิ่ง จิบบ่อย ๆ ระหว่างวิ่ง และดื่มทดแทนหลังจากวิ่ง ควรวอร์มร่างกายก่อนและหลังการออกกำลังกาย เลือกสนามวิ่งที่มีความปลอดภัย เช่น ตามสนามกีฬา ในฟิตเนสหรือตามสวนสาธารณะ ฯลฯ หากเป็นระยะแรกที่เพิ่งออกกำลังกาย…
-
ฝึกสติ ควบคุมใจช่วยในการลดน้ำหนักอย่างได้ผล
ฝึกสติ ควบคุมใจช่วยในการลดน้ำหนักอย่างได้ผล ผู้ที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จนั้น พบว่าคนส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีพลังใจสูง มีความตั้งใจ มีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงมีความยับยั้งชั่งใจในการกินอาหาร และสามารถปรับตัวได้ดีและมีความสุขในระหว่างการควบคุมอาหาร การฝึกสติ ควบคุมจิตใจจึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการลดน้ำหนักของเรา การที่คนเราอ้วนขึ้นนั้นก็มักเป็นเพราะยึดติดกับความสุขจากการได้กินอาหาร ได้มีความเพลิดเพลินในการกินอาหารเกินความจำเป็น จึงกลายเป็นโรคอ้วนในเวลาต่อมา ดังนั้นหากต้องการลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืนต้องเปลี่ยนที่ระดับของจิตส่วนลึก ฝึกควบคุม และมีสติก่อนการกิน และระหว่างการกิน เพื่อให้ได้มีน้ำหนักตามต้องการ รูปร่างสมส่วนและสุขภาพแข็งแรง โดยหลักการฝึกสติ ควบคุมจิตใจนั้นสามารถทำได้ดังต่อไปนี้ 1. ยึดทางสายกลาง ทานแต่พอประมาณ มีเหตุผลในการเลอกทานอาหารแต่ละประเภท ไม่ใช่เลือกเพราะความอร่อยปากอย่างเดียว 2. เปลี่ยนความรู้สึกเบื่อและการแสวงหาความสุขด้วยการกินเป็นการทำสิ่งอื่น เช่น การฟังเพลง การออกกำลังกาย วาดภาพ ท่องเที่ยว จัดสวน อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ 3. พึงระลึกไว้ว่าแต่ละปี ต้องมีคนบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากความอ้วนมากมายขนาดไหน อีกทั้งความอ้วนยังเป็นตัวก่อโรคร้ายมากมาย เสียเงินเสียเวลาในการใช้ชีวิตไปหมด 4. ไม่ควรไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านอาหารที่ชอบ หน้าร้านของฝากแสนอร่อย ควรอยู่ห่าง ๆ หรือให้คนอื่นตักกับข้าวให้แทน หรือตักแบ่งให้คนอื่นเป็นต้น 5. การฝึกสติให้ใช้การฝึกหายใจลึก ๆ ยาว ๆ…
-
3 อ. ลดอ้วน ลดโรค
3 อ. ลดอ้วน ลดโรค ปัญหาโรคอ้วน น้ำหนักเกิน นั้นยิ่งนานไปยิ่งพบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะวิถีชีวิตของคนเรานั้นไม่เอื้ออำนวยให้ใช้แรงงานเหมือนอย่างสมัยก่อน มีการใช้เครื่องทุ่นแรง เครื่องจักรมาทำงานมากขึ้น คนก็ทำงานนั่งโต๊ะมากกว่าเดิม ไม่ได้ออกกำลังกาย อาหารรึก็ทานแต่ที่มีไขมันและน้ำตาลสูง น้ำหนักตัวจึงทวีเพิ่มขึ้นไม่หยุด รู้สึกตัวอีกทีก็พุงล้ำหน้าไปหลายช่วงตัวแล้ว ดังนั้นก่อนที่จะเกิดโรคขึ้นเพราะความอ้วน หรือแม้แต่ผู้ที่เป็นโรคแล้ว ควรหันมาใส่ใจสุขภาพตนเอง ลดอ้วน ลดโรค ด้วยหลัก 3 อ. ที่ควรทำด้วยตนเองดังต่อไปนี้ อ. ที่หนึ่ง อาหารนั่นเองค่ะ ควรกินให้เป็นเวลาให้ครบมื้อ ไม่ควรอดมื้อใดมื้อหนึ่ง แต่ควรกินในปริมาณที่พอดี ไม่อิ่มจนมากเกินไป ใช้หลักการเลือกทานอาหารดังนี้ – 3 เพิ่ม คือการ เพิ่มเนื้อปลา เพิ่มผัก และเพิ่มน้ำเต้าหู้ – 3 ลด คือการลดการบริโภคแป้ง ลดข้าว และลดผลไม้รสหวานทั้งหลาย – 3 งด คือการงดทานของหวาน ของที่มีไขมันมาก และของทอดทั้งหลาย อ. ที่สอง ก็คือ…
-
ใช้เทคนิค 3 อ. ช่วยลดหุ่น
ใช้เทคนิค 3 อ. ช่วยลดหุ่น วันนี้จะขอนำเอาหลัก 3 อ.ที่ช่วยให้คุณลดหุ่นได้แบบง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ อ.แรกก็คือ อารมณ์ หมั่นทำอารมณ์และจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน ตื่นนอนตอนเช้าก่อนลุกจากที่นอนให้หายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ แล้วใช้เทคนิคประยุกต์จิตใต้สำนึกมาสั่งจิตตัวเองว่า “ฉันเป็นคนจิตใจดี มีความสามารถ ฉันชอบกินข้าวกล้อง กินผัก ฉันชอบเดินออกกำลังกาย บัดนี้..ฉันมีรูปร่างที่สมสัดส่วน” ให้พูดย้ำข้อความทั้งหมดสามรอบ และให้จินตภาพตนเองมีรูปร่างผอมเพรียว และมีรอยยิ้มสดใส ใส่เสื้อผ้าสุดสวยตามต้องการ ให้ทำแบบนี้ทุกวันตั้งแต่ตื่นนอน หรือจะทำตอนเรารู้สึกสบาย ๆ ก่อนนอนก็ยังได้ จะทำให้มีสติในการเลือกกินอาหาร และมีความยับยั้งชั่งใจในการกินมากขึ้น หากเบื่อหรือเครียดก็จะหันไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การกินอาหารแทน อ.ต่อมาก็คือ อาหาร เลือกทานอาหารที่มีไขมันต่ำ ปรุงด้วยการต้ม นึ่ง อบ แทนการทอดหรือผัดที่มีน้ำมันเยิ้ม หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน ทานอาหารที่มีกากใยมาก อย่างเช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง โฮลวีต ผักและผลไม้ที่ไม่หวาน จำกัดอาหารที่มีแคลอรี่สูง เช่น น้ำตาล น้ำมัน แป้งขัดขาว ตักอาหารแต่พอทาน ใช้จานใบเล็ก…
-
เชื่อได้หรือไม่..ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ไม่ใช่ยารักษาโรค
เชื่อได้หรือไม่..ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ไม่ใช่ยารักษาโรค คุณผู้อ่านหลายท่านคงจะเคยได้ยินข้อความโฆษณาขายอาหารเสริมกันมามากมายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “สุขภาพดีขึ้น ลดความอ้วน ลดน้ำตาล เพื่อคุณและคนที่คุณรัก ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการอนุญาตจาก อย. ปลอดภัย ไม่ใช่ยา คิดค้นโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก แล้วซื้อเลยวันนี้…” หรืออะไรอื่นอีกมากมายบรรยายไม่หมด จนบางครั้งก็อาจทำให้ท่านสนใจหรือเคยหลงเชื่อมาบ้างแล้ว บางยี่ห้อก็โฆษณาด้วยการนำเซเลปที่มีชื่อเสียงหรือคนที่อ้างว่าป่วยเป็นโรคต่าง ๆ มาช่วยกันโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ ว่าดีอย่างนั้นอย่างดี ทานแล้วหายจากโรคหรือมีอาการที่ดีขึ้น ส่วนใหญ่มักขายในรูปแบบของการขายตรงหรือการทำธุรกิจแบบลูกโซ่ก็ได้ มักจะเชิญชวนใหไปร่วมกันประชุมสัมมนาเฉพาะกลุ่ม และโฆษณาตามทีวีอิสระและโซเชียลเนทเวิร์ค โดยรูปแบบการโฆษณาก็มักจะเป็นคำชวนเชื่อให้เกินความจริง ผู้บริโภคโปรดจำเอาไว้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้กินนอกเหนือจากการกินอาหารหลักตามปกติ เพื่อเสริมสารอาหารที่ร่างกายขาดไป ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่ใช่คนป่วย ก็ไม่จำเป็นต้องกิน รวมไปถึงเด็กและสตรีมีครรภ์ยิ่งไม่ควรให้กินเด็ดขาด ผลิตภัณฑ์ที่มักนำมาโฆษณาเหล่านี้มักจะอยู่ในรูปของสาหร่ายสไปรูลิน่า ไคโตซาน เส้นใยอาหาร น้ำมันปลา ฯลฯ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลทางการศึกษาหรือผลวิจัยที่น่าเชื่อถือได้มายืนยันว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านั้น สามารถบำบัดรักษาโรได้ การเลือกซื้อควรฉลากให้เข้าใจก่อนว่ามีส่วนประกอบหรือสารอาหารตรงตามความต้องการหรือไม่ และหากพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงแล้ว ควรรีบแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน อย. 1556 ด้วยนะคะ
-
ข้าวก็ทานน้อย ดื่มแต่น้ำแล้วทำไมยังอ้วนได้ล่ะ?
ข้าวก็ทานน้อย ดื่มแต่น้ำแล้วทำไมยังอ้วนได้ล่ะ? มีเรื่องเล่าให้คุณผู้อ่านฟังค่ะ เรื่องมีอยู่ว่ามีพนักงานสาวในโรงงานคนหนึ่ง ชื่อบังอร คุณบังอรน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม ได้ชวนเพื่อนอีกสองคนเข้าค่ายลดน้ำหนักกับโรงพยาบาล เพื่อนทั้งสองคนนี้ก็น้ำหนักสูสีกับบังอรนะคะ คือราว 70 กิโลกรัม เมื่อถึงเวลาเข้าค่ายจริง บังอรเองกลับไม่ได้มาเข้าเพราะติดธุระพอดี เพื่อนสองคนจึงเข้าอบรมในเรื่องของการลดน้ำหนักเอง เมื่อทั้งสองเข้ามาเรียนรู้ในค่าย จึงได้ทราบสาเหตุที่ตนเองอ้วนนั้นเป็นเพราะว่า ชอบกินจุบจิบและดื่มชาเย็น วันละสองถุงทุกวัน แล้วยังทานอาหารจานด่วนพวกที่ทอดน้ำมันลึกทั้งหลาย ไม่ค่อยกินผักและกินมื้อดึกประจำ กับทั้งไม่ออกกำลังกายเลยด้วย วิทยากรจึงได้แนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกับการปรับพฤติกรรมการกินของตน ด้วยการลดการดื่มชาเย็น ทานอาหารที่มีน้ำมัน้อย ทานพวกแกงจืดแทน แล้วให้ทานอาหารเย็นก่อนหกโมงเย็น ออกกำลังกายทุกวันด้วยการเดินเร็ววันละครึ่งชั่วโมง ซึ่งพอสองคนนี้ทำตามก็สามารถลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัมในสัปดาห์แรก จนสุดท้ายในหนึ่งเดือนนั้น เพื่อนของคุณบังอรก็สามารถลดน้ำหนักเกือบ 3 กิโลกรัมในหนึ่งเดือนเลยทีเดียว รวมไปถึงเมื่อครบระยะสามเดือน เพื่อนทั้งสองของบังอรสามารถลดน้ำหนักได้ 5.2 กิโลกรัมและ 7 กิโลกรัมตามลำดับ แต่ตัวบังอรที่ไม่เข้าค่าย ก็รีบเร่งลดน้ำหนักตามเพื่อน และด้วยความเชื่อว่าการทานข้าวแล้วจะทำให้อ้วน เธอจึงไม่ยอมกินข้าวเช้าเพื่อจะได้ลดน้ำหนักได้เร็ว ซึ่งแรก ๆ ก็ดูเหมือนจะลดได้ แต่บางวันมีทานกาแฟ ขนมบ้างนิดหน่อย เมื่อทำหลายวันร่างกายก็อ่อนเพลีย เมื่อหิวจนทนไม่ได้ก็ไปหาชาเย็น กาแฟเย็นกินตอนสาย รวมไปถึงขนมต่าง…
-
ล้างสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ล้างสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยตัวเอง คุณจะรู้หรือไม่ว่า…. การล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราออกไป นั้นจะช่วยทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น และช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก ยิ่งถ้าทำเป็นประจำ ก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลง และยังช่วยรักษาโรคร้ายอย่าง “มะเร็ง“ รวมถึงโรคภูมิแพ้ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เบาหวาน รวมกระทั่งลดความอ้วนได้อีกด้วย หัวใจหลักๆของการทำงานในการล้างสารพิษในร่างกาย 1 วัน คือ จะต้องทานให้ได้แคลลอรี่ที่น้อยกว่า 800 แคลลอรี่ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารและตับได้มีการพักผ่อน และต่อจากนั้น ตับก็จะขับสารพิษออกมา และอาหารที่เราทานเข้าไปในวันนั้นจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์ปะปนเด็ดขาด หากเข้าใจกันดีแล้ว เรามาเข้าสู่ขั้นตอนการล้างสารพิษกันเลยค่ะ 1. เลือกผลไม้ที่เราชื่นชอบมา 1 ชนิด อย่างเช่น ฝรั่ง แคนตาลูป มะละกอ แอปเปิ้ล ชมพู่ มะม่วง ส้มโอ หรืออะไรก็ตาม แต่จะมีผลไม้ที่ต้องยกเว้นไว้ 2 อย่าง คือ ทุเรียนและสับประรด เนื่องจากในทุเรียนจะมีแคลลอรี่สูงมาก และยังย่อยยากอีกด้วย ส่วนในสับประรดนั้น จะมีกรดที่สูง ถ้าหากต้องทานทั้งวัน จะทำให้เราท้องอืดได้ 2. ทานแต่ผลไม้ที่เราเลือก…
-
ขนมปังหรือข้าว.. กินอะไรอ้วนกว่ากัน
ขนมปังหรือข้าว.. กินอะไรอ้วนกว่ากัน อ๊ะอ๊ะ สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วนกันอยู่คงสับสนไม่น้อยเลยใช่ไหม ว่าทานอะไรแล้วอ้วนกว่ากันระหว่าง “ขนมปัง” กับ “ข้าว” ทั้งที่ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตเหมือนกัน ให้พลังงานเท่ากันคือ 4 กิโลแคอรี่ต่อกรัม แต่มีความแตกต่างกันไปในสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน รวมทั้งไฟเบอร์และวิตามินต่าง ๆ ของข้าวแต่ละชนิด และขนมปังแต่ละประเภท รวมไปถึงปริมาณที่ทานเข้าไปด้วยค่ะ ความจริงแล้ว หากนำมาเปรียบเทียบกันด้วยน้ำหนักเที่เท่ากันก็คือ ในปริมาณ 100 กรัมนั้น ข้าวจะให้พลังงาน 140 กิโลแคลอรี่ และขนมปังจะให้พลังงาน 170 กิโลแคลอรี่ การที่ขนมปังให้แคลอรี่สูงกว่าเพราะว่าส่วนประกอบของขนมปังคือ แป้ง น้ำตาล เนย ผลฟูต่าง ๆ จึงสรุปได้ว่า ในปริมาณที่เท่ากันนั้น คุณจะได้รับพลังงานจากขนมปัง มากกว่าข้าวนั่นเอง สาว ๆ ลดน้ำหนักทั้งหลายควรทานข้าวจะดีกว่านะคะ ยิ่งโดยเฉพาะเป็นข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ จะได้รับประโยชน์จากสารอาหารมากมายอีกด้วยค่ะ
-
กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด?
กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด? โด่งดังกันมาแล้วสำหรับวิธีลดความอ้วนด้วยการกินกล้วยมื้อเช้า แล้วทำไมต้องทานมื้อเช้าด้วยล่ะ เหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่า ในกล้วยนั้น มีอุดมไปสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 ที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมัน น้ำตาล รวมไปถึงยังทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า หายงัวเงีย สดชื่นขึ้น อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมที่ช่วยในการดูดซับโซเดียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ซึ่งเท่ากับช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ลดอาการบวมของร่างกายได้ แต่อันที่จริงแล้วการทานกล้วยนั้น จะกินตอนไหนต่างก็ให้ประโยชน์กับร่างกายได้ทั้งหมด ทางที่ดีที่สุดควรทานกับน้ำเปล่าด้วย เพื่อลดภาระของกระเพาะและลำไส้ให้มากที่สุดนั่นเอง