Tag: ยาเสพติด
-
ปัจจัยที่ทำให้เด็กวัยรุ่นยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ปัจจัยที่ทำให้เด็กวัยรุ่นยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะสถาบันครอบครัวที่อ่อนแอ จึงทำให้เกิดปัญหากับเด็กวัยรุ่นได้ง่าย โดยเฉพาะยาเสพติดด้วยแล้วเป็นปัญหาที่พบได้มากในวัยรุ่นยุคปัจจุบัน ซึ่งจากการสำรวจการเริ่มต้นใช้ยาเสพติดของวัยรุ่นนั้นเกิดมาจาก – ความอยากลอง ซึ่งเป็นธรรมชาติของวัยรุ่นทุกคนที่อยากทำอะไรตามเพื่อน หรือเลียนแบบคนที่เด่นคนดังของตัวเอง บางคนก็ใช้เพียงเพราะเข้าใจว่าก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ใคร ๆ ก็ทำกันก็ทำตามบ้างเท่านั้นเอง – บุคลิกภาพของวัยรุ่นนั้นจะอ่อนไหวได้ง่าย ไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีเป้าหมาย รู้สึกมีปมด้อย เมื่อมีปัญหาความเครียดหรือถูกกดัน มักจะแก้ปัญหาไม่เป็น หันไปใช้ยาเสพติดเพื่อหลีกหนีปัญหาและทำให้รู้สึกคลายเครียดไปได้เป็นครั้ง ๆ – ปัญหาครอบครัว ทั้งครอบครัวแตกแยก ขาดความรักความอบอุ่น ถูกทอดทิ้ง หรือพ่อแม่บีบคั้นและคาดหวังในตัวลูกมากเกินไป มักตำหนิติเตียน ทำให้วัยรุ่นเบื่อหน่ายอยากต่อต้าน แล้วจึงหนีไปใช้ยาเสพติด – ตามเพื่อนตามสิ่งแวดล้อม หากมีเพื่อนติดยา หนีเรียน เกเร หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เข้าถึงแหล่งยาได้ง่าย ทำให้วัยรุ่นมีความเสี่ยงในการใช้ยาเสพติดได้มากขึ้น การจะสังเกตว่าลูกติดยานั้น ให้ดูจากสุขภาพร่างกายของเค้า เพราะยาเสพติดจะทำให้ร่างกายซูบผอมทรุดโทรมลง ริมฝีปากเขียวคล้ำ สกปรก กลิ่นตัวแรก อาจมีรอยกรีดด้วยของมีคมบริเวณแขน ท้องแขน ชอบใส่เสื้อแขนยาว กางเกงยายาว สวมแว่นดำเพราะสายตาสู้แสงไม่ได้ ในด้านของพฤติกรรมก็จะมีความหงุดหงิดง่าย ขี้โมโห เอาแต่ใน ชอบอยู่คนเดียว หรือทำตัวลึกลับ ใช้เงินเปลือง…
-
การดูแลลูกไม่ให้หันหน้าเข้าหายาเสพติด
การดูแลลูกไม่ให้หันหน้าเข้าหายาเสพติด สาเหตุสำคัญของการหันหน้าเข้าหายาเสพติดของวัยรุ่นนั้น แบ่งออกได้เป็นสองประการใหญ่ ๆ ก็คือ ประการแรก เด็กมักจะมีพฤติกรรมชอบตามเพื่อน อยากได้รับการยอมรับจากเพื่อน และความอยากรู้อยากลองด้วยการทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นทุกยุคสมัย สิ่งใดที่เพื่อนทำแล้วตนเองก็อยากลองบ้าง มิเช่นนั้นอาจทำให้เพื่อนไม่ยอมรับเข้ากลุ่ม จนทำทุกสิ่งอย่างตามกันเป็นแฟชั่นไปหมด แม้ว่าในปัจจุบันนี้เด็ก ๆ จะทราบดีกว่ายาเสพติดเป็นเรื่องที่อันตราย แต่กลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลก และก็ยังอยากที่จะลองทำตามเพื่อน ๆ ไป จนทำให้ชีวิตต้องผิดพลาดกลายเป็นเหยื่อของยาเสพติดไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนปัญหาอีกประการของการติดยาเสพติดในวัยรุ่นก็คือ การต่อต้านผู้ใหญ่ ซึ่งก็เป็นไปตามวัย เมื่อเขาโตขึ้นเข้าสู่วัยรุ่น จะเป็นวัยที่เขาเริ่มอยากปฏิวัติ ไม่อยากเชื่อฟังสิ่งที่ผู้ปกครองพูดหรือสอน จนบางครั้งอาจแสดงความก้าวร้าวออกมา หากผู้ปกครองหรือครูไม่เข้าใจแล้วตอบโต้คืนด้วยปฏิกิริยาที่รุนแรงกับเด็ก หรือเข้าไปจัดการกับชีวิตของเขา เด็กก็จะยิ่งต่อต้านมากขึ้น ทีนี้ล่ะ ทุกอย่างที่เราบอกว่าไม่ดี เขาจะทำตรงข้ามหมด สิ่งไหนที่ห้ามเขาก็จะทำ เหมือนเด็กประชดไปเลย แต่ด้วยความที่เขายังอ่อนประสบการณ์จึงยังไม่รู้ว่าการประชดด้วยการหันหน้าเข้าหายาเสพติดนั้น เป็นสิ่งที่อันตรายมากกว่าที่คิดไว้มากขนาดไหน แล้วเราควรทำอย่างไรบ้างเพื่อมิให้เด็กหันหน้าเข้าหายาเสพติด สิ่งที่สำคัญที่สุดของครอบครัวก็คือต้องหันหน้ามาคุยกัน ให้ความรักความเอาใจใส่ ความผูกพัน ทำให้เด็กได้เข้าใจถึงอันตรายของยาเสพติด และปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้เขาอยู่กับเราด้วยความรักความเอาใจใส่ของครอบครัว จะช่วยให้เขาไม่อยากหันหน้าเข้าไปทดลองยาเสพติดเลย อีกเรื่องก็คือ ต้องรู้จักศิลปะของการพูดคุยกับเด็กวัยรุ่น เด็กวัยรุ่นทุกยุคสมัยไม่ชอบให้ผู้ใหญ่เข้าไปวอแวกับชีวิตของเขาทุกคน ดังนั้นการไถ่ถามจึงต้องตะล่อม ๆ เรื่องทั่วไปก่อน แล้วให้เขาได้ปรึกษาหารือเราบ้าง พ่อแม่ควรหาเวลารับฟังสิ่งที่ลูกพูดบ้าง …
-
วิธีการสังเกตว่าลูกหลานเสพยาเสพติดหรือไม่..
วิธีการสังเกตว่าลูกหลานเสพยาเสพติดหรือไม่.. เดี๋ยวนี้เด็กวัยรุ่นเข้าถึงยาเสพติดกันได้ง่ายมากนะคะ แม้ทางการจะพยายามในการป้องกันและปราบปรามมากเท่าไร แต่ดูเหมือนสถานการณ์ก็ยังไม่เป็นที่น่าไว้ใจ ดังนั้นเราจึงควรมาดูแลบุตรหลานของเราแทน เพื่อมิให้เด็ก ๆ ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับสิ่งเสพติดต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ปกครองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ซึ่งสาเหตุที่สำคัญอีกอย่างที่เด็กๆ อยากลองยาเสพติดก็เป็นเพราะความอยากรู้อยากลอง อยากได้รับความการยอมรับจากเพื่อนและความคึกคะนอง รวมไปถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยที่ทำให้เด็กวัยรุ่นหลงผิดได้ แต่หากผู้ปกครองเข้าไปป้องกันไว้ก่อนก็จะเป็นการแก้ปัญหาได้ทัน ด้วยการสังเกตอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็กในปกครองดังต่อไปนี้ค่ะ ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจจะสังเกตเห็นได้ว่า สุขภาพร่างกายของเราจะดูทรุดโทรมลง น้ำหนักลด ซูบผอมลง อ่อนเพลีย ปากแห้งและแตก สกปรกและเหงื่อออกมาก กลิ่นตัวแรงเพราะไม่ชอบอาบน้ำ ผิวหนังมีลักษณะหยาบกร้าน อาจเป็นแผลพุพองหรือมีหนองคล้ายโรคผิวหนัง ตามท้องแขนอาจมีรอยกรีด รวมทั้งชอบใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และสวมแว่นดำ สวมหมวก เพราะสายตาพร่ามัว สู้แดดไม่ได้ เพราะม่านตาขยายจากฤทธิ์ของยาเสพติด การสังเกตในด้านของจิตใจจะให้สังเกตจากบุคลิกภาพ ก็คือ มักจะหงุดหงิดขี้โมโห เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเองและไม่ค่อยมีเหตุผล ขาดความรับผิดชอบในการเรียนและหน้าที่การงาน ไม่เชื่อมั่นในตนเอง ก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ มักชอบอยู่คนเดียวไม่ชอบสังคม เข้าห้องน้ำนาน ๆ ใช้เงินเปลืองหรือข้าวของในบ้านเริ่มสูญหายบ่อย ๆ พบอุปกรณ์การเสพยาชนิดต่าง ๆ ไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของตนเองมากนัก มักไม่ค่อยอยู่บ้าน มั่วสุมกับผู้เสพยา กลับบ้านดึกไม่ตรงเวลา ชอบนอนตื่นสาย รวมทั้งมักมีความเศร้าซึม…
-
สหประชาชาติ รายงานถึงผู้ติดเชื้อเอดส์ ที่มีความลดลงถึง 30%
สหประชาชาติ รายงานถึงผู้ติดเชื้อเอดส์ ที่มีความลดลงถึง 30% โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ทั่วโลกได้ลดลงอย่างมากโดยลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถาบันสุขภาพแห่งหสรัฐ ชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ลดลงเพราะว่ามีการบำบัดผู้ติดเชื้อรายเดิมด้วยยาต้านไวรัส ด็อกเตอร์เฟาชี่ กล่าวว่าหากผู้ติดเชื้อได้รับยาต้านไวรัส นอกจากจะช่วยยืดชีวิตแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อต่อไปผู้อื่น ค่าใช้จ่ายของยาต้านไวรัสเอดส์ได้ลดลงมาจาก 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปีต่อคนหรือสามแสนบาทไปอยู่ที่ประมาณ 140 ดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น หรืออยู่ที่ 4,200 บาทต่อปีต่อคน ด็อกเตอร์เฟาชี่กล่าวว่าค่ายาต้านไวรัสว่าคุ้มค่าแม้แต่สำหรับบรรดาประเทศรายได้น้อยก็ตา การรณรงค์เกี่ยวกับโรคเอดส์ได้ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางเพศของคน ให้หันไปใช้ถุงยางอนามัยและมีการเลิกใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกรณีของผู้ใช้ยาเสพติดประเภทฉีดยาเข้าเส้น มาตราการเหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้มีการแลกเปลี่ยนเลือดและน้ำอสุจิ ที่เป็นตัวแพร่เชื้อเอชไอวีนอกจากนี้การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย ที่ช่วยลดการติดเชื้อได้กลายเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติชี้ว่าการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ได้ลดลงในทุกกลุ่มอายุ แต่ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดคือกลุ่มเด็ก เนื่องจากผู้หญิงตั้งครรภ์ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์และลดโอกาสส่งผ่านเชื้อไปสู่ทารกในครรภ์ลงไปต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ นี่ส่งผลมีเด็กติดเชื้อเอดส์จากมารดาลดลงราว 50 เปอร์เซ็นต์ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการสาธารณสุขชี้ว่าการต่อต้านเอดส์มาถึงจุดพลิกผันของสถานการณ์เอดส์ ด็อกเตอร์เฟาชี่แห่งสถาบันสุขภาพแห่งหสรัฐกล่าวว่าจุดพลิกผันคือ จุดที่มีจำนวนผู้เข้ารับยาต้านไวรัสมากมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ด็อกเตอร์เฟาชี่ประมาณว่าต่อจำนวนผู้ติดเชื้อหนึ่งคนที่เข้ารับการบำบัดด้วยยาต้านไวรัส จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างน้อยสองราย เขากล่าวว่าผู้ติดเชื้อไม่ได้รับยาต้านไวรัสกันหมดทุกคน กลุ่มชาวอเมริกันผิวดำเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มหลัก แม้ว่าจะเป็นจำนวน 12 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของประเทศ มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เป็นชาวอเมริกันผิวดำ