Tag: มะเร็งช่องปาก
-
ป้องกันมะเร็งแบบไม่ยาก ทำตามได้ทุกคน
—
by
ป้องกันมะเร็งแบบไม่ยาก ทำตามได้ทุกคน โรคมะเร็งเป็นโรคที่ใคร ๆ ก็หวาดผวา เพราะอาการของโรคจะสร้างความเจ็บปวดทรมานมาก ลุกลามไปอวัยวะอื่น ๆ ได้ และมักคิดกันว่าคงรักษาไม่หาย รอวันตายอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วมะเร็งบางโรคสามารถป้องกันได้และรักษาให้หายขาดได้หากพบตั้งแต่ในระยะแรก ๆ วันนี้จึงขอนำเอาวิธีการป้องกันมะเร็งแบบไม่ฝาก แบบที่สามารถทำตามได้ทุกคนมาฝากกันนะคะ 1. หมั่นตรวจร่างกายบ่อย ๆ สำคัญมาก แม้จะแข็งแรงอยู่แล้ว เพราะคนที่พบว่าตนเองเป็นมะเร็งแล้วต้องตายหรือรักษาไม่ได้นั้นมักเป็นเพราะว่า ผู้นั้นมักตรวจพบว่าตนเป็นมะเร็งในระยะรุนแรงแล้ว ซึ่งตลอดมาก็วินิจฉัยโรคเอง ซื้อยากินเอง อาการเตือนเหล่านี้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยให้ละเอียดก็ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรตรวจสุขภาพทุกปี และในระหว่างนั้นหากมีสิ่งผิดปกติอื่น ๆ ตามร่างกายเช่น มีตุ่มมีเนื้องอก หรือมีเลือดออก ฯลฯ ควรรีบไปตรวจเลยนะคะ 2. เลือกทานอาหารที่ช่วยต้านทานเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งได้แก่ ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระได้ ไม่ว่าจะเป็นผักคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก มะเขือเทศ กระเทียม หัวหอม ขึ้นฉ่าย ผักโขม หัวหอม ผักโขม แอปเปิ้ล แครอท ฯลฯ, ดื่มชาเขียวที่มีสารคาเตชินและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย, น้ำสะอาด ๆ…
-
โรคมะเร็งและแนวทางการรักษา
โรคมะเร็งและแนวทางการรักษา โรคมะเร็งในปัจจุบันนี้ พบได้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ยิ่งโดยเฉพาะเพสหญิงด้วยแล้ว ทั้งวิถีชีวิตและการกินอาหรก็เลียนแบบไปทางตะวันตกมากขึ้น โรคมะเร็งที่พบมากในผู้หญิงจึงเปลี่ยนแปลงไปตามแนวทางผู้หญิงตะวันตกมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาการผิดปกติสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเป็นมะเร็งนั้นจะได้แก่อาการอ่อนเพลีย ร่วมกับอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลงไปประมาณร้อยละ 10 ของร่างกายภายในหกเดือน (แต่ถ้าขึ้น ๆ ลง ๆ ถือว่าปกติ) แต่อาการเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นโรคมะเร็งอย่างเดียว อาจเกี่ยวข้องกับโรคอื่นได้ด้วย การรักษามะเร็งนั้นมีการรักษาร่วมกันหลายวิธี ทั้งการผ่าตัด การรักษาด้วยเคมี การฉายแสง ในส่วนของการผ่าตัดนั้นใช้ได้กับมะเร็งแทบทุกชนิดแต่ต้องดูความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นระยะของโรค หรืออวัยวะนั้นผ่าตัดได้หรือไม่ ส่วนมะเร็งที่เลือกผ่าตัดเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือ มะเร็งตับ มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งช่องปากระยะต้น มะเร็งเต้านม มดลูก ต่อมลูกหมากระยะต้น เป็นต้น สำหรับวิธีเคมีบำบัด จะใช้เพื่อลดการกระจายตัวของโรคไปที่อื่นหลังการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ก็มีมะเร็งบางชนิดที่ทำได้แค่การให้เคมีบำบัดอย่างเดียว เช่น มะเร็งเม็ดเลือด และบางครั้งก็มีการให้ยาเคมีบำบัด ร่วมกับการฉายรังสี เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น มะเร็งศีรษะและลำคอ ในส่วนของการให้ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่แล้วจะเป็นยาฉีดที่ให้ทางหลอดเลือดดำ หรืออาจให้ยาเคมีบำบัดทางอุปกรณ์พิเศษที่ต่อเข้าสู่เส้นเลือดดำใหญ่ได้โดยตรง เนื่องจากการให้ยาเคมีบำบัดต้องให้หลายครั้ง ซึ่งต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ เพราะอาจมีอาการหลังจากให้ยาได้ ไม่ว่าจะเป็น คลื่นไส้…
-
ใส่ใจกับอาหาร ต้านมะเร็งได้ผลนะ
ใส่ใจกับอาหาร ต้านมะเร็งได้ผลนะ ในปัจจุบันมีแนวโน้มการป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งสูงขึ้นแบบยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดนั้นกว่าครึ่งคือผู้สูงอายุ ที่เซลล์มะเร็งค่อย ๆ ก่อตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกว่าจะพบว่าตนเองเป็นมะเร็งก็มักจะอยู่ในระยะลุมลามที่ยากจะรักษาให้หายขาดได้แล้ว ทั้งที่โรคมะเร็งนั้นหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกมีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ถึงร้อย 80 เลยทีเดียว ดังนั้นเราทุกคนจึงควรตรวจสุขภาพประจำปีไว้เพื่อหาความผิดปกติของร่างกาย เพื่อป้องกันโรคร้ายไว้แต่เนิ่น ๆ รวมไปถึงการใส่ใจเลือกอาหารการกินก็สามารถต้านมะเร็งได้อีกทางหนึ่งด้วยนะ – ทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารให้มากเข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นผักสด ผลไม้สดต่าง ๆ รวมไปถึงข้าวกล้อง ข้าวโพด ธัญพืช โฮลเกรน ฯลฯ เหล่านี้ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ – ผักและผลไม้สีเขียว มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง ป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกล่องเสียงและมะเร็งปอดได้ รวมไปถึงผักและผลไม้รสเปรี้ยวที่มีวิตามินซีมาก ๆ ช่วยป้องกันมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะอาหารได้อีกทางหนึ่ง – ทานผักตระกูลกะหล่ำให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น คะน้า กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี หัวผักกาด เหล่านี้ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ส่วนปลาย มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งในอวัยวะทางเดินหายใจทั้งหมด นอกจากอาหารที่ควรทานแล้วยังมีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันมะเร็งด้วยนะ – อาหารที่ขึ้นรา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ – อาหารที่มีไขมันสูง เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก…
-
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
—
by
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง จากสถิตินับถึงปีปัจจุบันพบว่าคนไทยนั้นเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีอัตราการตายจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้โรคมะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับที่หนึ่ง แซงหน้าอุบัติเหตุ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคปอดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ รองลงมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้แก่ – ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นั่นคือการได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนจากอาหาร, การได้รับรังสีเอกซ์, รังสียูวีจากแสงแดด, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด, การติดเชื้อไวรัสแพบพิลโลมา, พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ฯลฯ – ปัจจัยจากความผิดปกติภายใน เช่น พันธุกรรม, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะทุพโภชนาการ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสรุปกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อการมะเร็งได้ดังนี้ 1. กลุ่มที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ 2. กลุ่มที่สูบบุหรี่ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทางเดินหายใจ มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง แล้วหากดื่มเหล้าด้วยก็อาจเป็นมะเร็งช่องปากในลำคอได้อีก 3. กลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือทานอาหารที่ปนเปื้อนอะฟลาทอกซิล ที่เป็นเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหาร ทั้งพริกป่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ แล้วถ้าได้รับทั้งสองชนิดก็มีโอกาสในการเป็นมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น 4. กลุ่มที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ และทานอาหารที่ใส่ดินประสิว…
-
ทำไม? เราจึงควรงดดื่มเหล้าในช่วงเข้าพรรษา
ทำไม? เราจึงควรงดดื่มเหล้าในช่วงเข้าพรรษา เพราะคนไทยเรานับถือศาสนาพุทธ คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน รุ่นไหน จึงมักจะใช้วันสำคัญทางศาสนามาเป็นฤกษ์งามยามดีในการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ หรือการลดเลิกสิ่งที่ไม่เป็นมงคลกับชีวิต ดังนั้นทุกปี วันเข้าพรรษานอกจากจะเป็นวันที่พ่อแม่มักจะบวชลูกชายตามประเพณี เพราะเชื่อว่าได้บุญมากแล้ว ไม่กี่ปีมานี้ยังเป็นวันที่ร่วมกันรณรงค์เพื่อเริ่มต้นงดดื่มสุราด้วย ซึ่งการงดดื่มสุรานี้ก็ถือเป็นการถือบวชในรูปแบบหนึ่งด้วย เรียกว่าการบวชทางใจนั้นเอง เป็นการตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอละเว้นหรือไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งหลาย รวมไปถึงการดื่มเหล้าที่จะทำให้เกิดผลเสียหายตามมาอีกมากมาย ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นในสังคม รวมทั้งการดื่มสุรายังทำลายความอบอุ่นในครอบครัวมากกว่าครอบครัวที่ไม่ดื่มสุรา 4 เท่า (จากผลการสำรวจ) รวมทั้งยังเป็นต้นเหตุของการหย่าร้างในคู่สามีภรรยาอีกมากด้วย การดื่มเหล้าไม่ได้สร้างปัญหาให้กับสังคมและคนรอบข้างเท่านั้น แม้สุขภาพของผู้ที่ดื่มเองก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน จากการวิจัยพบว่าผู้ที่ดื่มสุราวันละ 20-40 กรัม (ของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์) หรือเทียบเท่ากับเบียร์ 1-2 ขวด จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคตับแข็งมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มถึงเกือบ 10 เท่า! นั่นเป็นเพราะเมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป มันจะเข้าทำลายตับ ร่างกายจึงยึดพังผืดเพื่อยึดเซลล์ไว้ทำให้ตับที่อ่อนนุ่มอยู่แข็งตัวขึ้น และทุกครั้งที่คุณดื่มเหล้าเข้าไป ตับก็จะยิ่งแข็งขึ้น ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นตับแข็งในที่สุด อีกทั้งนอกจากทำอันตรายกับตับแล้ว ยังทำเกิดมะเร็งชนิดส่วนต่าง ๆ ได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งช่องปาก ฯลฯ มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มถึง 3 เท่า! เมื่อเห็นได้ชัดแล้วว่าการดื่มเหล้าไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใด…