Tag: ภูมิคุ้มกัน
-
หัวเราะรักษาโรคได้สารพัด ลองดูสิ!!
หัวเราะรักษาโรคได้สารพัด ลองดูสิ!! การอยู่ในบ้านหรือในสังคมที่อุดมความสดชื่น เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกครื้นเครงนั้น ช่วยให้อารมณ์สดใจ จิตใจมีสุขภาพดีขึ้นได้มากเลยนะคะ ยิ่งโดยเฉพาะในครอบครัวใดที่มีคนที่ป่วยหนักอยู่ การสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นในครอบครัว ช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เราหาเวลาแต่ละวันอยู่ร่วมกัน แล้วผลัดกันเล่าเรื่องราวขำขันแบ่งปันกันฟัง หรือถ้านึกมุขไม่ออกจะเปิดหนังตลก ทอล์คโชว์ขำ ๆ ดูด้วยกันก็ดีเช่นกัน การหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ความรู้สึกเกร็งหรือฝืนหมดไป (การรับน้องหรือปฐมนิเทศพนักงานจึงมักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เพราะช่วยละลายพฤติกรรมให้เปิดใจเข้าหากันได้มากกว่า) อีกทั้งการหัวเราะยังสร้างบรรยากาศดีขึ้นในบ้าน กระชับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้แล้วการหัวเราะมีประโยชน์ดังต่อไปนี้อีกค่ะ – การหัวเราะช่วยลดความเจ็บปวด ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น – รักษาอาการซึมเศร้า ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเซโรโทนิน และโดปามีนมากขึ้น จิตใจจึงสงบเยือกเย็น – เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ ที่เห็นได้ชัดก็คือป้องกันโรคหวัดได้ – การหัวเราะช่วยลดน้ำหนัก เพราะการหัวเราะแม้วันละเพียง 1-5 นาทีต่อวัน สักวันละสิบครั้ง จะช่วยลดความอยากอาหาร จึงมีผลต่อการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งจะแตกต่างกับความเครียดอย่างสิ้นเชิง ยิ่งเครียดน้ำหนักก็ยิ่งขึ้นเพราะอยากอาหารมากกว่าเดิมนั่นเอง – การเปล่งเสียงหัวเราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวใจได้ เหมาะแม้สำหรับผู้ป่วยที่นอนบนเตียงและผู้สูงอายุด้วย – การหัวเราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้า และส่วนอื่น ๆ ที่กระเพื่อมขึ้นลงเวลาหัวเราะ เท่ากับได้บริหารร่างกายเบา ๆ…
-
ระวังโรคมือ เท้า ปาก ระบาดหนักในเด็ก
ระวังโรคมือ เท้า ปาก ระบาดหนักในเด็ก โรคมือ เท้า ปาก นั้นเป็นโรคที่ติดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด สามารถติดต่อได้จากคนสู่คนเท่านั้น (เป็นคนละชนิดกับโรคปากเท้าเปื่อยในสัตว์กีบ พวก วัว ควาย หมู นะคะ) โดยโรคนี้ระบาดหนักมากในช่วงหน้าฝนที่มีอาการเย็นชื้น ผู้ป่วยมากจะเป็นเด็กทารก และเด็กที่อายุน้อยกว่าห้าขวบ ส่วนเด็กที่อายุไม่เกินสิบขวบจะพบได้น้อยลงแล้ว และในผู้ใหญ่มักจะมีภูมิคุ้มกันแล้วเพราะได้รับเชื้อนี้มาตั้งแต่เด็ก การติดเชื้อของโรคมือ เท้า ปากนั้น ส่วนมากมักติดจากการนำสิ่งของเข้าปาก หรือจากอาหารการกิน ที่ปนเปื้อนเชื้อจากน้ำลาย น้ำมูก น้ำเลือดน้ำหนองจากแผล หรืออุจจาระ ปัสสาวะของผู้ที่ป่วย บางครั้งแค่จามไอรดกันก็สามารถติดต่อกันได้แล้ว การแพร่เชื้อก็ง่ายมากสามารถแพร่ได้ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่รับเชื้อ ต่อให้หายแล้วก็ยังสามารถแพร่เชื้อได้อีกถึง หกสัปดาห์ เพราะเชื้อยังถูกขับออกมาทางอุจจาระอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อนั้นจะเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ 3-5 วันแรกเลย โดยอาการที่เห็นได้ก็คือ มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ต่อจากนั้นอีก 1-2 วัน จึงเริ่มมีตุ่มแดงในปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม ฝ่ามือ นิ้วมือและนิ้วเท้า (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรค มือ เท้า ปาก) และยังสามารถพบผื่นได้บริเวณก้น…
-
หน้าฝนระวังโรคฉี่หนู
หน้าฝนระวังโรคฉี่หนู ในระยะเวลาที่ฝนกำลังตกพรำไม่เว้นแต่ละวันในระยะนี้ ทำให้ผู้ที่ไม่ค่อยดูแลรักษาตัวเองเท่าไรอาจป่วยเป็นโรคฉี่หนูได้ ซึ่งโรคฉี่หนูนี้เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากสัตว์ประเภทสัตว์กัดแทะขนาดเล็ก เช่น หนู กะรอก และยังสามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นได้ไม่ว่าจะเป็น หมา แมว วัว ควาย ฯลฯ ซึ่งหนูนั้นเป็นตัวการแพร่เชื้อที่สำคัญมาก โดยเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคเลปโตสไปโรซิสหรือฉี่หนูนี้จะถูกขับออกมาจากปัสสาวะของหนู แล้วปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำสกปรก ท่อน้ำขัง ที่เฉอะแฉะ พื้นดินแฉะ ๆ ผู้ที่เข้าไปเดินย่ำหรือสัมผัสกับแหล่งน้ำเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวไรชาวสวน ผู้ที่ทำปศุสัตว์ ผู้ที่ขุดลอกคูคลอง ผู้ทำประมง หาปลา ปู หรือเด็ก ๆ ที่เล่นน้ำ เมื่อสัมผัสกับน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้เข้าไป จะทำให้เชื้อโรคแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลเล็ก ๆ หรือเยื่อบุบอบบาง ไม่ว่าจะเป็น จมูก ตา ปาก ก็จะทำให้เกิดโรคได้ นอกจากนี้การทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อก็สามารถติดโรคได้ด้วย อาการของโรคฉี่หนูนี้ มีหลายระดับ ซึ่งอาจแสดงอาการเพียงเล็กน้อยหรือแสดงอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายผู้ติดเชื้อ ภูมิคุ้มกันและปริมาณของเชื้อด้วย ซึ่งระยะแสดงอาการจะอยู่ที่ราว 2-3 สัปดาห์ อาการนั้นจะแสดงออกมาเป็น การมีไข้สูง มักปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมากยิ่งโดยเฉพาะบริเวณน่อง ปรากฏรอยจ้ำเลือดหรือรอยช้ำเขียวตามผิวหนัง เยื่อบุตาอักเสบและมีเลือดออกในลูกตา หากมีอาการที่รุนแรงแล้วไม่ยอมรับการรักษาอาจเสียชีวิตจากตับวายหรือไตวาย และเยื่อหุ้นสมองอักเสบได้…
-
ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์อวกาศ มีประสิทธิภาพน้อยลง เมื่ออยู่นอกโลก
ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์อวกาศ มีประสิทธิภาพน้อยลง เมื่ออยู่นอกโลก การค้นพบเรื่องภูมิคุ้มกันโรคที่อ่อนลงในสภาพเกือบไร้น้ำหนัก เกิดขึ้นจากการทดลองเซลล์มนุษย์ที่ส่งไปพร้อมกับยานอวกาศ Atlantis เมื่อช่วงฤดูร้อนสองปีก่อน ซึ่งเป็นการบินครั้งสุดท้ายของยานลำนี้ นักวิจัยยังพบอีกว่า ระบบภูมิคุ้มกันโรคของมนุษย์อวกาศจะทำงานได้น้อยลงขณะปฏิบัติหน้าที่นอกโลก นอกจากนั้นยังพบด้วยว่าเนื้อเยื่อที่เกี่ยวกับโรคไขข้อและการเติบโตของก้อนเนื้อยังทำงานผิดปกติอีกด้วย การค้นพบเรื่องภูมิคุ้มกันโรคที่อ่อนลงในสภาพเกือบไร้น้ำหนัก เกิดขึ้นจากการทดลองเซลล์มนุษย์ที่ส่งไปพร้อมกับยานอวกาศ Atlantis เมื่อช่วงฤดูร้อนสองปีก่อน ซึ่งเป็นการบินครั้งสุดท้ายของยานลำนี้ ส่วนหนึ่งของยาน Atlantis ถูกใช้ทำการทดลองโดยที่เซลล์มนุษย์ในภาชนะบรรจุได้รับเชื้อแบคทีเรียแพร่เข้าไป เพื่อที่นักวิจัยสามารถดูปฏิกิริยาตอบรับจากระบบภมิคุ้มกัน ปรากฏว่า ความสามารถในการต่อสู้เชื้อโรคของเซลล์ลดลง ในสภาพเกือบไร้น้ำหนัก แม้ว่าช่วงเวลาที่เซลล์อยู่ในสภาวะเช่นนั้นจะสั้นเพียงแค่สองสัปดาห์ นักวิจัยกล่าวว่า นักบินอวกาศมีโอกาสป่วยมากขึ้นในสภาวะแวดล้อมเช่นนั้น ส่วนหัวหน้าโครงการ Marti Jett เสริมว่าพฤติกรรมของเซลล์เช่นนี้พบได้ในการทอดลองกับทหารในสนามรบ ซึ่งมีความเครียดจากการอดนอน และการใช้ร่างกายอย่างหักโหม นักวิจัยต้องการค้นหาวิธีเพิ่มความสามารถในการทำงานของเซลล์ เพื่อลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยของนักบินอวกาศ และวางแผนที่จะส่งหนูที่มีแผลไปสู่สถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อศึกษาความสามารถในการรักษาแผลของร่างกายอีกด้วย การทดลองนี้น่าจะให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของนักบินอวกาศที่ต้องทำงานนอกโลกเป็นเวลานาน
-
นักวิจัยอเมริกัน ค้นพบว่าทำไมเชื้อ HIV ทำลายระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย
นักวิจัยอเมริกัน ค้นพบว่าทำไมเชื้อ HIV ทำลายระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย นักวิจัยอเมริกันพบว่าเชื้อเอชไอวีทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกายด้วยการทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันอักเสบก่อนจะเริ่มทำลายเซลล์อื่นๆที่อยู่ข้างเคียงและการค้นพบนี้อาจจะนำไปสู่วิธีบำบัดวิธีใหม่เพื่อลดความรุนแรงของโรคเอดส์ลง บรรดานักวิทยาศาสตร์รู้กันมานานเเล้วว่าเมื่อเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย เชื้อไวรัสจะเข้าไประบาดในตัวเซลล์ภูมิต้านทานที่เรียกว่า CD-4 T cells และเชื้อโรคจะแตกตัวเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นล้านๆตัว ทำลายระบบภูมิคุ้นกันในร่างกายให้อ่อนแอ แต่ล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์ในรัฐแคลิฟอเนียเพิ่งค้นพบเพิ่มเติมว่าทำไมเชื้อไวรัสเอชไอวีจึงเป็นเชื้อโรคระบาดที่มีความร้ายแรง ทีมนักวิทยาศาสตร์ทีมนี้พบว่าในช่วงเริ่มต้นของการติดเชื้อ เชื้อไวรัสเอชไอวีจะเข้าไปแพร่ตัวในเซลล์ CD-4 T cells เพียงไม่กี่เซลล์เท่านั้น แต่หลังจากนั้นเชื้อไวรัสจะเริ่มทำลายเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 95 เปอร์เซ็นต์ ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่สถาบัน Gladstone Institute ในรัฐ California ได้ค้นพบว่าเซลล์ร่างกายที่อยู่ใกล้กับเซลล์ภูมิต้านทานร่างกายจะเกิดอาการอักเสบในบริเวณกว้างและปล่อยโปรตีน capcaisin-1 ออกมาเพื่อไปทำหน้าที่ดึงเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกายหรือทีเซลล์ตัวอื่นๆเข้าไปในจุดที่เกิดอาการอักเสบเพื่อพยายามต่อสู้กับเชื้อไวรัสเอชไอวี แต่ทีเซลล์ตัวใหม่ที่เข้าไปช่วยต่อต้านเชื้อโรคในจุดที่เกิดการติดเชื้อกลับติดเชื้อเสียเองและเริ่มตายลงในที่สุด อย่างไรก็ดี มีข่าวดีว่าอาการอักเสบที่เกิดขึ้นสามารถกำจัดได้ด้วยยาหลายชนิดที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน