Tag: น้ำอัดลม
-
ผลเสียของน้ำอัดลม ที่มีต่อสุขภาพของเด็ก
ผลเสียของน้ำอัดลม ที่มีต่อสุขภาพของเด็ก เครื่องดื่มเย็น ๆ อย่างน้ำอัดลมนั้น เป็นที่นิยมดื่มกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าจะผู้ใหญ่ คนทำงาน แม่บ้านหรือเด็ก ๆ ทั้งหลาย รสชาติหวานซาบซ่าน หาซื้อก็ง่าย แต่น้ำอัดลมเหล่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ยิ่งถ้าเป็นเด็กก็จะส่งผลกระทบต่อความสูง ทำให้ฟันผุมีปัญหาช่องปาก และน้ำหนักตัวได้ อีกทั้งยังส่งผลเสียอื่น ๆ อีกได้ดังนี้ – การดื่มแต่น้ำอัดลมแล้วไม่ยอมกินอาหารอื่นจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร เพราะความหวานจะทำให้อิ่มและกินอาหารอื่นได้น้อย ส่งผลเสียให้อ้วนน้ำหนักเกิน ฟันผุจากกกรดในน้ำอัดลมทำลายสารเคลือบฟัน ด้วย – น้ำอัดลมทำให้ปวดท้อง เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อัดในน้ำอัดลมรวมกับน้ำกลายเป็นกรดคาร์บอนิค ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ท้องอืด แน่นท้อง โดยเฉพาะในเด็ก ๆ จะพบได้บ่อยมาก – คาเฟอีนในน้ำอัดลมทำให้ใจสั่น มือสั่น นอนไม่หลับ – อีกทั้งคาเฟอีนยังส่งผลให้ขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น ทำให้มีโอกาสสูญเสียแคลเซียมจากร่างกาย และในน้ำอัดลมมีฟอสเฟตสูง ทำให้ระดับแคลเซีมในร่างกายต่ำลม ส่งผลให้กระดูกเปราะ ผุกร่อนได้ง่าย ก่อนวัยอันควร – ทำให้เด็กขาดสารอาหาร เพราะมีความหวานมากหากดื่มก่อนมื้ออาหาร จะทำให้กินได้น้อย ได้สารอาหารไม่ครบถ้วน เด็กจึงอาจขาดสารอาหารได้ ความจริงแล้วน้ำอัดลมก็ไม่ใช่เครื่องดื่มที่เหมาะกับวัยไหนทั้งสิ้นนะคะ หากเป็นไปได้ผู้ปกครองและครูควรร่วมมือกันทำให้บ้านและโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดน้ำอัดลม…
-
ระวัง! ดื่มน้ำอัดลมมากตับอ่อนเสื่อม เสี่ยงเป็นมะเร็ง
ระวัง! ดื่มน้ำอัดลมมากตับอ่อนเสื่อม เสี่ยงเป็นมะเร็ง เคยมีการวิจัยเกิดขึ้นในประเทศสวีเดน ซึ่งได้ติดตามการกินของชายหญิงที่มีสุขภาพดีจำนวนกว่าแปดหมื่นคน เป็นเวลาแปดปี โดยพบว่ามีคน 131 คนในจำนวนนี้เป็นมะเร็งตับอ่อน เมื่อศึกษาเข้าไปก็ได้พบว่าในจำนวนนี้ก็คือคนที่ดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีความหวานมาก ซึ่งกลุ่มนี้ดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวถึงวันละมากกว่าสองกระป๋องขึ้นไป จึงมีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่มเกือบร้อยละร้อย ส่วนคนอื่น ๆ ที่ทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เติมน้ำตาลลงไปอย่างน้อยวันละ 5 ครั้งก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เช่นเดียวกัน ซึ่งโรคมะเร็งที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างดังกล่าวเสียชีวิตนั้นเป็นโรคมะเร็งที่ร้ายแรงและตรวจพบได้ยากที่สุดชนิดหนึ่งเลยค่ะ สาเหตุก็เกิดจากการที่ตับผ่อนผลิตอินซูลินมากขึ้น เพราะเป็นผลจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญกลูโคส โดยการกินน้ำตาลมาก ๆ ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินมากขึ้น ก็เท่ากับเป็นการทรมานให้ตับอ่อนทำงานหนักขึ้น ผลก็คือตับอ่อนกลายเป็นมะเร็ง รวมไปถึงการสูบบุหรี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งของมะเร็งตับอ่อนด้วย ดังนั้นหากต้องการหลีกหนีให้ไกลจากโรคมะเร็งตับอ่อน ก็จำเป็นต้องควบคุมการบริโภคน้ำตาล รวมทั้งเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะในเด็กหรือในผู้หญิงก็ตาม ยิ่งโดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว การดื่มน้ำอัดลมจะส่งผลให้กระดูกพรุนจากกรดฟอสฟอริกที่พบในน้ำอัดลมได้อีกด้วย ซึ่งการวิจัยในสวีเดนที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ไม่ได้มีการแยกเฉพาะว่าเป็นน้ำอัดลมอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทั้งหมด รวมทั้งน้ำผลไม้ที่ผสมน้ำอัดลมด้วย
-
อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น!
อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น! ขึ้นชื่อว่าอาหารแล้ว มีทั้งอาหารที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อร่างกายนะคะ ดังนั้นการทานอาหาร จึงใช่การสักแต่ทานเพราะเห็นว่าเป็นอาหารเท่านั้น แต่หากคุณไม่อยากแก่ และไม่อยากให้ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหาร 11 ชนิดดังต่อไปนี้ด้วย 1. เกลือ เพราะเกลือจะไปดูดซึมน้ำในร่างกาย ทำให้อ่อนเพลียและมีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิต และโรคไต 2. น้ำตาล เมื่อบริโภคน้ำตาลเข้าไป จะไปจับกับคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังเกิดรอยเหี่ยวย่อน ทำให้ดูแก่ลง 3. น้ำตาลเทียม แม้น้ำตาลเทียมจะไม่ทำให้คุณเป็นเบาหวาน แต่ก็อาจก่อปัญหากับร่างกายได้ด้วย ทำให้เกิดอาการปวดหัว และปวดข้อ ตลอดจนอยากทานน้ำตาลจริง ๆ ขึ้นมาได้ 4. ลูกอม มีน้ำตาล น้ำเชื่อมต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ ทำให้ร่างกายเกิดความระคายเคือง และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย 5. น้ำอัดลม ทำให้ร่างกายขาดน้ำและรู้สึกอ่อนเพลียได้ 6. เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ ทำลายเคลือบฟัน ทำให้ฟันสึก และผุกร่อนเร็ว 7. กาแฟ ดูดซึมน้ำในร่างกาย จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า…
-
พึงระวัง..อาหารบางชนิดทำระบบย่อยคุณมีปัญหา!
พึงระวัง..อาหารบางชนิดทำระบบย่อยคุณมีปัญหา! – อาหารที่มีรสเปรี้ยว หรือมีกรดมากอย่างน้ำอัดลม น้ำมะนาว น้ำส้ม ความเป็นกรดจะระคายเคืองหลอดอาหาร แล้วยังอาจทำให้เกิดปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อด้วย – ช็อกโกแลตอาจทำให้คุณเกิดปัญหาโรคกรดไหลย้อนได้ หากทานเล็กน้อยก็อาจไม่มีปัญหาอะไร แต่เกิดปัญหาเพราะคุณทานช็อกโกแลตมากเกินไป เพราะช็อกโกแลตทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัวออก กรดในกระเพาะจึงไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ – กะหล่ำปลี และบร็อกโคลี่ดิบ ๆ ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้ แต่ผักสองชนิดนี้มีประโยชน์มาก และมีเส้นใยอาหารมากอีกด้วย แต่ควรปรุงให้สุกก่อนจะดีกว่า – มันบดและไอศกรีม ทำให้มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก ท้องอาจจะอืดหรือคุณอาจจะผายลมไม่หยุดได้ ซึ่งหมายความว่าร่างกายคุณอาจจะแพ้แลกโทส แต่แม้คุณจะไม่แพ้ อาหารทั้งสองอย่างนี้หากทานมากไปก็อาจอ้วนเพราะไขมันสูงได้ – นักเก็ตไก่ หรือไก่ชุบแป้งทอด หากเป็นเนื้อไก่ล้วนมันยังเป็นของที่ย่อยง่าย แต่เมื่อไรที่นำไปคลุกแป้ง มันจะกลายเป็นอาหารขยะ ย่อยยาก มีไขมันสูง สร้างปัญหาให้กับกระเพาะและระบบย่อยอาหารทั้งหมด ยังไม่รวมว่ากินมากแล้วอ้วนด้วยนะคะ – หัวหอมที่ไม่สุก เพราะในหัวหอมดิบนั้นมีไฟโตนิวเทรียนต์ จึงอาจทำให้ปวดท้องได้ แม้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายและดีต่อหัวใจ ทางแก้ไขก็คือควรทานหัวหอมดิบและหัวหอมสุกผสมกันจะดีกว่า – หากคุณทานถั่วบ่อย ๆ ก็คงไม่ค่อยเป็นปัญหาอะไรนัก แต่หากคุณไม่ได้ทานบ่อย ๆ ร่างกายคุณก็อาจขาดเอนไซม์สำหรับการย่อยถั่ว ผลก็คือเมื่อทานเข้าไปแล้วจะเกิดแก๊สแล้วก็ท้องอืดได้ง่ายค่ะ – หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล…
-
หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ “น้ำอัดลม”
หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ “น้ำอัดลม” แม้น้ำอัดลมจะเป็นเครื่องดื่มที่เราเห็นกันจนเจนตา และดื่มกันมากจนเจนปากก็ตาม แต่จะมีใครรู้บ้างว่าในน้ำอัดลมนั้น ให้โทษให้ประโยชน์และก่อผลกระทบอย่างไรต่อร่างกายบ้าง วันนี้มาดูกันชัด ๆ เลยค่ะ 8 ข้อ 1. แน่นอนล่ะว่าน้ำอัดลมต้องมีน้ำตาลอยู่สูงมาก เพราะเป็นสารที่ทำให้เครื่องดื่มมีความหวาน ดื่มแล้วสดชื่น แต่หารู้ไม่ว่าหากคุณดื่มทุกวัน คุณก็อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนเพราะได้รับน้ำตาลมากเกินความจำเป็น 2. ในน้ำอัดลมมีการอัดก๊าซเอาไว้ ดังนั้นการดื่มน้ำอัดลมก็จะทำให้ท้องอืด ปวดท้องแน่นท้องได้ เพราะเกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร 3. น้ำอัดลมมีความเป็นกรดสูง ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร จะยิ่งกระตุ้นแผลและทำให้อาการแย่ลง 4. อีกทั้งกรดในน้ำอัดลมยังทำให้เคลือบฟันเสื่อม เป็นสาเหตุของฟันผุอีกด้วย 5. สำหรับผู้ที่จัดฟัน การดื่มน้ำอัดลมจะทำให้เกิดคราบบริเวณรอยต่อระหว่างเหล็กและฟัน 6. นอกจากจะทำให้อ้วน น้ำหนักเกินแล้ว การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปจะทำให้โพแทสเซียมในเลือดต่ำลง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ 7. ในน้ำอัดลมมีคาเฟอีน จึงทำให้ตื่นตัว แต่ก็อาจทำให้นอนไม่หลับ มีอาการใจสั่น กระทั่งปวดศีรษะได้ด้วย 8. การดื่มน้ำอัดลมทำให้กระดูกสูญเสียแคลเซียม ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนได้
-
บำบัดอาการนอนไม่หลับด้วยตนเอง
บำบัดอาการนอนไม่หลับด้วยตนเอง น่าเห็นใจที่การนอนหลับสำหรับบางคนนั้นเป็นเรื่องยากแสนยาก ทั้ง ๆ ที่ก็ทำงานหรือปฏิบัติภารกิจของตนเองมาจนอ่อนเพลียทั้งวัน แต่พอถึงเวลานอนก็นอนไม่หลับอยู่ดี ยิ่งนอนหลับยากก็ยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนเพลียพลอยให้สุขภาพแย่ลงไปเรื่อย ๆ เห็นจะไม่ดีแน่ค่ะ ลองมาปรับปรุงการนอนหลับ บำบัดตนเองด้วยวิธีทางง่าย ๆ เหล่านี้กันดีกว่านะคะ 1. งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมบางประเภท และเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นอาการยิ่งทำให้นอนหลับยาก แล้วยังตกค้างอยู่ในร่างกายด้วย ดังนั้นตั้งแต่มื้อเที่ยงไปต้นไปควรงดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แล้วหันมาดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และนอนหลับได้ง่ายอย่าง ชาคาร์โมไมล์ หรือชาลาเวนเดอร์ จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้ ดื่มอุ่น ๆ ก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น 2. อาบน้ำอุ่น ๆ ให้สะอาดก่อนนอน หากมีโอกาสจะแช่น้ำอุ่นสักครู่ก่อนนอนก็จะทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายมากขึ้น แต่อย่าแช่นานเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้นได้ การหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นคาโมไมล์ หรือกลิ่นลาเวนเดอร์ลงไปซักสองสามหยด ก็จะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้นไปอีกค่ะ 3. จัดห้องนอนให้สะอาดน่านอน จัดตกแต่งและทำความสะอาดห้องนอนให้น่านอน จัดข้าวของต่าง ๆ อย่าให้รกรุงรัง ทำห้องให้มีกลิ่นสะอาด ๆ หรือจะทำให้หอมไปด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์ซักนิดก็จะดี จัดแสงในห้องให้มีแสงสลัว ๆ ไม่สว่างเกินไป แต่ให้อากาศปลอดโปร่งถ่ายเทได้ดี ปิดแสงไฟหรือสิ่งเรืองแสงต่าง ๆ…
-
การดื่มน้ำอัดลมจะส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้า และในกาแฟมีข้อดีต่อสุขภาพจิต
การดื่มน้ำอัดลมจะส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้า และในกาแฟมีข้อดีต่อสุขภาพจิต นักวิจัยสหรัฐ ศึกษาในเรื่องนี้พบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลม 4 กระป๋องต่อวันเสี่ยงต่ออาการซึมเศร้ามากกว่าปกติ 30% และหากดื่ม fruit punch ที่มีน้ำตาลมากในประมาณเดียวกัน อัตราความเสี่ยงที่มากกว่าปกติจะเพิ่มเป็น 38% แต่หากเป็นเครื่องดื่มชนิดใช้สารแทนน้ำตาลหรือน้ำอัดลมแบบ Diet ความเสี่ยงจะมากขึ้นอีก นักวิจัยไม่พบความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างน้ำอัดลมกับอาการซึมเศร้าแต่พอจะสามารถตั้งสมมุติฐานเบื้องต้นได้ว่าผู้นิยมดื่มเครื่องดื่มลักษณะดังกล่าวปริมาณมากมักเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วน ซึ่งเชื่อมโยงกับโรคซึมเศร้า ทั่วโลกมีคนเป็นโรคนี้ 350 ล้านคน และในสหรัฐเองคาดว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 10% ของประชาการทั้งหมด นอกจากนั้นการศึกษาพบด้วยว่าผู้ดื่มกาแฟวันละ 4 แก้วมีความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม 10%
-
เชื่อหรือไม่! การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ ส่งผลถึงชีวิต
เชื่อหรือไม่! การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ ส่งผลถึงชีวิต นักวิจัยพบว่า การเติมน้ำตาลในอาหารมากเกินไป ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ และอาจจะเพิ่มความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต โดยนักวิจัย ได้วิจัยว่าการที่คนเราบริโภคน้ำตาลเกินกว่า 20% ของปริมาณแคลอรี่เฉลี่ยต่อวันจะมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้นเป็นสองเท่าตัว โดยปกติแล้วค่าแคลอรี่เฉลี่ยต่อวันของคนธรรมดาอยู่ที่ 2,000 แคลอรี่ และการดื่มน้ำอัดลมเพียงหนึ่งกระป๋องก็จะให้ค่าแคลอรี่ราว 7 % ของจำนวนแคลอรี่ในแต่ละวัน แต่การวิจัยนี้มุ่งที่น้ำตาลซึ่งใส่เติมลงในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ใช่น้ำตาลซึ่งร่างกายได้จากผักหรือผลไม้โดยทั่วไป ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาความเกี่ยวพันระหว่างการบริโภคน้ำตาลกับโรคอ้วนมาแล้ว แต่ครั้งนี้การศึกษามุ่งเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลมากกว่าปกติ กับการเสียชีวิตด้วยโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ