Tag: ทานอาหาร
-
กินมื้อดึก…ร่างกายเสื่อมโทรมรวดเร็ว
กินมื้อดึก…ร่างกายเสื่อมโทรมรวดเร็ว คนที่ชอบทานอาหารมื้อดึก ๆ นั้น ถ้าสังเกตสุขภาพร่างกายของเค้าจะพบว่าเป็นคนที่ไม่แข็งแรง และมีความไม่ปกติกับร่างกายหลายส่วน ทั้งการตื่นสาย ท้องอืด ระบบการย่อยรวนเร เป็นโรคกรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะอาหาร ตลอดจนคนที่กินมื้อดึกยังทำให้ร่างกายทำงานหนักกว่าปกติ แทนที่ร่างกายจะได้พักผ่อนในยามค่ำคืนกลับต้องมาย่อยอาหารที่มักจะเป็นมื้อใหญ่เสียด้วย ดังนั้นร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมสภาพด้วยการเริ่มต้นเป็นโรคอ้วน เบาหวาน โรคความดัน นอนไม่หลับ ฯลฯ จนสุขภาพทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าร่างกายแก่กว่าอายุจริงไปมากเลยนั่นล่ะค่ะ การจะทราบได้ว่าคุณเป็นคนที่กินมื้อดึกหรือเปล่า ก็ให้ลองสังเกตที่มื้อเช้านั่นล่ะค่ะว่า รู้สึกจุกตื้ออยู่ หรือไม่อยากอาหารเช้าหรือเปล่า นั่นเป็นเพราะยังอิ่มจากการที่กินไว้ตั้งแต่เมื่อคืน กว่าจะได้กินก็มื้อเที่ยงไปแล้ว หรือไปมื้อบ่ายเลย ส่วนมื้อเย็นก็มักจะเป็นหลังสองทุ่มขึ้นไปและมักจะกินมื้อใหญ่ด้วย คนที่กินมื้อดึกมักจะนอนไม่หลับในเวลากลางคืน (เพราะร่างกายกำลังย่อยอาหาร) แต่มาง่วงเหงาในเวลากลางวัน อีกอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือคนกินดึกจะเจ้าเนื้อจนอวบอ้วนกว่าคนอื่น ๆ ด้วย หากไม่อยากเจ็บป่วยด้วยโรคภัยนานาชนิดและโรคอ้วนด้วยแล้ว ควรปรับพฤติกรรมการกินเสียใหม่ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยการทานข้าวเช้าทุกวัน และทานทุกมื้อให้เป็นเวลาด้วย มื้อเย็นควรทานก่อนนอนประมาณ 3 ชั่วโมง หรือก่อนหกโมงเย็น เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยอาหารได้อย่างเต็มที่ เข้าใจว่าช่วงแรกนั้นทำได้ยาก แต่ก็ค่อย ๆ ต้องปรับไปค่ะ ระหว่างนี้มื้อเย็นสามารถทานอาหารที่สร้างเมลาโทนินได้ เช่น แกงขี้เหล็กหรือข้าวโพด เพื่อให้หลับได้ง่ายจะได้ไม่ต้องหิวตอนดึก ๆ ค่ะ
-
ผ่อนคลายเสียบ้าง สร้างสุขภาพการและใจที่ดี
ผ่อนคลายเสียบ้าง สร้างสุขภาพการและใจที่ดี ในบางวันที่ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าอย่างสาหัส จนรู้สึกว่าอะไรต่อมิอะไรไปต่อไม่ไหวแล้ว ปลดปล่อยออกมาเสียบ้าง เพื่อสุขภาพกายและจิตที่ดีของตนเอง ซึ่งการผ่อนคลายแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำได้เองนี้ก็ได้แก่ 1. พักเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย ปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด รวมทั้งทีวี วิทยุ ไม่เสพข่าวสาร หนังสือพิมพ์ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรทั้งสิ้น นอนเอนหลังผ่อนคลาย หลับตาเบา ๆ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นสัก 5-10 นาที 2. เดินลมปราณ สบาย ๆ ด้วยการหายใจเข้าออกช้า ๆ จนผ่อนคลายทั่วร่าง ซึ่งสามารถทำเองได้ง่าย ๆ ก็คือ หายใจเข้าทางจมูก สูดเข้าไปช้าให้เต็มปอด จิตตามดูลมหายใจเข้าผ่านทางจมูกไปจนเต็มปอดภายใน แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปาก ช้า ๆ ยาว ๆ จิตตามดูลมหายใจที่ไหลออกมาจนหมด ทั้งซ้ำ ๆ เช่นนี้บ่อย ๆ จะช่วยให้ผ่อนคลาย และสมองปลอดโปร่งได้ง่าย 3. หลังจากฝึกลมปราณแล้วให้นวดตัวเองดู…