Tag: ตาบอด
-
ต้อหิน อาจทำให้คุณตาบอดได้แบบไม่รู้ตัว
ต้อหิน อาจทำให้คุณตาบอดได้แบบไม่รู้ตัว โรคต้อหิน เป็นโรคอันตรายที่ทำให้คนไทยตาบอดมากเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการให้รู้ตัว จึงมักไม่ได้รับการรักษา ปัจจุบันมีคนไทยเป็นโรคนี้เพิ่มมากขึ้น ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสมาก และพบว่าผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่าตัว อาการของโรคต้อหินนี้ หมายถึงการเสียสมดุลระหว่างน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา คือเมื่อมีการระบายออกไปน้อยกว่าการสร้างขึ้น จะเกิดการคั่งของน้ำในลูกตา ทำให้เกิดแรงดันในลูกตาสูงขึ้น บางครั้งสูงมากจนลูกตาแข็งเหมือนหิน ความดันในลูกตานี้จะมากจนไปกดเซลล์ประสาทจนตาเสื่อม ทำให้ลานสายตาแคบลง ตามัว และบอดได้ในที่สุด กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ก็มักเป็นคนที่มีกรรมพันธุ์ในครอบครัวอยู่แล้ว, ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี, คนที่เคยกินหรือฉีด หรือทาสตีรอยด์มาก่อน, เคยผ่าตัดโรคทางตาหรือมีอุบัติเหตุทางตามาก่อน ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน คอพอกเป็นพิษ คนที่สายตาสั้นหรือยาวมาก ทำให้การระบายน้ำในลูกตาออกยาก ฯลฯ อาการของต้อหิน หากเป็นแบบเฉียบพลันผู้ป่วยจะปวดหัว ปวดตารุนแรงมาก มองเห็นไฟเป้นวงแบบรุ้งกินน้ำ ผู้ป่วยจะไปรับการรักษาได้ทัน แต่ส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวเพราะความดันเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ดังนั้นจึงทุกคนที่อายุเกิน 35 ปีขึ้นไปจึงควรไปตรวจคัดกรองเป็นประจำ เพื่อเฝ้าระวังโรคต้อหิน เพราะหากมีการสูญเสียการมองเห็นแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีก การตรวจสายตาแบบง่าย ๆ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ก็เพียงนำเอามือปิดตาไว้ทีละข้าง แล้วอ่านหนังสือหรือมองสิ่งของ เปรียบเทียบดูทั้งสองข้างว่าชัดเจนหรือเห็นได้กว้างเท่ากันหรือไม่ หากมีความผิดปกติควรไปขอรับการตรวจจากจักษุแพทย์เพิ่มเติม…
-
อาการตาบอดสามารถรักษาได้หรือไม่?
อาการตาบอดสามารถรักษาได้หรือไม่? อาการตาบอดนั้น การที่จะบ่งบอกว่าจะรักษาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับควรรุนแรงของอาการ ซึ่งอาการที่มักรักษาไม่หายมักจะเป็นตาเล็กหรือตาฝ่อแต่กำเนิด ต้อหินรุนแรง หรือตาบอดจากอุบัติเหตุร้ายแรง แต่ปัญหาสายตาบางชนิด เช่น โรคจอประสาทตาบอด ต้อกระจก หรือสายตาผิดปกติเหล่านี้ ก็อาจรักษาได้หายได้ การประเมินว่าตาข้างที่บอดนั้นจะรักษาให้หายได้กลับมามองเห็นได้อีกหรือไม่ มีวิธีทดสอบก็คือการฉายไฟให้สว่างเต็มที่ แล้วส่องเข้าหาตาข้างที่บอด เพื่อทดสอบผู้ป่วยว่าสามารถเห็นแสงไฟเปิดปิดได้บ้างหรือเปล่า หากยังพอมองเห็น แยกออกว่าไฟเปิดหรือไฟปิดได้ ก็แสดงว่ายังพอมีทางรักษาให้หายได้ ให้ปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อทดสอบและรับการรักษา ปัจจุบันนี้ ยังไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนหรือปลูกถ่ายดวงตาใหม่ได้ รวมทั้งจอประสาทตาด้วย ส่วนของดวงตาที่สามารถเปลี่ยนได้มีเพียงกระจกตาดำ ซึ่งต้องรอกระจกตาบริจาคมาแล้วนำมาผ่าตัดเปลี่ยนบริเวณกระจกตา ในส่วนของผู้ที่มีเลนส์ตาขุ่นมัวที่เรียกว่าต้อกระจก สามารถผ่าตัดออกแล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมให้กลับมามองเห็นใหม่ได้อีก การดูแลรักษาดวงตาเพื่อป้องกันอาการตาบอดนั้น ควรดูแลตามวิธีดังต่อไปนี้ – หากทำงานที่เสี่ยงอันตราย ควรสวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกัน รัดเข็มขัดนิรภัยขณะขับรถหรือนั่งรถ เพื่อป้องกันหน้ากระแทกกระจกรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ – ตรวจสุขภาพสายตา และวัดความดันตาเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปหรือมีคนในครอบครัวเป็นต้อหินมาก่อน – ควบคุมระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือใช้ยาป้องกันการลดต่ำของภูมิคุ้มกัน CD4+ ในผู้ป่วย HIV ฯลฯ – ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง เช่น ยากลุ่มสตีรอยด์ที่อาจทำให้ตาบอดจากต้อหินได้ – หากตาบอดหรือสายตาเลือนรางและจักษุแพทย์ไม่สามารถรักษาให้มองเห็นได้ ควรใช้เครื่องมือช่วยในการใช้สายตา ไม่ว่าจะเป็นกล้องส่องขยาย…
-
สาเหตุและชนิดของโรคต้อหิน
สาเหตุและชนิดของโรคต้อหิน ต้อหิน เป็นสาเหตุใหญ่ของการตาบอดของคนในโลกนี้รวมทั้งประเทศไทยด้วย มักพบได้บ่อยในผู้ทีมีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเป็นต้อหินในครอบคัว สายตาสั้นหรือสายตายาวมากผิดปกติ เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มีประวัติใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน หรือเคยประสบอุบัติเหตุทางตามาก่อน กลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงในการเป็นต้อหินสูงขึ้น อาการของโรคต้อหิน จะเริ่มจากการสูญเสียการมองเห็นของลานสายตารอบนอกก่อน เมื่อโรครุนแรงขึ้น ลานสายตาจะแคบลงเรื่อย ๆ จนตาบอดในที่สุดหากไม่ได้รับการรักษา ซึ่งสาเหตุของการเกิดต้อหิน แบ่งออกได้ดังนี้ 1. ต้อหินแบบมุมเปิด พบได้มากโดยเฉพาะคนที่อายุมากกว่า 40 ปี มักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เกิดการสูญเสียการมองเห็นจากรอบนอกลานสายตาและค่อย ๆ ลามเข้ามาตรงกลางจนมืดในที่สุด 2. ต้อหินแต่กำเนิด พบได้ตั้งแต่เด็กทารกแรกเกิดจนถึงอาย 3 ขวบ เกิดจากระบบระบายน้ำในลูกตาไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ในครรภ์ 3. ต้อหินแบบมุมปิดเฉียบพลัน พบมากในคนเอเชียเกิดจากการมีการอุดตันของทางระบายน้ำทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปวดตาและหัวคิ้วอย่างรุนแรง ตาแดง การมองเห็นลดลงอย่างรวดเร็ว คลื่นไส้อาเจียนด้วย ต้อหินกลุ่มนี้ต้องรักษาอย่างทันทีเพื่อลดอาการและป้องกันอาการตาบอด ซึ่งเกิดขึ้นได้ในช่วงข้ามวัน หากไม่ได้รับการลดความดันลูกตา 4. ต้อหินจากสาเหตุอื่น ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน อุบัติเหตุ การอุดตันของการระบายน้ำในลูกตาทำให้ความดันตาขึ้น อาจค่อยเป็นค่อยไปหรือเฉียบพลันก็ได้ การตรวจต้อหินนั้นทำได้ด้วยการตรวจสุขภาพทั่วไป วัดความดันลูกตา ตรวจลานสายตาและดูลักษณะของทางระบายน้ำในลูกตา…
-
เนื้อสัตว์ดิบๆ ทำให้คุณเสียชีวิตโดยไม่ทันรู้ตัว
เนื้อสัตว์ดิบๆ ทำให้คุณเสียชีวิตโดยไม่ทันรู้ตัว แทบทุกภาคของประเทศไทย ต่างก็มีอาหารประจำภาคที่นำเอาเนื้อสัตว์ดิบ ๆ มาทำเป็นอาหารทั้งนั้น นัยว่าอร่อยถูกปากกว่าเนื้อสัตว์ที่ปรุงจนสุก เช่น ลาบหรือหลู้ทางภาคเหนือมักนิยมใช้เนื้อหมูปนเลือดสด หรือเนื้อวัว เนื้อควายมาปรุงทาน เพราะมีรสอร่อยกว่า ทั้งที่ความจริงแล้วอาหารแบบนี้เสี่ยงต่ออันตรายอย่างมาก เพราะในเนื้อดิบ ๆ นั้นมีเชื้อแบคทีเรียและพยาธิอื่น ๆ ปะปนอยู่มาก ดังที่มีข่าวการเสียชีวิตจากการทานของดิบ ๆ อยู่เนือง ๆ เพราะมีคนที่มักเข้าใจผิดเอาความอร่อยเพียงไม่กี่มื้อแลกกับชีวิตของตัวเองมากนักต่อนักแล้วนั่นเอง เนื้อสัตว์ดิบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นหมู วัว ควาย นก สัตว์ป่าต่าง ๆ รวมไปถึงปลาน้ำจืด กุ้ง ปลาดิบ อาหารหมักดองพวก แหนม ปลาส้ม ปลาจ่อม อาหารทะเลสุก ๆ ดิบ ๆ ทำให้เกิดความเสี่ยงการเกิดโรคภัยต่อร่างกายนับไม่ถ้วน ทั้งโรคจากพยาธิที่ปนเปื้อนในเนื้อสัตว์ พยาธิใบไม้ตับ พยาธิขึ้นสมอง มะเร็งท่อน้ำดี เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ที่ทำให้มีไข้สูง ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน หูดับ ตาบอด ชัก เป็นอัมพาต บางอาจก็อาจทำให้เยื่อหุ้มหัวใจ…
-
เตือนภัยสุขภาพช่วงสงกรานต์
เตือนภัยสุขภาพช่วงสงกรานต์ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวว่า นอกจากการต้องเฝ้าระวังในเรื่องของอุบัติเหตุในการเดินทางระหว่างวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการระวังการติดเชื้อจากการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวังมากที่สุด เพราะน้ำที่นำมาสาดเล่นกันนั้น อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อโรคที่มากับน้ำในช่วงสงกรานต์ของทุกปี โดยดวงตาของผู้ป่วยจะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดโรคมากที่สุด เพราะ ดวงตาสามารถสัมผัสกับน้ำหรือเชื้อโรคที่ปนเปื้อนได้ง่ายที่สุดนั้นเอง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการเปลือกตาและเยื่อบุตา ตลอดจนกระจกตาอักเสบ หรือติดเชื้อรุนแรง จนอาจลุกลามเข้าในไปในช่องลูกตาได้ ทำให้ลูกตาอักเสบจนกระทั่งรุนแรงจนตาบอดได้ด้วย อีกทั้งหากเป็นน้ำที่ปะปนฝุ่น ดิน ทราย เศษเหล็ก เศษแก้ว ก็อาจไปเกาะติดกับเยื่อบุตา หากมีการขยี้ตาอย่างรุนแรง ก็อาจทำให้สิ่งเหล่านี้ขูดขีดกระจกตา ทำให้เกิดแผลถลอกและติดเชื้อเป็นแผลบนกระจกตาได้ ดังนั้นผู้ปกครองควรใส่ใจและดูแลเด็ก ๆ ที่เล่นน้ำอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการล้างน้ำสะอาด หรือลืมตาในน้ำแล้วกลอกตาไปมา เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก แต่ถ้ามีสารเคมีปะปนในน้ำด้วย ควรล้างน้ำด้วยการให้น้ำไหลผ่านตามาก ๆ แล้วรีบนำส่งแพทย์โดยด่วน อีกทั้งในช่วงสงกรานต์ซึ่งมีอากาศร้อนยังมีโรคที่ต้องเฝ้าระวังอื่น ๆ อีก เช่น โรคทางเดินอาหาร โรคทางเดินหายใจ โรคตาแดง ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ ตลอดจน โรคปอดบวมและอุจจาระร่วง จึงควรระวังในเรื่องของอาหารการกินและน้ำดื่มที่ต้องดื่มแต่น้ำสะอาด สำหรับโรคทางเดินหายใจมักจะเกิดจากเล่นน้ำในขณะที่อากาศร้อนจัด ซึ่งมักเกิดกับผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ…
-
นักวิจัยค้นพบว่า คนตาบอดอาจมีประสาทสัมผัสในการฟังได้ดีกว่าคนปกติจริง
นักวิจัยค้นพบว่า คนตาบอดอาจมีประสาทสัมผัสในการฟังได้ดีกว่าคนปกติจริง นักวิจัยสหรัฐ ทำการวิจัยค้นหาคำตอบในเรื่อง คนที่พิการทางสายตามีประสาทสัมผัสด้านการได้ยินดีกว่าคนปกติจริงหรือไม่ โดยคณะนักวิจัยชุดนี้ใช้วิธีลดความสามารถทางการมองเห็นของหนูทดลอง ด้วยการปล่อยหนูทดลองที่มีประสาทสัมผัสปกติดีเข้าไปในห้องมืดและให้อาศัยอยู่ในนั้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม หลังจากครบ 1 สัปดาห์ นักวิจัยได้นำหนูทดลองตัวนั้น มาวัดความสามารถในการได้ยิน แล้วประมวลผล ซึ่งการทดสอบพบว่าหนูทดลองตัวนั้น มีประสาทสัมผัสด้านการได้ยินดีขึ้น และการเชื่อมโยงของวงจรควบคุมการได้ยินในสมองก็เปลี่ยนไปด้วย ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นน่าแปลกใจ เพราะแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างชัดเจนว่า หากความสามารถทางการมองเห็นลดลง ความสามารถทางการได้ยินจะเพิ่มขึ้น นักวิจัยระบุว่าหนูทดลองที่ผ่านประสบการณ์อยู่ในห้องมืดมานั้น มีพัฒนาด้านการเชื่อมโยงของระบบประสาทมากขึ้น สามารถแยกแยะเสียงระดับต่างๆ ได้ดีขึ้น และยังได้ยินเสียงเบาๆ ได้ดีขึ้นด้วย โดยเสียงที่หนูทดลองได้ยินนั้น เป็นเสียงซึ่งหนูที่เติบโตมาอย่างปกติ ไม่สามารถแยกแยะได้ จึงสามารถบอกได้ว่าหนูทดลองที่ถูกปล่อยให้อยู่ในห้องมืดนั้น สามารถจำแนกความถี่ของคลื่นเสียงได้ดีขึ้น และหากเป็นเช่นนั้นจริง การค้นพบครั้งนี้ก็จะเป็นประโยชน์สำคัญ สำหรับผู้มีปัญหาด้านการได้ยินราว 360 ล้านคนทั่วโลกอย่างแน่นอน