Tag: ตั้งครรภ์

  • สุขภาพช่องปากและการตั้งครรภ์

    สุขภาพช่องปากและการตั้งครรภ์

    สุขภาพช่องปากและการตั้งครรภ์ ในระหว่างการตั้งครรภ์นั้น ช่องปากของคุณแม่ ก็เป็นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะมีผลต่อสุขภาพโดยตรงของลูกในครรภ์ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น… – การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้ระหว่างตั้งครรภ์ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ หรือมีหินปูนจำนวนมาก เป็นโรคปริทันต์ เหงือกบวม อักเสบมีเลือดออกได้ – ในมารดาที่มีภาวะเหงือกอักเสบรุนแรง มักจะคลอดลูกน้ำหนักตัวน้อย และคลอดก่อนกำหนดได้ – การคลื่นไส้แพ้ท้องอาเจียนบ่อย ทำให้มีกรดจากกระเพาะอาหารย้อนขึ้นมาในช่องปาก ทำให้ฟันสึกกร่อนได้เร็ว รวมไปถึงอาหารเปรี้ยว ๆ ก็เช่นกัน – หญิงตั้งครรภ์มักจะทานได้น้อย แต่ทานบ่อย การทานบ่อย ทานของหวาน อาหารเหนียวติดฟันทำให้ฟันผุได้ – การมีฟันผุที่ไม่ได้รักษาจะทำให้มีเชื้อแบคทีเรียในช่องปากเป็นจำนวนมาก อาจส่งผ่านไปสู่ลูกทางพันธุกรรม แต่ส่งผลได้ทางน้ำลาย เช่น การกอดจูบลูก การเป่าอาหาร การกัดแบ่ง และการใช้ช้อนร่วมกับลูก – สำหรับเด็กในครรภ์จะเริ่มสร้างฟันน้ำนมตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งต้องการสารอาหารหลายชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจำพวกแคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งจะมีผลให้เคลือบฟันและเนื้อฟันมีความแข็งแรง ดังนั้นคำแนะนำสำหรับคุณแม่ในการดูแลช่องปากระหว่างการตั้งครรภ์ก็คือ 1. แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทุกวัน ควรบ้วนปากหรือแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหารว่างด้วย 2. หากแพ้ท้องอาเจียน ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์ เพื่อลดปริมาณกรดจากกระเพาะอาหาร แต่ห้ามแปรงฟันเป็นเวลาอย่างน้อย…

  • วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด เพราะการคลอดก่อนกำหนดเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ทารกแรกเกิดพิการหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไว้ก่อน โดยคุณแม่เองก็ต้องใส่ใจให้มาก ๆ เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วควรใส่ใจและดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ค่ะ – รีบฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ไปพบหมอตามนัดทุกครั้งและทำตามตามคำแนะนำให้ครบถ้วน – กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกรดโฟเลตหรือโฟลิค ซึ่งก็คือวิตามินบีชนิดหนึ่ง พบได้มากในผักผลไม้สดทั้งผล หรือวิตามินรวม ธาตุเหล็ก แคลเซียม โปรตีน ให้มาก เพื่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์ – หากมีโรคเรื้อรังอยู่ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ความตรวจเช็คดูแล ป้องกันโรคเหล่านี้ให้ดีด้วย – ปรึกษาคุณหมดด้วยว่าในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นี้ จะสามารถออกแรงทำงาน ออกกำลังกายหรือร่วมเพศได้อย่างไร – งดการสูบบุหรี่ เหล้า สารเสพติดทุกชนิด รวมทั้งไม่เข้าไปสูดดมควันบุหรี่ สารระเหยต่าง ๆ ด้วย – ทำจิตใจให้สบาย ปราศจากความเครียด – ใส่ใจกับสุขภาพปากและฟันด้วย – ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ หรือจะใช้แอลกอฮอล์เจลเช็ดมือก็ได้ ทั้งก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ เข้าบ้าน เข้าที่ทำงาน…

  • หากไม่อยากเป็น “แม่วัยใส” ควรดูแลตัวเองแบบนี้

    หากไม่อยากเป็น “แม่วัยใส” ควรดูแลตัวเองแบบนี้

    หากไม่อยากเป็น “แม่วัยใส” ควรดูแลตัวเองแบบนี้ ในประเทศไทยตอนนี้ทั้งประเทศ มีแนวโน้มที่จะเกิดคุณแม่วัยใส หรือเด็กวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียนเป็นจำนวนมาก เด็กบางคนยังไม่เคยใช้คำว่านางสาวนำหน้าเลยด้วยซ้ำ กลับต้องมากลายเป็นคุณแม่ไปเสียก่อนก็มี ซึ่งในเรื่องนั้นนั้นกระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่งค่ะ การตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่ไม่พร้อมของเด็กวัยรุ่นนั้นเหมือนหลุมดำในชีวิต ที่ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น เพราะสถานะความเป็นแม่นั้น เป็นแล้วเลิกกลางคันไม่ได้ ด้วยความห่วงใยที่มีต่อเด็กสาววัยใสทั้งหากยังไม่ถึงเวลาที่พร้อมจะเป็นแม่คนก็ขอให้ลองปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้นะคะ 1. เด็กวัยรุ่นทั้งสองเพศควรวางตัวต่อกันอย่างให้เกียรติ ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปในด้านของความคิด และความตระหนักถึงความแตกต่างกันระหว่างเพศจะช่วยป้องกันการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่คาดคิดได้ 2. เด็กวัยรุ่นผู้ชายคนคิดว่าเพื่อนผู้หญิงทุกคนเป็นเพศเดียวกับแม่ของตน ดังนั้นควรให้เกียรติและให้ความช่วยเหลือ 3. อย่าเพิ่งถูกเนื้อต้องตัวกัน เพราะอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ตั้งใจได้ 4. หลีกเลี่ยงการไปพักค้างแรมด้วยกันตามลำพังหรือไปเป็นหมู่คณะก็ตาม 5. หลีกเลี่ยงการอยู่กันตามลำพังในที่รโหฐาน 6. หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่เปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นผับบาร์ สถานเริงรมย์ โรงแรม 7. ควรนัดพบกันในเวลากลางวันจะปลอดภัยกว่าสำหรับเพศหยิง 8. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ทุกชนิด อยู่ให้ห่างสารเสพติดทุกชนิดด้วย เพราะสองสิ่งนี้นำไปสู่เพศสัมพันธุ์ที่ไม่ตั้งใจมากนักต่อนักแล้ว 9. เด็กวัยรุ่นผู้หญิงควรแต่งกายให้มิดชิดปิดของสงวนไว้ ไม่ควรแต่งกายในลักษณะยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ 10. หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนที่ชอบชวนออกไปเที่ยวข้างนอก เที่ยวกลางคืน หรือไปกับคนแปลกหน้า และที่สำคัญมากก็คือหากจะมีเพศสัมพันธุ์ครั้งควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และการติดโรคต่าง ๆ ด้วยค่ะ

  • กะหล่ำดาว ..อาหารสำหรับคนที่อยากมีลูก

    กะหล่ำดาว ..อาหารสำหรับคนที่อยากมีลูก

    กะหล่ำดาว ..อาหารสำหรับคนที่อยากมีลูก มีผลการวิจัยออกมาว่าผักที่มีประโยชน์สำหรับคู่สามีภรรยาที่อยากมีลูกนั้น  หากได้ทาน “กะหล่ำดาว” หรือ “บรัสเซลส์ สเปราท์ส” (brussels sprouts) แล้วจะช่วยให้ภาวะเจริญพันธ์มีความสมบูรณ์ขึ้น เพราะในกระหล่ำดาวนั้นมีกรดโฟลิกสูง  จึงช่วยให้ผู้ที่ตั้งครรภ์แล้วลดอัตราเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด และลดอัตราลูกที่คลอดออกมาไม่สมประกอบด้วย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนที่มีชื่อว่า ได อินโดลิลมีเทน  ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ทำให้ภาวะเจริญพันธ์ในผู้หญิงมีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีการยืนยันจากโภชนากรด้วยอีกด้วย หากคู่สามีภรรยารับประทานกะหล่ำดาวมากขึ้น ยังช่วยให้มีลูกง่ายขึ้นด้วย  ผู้ที่ลองหาอาหารเสริมสำหรับบำรุงการเจริญพันธ์  น่าลองทานกะหล่ำดาวให้เป็นประจำดูนะคะ น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ

  • เช็คความรู้กันก่อนดีไหม.. ท่าไหนป้องกันการตั้งครรภ์ได้

    เช็คความรู้กันก่อนดีไหม.. ท่าไหนป้องกันการตั้งครรภ์ได้

    เช็คความรู้กันก่อนดีไหม.. ท่าไหนป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ยังมีคู่รักบางส่วนที่ใช้หลักการ “นับวัน” เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์กันอยู่ รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็ยังมีสิทธิ์พลาดตั้งครรภ์ขึ้นมาได้ง่ายอีกด้วย วันนี้เช็คก่อนหน่อยดีกว่าว่าคุณมีความรู้ด้านอื่น ๆ ในการป้องกันการตั้งครรภ์ดีขนาดไหน .. อ่านคำถามไปแล้วตอบตัวเองในใจก่อนเฉลยก็ดีนะคะ 1. การป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือวิธีไหน..? ไม่ว่าจะเป็นการสวมถุงยาง การใช้ยาคุม ก็ยังดีไม่เท่าการทำรักทางช่องคลอด (ก็แล้วแต่ชอบนะ หากไม่สะดวกใจ ใช้ถุงยางเถอะ) 2. ระหว่างมีรอบเดือนจะตั้งครรภ์ได้หรือเปล่า ตั้งครรภ์ได้ อีกอย่าง..ในระหว่างคุณมีรอบเดือน คุณแน่ใจได้ยังไงว่านั่นคือรอบเดือน ไม่ใช่การตกเลือดแบบอื่น ๆ 3. มีเซ็กซ์ทางช่องทางไหนที่ทำให้ทั้งครรภ์ได้? ก็ต้องทางช่องคลอดน่ะสิ ช่องทางอื่น อย่างปากหรือประตูหลัง ทำคุณท้องไม่ได้หรอก 4. มีเซ็กซ์ท่าไหนที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ระหว่างมิชชันนารี, Woman on Top หรือท่ายืน ท่าไหนก็ท้องได้ทั้งหมด ดังนั้น.. ใช้วิธีป้องกันแบบอื่นมาช่วยเถอะ 5. แล้วถ้าใช้วิธี “ออกข้างนอก” ล่ะ จะมีโอกาสการตั้งครรภ์อยู่หรือเปล่า ถ้าทำแบบถูกต้องเลยนะ จะมีโอกาสอยู่ 1 ใน 25 แต่ถ้าทำดีบ้างพลาดบ้าง โอกาสก็จะพุ่งขึ้นไปที่ 7…

  • เซ็กซ์ครั้งแรก.. เค้าทำกันยังไงเหรอ?

    เซ็กซ์ครั้งแรก.. เค้าทำกันยังไงเหรอ?

    เซ็กซ์ครั้งแรก.. เค้าทำกันยังไงเหรอ? แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติ.. แต่นี่ก็ยังเป็นคำถามที่อยู่ในใจใครหลายคนที่ไม่เคยมีเซ็กซ์มาก่อน  แม้จะพยายามบอกว่าการมีเซ็กซ์ก็เหมือนกับกิจกรรมที่เมื่อเราพยายามหัดแล้วก็เป็นไปเลย เช่น ขี่จักรยาน ขับรถ ขี่มอเตอร์ไซต์ ว่ายน้ำ ฯลฯ  แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่ดีกว่าแล้วมันจะเริ่มอย่างไร ทำอย่างไรต่อไม่ให้เก้ ๆ กังๆ งั้นก็มาลองอ่านขั้นตอนของการมีเพศสัมพันธ์เหล่านี้กันดีกว่าค่ะ การมีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรก ขอให้ทั้งคู่คือฝ่ายชายและฝ่ายหญิงทำใจให้สบายทั้งสองฝ่าย  ปล่อยตัวและใจไปตามอารมณ์ธรรมชาติ  หากเป็นครั้งแรกของฝ่ายหญิงด้วย ฝ่ายชายควรเล้าโลมอย่างนุ่มนวลเพื่อให้เธอได้มีอารมณ์มากขึ้น มีน้ำหล่อลื่นออกมาทางช่องคลอดมาก ๆ หน่อย  เพราะครั้งแรกของผู้หญิง มักจะเจ็บเพราะยังไม่เคยถูกขยายมาก่อน  รวมทั้งในช่วงของการสอดใส่ก็ควรทำให้เบามือที่สุด หากรุนแรงเกินไปก็อาจทำให้ฝ่ายหญิงบาดเจ็บจนเข็ดหลาบการมีเพศสัมพันธ์ได้ ในส่วนของฝ่ายหญิง หากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอาจทำให้มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยได้ เพราะเยื่อพรหมจรรย์เกิดการปริหรือฉีกขาด แต่บางคนอาจไม่มีเลือดออกมาเลยก็ไม่ผิดแปลกอะไร นั่นเพราะเยื่อดังกล่าวอาจฉีกขาดไปก่อนหน้านี้แล้วจากการขี่จักรยาน เล่นกีฬา กระโดดโลดเต้นหรือช่วยตัวเองมาก่อน ฯลฯ ระหว่างฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงนั้น  ฝ่ายชายจะถึงจุดสุดยอดได้เร็วกว่าฝ่ายหญิง  ซึ่งบางครั้งอาจใช้เวลาเพียง 4-5 นาที  แต่ฝ่ายหญิงจะใช้ระยะเวลานานกว่านั้น  ดังนั้นการเล้าโลมปลุกเร้าอารมณ์ให้กับฝ่ายหญิงให้มากเพียงพอ จึงจะทำให้เธอได้ไต่ถึงสวรรค์พร้อม ๆ กันกับฝ่ายชายได้ และสิ่งที่สำคัญสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ก็คือความปลอดภัย  ควรสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึ่งประสงค์  อีกทั้งคู่ที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์กันนั้นควรมีความพร้อมทั้งเรื่องของอายุ การศึกษา การเงินและการงานด้วย  จึงจะเป็นการดีทั้งสองฝ่าย

  • ท้องหรือไม่ สังเกตง่าย ๆ จากอาการดังต่อไปนี้

    ท้องหรือไม่ สังเกตง่าย ๆ จากอาการดังต่อไปนี้

    ท้องหรือไม่ สังเกตง่าย ๆ จากอาการดังต่อไปนี้ อาการคนแพ้ท้องนั้นมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ผู้หญิงแต่ละคน บางคนก็อาจมีอาการคล้ายแม่หรือแม่สามีของตัวเอง บ้างก็คลื่นไส้อาเจียน บ้างก็อยากทานของดอง ของเปรี้ยว หรือของแปลกอื่น ๆ แต่บางคนก็มีอาการที่ไม่เหมือนคนท้องเลยซักนิด เรามาดูกันดีกว่าว่าคนท้องส่นมากมีอาการแสดงออกมาอย่างไรกันบ้าง – รอบเดือนขาดหายไป การสังเกตที่รอบเดือนแบบนี้อาจจะไม่ค่อยแม่นยำเท่าไรนัก เพราะผู้หญิงบางคนก็อาจมีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ บางเดือนก็มาตรงเวลา บางเดือนก็เลทไป ตรวจด้วยเทสเตอร์จะดีกว่าค่ะ – เข้าห้องน้ำบ่อย ๆ เพราะการขยายขนาดของมดลูกอาจมากขึ้นจนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ผู้ที่ตั้งครรภ์ปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ – คลื่นไส้อาเจียน เป็นอาการที่พบได้บ่อย ๆ สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ บางคนอาจเป็นตลอดจนแต่บางคนก็เป็นแค่บางช่วยเวลา หรือระยะสั้น ๆ ก็มี – อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ง่าย อาการเห็นได้ชัดว่าขี้โมโห หงุดหงิดง่ายขึ้นกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงกับร้องไห้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องได้ด้วย – มีประสาทสัมผัสทางจมูกที่ไวกว่าเดิม รับรู้กลิ่นได้มากขึ้น บางทีก็เหม็นกลิ่นของที่ตัวเองเคยชอบได้ ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือกระทั่งน้ำหอมที่เคยชอบ – อ่อนเพลียและเหนื่อยล้ามากกว่าเดิม ง่วงบ่อย…

  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่สูดเอาอากาศที่มีมลพิษเข้าไป ทำให้ลูกในครรภ์ออกมาตัวเล็ก

    ผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่สูดเอาอากาศที่มีมลพิษเข้าไป ทำให้ลูกในครรภ์ออกมาตัวเล็ก

    ผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่สูดเอาอากาศที่มีมลพิษเข้าไป ทำให้ลูกในครรภ์ออกมาตัวเล็ก การศึกษาครั้งใหญ่นี้พบว่าในเกือบทุกจุดที่เก็บข้อมูลทั้งหมด ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่หายใจเอาอากาศที่มีมลพิษมากที่สุด โดยวัดจากระดับความหนาแน่นของฝุ่นคาร์บอนมีโอกาสสูงมากที่จะคลอดลูกที่มีน้ำหนักตัวตอนคลอดต่ำกว่าสองพันห้าร้อยกรัมหรือห้าจุดห้าปอนด์ ทารกทีีมีน้ำหนักตัวต่ำตอนคลอด หากรอดชีวิต จะมีโอกาสเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพรุนแรงหลายอย่างและอาจประสบกับปัญหาการเรียนรู้ในระยะเวลาต่อมาของชีวิต การศึกษาโดยทีมงานนักวิจัยนานาชาติได้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กทารก 3 ล้านคนโดยเป็นการเก็บข้อมูลทั้งหมดใน 14 จุดใน 9 ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย โดยใช้เวลาศึกษานาน 15 ปีเริ่มตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2538 ผู้เชี่ยวชาญกล่าวสรุปว่า อาจเป็นเพราะว่ามลพิษทางอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของทารกที่กำลังพัฒนาในครรภ์ หรืออาจเป็นเพราะว่าฝุ่นผงขนาดเล็กในอากาศสามารถเข้าไปถึงปอดและสารพิษจากฝุ่นควันพิษสามารถเข้าไปสู่กระแสเลือดและส่งต่อไปยังตัวทารกทำให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาของเด็กทารกได้

  • คณะแพทย์ รามา แนะนำวิธีป้องกันมะเร็งมดลูก และ มะเร็งไข่ในผู้หญิง ที่ยังไม่มีลูก

    คณะแพทย์ รามา แนะนำวิธีป้องกันมะเร็งมดลูก และ มะเร็งไข่ในผู้หญิง ที่ยังไม่มีลูก

    คณะแพทย์ รามา แนะนำวิธีป้องกันมะเร็งมดลูกและมะเร็งไข่ในผู้หญิง ที่ยังไม่มีลูก ในผู้หญิง เมื่อมีการเจริญเติบโตขึ้น ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงด้านสังคม ารพัฒนาของระบบเจริญพันธุ์ เกิดการตกไข่และมีประจำเดือน สามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้ กระบวนการเจริญสู่วัยสาว ทำให้เกิดอาการทางร่างกายที่เด็กหญิงไม่เคยประสบมาก่อน เช่น อาการคัดตึงของเต้านม จากการกระตุ้นของฮอร์โมนที่สร้างจากรังไข่ อาการปวดท้องน้อยข้างเดียวจากการตกไข่ อาการปวดหน่วงขณะมีประจำเดือนอันเกิดจากมดลูกบีบตัว ในแต่ละรอบเดือน รังไข่จะสร้างฮอร์โมนเพศหญิงปริมาณมหาศาล ฮอร์โมนเหล่านี้จะไปกระตุ้นอวัยวะของความเป็นหญิง เช่น เต้านม มดลูก ปีกมดลูก และอวัยวะในอุ้งเชิงกราน ในสตรีบางคนการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้เกิดภาวะบางอย่าง เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งมักร่วมกับอาการปวดประจำเดือนอย่างมาก ฮอร์โมนอาจกระตุ้นการเจริญของเนื้องอกในตัวมดลูกและเต้านม ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาขึ้นจนกลายเป็นมะเร็งได้ การกระตุ้นให้เนื้องอกในมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือในรายที่เป็นมะเร็งเต้านม อาจกระตุ้นให้มะเร็งแพร่กระจาย สภาวะเหล่านี้จะลดน้อยลง หรือหายไปได้หากปราศจากการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศหญิงในรายที่เป็นมะเร็งมดลูก หรือเต้านมจำเป็นต้องกำจัดแหล่งที่มาของฮอร์โมนเพศหญิงให้หมด และอาจจำเป็นต้องผ่าตัดรังไข่ออกทั้งสองข้างหรือให้ยาต่อต้านฮอร์โมนเพศหญิง ในสตรีโสดการทำงานของรังไข่ จะเป็นไปตามรอบเดือนอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเสี่ยงจะเกิดภาวะอันเกิดจากฮอร์โมนเพศหญิงได้สูง เช่น เกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เยื่อบุโพรงมดลูกหนา เป็นถุงน้ำหรือก้อนที่เต้านม ติ่งเนื้อหรือเนื้องอกของตัวมดลูก ซึ่งภาวะเหล่านี้จะพบมากขึ้นตามอายุ ในสตรีโสดที่อายุเกิน 40 ปี อาจตรวจพบเนื้องอกตัวมดลูกได้ถึงร้อยละ 30-50 มะเร็งสตรีที่ร้ายแรง คือ…

  • นักวิจัยพบว่า มารดามีน้ำหนักตัวน้อยและเคยผ่าตัดลดน้ำหนัก ทำให้ลูกที่เกิดไม่เป็นโรคอ้วน

    นักวิจัยพบว่า มารดามีน้ำหนักตัวน้อยและเคยผ่าตัดลดน้ำหนัก ทำให้ลูกที่เกิดไม่เป็นโรคอ้วน

    นักวิจัยพบว่า มารดามีน้ำหนักตัวน้อยและเคยผ่าตัดลดน้ำหนัก ทำให้ลูกที่เกิดไม่เป็นโรคอ้วน นักวิจัยแคนนาดา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปกติด มารดาที่อ้วน เมื่อคลอดลูกออกมา ลูกก็มักจะอ้วนด้วย แต่ในงานวิจัยเรื่องนี้ได้พบว่า การที่มารดาน้ำหนักตัวน้อย หรือก่อนตั้งครรภ์ได้มีการผ่าตัดลดน้ำหนักนั้น จะทำให้เด็กที่เกิดมาไม่อ้วน และยังมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจในตอนอายุมาก น้อยลง รายงานนี้ยังพบว่า เชื้อพันธุ์หรือ gene ที่เกี่ยวโยงกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆที่สืบเนื่องกับความอ้วนของเด็กที่เกิดหลังการผ่าตัดของมารดา ทำงานแตกต่างไปจาก gene ในเด็กที่เกิดก่อนการผ่าตัด ซึ่งนักวิจัยตีความว่า เด็กที่เกิดทีหลังอาจได้เปรียบทางด้านสุขภาพมากกว่าพี่ๆที่เกิดก่อน แต่อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่า การดูแล และโภชนาการของเด็ก ยังมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพเด็กที่เกิดทีหลังอยู่ต่อไป งานวิจัยครั้งนี้ ชี้แนวทางการวิเคราะห์ไว้ว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า มารดาถ่ายทอดเชื้อพันธุ์ หรือ gene ที่แตกต่างให้กับลูกที่เกิดทีหลัง หากแต่เป็นการบ่งชี้ว่า การทำงานของเชื้อพันธุ์ในตัวเด็กเปลี่ยนไป และแสดงให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมและโภชนาการตั้งแต่แรกเริ่ม ส่งผลกระทบระบบการเผาผลาญของร่างกายที่กำลังพัฒนาในตัวทารกที่ยังอยู่ในครรภ์มารดาได้