Tag: ชีวิตคู่
-
อยู่กับคู่อย่างมีความสุข
อยู่กับคู่อย่างมีความสุข คู่สามีภรรยาที่ต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกันตลอดเวลา ก็ย่อมต้องมีปัญหาขัดแย้งกันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกคนย่อมมีความแตกต่างกัน การแก้ปัญหาก็คือการจัดการความแตกต่างระหว่างคนสองคนให้อยู่ร่วมกันให้ได้ ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนใครคนใดคนหนึ่งเพื่อตามใจใครอีกคน แล้วจะจัดการความแตกต่างนี้อย่างไรดี มาลองดูทีละข้อค่ะ – คุยกันค่ะ ว่าที่คิดไม่เหมือนกันนั้นคือเรื่องใด แล้วบอกกันอย่างตรงไปตรงมาว่า แต่ละคนต้องการอะไร – หากมีปัญหาให้แก้ไขร่วมกัน หรือหากมีหลายปัญหาให้พูดคุยกันแล้วแก้ไปทีละเรื่องด้วยความเข้าใจกัน – มีปัญหากันเรื่องใด ให้นำเอาสิ่งที่เขาคิดหรือพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องมาพูดคุยกัน อย่าตำหนิตัวบุคคล แต่ให้คุยกันที่พฤติกรรม จะเป็นการแก้ปัญหาเชิงบวกมากกว่า – ระหว่างสามีและภรรยาควรหาเวลาเพื่อคุยกันในเรื่องสำคัญ หรือเรื่องที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน อย่าให้มีเรื่องอื่นมารบกวนได้ ให้ต่างฝ่ายต่างพูดได้อย่างอิสระ ไม่ตัดสินผิดหรือถูก ให้พูดออกมาโดยไม่มีทิฐิ ความถือดีหรือความอยากเอาชนะ ยอมรับความคิดของกันและกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีการกระทำหรือความคิดที่แตกต่างจากเรา – กล่าวคำขอโทษ การขอโทษทำให้บรรยากาศดีขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ขอโทษเราคืนด้วย ใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง ไม่ตั้งเงื่อนไข ต่อว่าหรือดูถูก เพราะจะยิ่งดูเหมือนทำไปเพราะประชด การขอโทษรักษาสัมพันธภาพในครอบครัวไว้ได้มากกว่าการมีเหตุผลตลอดเวลา – จริงใจในการแก้ปัญหา ไม่สักแต่ขอโทษไปวัน ๆ อีกทั้งยังควรสร้างบรรยากาศดี ๆ ขึ้นระหว่างกันและกัน อาจจะเป็นการไปเที่ยวต่างจังหวัดเปลี่ยนบรรยากาศ ให้ได้มีเวลาทบความเรื่องราวหลายอย่างที่ผ่านมาด้วย – มองตัวเองให้มากเข้าไว้ การปรับตัวเข้าหากันคือการปรับที่ตัวเองเข้าหาผู้อื่น เราไม่สามารถปรับแต่ผู้อื่นเข้าหาเราได้หรอก ชีวิตคู่ที่เข้าใจกันและราบรื่นจะทำให้ชีวิตด้านอื่น…
-
เสพสม..ให้สมรัก
เสพสม..ให้สมรัก ระหว่างชีวิตคู่ของคนสองคนนั้น การจะประสบกับความราบรื่นและความสุขได้ก็มักจะมีเรื่องของเพศสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการจะเสริมสร้างให้ชีวิตคู่มีความสำเร็จสมปรารถนานั้นต้องมีปัจจัยต่าง ๆ เป็นพื้นฐาน ได้แก่ ทั้งคู่ต้องเต็มใจและสมัครที่จะใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความรักความเข้าใจ ทั้งสองฝ่ายต่างมีความพึงพอใจในรสนิยม นิสัย ฐานะ ความรูป และรูปร่างภายนอกของกันและกัน รวมทั้งทั้งสองฝ่ายก็ต้องการมีเพศสัมพันธ์ มีความสุขหรือความพอใจในความปรารถนาในร่างกายของอีกฝ่าย รวมไปถึงทั้งสองคนต้องมีความเต็มใจ และมีความรู้สึกที่เป็นอิสระหรือยินยอมพร้อมใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้รู้สึกว่าถูกบังคับ ข่มขู่หรือใช้กำลังในการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนั้นการจะร่วมครองเรือนกันให้มีความสุขนั้น ควรมีการเปิดใจกันทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่มักคิดว่าเรื่องนี้ความเก็บความรู้สึกไว้ไม่ควรบอกใคร หากบอกแล้วอาจจะทำให้คนอื่นมองดูตนเองไม่ดีได้ บางครั้งจึงส่งผลให้การมีเพศสัมพันธ์กลายเป็นความทุกข์ไม่สุขสมเท่าที่ควรได้ ทางที่ดีควรหันหน้าเข้าหากันดีกว่า โดย.. 1. เปิดใจถึงความต้องการของกันและกันอย่างจริงใจและให้เกียรติ อาจเป็นการพูดคุย การเขียนโน้ตบอก หรือการแสดงออกด้วยหน้าตาและสีหน้า รวมทั้งสัมผัสทางกาย 2. ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยการยอมรับว่าเรื่องเพศสัมพันธ์นั้นสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ และไม่ควรเก็บหรือปิดบังไว้เพราะจะกลัวว่าทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย สำหรับการเสริมสมรรถภาพทางเพศ ก็คือการทำร่างกายให้แข็งแรงไปด้วยทางหนึ่ง ด้วยการทานอาหารที่มีคุณค่า ดูแลจิตใจให้เบิกบาน ออกกำลังกายเป็นประจำ รวมทั้งมีทัศนคติที่ดีในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ตนรัก รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งหาอะไรที่แปลกใหม่มาเพิ่มความสุขให้แก่กันและกัน บางครั้งอาจเปลี่ยนสถานที่เป็นที่ ๆ โรแมนติกมากขึ้น ลองใส่ชุดหรือเสื้อผ้าที่ไม่เคยใส่ สร้างบรรยากาศภายในห้องนอนเหมาะสม เป็นต้น สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องตระหนักก็คือ ควรมีความรับผิดชอบในการมีเพศสัมพันธ์กันทุกครั้ง ควรเป็นเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยจากโรคติดต่อ ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ รวมทั้งป้องกันไวรัสเอชพีวีที่อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกด้วย
-
เรื่องควรรู้…ก่อนการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
เรื่องควรรู้…ก่อนการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน การจะใช้ชีวิตคู่ให้ราบรื่นและมีความสุขนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจ รวมทั้งปรับตัวเข้าหากัน ดังนั้นทั้งคู่จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวและศึกษาซึ่งกันและกันก่อนแต่งงาน เพื่อให้ชีวิตคู่ที่ทั้งสองเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยกันมีความสุขอย่างยั่งยืนค่ะ อันดับแรกจึงควรศึกษากันและกันก่อนว่ามีความพร้อมมากน้อยขนาดในการอยู่ร่วมกัน ทั้งทางร่างกาย ทางจิตใจ สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม พิจารณาว่าการที่เลือกกันและกันนี้ไม่ใช่การเลือกด้วยอารมณ์เท่านั้นแต่เลือกด้วยความเหมาะสมด้วย ประกอบการมีชีวิตคู่จำเป็นต้องมีทุนทรัพย์ที่ใช้ในการสร้างครอบครัว และอันดับสุดท้ายที่ต้องคำนึงก็คือ ควรเข้าตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบความพร้อมในการมีครอบครัว และตรวจว่าทั้งสองฝ่ายมีโรคทางพันธุกรรมหรือโรคอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อชีวิตแต่งงานด้วยหรือไม่ ซึ่งการเข้าตรวจสุขภาพก่อนการมีครอบครัวนี้ก็เพื่อ 1. ตรวจให้แน่ใจว่ามีอาการหรือสิ่งผิดปกติใด ๆ ที่จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ในอนาคตหรือไม่ 2. เพื่อค้นหาความบกพร่องต่าง ๆ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อการมีเพศสัมพันธ์และเป็นอุปสรรคในการตั้งครรภ์ 3. ตรวจเลือดเพื่อหาระดับน้ำตาลและความเข้มข้นของเม็ดเลือด ตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี โรคเลือดธาลัสซีเมีย รวมทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย 4. ตรวจปอดเพื่อหาความผิดปกติ 5. เพื่อการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ ป้องกันโรคหัดเยอรมันและบาดทะยัก 6. เพื่อให้ทั้งคู่ได้รับคำแนะนำในเรื่องการวางแผนครอบครัว การคุมกำเนิดและความรู้เรื่องเพศ ฯลฯ ชีวิตคู่จริง ๆ ไม่ได้เหมือนในละครเสมอไป ที่พอจบเรื่องก็แฮปปี้เอนดิ้ง แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตอีกแบบหนึ่งต่างหาก หากทั้งคู่พร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน พร้อมที่จะพบสุขพบทุกข์ด้วยกันและรับผิดชอบเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยกัน รวมทั้งร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ชุมชนและบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นต่อไป ชีวิตคู่ก็จะมีความสุขร่วมกันไปได้ตลอดรอดฝั่งค่ะ
-
การแต่งงาน สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น
การแต่งงาน สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น รายงานจากมหาวิทยาลัย Brigham Young ในสหรัฐ สรุปว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนสนิท เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงานและสมาชิกในครอบครัว จะช่วยเพิ่มโอกาสของการมีอายุยืนยาวได้ถึง 50% โดยรายงานชิ้นนี้เปรียบเทียบผู้ที่ขาดความสัมพันธ์กับคนรอบข้างว่า มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่วันละ 15 มวน หรือผู้ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง รายงานอีกชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษระบุว่า การที่ผู้ชายได้พบเจอเพื่อนฝูงเป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้มีร่างกายแข็งแรงขึ้น โดยรายงานชิ้นนี้เจาะจงด้วยว่าการพบปะในหมู่เพื่อนฝูงผู้ชายอย่างมีนัยสำคัญ คือมีการพบปะอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งและต้องมีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างน้อย 4 คนขึ้นไป จะช่วยให้ร่างกายของคุณผู้ชายแข็งแรงขึ้นได้ รายงานจากสถาบันโรคมะเร็ง Dana-Farber ค้นพบว่าคนที่แต่งงานแล้ว มีโอกาสรอดชีวิตจากโรคมะเร็งมากกว่าคนโสดหรือคนที่หย่าร้าง โดยได้เก็บข้อมูลจากผู้ป่วยโรคมะเร็ง 700,000 คน พบว่าคนที่แต่งงานแล้วมีโอกาสตรวจพบมะเร็งได้เร็วกว่าคนโสด ทำให้สามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า เคล็ดลับเรื่องนี้คือคู่สามีภรรยานั้นมักจะกระตุ้นกันและกันให้ไปตรวจร่างกายเป็นประจำมากกว่าคนที่ยังไม่มีคู่ นอกจากนี้รายงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย Rice กับมหาวิทยาลัยรัฐ Pennsylvania ชี้ว่า คนที่หย่าร้างมีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ป้องกันได้มากกว่าคนที่แต่งงานอยู่ถึง 2 เท่า เช่นเหตุไฟไหม้ การถูกสารพิษ หรือการสูดดมควันพิษภายในบ้าน รายงานชิ้นนี้สรุปว่าคู่สามีภรรยามักจะคอยตักเตือนและระวังภัยให้กันและกัน รวมถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ รายงานจากมหาวิทยาลัย Michigan ระบุว่าคูสมรสที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีโอกาสสูงที่ชีวิตสมรสจะแข็งแรงตามไปด้วย…