Tag: ควบคุมน้ำหนัก

  • หลักการใช้ชีวิตที่ดี เพื่อดูแลความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน

    หลักการใช้ชีวิตที่ดี เพื่อดูแลความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน

    หลักการใช้ชีวิตที่ดี เพื่อดูแลความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับมาตรฐาน เพราะการใช้ชีวิตในรูปแบบปัจจุบัน ทั้งโภชนาการที่ล้นเกิน และอบายมุขทั้งหลาย ทำให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีกว่าปีละเกือบล้านคน โรคนี้ทำให้เส้นเลือดแข็งตัว มีความยืดหยุ่นน้อยลง ความเร็วของการไหลเวียนโลหิต ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองแตกหรือหลอดเลือดสมองตีบ และอาจมีโอกาสเป็นโรคไตวายได้ โรคความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่อาจทำลายชีวิตคนได้ตลอดเวลา เราจึงควรดูแลร่างกายตัวเองแต่เนิ่น ๆ ดังนี้ หลักข้อแรก ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน ควรรักษาค่าดัชนีมวลกายไว้อยู่ระหว่าง 18.5-22.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร หลักข้อที่สอง ทานอาหารและเลือกทานเฉพาะที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่การกินอาหารที่มีปริมาณสัดส่วนสารอาหารที่พอเพียงต่อร่างกาย ลดอาการที่มีรสชาติหวาน ทานแป้งและน้ำตาลแต่พอดี ลดอาหารที่มีไขมันสูง เพิ่มสัดส่วนของผักและผลไม้ที่มีรสหวานให้น้อยลง ทานธัญพืชให้เป็นประจำ รวมไปถึงการกินอาหารที่รสเค็มอาหารที่ปรุงด้วยเกลือ ซีอิ๊วน้ำปลา กะปิ ปลาร้า ให้น้อยลง และไม่ควรปรุงอาหารเพิ่มเองด้วย หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋อง ขนมกรุบกรอบ ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ ไก่ทอด แฮม เบคอน หากต้องการปรุงรสอาหารเพิ่มแนะนำให้เติมมะนาว พริก น้ำส้มสายชูหมัก เครื่องเทศหรือสมุนไพร แทนเครื่องปรุงรสเค็มทั้งหลาย และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่และไม่ควรอยู่ในที่ที่มีแต่ควันบุหรี่ด้วย หลักข้อที่สาม ขยับเขยื้อนเนื้อตัวอยู่ตลอดเวลา หันมาเดินให้มากขึ้น…

  • อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก

    อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก

    อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก เดี๋ยวนี้มีโฆษณาจำหน่ายกาแฟที่ดื่มแล้วช่วยให้รูปร่างผอมเพรียวได้มาขายกันหลายยี่ห้อเลยนะคะ ถึงแม้กาแฟจะมีผลช่วยให้ระดับการเผาผลาญในร่างกายเพิ่มมากขึ้นบ้าง แต่หากดื่มเป็นประจำ คาเฟอีนในกาแฟอาจมีผลต่อการเส้นของหัวใจมากกว่า จากข้อมูลของศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิค โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ระบุว่า แม้กาแฟนจะมีส่วนเพิ่มระดับการเผาผลาญได้แต่ก็มิได้มากพอที่จะทำให้ร่างกายผอมลง แต่การดื่มมากเกินไปกลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะจนเป็นอันตราย อีกทั้งครีมเทียมและน้ำตาลที่ผสมในกาแฟยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน อีกทั้งแต่ละซองยังให้พลังงานมากนอกจากไม่ผอมแล้วยังอาจทำให้อ้วนขึ้นได้อีก หรือต่อให้ดื่มกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมเทียมก็ช่วยยกระดับการเผาผลาญได้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ควรดื่มมากอยู่ดีเพราะคาเฟอีนอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ นอกจากนี้แล้ว องค์การอาหารและยาหรือ อย. ของประเทศไทยเรายังได้ตรวจพบว่าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปลดความอ้วนที่ไม่มีฉลากภาษาไทยหลายยี่ห้อนั้น อย.ไม่อนุญาตให้ระบสรรพคุณว่าลดความอ้วนได้ อีกทั้งหากดื่มเข้าไปมาก ๆ จะทำให้หน้ำหนักเพิ่มได้ด้วยน้ำตาลหรือครีมและนมในกาแฟนั้น ๆ รวมไปถึงหัวใจยังทำงานหนักเนื่องจากได้รับคาเฟอีนมากเกินไป รวมไปถึงกาแฟบางยี่ห้อยังลักลอบใส่สารอันตรายไว้ในกาแฟด้วย อย่างเช่น ยาไซบูตรามีน ที่มีผลให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นยาที่ห้ามใช้ในประเทศไทยไปแล้ว สรุปได้ว่ากาแฟสูตรใดสูตรหนึ่งนั้นไม่สามารถลดน้ำหนักได้ ยกเว้นว่าใส่สารบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อร่างกายลงไปด้วย การลดน้ำหนักที่ดีที่สุดก็คือ การควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วยกัน หากพบการจำหน่ายอาหารหรือยา ที่น่าจะผิดกฎหมาย ขอให้รีบแจ้ง อย. 1556 สายด่วน อย. ด้วยค่ะ

  • หัวเราะรักษาโรคได้สารพัด ลองดูสิ!!

    หัวเราะรักษาโรคได้สารพัด ลองดูสิ!!

    หัวเราะรักษาโรคได้สารพัด ลองดูสิ!! การอยู่ในบ้านหรือในสังคมที่อุดมความสดชื่น เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกครื้นเครงนั้น ช่วยให้อารมณ์สดใจ จิตใจมีสุขภาพดีขึ้นได้มากเลยนะคะ ยิ่งโดยเฉพาะในครอบครัวใดที่มีคนที่ป่วยหนักอยู่ การสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นในครอบครัว ช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เราหาเวลาแต่ละวันอยู่ร่วมกัน แล้วผลัดกันเล่าเรื่องราวขำขันแบ่งปันกันฟัง หรือถ้านึกมุขไม่ออกจะเปิดหนังตลก ทอล์คโชว์ขำ ๆ ดูด้วยกันก็ดีเช่นกัน การหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ความรู้สึกเกร็งหรือฝืนหมดไป (การรับน้องหรือปฐมนิเทศพนักงานจึงมักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เพราะช่วยละลายพฤติกรรมให้เปิดใจเข้าหากันได้มากกว่า) อีกทั้งการหัวเราะยังสร้างบรรยากาศดีขึ้นในบ้าน กระชับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้แล้วการหัวเราะมีประโยชน์ดังต่อไปนี้อีกค่ะ – การหัวเราะช่วยลดความเจ็บปวด ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น – รักษาอาการซึมเศร้า ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเซโรโทนิน และโดปามีนมากขึ้น จิตใจจึงสงบเยือกเย็น – เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ได้ ที่เห็นได้ชัดก็คือป้องกันโรคหวัดได้ – การหัวเราะช่วยลดน้ำหนัก เพราะการหัวเราะแม้วันละเพียง 1-5 นาทีต่อวัน สักวันละสิบครั้ง จะช่วยลดความอยากอาหาร จึงมีผลต่อการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งจะแตกต่างกับความเครียดอย่างสิ้นเชิง ยิ่งเครียดน้ำหนักก็ยิ่งขึ้นเพราะอยากอาหารมากกว่าเดิมนั่นเอง – การเปล่งเสียงหัวเราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวใจได้ เหมาะแม้สำหรับผู้ป่วยที่นอนบนเตียงและผู้สูงอายุด้วย – การหัวเราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้า และส่วนอื่น ๆ ที่กระเพื่อมขึ้นลงเวลาหัวเราะ เท่ากับได้บริหารร่างกายเบา ๆ…

  • อาการความดันโลหิตสูง…ต้นเหตุสารพัดโรค

    อาการความดันโลหิตสูง…ต้นเหตุสารพัดโรค

    อาการความดันโลหิตสูง…ต้นเหตุสารพัดโรค ความดันโลหิต หมายถึง แรงดันของโลหิตที่เกิดจากหัวใจทำการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งแบ่งออกเป็นสองค่า ก็คือค่าความดันขณะที่หัวใจบีบตัว (ตัวบน) และค่าความดันขณะที่หัวใจคลายตัว (ตัวล่าง) โดยปรกติคนทั่วไปจะมีค่าความดันโลหิตอยู่ที่ 120/80 มม.ปรอท แต่หากความดันโลหิตเกินกว่า 140/90 ขึ้นไป ถือได้ว่าเข้าข่ายเป็นโรค “ความดันโลหิตสูง” ซึ่งควรใส่ใจดูแลตนเองให้มาก ป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขึ้นและโรคอื่น ๆ ที่จะตามมาทั้งโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง เกิดได้หลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น หลอดเลือดมีการหดตัวผิดปกติ การสะสมของไขมันบริเวณผนังหลอดเลือด หรือการสะสมน้ำและเกลือแร่ในร่างกายมากเกินไป ฯลฯ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้หัวใจจะทำงานหนักมา และในระยะยาวหลอดเลือดจะเกิดความเสื่อมไปทั่วร่าง แรก ๆ จะทำให้มีโปรตีนรั่วออกมาปนกับปัสสาวะจนตรวจพบได้ แต่ในระยะยาวจะทำให้ไตเสื่อมจนขับของเสียและเกลือแร่ออกมาได้น้อยลง เกลือแร่ที่ตกค้างจึงยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นไปอีก จนไตวายในที่สุด ผู้ที่ทราบว่าตนเป็นมีอาการความดันโลหิตสูง จึงควรควบคุมความดันของไว้และหมั่นตรวจความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องอย่าหยุดยาไปเอง และพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ควบคุมน้ำหนักตัว ลดอาหารที่มีโซเดียมหรือเกลือ อาหารที่มีไขมันสูง ลดการดื่มกาแฟ เหล้า บุหรี่ ทานผักผลไม้ให้มาก ออกกำลังให้สม่ำเสมอ และที่สำคัญไม่แพ้อย่างอื่นก็คือพยายามผ่อนคลายตนเองอย่างให้เครียดด้วยค่ะ เพราะความเครียดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญทำให้ความดันโลหิตพุ่งสูงขึ้นได้เช่นกันค่ะ  

  • วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค

    วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค

    วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค โรคติดต่อไม่เรื้อรังนั้นมักถูกเข้าใจว่าน่าจะเป็นโรคของประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ โรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรคนี้เป็นปัญหาของประเทศกำลังพัฒนาต่างหาก เพราะขาดความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากด้วย โรคทั้งห้านี้ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยโรคเหล่านี้มีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี แล้วยังเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตหรือพิการเพิ่มขึ้นด้วยนะ สาเหตุของโรคทั้งห้าชนิดนี้ มักเป็นบุคคลที่ชอบทานอาหารหวานจัด เค็ม หรือมีไขมันสูง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีความเครียดมากแล้วไม่ค่อยรู้จักการผ่อนคลายกับทั้งยังขาดการออกกำลังกาย ฯลฯ จึงทำให้เป็นโรคอ้วนตามมา การที่มีไขมันสะสมในช่องท้องมากนี้ ไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ส่งผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดีนัก จึงเป็นต้นเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย และอาจเสียชีวิตได้ หากจะวัดกันที่ดัชนีรอบเอวจะพบว่ารอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุก 5 เซนติเมตรจะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคเบาหวานสูงขึ้นถึง 3-5 เท่า หมายถึงว่ายิ่งพุงใหญ่เท่าไรก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น โรคเกณฑ์การจำแนกว่าเป็นโรคอ้วนลงพุงของคนไทยก็คือ หากผู้ชายมีรอบเอวเกิน 90…

  • กินเจ.. กินอย่างไรได้สุขภาพดีไปด้วย

    กินเจ.. กินอย่างไรได้สุขภาพดีไปด้วย

    กินเจ.. กินอย่างไรได้สุขภาพดีไปด้วย ถึงช่วงเทศกาลกินเจกันทีไร หลายคนก็มักตั้งใจว่าจะกินให้ครบตลอดทั้ง 10 วัน ก็ขออนุโมทนาสาธุกันไว้ก่อนเลย แม้จะมีหลายคนที่เจแตกกันไปบ้างระหว่างทาง แต่อย่างไรการตั้งใจทำความดี ละเว้นการเบียดเบียนแม้สักวินาทีเดียวก็ถือเป็นกุศลมหาศาลแล้ว และสำหรับเทศกาลแห่งมหากุศลนี้ มีหลายคนที่ถือเอาช่วงระยะเวลานี้เป็นช่วงของการรักษาสุขภาพและดูแลรักษารูปร่างกัน เพราะอาหารเจที่ปราศจากเนื้อสัตว์และการปรุงแต่งรสนั้น เหมาะมากสำหรับการควบคุมน้ำหนักด้วย แต่อาหารเจที่ทำขายกันอยู่ทั่วไปมากเป็นอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันพืชและแป้งเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่ามีแคลอรี่มากกว่าอาหารธรรมดาในช่วงเวลาทั่วไปเสียอีก แล้วที่นี้เราจะเลือกทานอาหารเจอย่างไรดีเพื่อให้ลดน้ำหนักได้ หรืออย่างน้อยต้องไม่อ้วนไปด้วยไขมันมากกว่าเดิม ก็ลองดูเคล็ดลับการเลือกอาหารเจเหล่านี้กันดูนะคะ 1. ข้าวหรือแป้งที่จะรับประทาน เลือกเป็น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ธัญพืชชนิดต่าง ๆ ที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ช่วยให้อิ่มท้องนาน และมีวิตามินแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายมากมาย ไม่ย่อยสลายหายไปจากการขัดสี 2. เลือกผักหรือซื้ออาหารที่ทำจากส่วนใบของผักมาทานให้มากกว่าผักประเภทหัว มีคาร์โบไฮร์เดรตน้อย เส้นใยอาหารสูง ช่วยดักจับคอเลสเตอรอลได้ 3. เลือกทานอาหารที่ปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ตุ๋น ดีกว่าการทอดและการผัดที่มีไขมันสูง 4. เลี่ยงขนมและอาหารที่มีรสหวาน หรือเค็มจัด 5. เลือกทานผักสด ผลไม้สด ที่มีไฟเบอร์มาก ๆ และย่อยได้ง่าย ทำให้การดูดซึมในลำไส้ดี การขับถ่ายก็สะดวกด้วย