Tag: คลื่นไส้
-
ทานอาหารให้ปลอดภัยในช่วงหน้าร้อน
ทานอาหารให้ปลอดภัยในช่วงหน้าร้อน หน้าร้อนเป็นช่วงเวลาที่อาหารบูดเสียได้ง่าย เพราะอากาศร้อนทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนจึงเป็นช่วงเวลาที่มักจะพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ ท้องร่วงท้องเสียได้บ่อยครั้ง เกิดขึ้นได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด มีสารพิษเชื้อโรคปะปน อาหารที่ปรุงไม่สุก อาหารค้างคืนที่ไม่อุ่น อาหารกระป๋องที่หมดอายุแล้ว รวมไปถึง การจัดเก็บอาหารที่ไม่เหมาะสมและสุขอนามัยที่ไม่ดีของคนปรุงอาหารด้วย ทำให้มีเชื้อโรคหรือสารพิษปนเปื้อนในอาหารได้ รวมไปถึงการทานอาหารรสจัดก็ทำให้ท้องเสีย ท้องเดินได้เช่นกัน อาหารเป็นพิษนั้นจะมีอาการเกิดขึ้นหลังจากทานอาหารไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงถึง 1 วัน ขึ้นกับชนิดและขนาดของเชื้อที่ได้รับเข้าไป จะทำให้มีอาการท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำหรือมีมูกปนได้ อาจมีไข้ อ่อนเพลีย หากรุนแรงเชื้ออาจติดเข้าไปในกระแสเลือด เลือดเป็นพิษ และพิษจากพืชบางชนิดอาจมีผลต่อระบบประสาททำให้ชัก หมดสติและตายได้ และหากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบไปพบแพทย์.. ท้องเสียท้องเดินไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง มีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง อุจจาระมีมูกหรือเลือดปนกลิ่นเหม็นเหมือนกุ้งเน่า มีไข้สูง หนาวสั่น เพราะมีภาวะลำไส้อักเสบหรือติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเด็กที่ท้องเสียอายุน้อยกว่า 3 ขวบ เป็นผู้สูงอายุ เป็นสตรีมีครรภ์ เพราะบุคคลเหล่านี้อาจเสียชีวิตได้ง่าย และจะทำให้เกิดความผิดปกติกับแม่หรือลูกในครรภ์ได้ด้วย การดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากอาการท้องเสียท้องเดิน และอาหารเป็นพิษ ก็คือการทานอาหารที่สดสะอาด ปลอดภัย ไม่ควรทานอาหารที่มีรสจัดหรือไม่สะอาด อาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน…
-
ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร
ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร อย่าเพิ่งคิดว่ายาหอมจะเป็นยาสำหรับคนแก่เท่านั้นนะคะ ความจริงแล้วยาหอมเป็นยาที่เหมาะสำหรับทุกวัยช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ โดยในยาหอมแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันไป ซึ่งตามบัญชียาแผนโบราณสามัญประจำบ้านนั้น มียาหอมอยู่ถึงสี่ชนิดได้แก่ – ยาหอมเทพจิตรช่วยบำรุงหัวใจ แก้ลม – ยาหอมทิพโอสถ แก้ลมวิงเวียน – ยาหอมอินทจันทร์ แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ – ยาหอมนวโกฐ แก้ลมคลื่นเหียนอาเจียน ยาหอมนั้นเป็นยาที่ช่วยปรับการทำงานของลมที่เคลื่อนไหวในร่างกาย (ตามหลักการแพทย์แผนไทย) ส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ และความรู้สึก คยาหอมบางชนิดปรับสมดุลการหมุนเวียนของเลือดที่เรียกว่าลมละเอียด และบางชนิดก็แก้ปัญหาที่ลมกองหยาบ ที่หมายถึงอาการจุกเสียดในท้อง ยาหอมไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง แต่เป็นยาปรับสมดุลธาตุ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ทำให้ลมไหลเวียนได้สะดวก ทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ตามปกติ การดูแลสุขภาพนั้นควรดูแลอวัยวะหลายส่วนทั้งภายในและภายนอกไปพร้อมกัน เพราะอวัยวะทุกส่วนต่างทำงานสัมพันธ์กัน และควรดูแลจิตใจให้ดีด้วย หากจำเป็นต้องใช้ยา ลองใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้าน หรือลองหายาหอมไว้ประจำบ้านหรือติดกระเป๋าไว้ในบ้างก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ
-
วิธีป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเดินอาหารเบื้องต้น
วิธีป้องกันและรักษาโรคติดต่อทางเดินอาหารเบื้องต้น ในฤดูร้อนและฤดูฝนที่บางครั้งก็มีฝนตกหนักจนน้ำท่วมนั้น เป็นระยะที่มีการระบาดของโรคท้องเดิน อาหารเป็นพิษ อหิวาห์ ไข้ไทฟอยด์ได้ ซึ่งอาการของโรคเหล่านี้ได้แก่ ถ่ายเหลว หรือถ่ายเป็นถ่าย ถ่ายมีมูกเลือด มักปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้ร่วมด้วย ไข้ไทฟอยด์นั้นมักจะมีไข้สูงตลอดเวลานานเป็นอาทิตย์ ปวดหัวและนอนซม ซึ่งโรคติดต่อทางเดินอาหารเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วย – ทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด ไม่บูดเสีย ไม่กินอาหารที่มีกลิ่นบูด หรือทิ้งค้างคืนและอาหารที่มีแมลงวันตอม – ให้ดื่มแต่น้ำสะอาด เช่น น้ำต้มสุก น้ำดื่มบรรจุขวด – หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ทั้งก่อนปรุงอาหาร เตรียมอาหาร ก่อนทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ – หากต้องติดอยู่ในที่น้ำท่วม ห้ามถ่ายอุจจาระลงน้ำ ควรถ่ายลงส้วมดัดแปลงหรือถ่ายใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่ปูนขาวลงไปจำนวนพอสมควรแล้วปิดปากถุงให้แน่นแล้วนำไปใส่ไว้ในถุงดำ หรือถุงขยะ แต่หากมีอาการท้องเดินแล้ว ให้รักษาตัวเบื้องต้นดังต่อไปนี้ – ดื่มน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส หรือน้ำข้าวต้มใส่เกลือ น้ำอัดลมใส่เกลือ หรือจะปรุงเองโดยใช้น้ำตาลทราย สองช้อนโตะ และเกลือครึ่งช้อนชาเล็ก ดื่มบ่อย ๆ ครั้งละครึ่งแก้วให้เพียงพอกับที่ถ่ายออกไป จะสังเกตได้ว่าปัสสาวะจะมากและใส – ให้ทานยาแก้ไข้พาราเซตามอลหากมีไข้สูง – สำหรับเด็กเล็กนั้นให้ดื่มนมแม่ตามปกติ ถ้ากินนมผงให้ผสมนมให้จางลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยชงจนกว่าอาการจะเริ่มทุเลา…
-
พิษอันตรายจากสารตะกั่ว
พิษอันตรายจากสารตะกั่ว ตะกั่ว เป็นโลหะชนิดอ่อนที่สามารถพบได้ในธรรมชาติ เป็นโลหะที่มนุษย์สนใจความเป็นพิษของมันมากที่สุด เพราะมีการนำเอาตะกั่วมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมแบตเตอรี่รถยนต์, ตะกั่วอินทรีย์เป็นสารเคมีที่ใช้เติมน้ำมันเบนซิน, อุตสาหกรรมสีและสารเคมี, สารฆ่าแมลงจากตะกั่วอาร์เซนเนทในผสมสีทาอาคาร, สีที่ผสมในของเด็กเล่น, สีสำหรับวาดภาพ, สีที่ใช้พิมพ์ในหนังสือพิมพ์ วารสารต่าง ๆ ฯลฯ ต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้มนุษย์ทุกคนมีโอกาสสัมผัสกับตะกั่วได้แทบทุกวัน นอกจากนี้แล้วยังมีการนำเอาตะกั่วออกไซด์มาใช้เป็นเครื่องสำอางค์ด้วย กองพิษวิทยาเคยตรวจพบแป้งโยตัวเด็กมีตะกั่วปนอยู่ถึงร้อยละ 74 อันตรายต่อเด็กมาก อีกทั้งคนทั่วไปยังได้รับสารตะกั่วจากท่อไอเสียรถยนต์ อาหาร น้ำ สิ่งแวดล้อมอื่นๆ ตะกั่วเป็นโลหะที่ไม่จำเป็นในกระบวนการดำรงชีวิต จึงมีการกำหนดมาตรฐานป้องกันสารตะกั่วปนเปื้อนในอากาศ น้ำและอาหาร เพื่อความปลอดภัยของประชากรหลายประเทศและประเทศไทยด้วย พิษเรื้อรังของตะกั่วนั้นจะแสดงอาการออกมาหลังจากได้รับตะกั่วทีละน้อย อาจใช้เวลาเป็นปีกว่าจะแสดงอาการ ตะกั่วนั้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปจับกับเม็ดเลือดแดง แทนที่เหล็กซึ่งใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดอาการโลหิตจาง ปริมาณเหล็กในน้ำเหลืองเพิ่มผิดปกติ ตะกั่วบางส่วนจะไปสะสมในกระดูก ทำให้มีอาการปวดตามข้อ กระดูกผุและหักง่าย หากสะสมที่รากฟันทำให้เห็นสีม่วงหรือสีดำที่เหงือก ทำให้ฟันหลุดได้ง่าย นอกจากนี้แล้วยังสะสมในไขมัน ระบบประสาท น้ำเหลือง ตับไต อาการพิษเรื้อรังที่พบได้บ่อย ๆ ก็คือ ปวดท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก…
-
ใช้ชีวิตให้ดี ห่างไกลจากโรคไต
ใช้ชีวิตให้ดี ห่างไกลจากโรคไต ไตของคนเรานั้น เป็นอวัยวะที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นของเจ้าของ มีรูปร่างคล้ายถั่วแดง อยู่บริเวณด้านหลังของลำตัวในระดับของกระดูกซี่โครงส่วนล่าง ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ ควบคุมการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย กรองของเสียในร่างกาย หากไตบกพร่องก็อาจทำให้คุณเป็นโรคไตได้ด้วย โรคไตนั้นมีหลายชนิด แต่ที่อันตรายที่สุดเห็นจะเป็นไตวายเรื้อรัง มีอาการที่เห็นได้ก็คือ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ซึม วิงเวียน ปวดหัว การรับรสเปลี่ยนไป มีอาการชาตามปลายมือและปลายเท้า รวมทั้งน้ำหนักตัวลดลงได้ และที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคไตที่สำคัญคือ พฤติกรรมการถ่ายปัสสาวะเปลี่ยนไปทั้งในเรื่องความถี่ ปริมาณของน้ำปัสสาวะ สีของปัสสาวะ เช่น เข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นเวลากลางคืน ปริมาณลดน้อยลง ปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ หรือมีเลือดปนออกมา รวมทังปวดหลังปวดเอว ความดันโลหิตสูง หน้าบวม เท้าบวมและท้องบวม กลุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคไตวายนั้นจะมีอยู่สองกลุ่มก็คือ กลุ่มที่เป็นโรคที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคไตอยู่แล้ว เช่น ความดันสูง หรือเบาหวาน กับอีกกลุ่มคือเป็นโรคไตซ่อนอยู่ และไม่เคยแสดงอาการอะไรออกมาเลย ไม่เคยป่วยเจ้าโรงพยาบาลแต่ความจริงมีโรคไตซ่อนอยู่ หากไม่ตรวจก็จะไม่รู้ว่าเป็นโรคไต โรคไตนี้สามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงได้โดย – อย่าทรมานไตมากเกินไป ด้วยการกินยาที่ซื้อมาเอง หรือกินยาผิดขนาด ผิดชนิด และปริมาณ รวมทั้งกินยาซ้ำซ้อนไปหมด หากซื้อยามากินเองไม่ปรึกษาแพทย์อาจทำให้เกิดผลเสียต่อไต ทำให้ไตอักเสบและเป็นโรคไตได้ –…
-
ดูแล…อาการปวดศีรษะด้วยตัวคุณเอง
ดูแล…อาการปวดศีรษะด้วยตัวคุณเอง การปวดศีรษะเป็นอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พบเห็นได้บ่อย ๆ อยู่แล้ว ซึ่งสามารถก็ได้แก่ การใช้สายตานานและมากเกินไป นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียดหรือมีปัญหาจากไมเกรน ซึ่งการดูแลอาการปวดศีรษะเหล่านี้แบบเบื้องต้นก็คือการให้ยาหม่องทาถูกนวดบริเวณจุดที่ปวด หากยังไม่หายดีก็ให้ทานยาพาราเซตามอลตามขนาด แล้วหากยังไม่หายขาดก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที แต่หากเป็นอาการปวดหัวที่เกิดจากความเครียดควรผ่อนคลายตัวเองลง แล้วหาทางพักผ่อน อาจเป็นการทำจิตใจให้ผ่อนคลาย นอนหลับให้เพียงพอ อาบน้ำสบาย ๆ แล้วพักผ่อนก็จะช่วยได้ด้วย หรือในบางกรณีอาจปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อช่วยกันหาทางออกก็ได้ สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งก็ไม่มีอันตรายร้ายแรงมาก โรคปวดหัวไมเกรนนี้มักเกิดกับผู้ท่มีอายุตั้งแต่ 15-55 ปี โดยเริ่มปวดครั้งแรกเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยทำงาน โดยเริ่มจากตาพร่า เวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้ แล้วจะจะปวดตุบ ๆ ตรงขมับข้างเดียวหรือสองข้าง และจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ระยะเวลาการปวดอาจนานเป็นชั่วโมงหรือนานถึง 1-2 วัน อาจเป็น ๆ หาย ๆ ตามสิ่งที่กระตุ้น ซึ่งหากท่านมีอาการไมเกรนควรดูแลตนเองดังต่อไปนี้ 1. เมื่อเริ่มปวดหัว ให้ทานยาพาราเซตามอลทันที 1-2 เม็ด เพราะหากปล่อยไว้เกินครั้งชั่วโมง ยาแก้ปวดจะใช้ไม่ได้ผล เมื่อทานยาแล้วควรทานพักในห้องเย็น ๆ…
-
หน้าฝน “ป้องกันยุงเกิด.. อย่าให้ยุงกัด” ลดความเสี่ยงไข้เลือดออก
หน้าฝน “ป้องกันยุงเกิด.. อย่าให้ยุงกัด” ลดความเสี่ยงไข้เลือดออก. ฤดูฝนที่กำลังมาเยือนนี้ มีโรคระบาดที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับเด็ก ๆ ก็คือ โรคไข้เลือดออกนั่นเอง เป็นโรคที่มักระบาดในช่วงที่มีฝนตกชุกจนเกิดน้ำขังตามภาชนะและสิ่งของต่าง ๆ ที่รองน้ำเก็บไว้โดยไม่เกิดการหมุนเวียนถ่ายเท ยุงลายซึ่งเป็นพาหะของโรคนี้จึงแพร่พันธุ์เกิดขึ้นได้มากมาย โดยเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้เลือดออกนี้ชื่อว่า “ไวรัสเดงกี่” ที่จะอยู่ในตัวยุงลายที่ไปกัดคนที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก แล้วไปกัดคนอื่น ๆ แพร่เชื้อต่อไปเรื่อย ๆ เพราะยุงตัวเมียที่พกพาไวรัสไปด้วยนี้จะมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 4-6 อาทิตย์ เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัสเดงกี่นี้ไปแล้วจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2-7 วัน ผู้ป่วยจึงมักมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน หน้าแดง ตัวแดง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร มีผื่นหรือจุดแดงตามลำตัว แขนและขา กับทั้งมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งอาจมีอาการปวดท้อง เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล ถ่ายสีดำได้ รวมไปถึงอาจเกิดอาการช็อกได้อีกโดยให้สังเกตว่าแม้ไข้จะลดแล้ว แต่ผู้ป่วยยังมีอาการซึม ตัวเย็น กระสับกระส่ายปวดท้อง อาเจียนหรือหมดสติอยู่ ทั้งหมดนี้อาจเกิดขึ้นได้หากไม่สังเกตอาการและรักษาไม่ทันการ ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรดูแลเด็กๆ และบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากเด็กมีไข้สูงเฉียบพลัน ควรเช็ดตัวลดไข้และให้ยาลดไข้พาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อมเพื่อให้ทานง่าย และใช้ตามขนาดที่กำหนดทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง เมื่อไข้ลดแล้วจึงหยุดยา (หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินเพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อกรุนแรงได้)…
-
มุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับ “ไข่” ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอียู
มุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับ “ไข่” ระหว่างสหรัฐอเมริกาและอียู ในระยะปี 1996 ถึงปี 2012 นั้น มีการระบาดของเชื้อซัลโมเนลล่าในสหรัฐอเมริกาถึง 45 ครั้ง ทำให้มีคนป่วยถึง 1,581 ราย มีอการหนักถึงต้องพักรักษาในโรงพยาบาล 221 คน และมีผู้เสียชีวิต 5 ราย และจากสถิติการระบาดของเชื้อท้องเสียซาลโมเนลลในสหรัฐฯ ช่วงปี 2004-2008 มีสาเหตุมาจากสัตว์ปีก 29% ไข่ 18% ซึ่งก็เท่ากับ 47% หรือเกือบครึ่งจากสาเหตุทั้งหมด (ที่เหลือมาจากเนื้อหมู 12% เนื้อวัว 8% และไวน์, พืชผัก, ผลไม้และ เมล็ดพืชเปลือกแข็ง (นัท เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ) 13% อื่นๆ 20% ) จากเดิมเคยเชื่อว่าไข่นั้นติดเชื้อซัลโมเนลล่าผ่านการปนเปื้อนมูลสัตว์ หรือติดจากทางเดินอาหาร แต่การศึกษาใหม่พบว่า เชื้อท้องเสียซาลโมเนลลา ผ่านจากทางเดินอาหาร (ลำไส้) เข้าสู่กระแสเลือดสัตว์ปีกก่อน ทำให้รังไข่ติดเชื้อ และมีโอกาสพบเชื้อในไข่ที่…
-
โรคท้องเสีย อาการธรรมดาที่อาจไม่ธรรมดา
โรคท้องเสีย อาการธรรมดาที่อาจไม่ธรรมดา อย่าเพิ่งแปลกใจที่หัวข้อเรื่องนี้อาจขัดความคิดของใครหลาย ๆ คน เพราะเข้าใจมาตลอดว่าอาการท้องเสียนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บทความในวันนี้จะนำคุณผู้อ่านได้ไปเห็นว่าความจริงแล้วอาการท้องเสียนั้น อาจนำไปสู่อาการที่คาดไม่ถึงและเสียชีวิตได้เช่นกัน หากชะล่าใจ เรามาระแวดระวังเรื่องนี้ด้วยการใส่ใจกับอาการท้องเสียและหาความรู้กันใหม่ก่อนดีกว่า โรคท้องร่วง ท้องเสีย หรืออุจจาระร่วงนั้น หมายถึงการถ่ายอุจจาระเหลว หรืออุจจาระเป็นน้ำเกินกว่า 2 ครั้งในวันเดียว หรือการอุจจาระเป็นมูกปนเลือดเพียงครั้งเดียวก็ถือว่าท้องเสียแล้ว ซึ่งในอดีตนั้นจะเรียกการถ่ายอุจจาระที่ปนมูกเลือดว่าเป็นโรคบิด เพราะผู้ป่วยจะมีอาการปวดบิดในท้องขณะที่เบ่งอุจจาระไปด้วย โรคท้องเสียนั้นแบ่งออกได้เป็นสองชนิดก็คือ 1. โรคท้องเสียแบบเฉียบพลัน มักจะเกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย พยาธิในลำไส้ 2. โรคท้องเสียแบบเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการท้องเสียนานกว่า 2 อาทิตย์เป็นต้นไป มักไม่ได้เกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือติดเชื้อ แต่เกิดจากการย่อยอาหารและการดูดซึมที่ผิดปกติ การอักเสบจากภูมิแพ้ หรือติดเชื้อ ตลอดจนเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร ดังนั้นโรคท้องเสียชนิดนี้จึงเป็นเรื่องไม่ธรรมดา หรือแม้แต่ท้องเสียแบบเฉียบพลันเอง ก็อาจพบได้ว่าทำให้เสียชีวิตได้เหมือนกัน ถ้าได้รับการรักษาไม่ถูกต้องหรือช้าเกินไป ส่วนใหญ่การเสียชีวิตจะเกิดจากภาวะช็อก หรือภาวะที่เกิดจากการขาดน้ำและเกลือแร่เป็นจำนวนมาก ส่วนน้อยที่จะเกิดจากภาวะโลหิตเป็นพิษ ซึ่งทั้งสองแบบมีอาการเตือนแต่อาจถถูกละเลยจากแพทย์และผู้ป่วยเอง เพราะถ้าสังเกตได้ทันก็จะรอดชีวิต ซึ่งทุกคนควรสังเกตอาการเหล่านี้เอาไว้ โดยสัญญาณอันตรายมีทั้งหมด 6 ข้อดังต่อไปนี้ และผุ้ป่วยต้องรีบบอกแพทย์ไม่ว่าแพทย์จะถามหรือไม่ก็ตาม อีกทั้งสัญญาณเตือน 6 ข้อนี้ยังสามารถใช้กับโรคที่เกิดอาการช็อกแทรกซ้อนอื่น…
-
ท้องหรือไม่ สังเกตง่าย ๆ จากอาการดังต่อไปนี้
ท้องหรือไม่ สังเกตง่าย ๆ จากอาการดังต่อไปนี้ อาการคนแพ้ท้องนั้นมีความแตกต่างกันไปแล้วแต่ผู้หญิงแต่ละคน บางคนก็อาจมีอาการคล้ายแม่หรือแม่สามีของตัวเอง บ้างก็คลื่นไส้อาเจียน บ้างก็อยากทานของดอง ของเปรี้ยว หรือของแปลกอื่น ๆ แต่บางคนก็มีอาการที่ไม่เหมือนคนท้องเลยซักนิด เรามาดูกันดีกว่าว่าคนท้องส่นมากมีอาการแสดงออกมาอย่างไรกันบ้าง – รอบเดือนขาดหายไป การสังเกตที่รอบเดือนแบบนี้อาจจะไม่ค่อยแม่นยำเท่าไรนัก เพราะผู้หญิงบางคนก็อาจมีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ บางเดือนก็มาตรงเวลา บางเดือนก็เลทไป ตรวจด้วยเทสเตอร์จะดีกว่าค่ะ – เข้าห้องน้ำบ่อย ๆ เพราะการขยายขนาดของมดลูกอาจมากขึ้นจนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ผู้ที่ตั้งครรภ์ปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ – คลื่นไส้อาเจียน เป็นอาการที่พบได้บ่อย ๆ สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ บางคนอาจเป็นตลอดจนแต่บางคนก็เป็นแค่บางช่วยเวลา หรือระยะสั้น ๆ ก็มี – อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ง่าย อาการเห็นได้ชัดว่าขี้โมโห หงุดหงิดง่ายขึ้นกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จนถึงกับร้องไห้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องได้ด้วย – มีประสาทสัมผัสทางจมูกที่ไวกว่าเดิม รับรู้กลิ่นได้มากขึ้น บางทีก็เหม็นกลิ่นของที่ตัวเองเคยชอบได้ ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือกระทั่งน้ำหอมที่เคยชอบ – อ่อนเพลียและเหนื่อยล้ามากกว่าเดิม ง่วงบ่อย…