Tag: การดูแลสุขภาพ
-
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมคืออะไร?
การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมคืออะไร? การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมนั้น จะมองว่าการเจ็บป่วยหรือความบกพร่องทางสุขภาพที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย จะเกี่ยวพันกับส่วนอื่น ๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มาปฏิสัมพันธ์กับคน ๆ นั้น ซึ่งหลักการของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมก็คือ 1. การดูแลสุขภาพองค์รวม จะให้คุณค่าของคำว่าสุขภาพ ว่าคือการปรับปรุง แก้ไข พัฒนาสุขภาพให้มีสุขภาวะที่ดีอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การไม่เจ็บป่วย 2. สุขภาพของเราจะเป็นแบบที่เราใช้ชีวิต การบริโภคสิ่งใดทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะเป็นตัวกำหนดสุขภาพกายและสุขภาพใจของคน ๆ นั้น 3. การดูแลสุขภาพองค์รวม จะเน้นการพัฒนาให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ทบทวนพฤติกรรมที่เคยใช้ชีวิตมาในอดีตที่อาจเป็นผลต่อสุขภาพในปัจจุบัน รวมทั้งพิจารณาพฤติกรรมตนเองในแต่ละวันที่อาจมีผลต่อสุขภาพในอนาคตด้วย 4. การดูแลสุขภาพแบบนี้จะเน้นคุณค่าต่อวิถีการดำรงชีวิต ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ ความรับผิดที่ผู้ป่วยจะพึงมีต่อตนเอง และให้ผู้ป่วยได้ดูแลตนเองให้มีสุขภาวะที่สมดุลและสมบูรณ์ในทุกด้าน 5. เมื่อเกิดความเจ็บป่วยขึ้น การแพทย์แบบองค์รวมจะใช้หลักการในการแลกเปลี่ยนเรื่องการรักษาและดูแลสุขภาพกับคนไข้ ด้วยการเยียวยาแบบธรรมชาติ และพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ทั้งตัวของผู้ป่วยเองและสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องอันเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยด้วย การแพทย์แบบองค์รวมนี้เป็นการแพทย์ทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่เป็นศาสตร์เพื่อการวินิจฉัย รักษา และป้องกันโรค มีหลายโรคร้ายแรงที่การแพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หาย แต่เมื่อผู้ป่วยได้เข้ามาใช้วิธีการแพทย์แบบทางเลือกรักษา ก็ทำให้อาการดีขึ้นได้ ปรับชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติได้มากขึ้น อาการจึงดีขึ้นนั่นเอง ซึ่งได้แก่การดูแลในเรื่องของอาหารและโภชนาการ การคลายความเครียด…
-
ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ
ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ ระยะนี้คนไทยเราเริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายดูแลสุขภาพ และดูแลอาหารการกินกันมากขึ้นแล้วนะคะ การจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนาร่างกายขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่นกันเล่นกีฬาก็จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้กระทำอย่างสม่ำเสมอด้วยกระบวนการที่เหมาะสม จะทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างมั่นคงนั่นเอง ผู้ที่เพิ่งหันมาออกกำลังกายใหม่ ๆ นั้น ควรเลือกออกกำลังกายในระดับเบาก่อน ยังไม่ควรหักโหมไปวิ่งทันที ควรเริ่มด้วยการเดินเบา ๆ หรือปั่นจักรยานช้า ๆ ก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหากหักโหมอาจปวดข้อหรือได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ในช่วงเริ่มแรกควรค่อย ๆ ฟิตร่างกายให้ดีก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปออกกำลังกายที่หนักขึ้นจะช่วยถนอมกล้ามเนื้อ ข้อต่อและกระดูกไปได้อีกทาง การเตรียมตัวก่อนการออกกำลังกาย ต้องเริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง และใช้การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อวอร์มร่างกาย ข้อต่อส่วนต่าง ๆ ด้วยก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน คุณอาจวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่เบา ๆ หรือเดินเบา ๆ ก่อนสัก 5-10 นาทีแล้วค่อยเดินเร็วหรือเริ่มวิ่ง ข้อดีของการอบอุ่นร่างกายอีกอย่างก็คือจะกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้อีกทางหนึ่ง การออกกำลังกายควรเป็นกิจวัตรที่มีความสม่ำเสมอ และเป็นชนิดกีฬาที่ชื่นชอบด้วยจึงจะทำให้ไม่เบื่อ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งไม่ควรหักโหมจนเกินไป การจะวัดว่าเหนื่อยเกินไปหรือยังให้สังเกตว่ายังพูดเป็นคำได้อยู่หรือเปล่า หากเหนื่อยจนพูดไม่เป็นคำก็ถือว่าหักโหมเกินไปแล้ว ควรค่อย ๆ…
-
ยอมรับความเสื่อมของร่างกายตามกาลเวลา
ยอมรับความเสื่อมของร่างกายตามกาลเวลา เมื่ออายุยิ่งมากขึ้นเท่าไร การดูแลสุขภาพก็ยิ่งเป็นเรื่องจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น หากจะเปรียบไปแล้วร่างกายของคนก็เหมือนกับรถที่เก่าลงทุกปี จำเป็นต้องเข้าอู่เพื่อตรวจเช็คสภาพ บำรุงรักษาอยู่เนือง ๆ ร่างกายเราเมื่ออายุมากขึ้นก็ย่อมมีความเสื่อมโทรมลงเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะส่วนใดก็หลีกเลี่ยงความจริงข้อนี้ไปไม่ได้ ซึ่งอาการหรือโรคที่บ่งบอกว่าร่างกายเรากำลังเสื่อมโทรมเอาที่เห็นกันได้ชัด ๆ นั้นก็คือ ตาฝ้าฟาง หูตึง ปวดกล้ามเนื้อ และปวดกระดูก อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงโรคเรื้อรังไม่ติดต่อจำพวก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด โรคอ้วน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่พบได้แม้ในคนที่อายุยังน้อยอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากวิธีการใช้ชีวิตนั่นเอง แต่คนเราก็ไม่เหมือนรถไปซะหมดทุกอย่าง เพราะคนเราก็ยังมีจิตใจ และจิตวิญญาณ ซึ่งสุขภาพของคนจะดีได้นั้นผู้ที่เป็นเจ้าของร่างกายก็จำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่ทุกสัดส่วน ร่างกายจึงจะอยู่กับเรานาน ๆ ไม่เสื่อมโทรมไว หรือเสียบ่อย ๆ แล้วก็ยังใช้การได้ดีจนสิ้นอายุขัย พึงตระหนักไว้ว่าสุขภาพของผู้ที่เข้าวัยชรานั้นเปรียบเหมือนรถเก่าก็ตรงที่ มักจะเสียง่าย ใช้งานหนักมากไม่ไหว แล้วก็ต้องเข้าอู่บ่อย สุดท้ายก็ต้องพัง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลอย่างเหมาะสม เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นก็ซ่อมแซมตามจำเป็น แต่หากมีปัญหาซับซ้อนก็ควรแยกแยะให้ออกว่าจะปล่อยไปหรือนำไปซ่อม ควรมีสติ มีความรู้ และอย่างกังวลมากเกินไป นอกจากนี้แล้วยังควรหากช่างซ่อม หรือหมอ พร้อมอู่ หรือโรงพยาบาลที่ไว้ใจได้มาดูแลด้วย ผู้สูงวัยทุกท่านจำเป็นต้องแยกแยะให้ได้ว่า อาการชนิดไหนเป็นโรคที่ไม่ต้องรักษา…