Tag: กล้ามเนื้อ

  • การชะลอความเสื่อม และลดอาการปวดข้อเข่า

    การชะลอความเสื่อม และลดอาการปวดข้อเข่า

    การชะลอความเสื่อม และลดอาการปวดข้อเข่า โรคข้อเข่าเสื่อม ความจริงแล้วมักจะเกิดในผู้สูงอายุเป็นหลัก เกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกาย และตอนนี้มักพบว่าแม้วัยจะยังไม่เข้าสู่วัยชรา หากใช้ข้อเข่าอย่างไม่ถูกต้อง หรือมีน้ำหนักตัวเกินมาก ก็อาจมีปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ซึ่งสาเหตุของการมีข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยนั้นก็คือ การใช้ขา หรือข้อเข่ามากเกินไป, ยืน เดิน วิ่ง ทำให้น้ำหนักของร่างกายกดลงบนเข่ามากขึ้น 3-4 เท่าตัว, ผู้ที่มีอาชีพต้องยกหรือแบกของหนัก, คนอ้วนน้ำหนักเกิน, ประสบอุบัติเหตุบริเวณเข่า, ติดเชื้อโรคข้อเข่าบางชนิด ฯลฯ เหล่านี้ ทำให้ข้อเข่าต้องแบกรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นทุกขณะที่เดินหรือยืน ความเจ็บปวดจึงตามมาทุกย่างก้าว โดยอาการของโรคนี้เมื่อเริ่มแรกจะรู้สึก เมื่อยตึง ๆ ที่น่องและข้อพับเข่าก่อน เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ ข้อขัด มีเสียงดังกรอบแกรนเวลาขยับข้อ บวม มีน้ำในข้อ ปวด จนถึงเข่าบิดหรือผิดรูปไปเลย ซึ่งอาการที่แสดงออกขึ้นอยู่ว่าเป็นมากหรือน้อย สำหรับผู้ที่มีอาการโรคข้ออักเสบแล้ว นอกจากการไปพบแพทย์เพื่อขอรับการรักษาก็ควรดูแลตัวเองและชะลอความเสื่อมของโรคข้อดังต่อไปนี้ค่ะ – เมื่อมีอาการปวดและบวมขึ้น ให้ใช้ความร้อนประคบบริเวณเข่า จะช่วยลดความเกร็งของกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข่า ลดความปวดได้ – ชะลอความเสื่อมด้วยการสร้างกล้ามเนื้อเข่าให้แข็งแรง ด้วยท่าบริหารนี้ นั่งเก้าอี้หลังติดพนักแล้วเหยียดเข่าให้ตรง เกร็งค้างไว้ 10 วินาทีแล้วค่อย ๆ…

  • อาการข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ และคำแนะนำในการดูแล

    อาการข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ และคำแนะนำในการดูแล

    อาการข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ และคำแนะนำในการดูแล ในผู้สูงอายุนั้นที่มักจะพบกันบ่อย ๆ นอกจากโรคประจำตัวอื่น ๆ แล้วก็ยังมีอาการข้อเสื่อมและกระดูกพรุนที่พบได้บ่อยด้วยเช่นกัน มักเกิดกับข้อใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ข้อต่อสะโพก ข้อกระดูกสันหลัง และข้อเข่า พบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ขาดหายไป จนทำให้กระดูกพรุนและในวัยหนุ่มสาวไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกเอาไว้ พออายุมากเข้าจึงทำให้ข้อต่าง ๆ รับน้ำหนักส่วนเกินไม่ไหว เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแอลง ทำให้ข้อเสื่อมและเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาได้ ซึ่งมีสัญญาเตือนด้วยอาการปวดดังต่อไปนี้ 1. มักมีอาการเจ็บแบบขัด ๆ จะปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้เข่า แต่เมื่อได้พักจะรูสึกสบายขึ้น แต่หากทิ้งไว้ไม่ดูแล หรือยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่องก็อาจปวดมากจนเดินไม่ไหวก็ได้ 2. ข้อเข่าบวมขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเข่าได้รับแรงกระแทกสูง เข่าจะปวดออกมาจนเห็นได้ชัด หากได้รับการรักษาก็อาจจะบรรเทาลง แต่หากกลับไปใช้งานหนักอีกก็สามารถบวมได้อีก 3. อาการเข่าอ่อน หรือเข่าฝืด มักจะเกิดขึ้นตอนที่เข่ายังไม่บวม ลุกนั่งลำบาก ต้องค่อย ๆ ยืดตัวยืน และค่อย ๆ ย่อตัวนั่งจึงจะนั่งลง บางรายเป็นมากจนหัวเข่าผิดรูปหรือเข่าโก่งก็มี ดังนั้นเมื่อมีสัญญาเตือนอาการข้อเข่าเสื่อมแล้ว ควรรีบดูแลตัวเองและเข้ารับการรักษา ก่อนที่จะรักษาได้ยากดังนี้ค่ะ – อย่าปล่อยให้น้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป รักษาน้ำหนักให้สมดุ – พยายามอย่าใช้เข่าทำงานมากเกินไป เช่น…

  • สร้างกล้ามท้องเซ็กซี่สำหรับสาว ๆ

    สร้างกล้ามท้องเซ็กซี่สำหรับสาว ๆ

    สร้างกล้ามท้องเซ็กซี่สำหรับสาว ๆ เดี๋ยวนี้การมีกล้ามหน้าท้องไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ชายเท่านั้นนะคะ  ผู้หญิงก็สามารถมีซิกแพคได้เหมือนกัน  แต่จะไม่ลึกหรือชัดเท่าผู้ชายแต่สามามีได้ทุกคนแน่นอน  ยิ่งถ้าได้อวดซิกแพคสวย ๆ เล็ก ๆ ในชุดว่ายน้ำแล้วล่ะก็  ยิ่งเลิศมากเลยค่ะ ต่างประเทศกำลังเป็นที่นิยมมาก รีบทำเลยนะคะ เดี๋ยวไม่อินเทรนด์ แค่สามขั้นตอนของความพยายามดังต่อไปนี้เท่านั้นค่ะ ขั้นแรกของการสร้างกล้ามท้องสวย ๆ ควรเลือกใช้อาหารเสริมที่เหมาะกับการสร้างกล้ามท้อง  โดยเป็นอาหารที่ให้วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมร่างกายหลักการออกกำลังกายอย่างหนัก และเข้าไปทดแทนกล้ามเนื้อที่สูญเสียไประหว่างการออกกำลังกาย ขั้นที่สองก็คือการบิ๊วกล้ามเนื้อให้ชัด สามารถเลือกท่าบริหารต่าง ๆ ได้  ท่าที่เหมาะก็คือการซิทอัดกับเบาะหรือกับพื้นก็ได้  หรือหากคุณใช้บริการฟิตเนสก็ยังมี machine อื่น ๆ ที่ช่วยคุณบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ด้วย  โดยการบริหารอาจจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อเซต ประมาณ 3-4 เซตต่อวัน ขั้นที่สามก็คือการเผาผลาญไขมัน คุณสาว ๆ สามารถเลือกการออกกำลังกายแบบแอโรบิคตามที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิค การวิ่ง การปั่นจักรยาน  หรือการว่ายน้ำ ได้ ฯลฯ  เพราะการที่กล้ามเนื้อจะอวดเป็นแพคได้สวยงามนั้น  ร่างกายต้องปราศจากไขมันก่อน  ลอนสวย ๆ ของกล้ามเนื้อจึงจะปรากฏออกมาสู่สายตาเราได้นั่นเองค่ะ

  • อาหารที่ทานแล้วดีต่อกล้ามเนื้อ

    อาหารที่ทานแล้วดีต่อกล้ามเนื้อ

    อาหารที่ทานแล้วดีต่อกล้ามเนื้อ ปัจจุบันผู้ชายส่วนใหญ่ หันมาสนใจดูแลรักษาหุ่น และสร้างกล้ามเนื้อกันมากขึ้น วันนี้เรามีอาหารง่ายๆที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมาฝากกันค่ะ 1. กาแฟ คาเฟอีนมีส่วนช่วนในการเพิ่มพลังให้กล้ามเนื้อ 2. ไข่ไก่ ไข่ขาวนั้นมีโปรตีนสูงมาก รับประทานไข่ขาวเพียงอย่างเดียวจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี 3. กล้วยหอม ในกล้วยหอมนั้น มีแมกนีเซียมอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อของเรานั้นมีแรงมากยิ่งขึ้น 4. โยเกิร์ต ในโยเกิร์ตนั้นจะมีธาตุสังกะสีอยูปริมาณมาก ดังนั้นโยเกิร์ตจะช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดี 5. ถั่ว ในถั่วมีโปรตีนและไฟเบอร์อยู่สูง ถั่วจึงเป็นสิ่งที่ดีต่อการสร้างกล้ามเนื้อ 6. ปลาแซลมอน มีโอเมกา-3 ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ กระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้ดี 7. นม ในนมมีโปรตีน วิตามินดีและแคงเซียมสูงมาก ทั้งหมดนี้เป็นเพียงอาหารง่ายๆ ที่สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องออกกำลังควบคู่กับการทานอาหารด้วยนะค๊ะ

  • ผลงานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ การยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายมากไป อาจเกิดผลเสีย

    ผลงานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ การยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายมากไป อาจเกิดผลเสีย

    ผลงานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ การยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายมากไป อาจเกิดผลเสีย ผลการวิจัยชิ้นใหม่จากโครเอเซีย เกี่ยวกับการออกกำลังกาย เชื่อว่าการยืดกล้ามเนื้อถ้าหากว่าทำมากเกินไปจะเป็นผลให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าหมดแรงและทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ โดยเฉพาะสำหรับการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก การศึกษานี้ชี้แนะว่าควรจำกัดการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายให้อยู่ในระดับพอประมาณไม่มากเกินไป และให้ความสนใจกับการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อช่วยการฟื้นตัวหลังการออกกำลังกายมากกว่า และควรให้ความสำคัญกับการยืดเหยียดกล้ามเนื่อนี้ควบคู่กับการอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ

  • การขี่ม้า หรือ Hippotherapy เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งของการบำบัดคนทุพพลภาพ

    การขี่ม้า หรือ Hippotherapy เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งของการบำบัดคนทุพพลภาพ

    การขี่ม้า หรือ Hippotherapy เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งของการบำบัดคนทุพพลภาพ คนทุพพลภาพในอเมริกามีทางเลือกหลายอย่างในการบำบัดรักษา โดยเฉพาะในด้านอาชีวบำบัด หรือกิจกรรมบำบัด ซึ่งผู้ป่วยพยายามฝึกทำกิจกรรมประจำวัน ที่คนส่วนใหญ่ถือเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทางเลือกทางหนึ่งคือการใช้ม้าช่วยในการบำบัดดังกล่าวเรียกกันว่า ‘Hippotherapy’ การบำบัดด้วยวิธีการขี่ม้านี่ ผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีสาเหตุที่ต้องรับการบำบัดที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญคือ การบำบัดนี้จะช่วยในเรื่องหลักการสมดุลของร่างกาย และช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ Michelle Seanger  นักบำบัดที่ฟาร์ม  Maryland Therapeutic Riding Farm กล่าวว่า การขี่ม้าเพื่อบำบัดโรคไม่เหมือนกับการขี่ม้าทั่วๆ ไป เพราะใช้การเคลื่อนไหวของม้า ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวสามมิติ กระตุ้นกล้ามเนื้อและประสาทของผู้รับการบำบัด ได้ผลสำหรับผู้ที่เดินแทบไม่ได้ เพราะการนั่งบนหลังม้า เป็นการนั่งที่ไม่สบายเลย และบังคับให้ร่างกายต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้ ผู้ที่ไปบำบัดโดยการขี่ม้านั้น มักจะเป็นผู้ที่ออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นไม่ได้ แต่เมื่อได้บำบัดด้วยวิธีการขี่ม้านั้น ผลลัพท์ที่เห็นได้ จะเรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน เห็นได้ในใบหน้าของคนที่ขี่ม้า ซึ่งนอกจากจะสามารถเรียนรู้ได้แล้ว ยังสนุกอีกด้วย