Tag: มะเร็ง
-
สาเหตุการเป็นมะเร็ง พันธุกรรมหรือการใช้ชีวิต?
สาเหตุการเป็นมะเร็ง พันธุกรรมหรือการใช้ชีวิต? มีเรื่องราวจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดท่านหนึ่ง ที่เรื่องราวในชีวิตของทั้งตัวผู้ป่วยเองและคุณแม่ของผู้ป่วยน่าจะเป็นเรื่องราวที่บอกอะไรบางอย่างได้บ้างเกี่ยวกับโรคมะเร็งและการใช้ชีวิตนะคะ เผื่อคุณผู้อ่านจะนำไปพิจารณาและปรับใช้ชีวิตกันดูค่ะ ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดท่านนี้อาศัยอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัด แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารักคนหนึ่งแม้จะอายุเข้า 80 ปีแล้วแต่ก็ยังแข็งแรง ใช้ชีวิตเป็นสาวบ้านนามาตลอดชีวิต ไม่เคยทานวิตามินหรืออาหารเสริมใด ๆ มีผิวสีน้ำตาลเข้มเรียบเป็นมันไม่ได้ใช้โลชั่นบำรุงผิว มีริ้วรอยเหี่ยวย่อนบ้าง แต่ผมยังมีสีดำเงาสวย มีผมหงอกแค่ประปราย ดวงตามีประกายสดใสใจดีน่ารัก คุณยายใช้ชีวิตในสวนปลูกผักไว้กินเองและขายด้วย แล้วก็ยังทำไร่ทำนาทำสวยได้ทั้งที่อายุแปดสิบแล้ว แต่ลูกสาวอายุเพียง 47 กลับเป็นมะเร็งปอด การที่คุณยายมีสุขภาพแข็งแรง อารมณ์ดีอยู่เช่นนี้ แล้วก็ดูสบาย ๆ เพราะคุณยายออกกำลังกายทำสวน จึงมีเหงื่อทุกวัน ทั้งถางหญ้า รดน้ำต้นไม้ พรวนดิน ปลูกผักสวนครัวตั้งเกือบครึ่งไร่ ทั้งแตงกวา ผักกาด พริก ถั่วฝักยาว ตะไคร้ ใบโหะรา กะเพราะ ฯลฯ โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลย คุณยายใช้ผักในสวนของตัวเองในการทำกับข้าว ที่ใช้น้ำมันน้อยมาก ส่วนใหญ่มักทานเป็นน้ำพริกผักจิ้ม หรือแกง หรือนึ่ง ทานปลาเป็นส่วนใหญ่ เนื้อสัตว์ใหญ่ไม่ค่อยกิน ไม่ใช่ชูรส ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย กินขนมบ้างส่วนใหญ่เป็นกล้วยน้ำว้าในสวน ไม่มีโรคประจำตัว และสวดมนต์ไหว้พระ ใส่บาตรบ่อย ๆ…
-
5 ข้อควรทำเพื่อป้องกันมะเร็งร้าย
5 ข้อควรทำเพื่อป้องกันมะเร็งร้าย เดี๋ยวนี้เราได้ยินข่าวการตายด้วยโรคมะเร็งมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเกิดในญาติผู้ใหญ่ คนใกล้ชิด หรือเพื่อนสนิทคนใกล้ตัวก็ตาม เพราะการเกิดมะเร็งเกิดขึ้นได้หลายปัจจัยที่ล้วนก็อยู่ใกล้ตัวและอยู่ภายในตัวเราทั้งสิ้น ป้องกันได้บ้างและบ้างก็ป้องกันไม่ได้ สิ่งอันตรายที่เราควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันมะเร็งก็คือ ไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ อย่ามีเพศสัมพันธ์มั่วซั่ว ไม่ควรออกแดดจ้า รวมทั้งไม่ควรทานปลาน้ำจืดสุก ๆ ดิบ ๆ ด้วย นอกจากนี้ยังควรปฏิบัติตัวตาม 5 ข้อดังต่อไปนี้เพื่อป้องกันโรคมะเร็งด้วยค่ะ 1. หมั่นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละครั่งชั่วโมง 3-4 วันต่อสัปดาหื เพื่อให้ระบบภายในร่างกายทำงานอย่างสมดุล เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย และเสริมสร้างสมรรถนะของร่างกายให้แข็งแรง 2. รักษาจิตใจให้สดใส สดชื่น ด้วยการฝึกปล่อยวาง และผ่อนคลายจิตใจ ง่าย ๆ ก็อาจจะเริ่มด้วยการทำงานอดิเรกที่ชอบบ้าง อย่าไปหมกมุ่นกับการงานหรือการเรียนเพียงอย่างเดียว สวดมนต์ทำจิตใจให้ป็นสมาธิ ฝึกหายใจช้า ๆ เข้าออกลึก ๆ เพื่อฝึกลมปราณทุกวัน ๆ ละอย่างน้อย 10 ครั้ง รักษาความสุขใจจิตใจ การทำเช่นเช่นนี้จะทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ…
-
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
—
by
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง จากสถิตินับถึงปีปัจจุบันพบว่าคนไทยนั้นเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีอัตราการตายจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้โรคมะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับที่หนึ่ง แซงหน้าอุบัติเหตุ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคปอดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ รองลงมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้แก่ – ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นั่นคือการได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนจากอาหาร, การได้รับรังสีเอกซ์, รังสียูวีจากแสงแดด, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด, การติดเชื้อไวรัสแพบพิลโลมา, พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ฯลฯ – ปัจจัยจากความผิดปกติภายใน เช่น พันธุกรรม, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะทุพโภชนาการ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสรุปกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อการมะเร็งได้ดังนี้ 1. กลุ่มที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ 2. กลุ่มที่สูบบุหรี่ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทางเดินหายใจ มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง แล้วหากดื่มเหล้าด้วยก็อาจเป็นมะเร็งช่องปากในลำคอได้อีก 3. กลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือทานอาหารที่ปนเปื้อนอะฟลาทอกซิล ที่เป็นเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหาร ทั้งพริกป่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ แล้วถ้าได้รับทั้งสองชนิดก็มีโอกาสในการเป็นมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น 4. กลุ่มที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ และทานอาหารที่ใส่ดินประสิว…
-
เป็นซีสหรือมะเร็งเต้านมกันแน่นะ?
เป็นซีสหรือมะเร็งเต้านมกันแน่นะ? โดยมากแล้วความเข้าใจของคนทั่วไป มักจะเข้าใจว่าหากคลำพบก้อนบริเวณเต้านม ก็เรียกว่าซีสทั้งหมด ซึ่งบางทีอาจเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนัก การจะระบุว่าเป็นซีสหรือก้อนเนื้อชนิดอื่น ความได้รับการตรวจจากแพทย์ให้แน่ชัด คำว่า ซีสในเต้านมนี้มาจากภาษาอังกฤษาว่า Fibrocystic ไฟโบรซีสติก หรือภาวะที่เกิดมีซีสขึ้น เรียกได้อีกอย่างว่า ถุงน้ำนั่นเอง ซีสที่เต้านมนั้นจะมีภาวะเป็นถุงน้ำขึงอยู่ในเนื้อเต้านม มักรวมกันอยู่เป็นหย่อม ๆ เมื่อคลำจากภายนอกจะเป็นก้อน ๆ ใหญ่ ๆ เล็ก ๆ คละกันได้ สาเหตุการเป็นซีสนั้นบอกแน่ชัดไม่ได้ แต่อาจเกิดขึ้นจากภาวะการเปลี่ยนแปลงต่อมเต้านมในร่างกาย แล้วมีน้ำเข้าไปสะสมอยู่ข้างในเนื้อเต้านมแล้วรวมตัวกันเป็นถุงน้ำ ซึ่งถูกควบคุมด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เป็นฮอร์โมนเพศหญิง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงกับฮอร์โมนเหล่านี้จึงจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเต้านมจนกลายเป็นถุงน้ำในที่สุด มักจะพบว่าซีสนี้จะโตขึ้นในช่วงที่ประจำเดือนใกล้จะมาและหดตัวลงเมื่อประจำเดือนมาแล้ว อาการของคนที่เป็นซีสเต้านมนั้นมักจะมีอาการปวด หรือเจ็บเนื่องจากน้ำในซีสดันเนื้อเต้านม จนเกิดอาการตึงปวด อาจคลำพบก้อนที่เต้านมด้วย อาจพบได้หลายตำแหน่ง และโต ๆ ยุบ ๆ ตามระยะรอบเดือน ต่างจากมะเร็ง มะเร็งจะเป็นก้อนที่โตขึ้นเรื่อย ๆ และไม่เจ็บกับเมื่อคลำแล้วจะแข็ง ๆ แต่ซีสจะเจ็บและนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ ได้ ซึ่งลักษณะที่แตกต่างกันนี้คือจุดที่แยกกันระหว่างซีสกับมะเร็งเต้านม แต่ก็มีวิธีอื่นในการจำแนกว่าเป็นซีสหรือมะเร็งกันแน่ก็ด้วยการทำอัลตราซาวด์ กับอีกวิธีก็คือใช้เข็มฉีดยาเจาะดู หากเป็นซีสเมื่อเจาะแล้วจะได้น้ำออกมาและก้อนจะยุบตัวหายไป แต่หากเป็นก้อนเนื้อแพทย์จะนำไปพิสูจนอีกทีว่าเป็นก้อนเนื้อชนิดไหนกันแน่…
-
แนวทางการรักษา…โรคมะเร็งแบบผสมผสาน
แนวทางการรักษา…โรคมะเร็งแบบผสมผสาน เพราะบนโลกนี้นั้นจะมีผู้เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งกันนาทีละเกือบ 10 คนเลยนะคะ อีกทั้งจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย จนตอนนี้ก็กลายเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยไปแล้ว เมื่อผู้ป่วยทราบว่าตนเองหรือญาติสนิทเป็นมะเร็ง มักจะมีอาการสับสนและกระวนกระวาย พร้อมกับตื่นตระหนัก เพราะเข้าใจว่าโรคมะเร็งนั้นเป็นแล้วรักษาไม่หาย การมีชีวิตที่เหลือจึงอยู่อย่างสิ้นหวัง แต่ความจริงแล้วปัจจุบันนี้โรคมะเร็งสามารถวินิจฉัยด้วยการตรวจสุขภาพและการตรวจเองที่บ้านได้แล้ว เช่น มะเร็งเต้านม ฯลฯ และเมื่อตรวจพบแล้วก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ โรคมะเร็งบางชนิดนั้นอาจมีวิธีการรักษาหลาย ๆ วิธีรวมกันซึ่งจะช่วยยืดอายุออกไปได้ แต่ก็มีอยู่บ้างชนิดที่รักษาไม่ได้หรือให้ผลการรักษาที่ไม่ดี ดังนั้นจึงเกิดการค้นคว้าศึกษาเพื่อหาวิธีใหม่ ๆ ในการรักษาโรคมะเร็ง เพื่อให้ได้ผลที่ดีและมีผลข้างเคียงที่น้อยที่สุดอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลบางแห่งจึงเลือกใช้เทคนิคการแพทย์แบบองค์รวม หรือ Holistic Medicine มาดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ได้แก่การนำเอาการแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด การฉายรังสี เข้ามาร่วมกับการแพทย์ทางเลือก เช่น การใช้สมุนไพรเป็นต้น เพราะวิธีทางการแพทย์แผนปัจจุบันมีความสามารถในการทำลายก้อนมะเร็งสูงมากแต่ก็ทำลายเซลล์ปกติ ไปด้วย นั่นจึงทำให้เกิดผลข้างเคียงมากมาย การนำเอาแพทย์ทางเลือกมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษายังทำให้อาการดีขึ้นแล้วยังลดความทรมานจากผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ได้อีก ทำให้ผุ้ช่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นช่วยการรักษาเป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ต้องหยุดหรือเลื่อนการรักษา รวมไปถึงผู้ป่วยที่ไม่ต้องการรักษาตามแผนปัจจุบันยังสามารถรับยาหรือรักษาแบบเสริมเข้าไปช่วยได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งก็มีข้อเสียตรงที่ออกฤทธิ์ช้าจึงไม่เห็นผลในทันที แต่ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย การรักษาโรคมะเร็งจึงควรใช้ทั้งสองแผนนี้ควบคู่กันไปจึงจะทำให้ประสิทธิภาพการรักษาที่สูงสุด ดังนั้นการรักษาโรคมะเร็งจึงควรใช้การแพทย์ทั้งสองแบบควบคู่กันไป และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก้คือคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เพราะแม้การแพทย์แผนปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสูงมากแต่ก็มีผลข้างเคียงที่ทำให้เจ็บปวดทั้งกายใจกับผู้ป่วยไม่น้อยเลย การฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน และจิตใจไปด้วยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน เพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถทนต่ออาการข้างเคียงของการรักษาที่รุนแรงได้…
-
เคล็ดลับ 5 ประการห่างไกลมะเร็งตับ
เคล็ดลับ 5 ประการห่างไกลมะเร็งตับ “ตับ” ถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดภายในร่างกาย จะอยู่ภายในช่องท้องบริเวณชายโครงด้านขวา หน้าที่ขอตับก็คือช่วยขจัดของเสียสะสมในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ยา สารเคมี หรือสารพิษที่ร่างกายไม่ต้องการ ทำหน้าที่เหมือนคลังสะสมอาหารเพื่อเป็นพลังงานไปหล่อเลี้ยงและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย นับเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากของร่างกาย แต่หากเราดูแลร่างกายเราไม่ดีก็อาจทำให้เกิดโรคตับขึ้นได้ โดยโรคตับนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด การดื่มเหล้า การทานยาบางชนิด ทั้งยาฆ่าเชื้อ ยาคุมกำเนิด และที่พบบ่อยก็คือไขมันพอกตับในผู้ที่เป็นโรคอ้วน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้อาจทำให้ตับอักเสบ และกลายเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ด้วย เคล็ดลับ 5 ประการที่จะช่วยให้เราห่างไกลมะเร็งตับมีดังต่อไปนี้ 1. ผู้ที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคตับควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และไปพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ ส่วนคนทั่วไปที่ยังไม่เป็นโรคตับก็ควรป้องกันตนเองจากอาการอักเสบ 2. ห่างไกลอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษทั้งหลาย รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด เพราะอาจทำลายเซลล์ตับได้มากกว่าอวัยวะอื่น ๆ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงได้อีกก็คือของหมักดอง ที่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค อาหารปิ้ง ๆ ย่าง ๆ หรือทอดน้ำมัน เพราะมีสารก่อมะเร็งเป็นจำนวนมาก อาหารที่มีไขมันสูงก็เช่นเดียวกัน และรวมไปถึงยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดข้อ ยาคุม ยาฆ่าเชื้อที่อาจส่งผลเสียต่อตับได้ 3. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม…
-
วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค
วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค โรคติดต่อไม่เรื้อรังนั้นมักถูกเข้าใจว่าน่าจะเป็นโรคของประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ โรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรคนี้เป็นปัญหาของประเทศกำลังพัฒนาต่างหาก เพราะขาดความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากด้วย โรคทั้งห้านี้ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยโรคเหล่านี้มีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี แล้วยังเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตหรือพิการเพิ่มขึ้นด้วยนะ สาเหตุของโรคทั้งห้าชนิดนี้ มักเป็นบุคคลที่ชอบทานอาหารหวานจัด เค็ม หรือมีไขมันสูง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีความเครียดมากแล้วไม่ค่อยรู้จักการผ่อนคลายกับทั้งยังขาดการออกกำลังกาย ฯลฯ จึงทำให้เป็นโรคอ้วนตามมา การที่มีไขมันสะสมในช่องท้องมากนี้ ไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ส่งผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดีนัก จึงเป็นต้นเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย และอาจเสียชีวิตได้ หากจะวัดกันที่ดัชนีรอบเอวจะพบว่ารอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุก 5 เซนติเมตรจะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคเบาหวานสูงขึ้นถึง 3-5 เท่า หมายถึงว่ายิ่งพุงใหญ่เท่าไรก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น โรคเกณฑ์การจำแนกว่าเป็นโรคอ้วนลงพุงของคนไทยก็คือ หากผู้ชายมีรอบเอวเกิน 90…
-
ระวัง! ดื่มน้ำอัดลมมากตับอ่อนเสื่อม เสี่ยงเป็นมะเร็ง
ระวัง! ดื่มน้ำอัดลมมากตับอ่อนเสื่อม เสี่ยงเป็นมะเร็ง เคยมีการวิจัยเกิดขึ้นในประเทศสวีเดน ซึ่งได้ติดตามการกินของชายหญิงที่มีสุขภาพดีจำนวนกว่าแปดหมื่นคน เป็นเวลาแปดปี โดยพบว่ามีคน 131 คนในจำนวนนี้เป็นมะเร็งตับอ่อน เมื่อศึกษาเข้าไปก็ได้พบว่าในจำนวนนี้ก็คือคนที่ดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีความหวานมาก ซึ่งกลุ่มนี้ดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวถึงวันละมากกว่าสองกระป๋องขึ้นไป จึงมีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่มเกือบร้อยละร้อย ส่วนคนอื่น ๆ ที่ทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เติมน้ำตาลลงไปอย่างน้อยวันละ 5 ครั้งก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เช่นเดียวกัน ซึ่งโรคมะเร็งที่ทำให้กลุ่มตัวอย่างดังกล่าวเสียชีวิตนั้นเป็นโรคมะเร็งที่ร้ายแรงและตรวจพบได้ยากที่สุดชนิดหนึ่งเลยค่ะ สาเหตุก็เกิดจากการที่ตับผ่อนผลิตอินซูลินมากขึ้น เพราะเป็นผลจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญกลูโคส โดยการกินน้ำตาลมาก ๆ ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินมากขึ้น ก็เท่ากับเป็นการทรมานให้ตับอ่อนทำงานหนักขึ้น ผลก็คือตับอ่อนกลายเป็นมะเร็ง รวมไปถึงการสูบบุหรี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งของมะเร็งตับอ่อนด้วย ดังนั้นหากต้องการหลีกหนีให้ไกลจากโรคมะเร็งตับอ่อน ก็จำเป็นต้องควบคุมการบริโภคน้ำตาล รวมทั้งเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลทั้งหลาย ไม่ว่าจะในเด็กหรือในผู้หญิงก็ตาม ยิ่งโดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว การดื่มน้ำอัดลมจะส่งผลให้กระดูกพรุนจากกรดฟอสฟอริกที่พบในน้ำอัดลมได้อีกด้วย ซึ่งการวิจัยในสวีเดนที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ไม่ได้มีการแยกเฉพาะว่าเป็นน้ำอัดลมอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทั้งหมด รวมทั้งน้ำผลไม้ที่ผสมน้ำอัดลมด้วย
-
ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย
ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย คุณทราบหรือไม่คะว่า หากเราบริหารจัดการวิถีการใช้ชีวิตให้ดีแล้ว จะสามารถป้องกันการเป็นโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 30-40 เชียวนะคะ แล้วยังสามารถป้องกันโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ อาการไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ตลอดจนโรคกระดูกพรุนได้ด้วย วันนี้มาดูคำแนะนำในการใช้ชีวิตเพื่อให้ห่างไกลจากมะเร็งกันนะคะ 1. คุณควรเลิกบุหรี่ เพราะคุณทราบหรือไม่คะว่าหากคุณสูบบุหรี่มากกว่า 1 ซอง หรือ 20 มวนต่อวันเป็นเวลา 10 ปีนั้น คุณจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า! เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และหากคุณสูบอยู่แล้วเกิดอยากเลิกขึ้นมาก็สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 60 การสูบบุหรี่ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดอย่างเดียว แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ หรือโรคถุงลมโป่งพองได้อีกด้วย 2. คุณควรเลิกดื่มสุรา หรือหากจำเป็นต้องดื่มเพื่อเข้าสังคมก็จำกัดไว้แค่วันละไม่เกิน 1 แก้ว ผู้ที่ดื่มสุรามากกว่า 3 แก้วต่อวันจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นถึงเกือบสิบเท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม แต่ถ้าคุณยังไม่เลิกดื่มแล้วยังสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 1 ซองอีก ก็จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งมากขึ้นเป็น 50 เท่าเลยทีเดียว! น่ากลัวเอามาก ๆ ค่ะ 3. คุณควรปรับพฤติกรรมการกิน ดังต่อไปนี้…
-
มะเร็งเต้านม… สาเหตุและการดูแลตัวเอง
มะเร็งเต้านม… สาเหตุและการดูแลตัวเอง หากจะมีโรคร้ายใดที่ผู้หญิงแทบทุกคนกลัวมากที่สุด ก็เห็นจะไม่พ้นโรคมะเร็งเต้านม ที่คร่าชีวิตผู้หญิงไปเป็นจำนวนมากจนมีสถิติสูงเกินหน้ามะเร็งปากมดลูกแล้ว ความร้ายกาจของโรคนี้นอกจากความเจ็บปวดทรมานแล้วยังอาจต้องตัดเต้านมซึ่งเป็นของรักของหวงของร่างกายหญิงสาวทิ้งไว้เพื่อรักษาชีวิตไว้ ทำให้สูญเสียความมั่นใจความเป็นผู้หญิงอย่างมาก ซึ่งสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมนั้นมาจากหลายสาเหตุได้แก่ – กรรมพันธุ์ – การไม่มีลูก – ทำงานดึกดื่น ขาดการพักผ่อน เครียด – ขาดการออกกำลังกาย – ทานอาหารที่มีไขมันสูง ปล่อยตัวให้อ้วน – ดื่มเหล้า – มีประจำเดือนเร็ว คือตั้งแต่อายุ 12 และหมดประจำเดือนหลังอายุ 55 xu ซึ่งการป้องกันมะเร็งเต้านมนั้นก็ทำได้เพียงแต่ หลีกเลี่ยงบุหรี่และสุรา ออกกำลังอย่างสม่ำสเมอ ทำกิจใจให้ร่างเริง และเลี้ยงด้วยด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อยหกเดือน รวมไปถึงลดการทานอาหารที่มีไขมันสูงและรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานด้วย นอกจากนี้แล้ว การหมั่นตรวจคลำเต้านมตัวเองอย่างสม่ำเสมอก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากพบความผิดปกติก็ยังสามารถลดความรุนแรงได้ และอาจหายขาดได้หากรักษาอย่างทันท่วงที โดยการตรวจมะเร็งเต้านมนั้นทำได้หลายวิธี ด้วยการคลำด้วยนิ้วเพียงสามนิ้ว ได้แก่ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง คลำในระหว่างการอาบน้ำก็ได้ดังนี้ 1. คลำในแนววนเป็นก้นหอย โดยเริ่มจากส่วนบนวนไปจนถึงฐานนมบริเวณรักแร้ 2. คลำแบบขึ้นลง เริ่มจากใต้ราวนมถึงรักแร้วแล้วขยับนิ้วขึ้นลงในแนวขึ้นลง สลับไปเรื่อย ๆ…