Tag: โรคหัวใจ
-
8 โรคต้องระวัง เมื่อเข้ารับบริการ ขูดหินปูน
8 โรคต้องระวัง เมื่อเข้ารับบริการ ขูดหินปูน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่าหากที่ต้องการเข้ารับการขูดหินปูน เป็นผู้ป่วยด้วยโรค 8 โรคนี้จำเป็นต้องแจ้งทันตแพทย์ก่อนทุกครั้งก่อนรับการทำฟันหรือขูดหินปูนก็คือ กลุ่มที่เป็นโรคเลือดออกง่ายและหยุดไหลยาก ได้แก่ 1. โรคเกล็ดเลือดต่ำหรือโรคลูคีเมีย อาจมีจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกตามร่างกายร่วมด้วย 2. โรคไตและผู้ที่มีประวัติเคยล้างไต เพราะจะได้รับยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด 3. ผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจและการใช้ยาละลายลิ่มเลือด รวมไปถึงกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่อาจแสดงอาการในระหว่างการทำฟัน ได้แก่ 1. โรคหัวใจอาจมีอาการเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ใจสั่น 2. โรคหอบหืดอาจมีอาการหอบเหนื่อย ต้องมียาพ่นประจำ และได้รับยา Steriod 3. โรคลมชักและโรคความดันโลหิตสูง 4. โรคเบาหวานเพราะมีผลกระทบทำให้แผลหายยาก เหล่านี้จำเป็นต้องแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบก่อนเผื่อในกรณีที่อาการกำเริบจะได้ช่วยเหลือได้ทันการณ์ อีกทั้ง ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย ยังเปิดเผยอีกว่าการขูดหินปูนหรือหินน้ำลายนี้ก็เพื่อป้องกันอาการเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ได้ ด้วยการใช้เครื่องมือขจัดหินปูนที่มีความสั่นสะเทือนทำให้หินปูนหลุดออกมา แล้วใช้เครื่องมือชิ้นเล็กกว่าขูดหินปูนละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจทำให้มีเลือดออกได้บ้างเล็กน้อย แต่จะไม่มากจนมีผลใด ๆ ต่อสุขภาพผู้ป่วย ซึ่งหินปูนหรือหินน้ำลายนี้เป็นคราบจุลินทรีย์ที่มีการสะสมของแคลเซียมในน้ำลาย จนแข็งตัวคล้ายหินปูน ที่สะสมเชื้อโรคไว้หลายชนิดอีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตสารพิษที่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ได้ การป้องกันการเกิดหินปูนก็คือการจำกัดคราบจุลินทรีย์โดยการแปรงฟันโดยเฉพาะคอฟันให้สะอาดวันละอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้บริเวณนี้เป็นที่สะสมของคราบจุลินทรีย์จนกลายเป็นหินปูนได้ อีกทั้งยังควรมาตรวจสุขภาพช่องปากทุกปีและหากมีหินปูนก็ควรขูดหินปูนออกอย่างน้อยปีละครั้ง…
-
ประโยชน์และโทษของสมุนไพรจีนที่รู้จักกันดีในประเทศไทย
ประโยชน์และโทษของสมุนไพรจีนที่รู้จักกันดีในประเทศไทย สมุนไพรจีนนั้นเป็นยาจีนที่เข้ามาสู่เมืองไทยแต่ช้านานแล้ว นับตั้งแต่ที่เริ่มมีแพทย์แผนจีนเข้ามาตั้งรกรากในเมืองไทย แต่อะไรก็ตามที่มีคุณประโยชน์ก็มีโทษได้เช่นกัน วันนี้จึงขอนำเสนอบทความที่เกี่ยวข้องกับคุณประโยชน์และโทษของสมุนไพรให้คุณผู้อ่านได้ระวังกันไว้บ้างนะคะ เห็ดหลินจือ สำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์และมะเร็งนั้น เห็ดหลินจืดเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาอย่างดีเยี่ยมเพราะเต็มไปด้วยอนุมูลอิสระมากมาย มีประโยชน์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเร่งการผลิตเม็ดเลือดขาว ช่วยบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้ชาย ยับยั้งการลุกลามของเนื้องอก แต่ข้อเสียก็คืออาจทำให้เกิดอาการคลื่นเหียน คัน และอาจกระตุ้นอาการบ้านหมุนได้ด้วย เก๋ากี้ หรือโกจิเบอร์รี่นั่น มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน แคลเซียม เส้นใยอาหาร โพแทสเซียม ธาตุเหตุ คาร์โบไฮเดรต วิตามินบีสอง โปรวิตามินเอ กรดโอเมก้าสาม และเชื่อกันว่าเก๋ากี้นี้เป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศชนิดหนึ่งเลยทีเดียว เกาลัดจีน เป็นถั่วที่มีไขมันน้อยมาก และมีวิตามินซีเทียบเท่ามะนาวเลยทีเดียว ไม่มีคอเลสเตอรอล มีสารอาหารคล้ายข้าวกล้อง กรดโฟลิก วิตามินซี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ให้พลังงานกับร่างกายได้ดีที่สุด จึงได้รับสมญานามว่า “ธัญพืชที่เกิดบนต้นไม้” นั่นเอง ชาวจีนยังเชื่ออีกว่าเกาลัดจีนช่วยให้ลมหายใจหวานหอมอีกด้วย เก๊กฮวย ชาเก๊กฮวยเป็นยาพื้นบ้านที่ใช้สำหรับการลดไข้ ลดความดันโลหิตสูง ลดคอเลสเตอรรอลชนิดเลว ช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก ป้องกันระบบประสาทจากความชรา หรือการบาดเจ็บอื่น ๆ แม้แต่หนุ่มสาวก็สามารถดื่มได้ และดื่มได้ง่ายเพียงนำดอกเก๊กฮวยมาแช่ในน้ำร้อน 5 นาทีก็สามารถดื่มได้แล้ว ดื่มแทนชาฝรั่งก็ดีมีประโยชน์มากกว่า แปะก๊วย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่าไฟโตเอสโตรเจน…
-
แพทย์ชี้ คนไทยป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมากขึ้น โดยไม่รู้ตัว
แพทย์ชี้ คนไทยป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมากขึ้น โดยไม่รู้ตัว สภาวะตึงเครียดในปัจจุบันส่งผลให้จำนวนผู้ป่วย “โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน” มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยพบว่าสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยที่ไม่ใช่อุบัติเหตุ มาจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงเป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียงแค่โรคมะเร็งเท่านั้น และจากสถิติที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ 30% ของจำนวนผู้ป่วยเหล่านี้มักไม่ปรากฏอาการหรือมีสัญญาณของโรคที่น่าสงสัยใดๆ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ จนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อพบว่าอาการของโรคถึงขั้นรุนแรงแล้ว สถิติผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดจากทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในปีที่ผ่านมาประมาณว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรคดังกล่าว สูงถึงกว่า 10 ล้านคน และคาดว่า ในอีก 5 ปี ข้างหน้า จำนวนการตายจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 13 ล้านคนมาจากประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก ในประเทศไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาพบว่า มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นถึง 20 เท่า โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ ส่วนสาเหตุของการเกิดภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันนั้นพบว่า สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การใช้ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ การทำงานที่แข่งขันกับเวลา ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ความดันสูง เบาหวาน ความอ้วน การสูบบุหรี่ การขาดการออกกำลังกาย ความเครียด และอาหาร โดยอาการเบื้องต้นผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกตรงกลางร้าวไปไหล่ซ้ายและแขนซ้าย บางรายมีปวดร้าวขึ้นไปตามคอ อาการเป็นมากขึ้นเวลาออกแรง…
-
แพทย์โรคหัวใจมช.’สกว.’หนุนคว้ารางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่ที่สหรัฐ
แพทย์โรคหัวใจมช.’สกว.’หนุนคว้ารางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่ที่สหรัฐ 5เม.ย.2557 ดร. นพ.เกริกวิชช์ ศิลปวิทยาทร อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คว้ารางวัลรองชนะเลิศในการแข่งขันชิงรางวัลนักวิจัยรุ่นใหม่ ของสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา ในสาขาสรีรวิทยา พยาธิวิทยา และเภสัชวิทยา ประจำปี พ.ศ. 2557 ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกที่คัดเลือกผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดจากทั่วโลกให้เหลือเพียง 5 เรื่อง เพื่อเข้าร่วมนำเสนอผลงานวิจัยในงานประชุมวิชาการประจำปีของสมาคมฯ โดยมีคู่แข่งจากโรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ อาทิ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ทั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 63 ปี ที่มีผลงานที่ทำในประเทศไทยตลอดทั้งโครงการถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมนำเสนอในเวทีแห่งนี้ ศ. นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการ สกว. กล่าวว่า รู้สึกยินดีและภาคภูมิใจที่นักวิจัยผู้รับทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ของ สกว. ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าดังกล่าว งานวิจัยนี้นับเป็นการค้นพบใหม่ที่สำคัญของโลก แต่ในขณะนี้อยู่ในระยะการวิจัยในสัตว์ทดลอง จึงจะต้องดำเนินวิจัยในมนุษย์เพิ่มเติมก่อนจะนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยต่อไป ทั้งนี้ขอแสดงความชื่นชมนักวิจัยและ ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) ดร. นพ.นิพนธ์ ฉัตรทิพากร เมธีวิจัยอาวุโส สกว.…
-
รู้หรือไม่ ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ นั้นโรคหัวใจกำลังจะถามหา
รู้หรือไม่ ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ นั้นโรคหัวใจกำลังจะถามหา โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นความผิดปกติของระบบคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ ส่งผลใหัหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ ช้ากว่าปกติหรือเต้นผิดจังหวะได้ โดยมากแล้ว ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมักไม่ทราบว่าตนเองมีปัญหา และมักจะค้นพบโดยบังเอิญด้วยการตรวจสุขภาพหรือเมื่อป่วยด้วยโรคอื่นแล้วมาพบแพทย์ ผู้ป่วยบางรายโชคดีที่มีอาการผิดปกติให้สงสัยและสังเกตได้ ขณะที่หลายรายไม่ปรากฏอาการใด ๆ เลย อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bumrungrad.com/healthspot/february-2014/arrhythmia-1
-
ยา aleglitazar ที่ใช้ลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานนั้น ไม่ได้ช่วยลดความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
ยา aleglitazar ที่ใช้ลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานนั้น ไม่ได้ช่วยลดความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ นักวิจัยได้ศึกษาเรื่องตัวยา aleglitazar ซึ่งเป็นยาที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในร่างกายนั้น ไม่ได้ส่งผลให้ช่วยลดความผิดปกติของหัวใจ โรคหัวใจล้มเหลว หรือการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองในกลุ่มคนไข้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และผู้ที่เพิ่งมีอาการหัวใจล้มเหลว หรืออาการปวดเค้นหัวใจอยู่เรื่อยๆได้ ปัจจุบัน โรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจนั้นยังคงเป็นสาเหตุหลักของการตายในกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อยู่ ซึ่งไม่มีการรักษาด้วยยาที่ส่งผลต่อเบาหวาน หรือการควบคุมระดับกลูโคสอย่างเข้มงวดใดที่แสดงให้เห็นว่าจะสามารถลดความยุ่งยากของหัวใจหรือหลอดเลือดของหัวใจในกลุ่มคนไข้ดังกล่าวได้เลย โดยในการลดลองระยะที่ 2 นั้น aleglitazar สามารถลดระดับกลูโคสในเลือด ไตรกลีเซอไรด์ LCL และเพิ่มระดับของ HDL ให้สูงขึ้นได้ แพทย์และนักวิทยาศาสต์ก็ได้มีการทดลองเรื่องนี้กับผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการสุ่มให้ยา aleglitazar และการให้ยาหลอก โดยใช้เวลาประมาณ 104 สัปดาห์ พบว่า ไม่ได้ผล นักวิทยาศาสตร์พบว่าถึงแม้ aleglitazar นั้นจะลดระดับกลูโคสในเลือดและทำให้ระดับของ HDC และไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้นก็ตาม ตัวยาดังกล่าวนั้นไม่ได้ลดเวลาของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ อาการหัวใจล้มเหลว หรือการที่เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตันแต่อย่างใด ซึ่งเหตุดังกล่าวได้เกิดขึ้นในคนไข้จำนวนที่ได้รับยา aleglitazar 344 ราย (9.5%) และ 360 ราย (10%) ในกลุ่มคนไข้ที่ได้รับยาหลอก และตัวยา aleglitazar นั้นได้ถูกเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่จะมีความผิดปกติของไต…
-
นักวิจัย ม.ฮาร์เวิร์ด ค้นพบโปรตีนในเลือด ช่วยรักษาอาการหัวใจล้มเหลวได้
นักวิจัย ม.ฮาร์เวิร์ด ค้นพบโปรตีนในเลือด ช่วยรักษาอาการหัวใจล้มเหลวได้ นักวิจัย ม.ฮาร์เวิร์ด ชี้ สามารถค้นพบวิธีใหม่ที่อาจใช้รักษาอาการหัวใจล้มเหลวเมื่อคนเราแก่ตัวลง โดยนักวิจัยใช้สารโปรตีนที่พบในเลือดของหนูทดลองตัวที่ยังเยาว์วัย ในการกระตุ้นให้หัวใจของหนูทดลองตัวที่แก่กว่าทำงานได้ดียิ่งขึ้น นายแพทย์ Richard Lee และนักวิจัยที่ม.Harvard ในรัฐแมสซาชูเสตต์ ค้นพบโปรตีนชนิดหนึ่งเรียกว่า GDF-11 ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรตีนจำเป็น 35 ชนิดที่เกี่ยวข้องกัยการพัฒนาของทารกในครรภ์มารดา โดยสัตย์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ยังเยาว์วัยต่างมีโปรตีนที่ว่านี้ในระดับสูงในกระแสเลือด และจะลดลงเมื่อแก่ตัวลง อาการหัวใจล้มเหลวเป็นอาการที่เกิดกับคนสูงอายุจำนวนหลายล้านคนทั่วโลก เป็นโรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิตและปัจจุบันยังไม่มีแนวทางรักษาที่มีประสิทธิภาพ อาการนี้เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นเมื่อแก่ตัวลง ทำให้ไม่สามารถปั๊มเลือดที่มีอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายได้ดีเท่าที่ควร อวัยวะที่อยู่ไกลหัวใจจึงขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงจนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต นักวิจัยทดสอบกับหนูทดลองที่อายุราว 2 ปีและมีอาการของโรคหัวใจล้มเหลว โดยต่อระบบการไหลเวียนเลือดของหนูตัวนั้นเข้ากับหนูทดลองที่อายุน้อย เพื่อให้หนูอายุมากตัวนั้นได้รับโปรตีน GDF-11 ในระดับสูงเหมือนกับหนูอายุน้อยๆ หลังจากทำวิธีนี้ติดต่อกันราว 10 สัปดาห์ นักวิจัยพบว่าหนูอายุมากมีอาการของโรคหัวใจล้มเหลวลดลง อีกทั้งอวัยวะต่างๆก็ดูจะเยาว์วัยแข็งแรงขึ้นด้วย และทำให้อวัยวะของหนูอายุ 2 ปีมีลักษณะแทบไม่ต่างจากหนูทดลองอายุ 2 เดือนรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Cell ชิ้นนี้ระบุด้วยว่า สารโปรตีน GDF-11 นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงแล้ว ยังอาจช่วยให้เนื้อเยื่อส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต เช่นกล้ามเนื้อหุ้มโครงกระดูกและไขสันหลัง มีความแข็งแรงเหมือนกลับสู่วัยหนุ่มสาวอีกครั้ง อย่างไรก็ตามงานวิจัยชิ้นนี้ยังคงอยู่ในช่วงศึกษาทดลองเท่านั้น
-
นักวิจัยพบว่า สารเคมีในเนื้อแดง เสี่ยงต่อโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตัน
นักวิจัยพบว่า สารเคมีในเนื้อแดง เสี่ยงต่อโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตัน นักวิจัยอเมริกัน ศึกษาเกี่ยวกับสารกระตุ้นที่ก้อให้เกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตัน พบว่า สารเคมีที่อยู่ในเนื้อแดงนั้น เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นอกจากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลที่ไปอุดตันเส้นเลือดและก่อให้เกิดโรคหัวใจได้ ทีมแพทย์ผู้รักษาผู้ป่วยที่เกี่ยวกับโรคเหล่านี้ แนะนำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจควบคุมปริมาณเนื้อเเดงที่รับประทานให้น้อยลง รวมทั้งเนื้อสเต็กและเนื้อแกะ เนื่องจากไขมันและคอเลสเตอรอลในเนื้อแดงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด เพราะในเนื้อแดงยังมี สารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า สารคาร์นิทีน (carnitine) เมื่อสารเคมีตัวนี้ถูกย่อยโดยเชื้อเเบคทีเรียในลำใส้ จะผลิตสารอีกชนิดหนึ่งออกมาเรียกว่า สาร TMOA เป็นสารที่พบในปริมาณสูงในกลุ่มคนที่นิยมรับประทานเนื้อแดงและเชื่อว่าเป็นสารเคมีที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ทีมนักวิจัยทดลองสารเคมีตัวนี้ในหนูทดลอง โดยการให้หนูทดลองกินอาหารที่มีสาร TMOA ผสมอยู่ในปริมาณสูงเริ่มมีอาการเส้นเลือดอุดตัน และเมื่อทีมนักวิจัยทดลองกำจัดแบคทีเรียในลำใส้ของหนูที่ทำหน้าที่ย่อยสารคาร์นิทีนให้เป็นสาร TMOA หนูทดลองเริ่มหายจากอาการเส้นเลือดอุดตัน สารคาร์นิทีนพบในปริมาณต่ำในเนื้อปลาและเนื้อไก่ และยังพบในผักบางชนิดและข้าวสาลี ตลอดจนในคนที่รับประทานเม็ดอาหารเสริม คุณไซเดซ กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะเเนะนำให้คนหลีกเลี่ยงอาหารอื่นๆที่มีสารคาร์นิทีนนอกเหนือไปจากเนื้อแดง
-
นักวิจัยพบว่า มารดามีน้ำหนักตัวน้อยและเคยผ่าตัดลดน้ำหนัก ทำให้ลูกที่เกิดไม่เป็นโรคอ้วน
นักวิจัยพบว่า มารดามีน้ำหนักตัวน้อยและเคยผ่าตัดลดน้ำหนัก ทำให้ลูกที่เกิดไม่เป็นโรคอ้วน นักวิจัยแคนนาดา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปกติด มารดาที่อ้วน เมื่อคลอดลูกออกมา ลูกก็มักจะอ้วนด้วย แต่ในงานวิจัยเรื่องนี้ได้พบว่า การที่มารดาน้ำหนักตัวน้อย หรือก่อนตั้งครรภ์ได้มีการผ่าตัดลดน้ำหนักนั้น จะทำให้เด็กที่เกิดมาไม่อ้วน และยังมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจในตอนอายุมาก น้อยลง รายงานนี้ยังพบว่า เชื้อพันธุ์หรือ gene ที่เกี่ยวโยงกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆที่สืบเนื่องกับความอ้วนของเด็กที่เกิดหลังการผ่าตัดของมารดา ทำงานแตกต่างไปจาก gene ในเด็กที่เกิดก่อนการผ่าตัด ซึ่งนักวิจัยตีความว่า เด็กที่เกิดทีหลังอาจได้เปรียบทางด้านสุขภาพมากกว่าพี่ๆที่เกิดก่อน แต่อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่า การดูแล และโภชนาการของเด็ก ยังมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพเด็กที่เกิดทีหลังอยู่ต่อไป งานวิจัยครั้งนี้ ชี้แนวทางการวิเคราะห์ไว้ว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า มารดาถ่ายทอดเชื้อพันธุ์ หรือ gene ที่แตกต่างให้กับลูกที่เกิดทีหลัง หากแต่เป็นการบ่งชี้ว่า การทำงานของเชื้อพันธุ์ในตัวเด็กเปลี่ยนไป และแสดงให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมและโภชนาการตั้งแต่แรกเริ่ม ส่งผลกระทบระบบการเผาผลาญของร่างกายที่กำลังพัฒนาในตัวทารกที่ยังอยู่ในครรภ์มารดาได้
-
นักวิจัยพบว่า ผู้ป่วยโรคหัวใจ จะกินยาสม่ำเสมอ ถ้าเป็นยาเพียงเม็ดเดียว
นักวิจัยพบว่า ผู้ป่วยโรคหัวใจ จะกินยาสม่ำเสมอ ถ้าเป็นยาเพียงเม็ดเดียว นักวิจัย ได้วิจัยงานชิ้นนี้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ พบว่าผู้ป่วยโรคหัวใจมักจะกินยาไม่สม่ำเสมอ เพราะปกติผู้ป่วยโรคหัวใจ มักจะต้องรับประทานยาครั้งนึงหลายเม็ด จึงส่งผลให้คนไข้ไม่อยากรับประทาน และหยุดการทานยาไปหลังจากเริ่มทานยามาเพียง 3 เดือน แต่นักวิจัยก็ค้นพบแล้วว่า ถ้าหากยาที่รักษาโรคหัวใจ เป็นยาเพียงเม็ดเดียว จะสามารถทำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจ อยากรับประทานยามากขึ้น และจะทำให้ผู้ป่วยรับประทานยาได้นานขึ้นกว่าเดิม