Tag: ความดันโลหิตสูง

  • หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค

    หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค

    หลีกเลี่ยงโซเดียมในอาหาร หลีกห่างได้หลายโรค บรรดาอาหารที่มีรสเค็มจัดทั้งหลายล้วนมีส่วนประกอบของโซเดียมทั้งสิ้น รวมไปถึงอาหารที่ไม่มีรสเค็มแต่มีโซเดียมอย่าง ผงฟู ชูรส เนยเทียม น้ำสลัดต่าง ๆ ก็ด้วยนั้น สร้างปัญหาต่อสุขภาพได้เช่นกันหากบริหารมากเกินพอดี และมีความเสี่ยงทำให้เป็นโรคความดันโลหิตได้ง่าย ทั้งยังทำให้เกิดการสะสมของน้ำตามส่วนต่าง ๆ ทำให้เกิดภาวะบวมน้ำ แล้วยังทำให้เกิดเลือดแข็งตัวได้ง่ายหากมีระดับเกลือแร่ในเลือดสูงเกินไป อันจะนำไปสู่ภาวะไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดในสมองตีบตัน หัวใจวาย ไตวายได้ มีผลการวิจัยพบว่า การกินเกลือแกงมากกว่า หกกรัมหรือ 1 ช้อนชาต่อวัน จะทำให้มีความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงได้ รวมไปถึงมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคดังกล่าว เราจึงควรทานอาหารที่มีโซเดียมน้อย ๆ และเค็มน้อย ๆ ด้วย โดยมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ลดการปรุงอาหารด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กะปิ น้ำปลา ซีอิ๊ว เกลือ ซอส เต้าเจี้ยว ผงชูรส ฯลฯ และชิมก่อนเติมทุกครั้งด้วย รวมทั้งลดการจิ้มน้ำจิ้ม หรือทานน้ำพริก พริกแกงต่าง ๆ เพราะมีเกลืออยู่เยอะมากด้วยเช่นกัน 2. ควรทานอาหารที่ผ่านกระบวนการน้อย ๆ หรืออาหารจากธรรมชาติ…

  • ลองสังเกตดูว่า….ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า?

    ลองสังเกตดูว่า….ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า?

    ลองสังเกตดูว่า….ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า? โดยทั่วไปผู้ที่มีวัยเข้าสู่วัยชราแล้วมักจะมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ เล็กน้อยบ้างไปตามวัย บางทีก็แค่ลืมของว่าวางไว้ไหน แต่หากเป็นการลืมที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างการลืมทางกลับบ้าน หรือเอาเตารีดไปใส่ไว้ในตู้เย็น อะไรแบบนี้อาจเป็นไปได้ว่าผู้ชราท่านนั้นอาจมีอาการของโรคสมองเสื่อมแล้ว วันนี้จึงขอเอาข้อสังเกตของการเป็นโรคสมองเสื่อมมาฝากกันค่ะ ภาวะสมองเสื่อม คือความเสื่อมของสมองโดยรวมทั้งหมด ทำให้เกิดความบกพร่องในการประกอบกิจวัตรประจำวัน เปลี่ยนแปลงทั้งพฤติกรรมและบุคลิกภาพอย่างชัดเจน มักพบได้ในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่หากมีอายุถึง 85 ปีก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้ถึงร้อยละ 20 เลยทีเดียว ส่วนใหญ่พบได้ในผู้ที่เป็นโรคสมอง หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คนที่เคยได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง โดยอาการที่จะบ่งชี้ว่าผู้สูงอายุท่านนั้นมีภาวะสมองเสื่อมหรือไม่ก็ให้สังเกตดังนี้ค่ะ 1. มักจำเหตุการณ์ใหม่ ๆ ไม่ได้ แต่กลับจำเรื่องราวเก่า ๆ ในดีตได้ มักถามซ้ำเรื่องเดิมบ่อย ๆ 2. เรียนรู้หรือรับรู้สิ่งใหม่ได้ไม่ จำปัจจุบันไม่ได้ เช่น จำไม่ได้ว่าทานข้าวแล้ว หรือจำคำพูดขณะที่สนทนาไม่ได้ มักถามกลับซ้ำ ๆ 3. การแก้ไขปัญหาบกพร่องไป เช่น ยืนดูน้ำล้มอ่างเฉย ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี 4. การประกอบกิจกรรมต่าง…

  • ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ

    ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ

    ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ ระยะนี้คนไทยเราเริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายดูแลสุขภาพ และดูแลอาหารการกินกันมากขึ้นแล้วนะคะ การจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนาร่างกายขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่นกันเล่นกีฬาก็จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้กระทำอย่างสม่ำเสมอด้วยกระบวนการที่เหมาะสม จะทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างมั่นคงนั่นเอง ผู้ที่เพิ่งหันมาออกกำลังกายใหม่ ๆ นั้น ควรเลือกออกกำลังกายในระดับเบาก่อน ยังไม่ควรหักโหมไปวิ่งทันที ควรเริ่มด้วยการเดินเบา ๆ หรือปั่นจักรยานช้า ๆ ก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหากหักโหมอาจปวดข้อหรือได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ในช่วงเริ่มแรกควรค่อย ๆ ฟิตร่างกายให้ดีก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปออกกำลังกายที่หนักขึ้นจะช่วยถนอมกล้ามเนื้อ ข้อต่อและกระดูกไปได้อีกทาง การเตรียมตัวก่อนการออกกำลังกาย ต้องเริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง และใช้การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อวอร์มร่างกาย ข้อต่อส่วนต่าง ๆ ด้วยก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน คุณอาจวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่เบา ๆ หรือเดินเบา ๆ ก่อนสัก 5-10 นาทีแล้วค่อยเดินเร็วหรือเริ่มวิ่ง ข้อดีของการอบอุ่นร่างกายอีกอย่างก็คือจะกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้อีกทางหนึ่ง การออกกำลังกายควรเป็นกิจวัตรที่มีความสม่ำเสมอ และเป็นชนิดกีฬาที่ชื่นชอบด้วยจึงจะทำให้ไม่เบื่อ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งไม่ควรหักโหมจนเกินไป การจะวัดว่าเหนื่อยเกินไปหรือยังให้สังเกตว่ายังพูดเป็นคำได้อยู่หรือเปล่า หากเหนื่อยจนพูดไม่เป็นคำก็ถือว่าหักโหมเกินไปแล้ว ควรค่อย ๆ…

  • ใช้ชีวิตให้ดี ห่างไกลจากโรคไต

    ใช้ชีวิตให้ดี ห่างไกลจากโรคไต

    ใช้ชีวิตให้ดี ห่างไกลจากโรคไต  ไตของคนเรานั้น เป็นอวัยวะที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นของเจ้าของ มีรูปร่างคล้ายถั่วแดง อยู่บริเวณด้านหลังของลำตัวในระดับของกระดูกซี่โครงส่วนล่าง ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ ควบคุมการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย กรองของเสียในร่างกาย หากไตบกพร่องก็อาจทำให้คุณเป็นโรคไตได้ด้วย โรคไตนั้นมีหลายชนิด แต่ที่อันตรายที่สุดเห็นจะเป็นไตวายเรื้อรัง มีอาการที่เห็นได้ก็คือ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ซึม วิงเวียน ปวดหัว การรับรสเปลี่ยนไป มีอาการชาตามปลายมือและปลายเท้า รวมทั้งน้ำหนักตัวลดลงได้ และที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคไตที่สำคัญคือ พฤติกรรมการถ่ายปัสสาวะเปลี่ยนไปทั้งในเรื่องความถี่ ปริมาณของน้ำปัสสาวะ สีของปัสสาวะ เช่น เข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นเวลากลางคืน ปริมาณลดน้อยลง ปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ หรือมีเลือดปนออกมา รวมทังปวดหลังปวดเอว ความดันโลหิตสูง หน้าบวม เท้าบวมและท้องบวม กลุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคไตวายนั้นจะมีอยู่สองกลุ่มก็คือ กลุ่มที่เป็นโรคที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคไตอยู่แล้ว เช่น ความดันสูง หรือเบาหวาน กับอีกกลุ่มคือเป็นโรคไตซ่อนอยู่ และไม่เคยแสดงอาการอะไรออกมาเลย ไม่เคยป่วยเจ้าโรงพยาบาลแต่ความจริงมีโรคไตซ่อนอยู่ หากไม่ตรวจก็จะไม่รู้ว่าเป็นโรคไต โรคไตนี้สามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงได้โดย – อย่าทรมานไตมากเกินไป ด้วยการกินยาที่ซื้อมาเอง หรือกินยาผิดขนาด ผิดชนิด และปริมาณ รวมทั้งกินยาซ้ำซ้อนไปหมด หากซื้อยามากินเองไม่ปรึกษาแพทย์อาจทำให้เกิดผลเสียต่อไต ทำให้ไตอักเสบและเป็นโรคไตได้ –…

  • วิธีปฏิบัติเมื่อพบคนเป็นลม!

    วิธีปฏิบัติเมื่อพบคนเป็นลม!

    วิธีปฏิบัติเมื่อพบคนเป็นลม! แม้เราจะพบเห็นคนเป็นลมกันได้ไม่บ่อยนัก แต่การเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลคนเป็นลมไว้ก่อนก็เป็นเรื่องดี เพราะวันหนึ่งคนที่เกิดเป็นลมขึ้นมาอาจเป็นญาติสนิท คนรักของคุณก็ได้นะคะ อาการเป็นลม เกิดจากเซลล์สมองมีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอชั่วขณะ จึงทำให้หมดสติอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วฟื้นได้เองในภายหลัง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์สมองน้อยลงนั้นก็เกิดได้หลายอย่าง ที่พบบ่อยที่สุด ก็มักจะพบในที่ที่มีคนแออัด อากาศร้อนหรืออยู่กลางแดดจ้า มักจะมีอาการใจหวิว มีเสียงดังก้องในหู มองเห็นภาพเป็นจุดหรือตามัว หน้าซีด เหงื่อออก คลื่นไส้ มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นช้าลง แขนขาอ่อนแรง ทรงตัวไม่อยู่ แล้วทรุดลงหมดสติไป แต่หลังจากผ่านไปเพียง 1-2 นาทีก็จะฟื้นขึ้นได้เอง เมื่อเราพบเห็นคนเป็นลมนั้น ควรปฐมพยาบาลดังนี้ค่ะ – จัดท่านอนให้ผู้ป่วยนอนศีรษะต่ำกว่าเท้า หรือยกเท้าขึ้น ในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง อย่าให้คนมุง ปลดเสื้อผ้าที่รัดแน่น รวมทั้งเข็มขัดออก เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้เร็วขึ้นและพอเพียง – นำผ้าเช็ดเช็ดตามใบหน้า ลำตัว ลำคอ แขนขา – หากผู้ป่วยยังไม่ฟื้นยังไม่ควรให้น้ำหรืออาหารอื่น ๆทางปากเพราะอาจสำลักได้ – เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาอย่าเพิ่งให้นั่งทันที ควรให้พักต่อประมาณ 15-20 นาทีเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงสมองได้เต็มที่ก่อน – เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ลุกขึ้นนั่งได้แล้ว ให้ดื่มน้ำหวานหรือดื่มน้ำหากรู้สึกกระหาย – หากผู้ป่วยไม่ฟื้นใน…

  • วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค

    วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค

    วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค โรคติดต่อไม่เรื้อรังนั้นมักถูกเข้าใจว่าน่าจะเป็นโรคของประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ โรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรคนี้เป็นปัญหาของประเทศกำลังพัฒนาต่างหาก เพราะขาดความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากด้วย โรคทั้งห้านี้ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยโรคเหล่านี้มีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี แล้วยังเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตหรือพิการเพิ่มขึ้นด้วยนะ สาเหตุของโรคทั้งห้าชนิดนี้ มักเป็นบุคคลที่ชอบทานอาหารหวานจัด เค็ม หรือมีไขมันสูง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีความเครียดมากแล้วไม่ค่อยรู้จักการผ่อนคลายกับทั้งยังขาดการออกกำลังกาย ฯลฯ จึงทำให้เป็นโรคอ้วนตามมา การที่มีไขมันสะสมในช่องท้องมากนี้ ไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ส่งผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดีนัก จึงเป็นต้นเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย และอาจเสียชีวิตได้ หากจะวัดกันที่ดัชนีรอบเอวจะพบว่ารอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุก 5 เซนติเมตรจะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคเบาหวานสูงขึ้นถึง 3-5 เท่า หมายถึงว่ายิ่งพุงใหญ่เท่าไรก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น โรคเกณฑ์การจำแนกว่าเป็นโรคอ้วนลงพุงของคนไทยก็คือ หากผู้ชายมีรอบเอวเกิน 90…

  • ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย

    ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย

    ใช้ชีวิตอย่างไร…ห่างไกลมะเร็งร้าย คุณทราบหรือไม่คะว่า หากเราบริหารจัดการวิถีการใช้ชีวิตให้ดีแล้ว จะสามารถป้องกันการเป็นโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 30-40 เชียวนะคะ แล้วยังสามารถป้องกันโรคอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ อาการไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ตลอดจนโรคกระดูกพรุนได้ด้วย วันนี้มาดูคำแนะนำในการใช้ชีวิตเพื่อให้ห่างไกลจากมะเร็งกันนะคะ 1. คุณควรเลิกบุหรี่ เพราะคุณทราบหรือไม่คะว่าหากคุณสูบบุหรี่มากกว่า 1 ซอง หรือ 20 มวนต่อวันเป็นเวลา 10 ปีนั้น คุณจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า! เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และหากคุณสูบอยู่แล้วเกิดอยากเลิกขึ้นมาก็สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 60 การสูบบุหรี่ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดอย่างเดียว แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ หรือโรคถุงลมโป่งพองได้อีกด้วย 2. คุณควรเลิกดื่มสุรา หรือหากจำเป็นต้องดื่มเพื่อเข้าสังคมก็จำกัดไว้แค่วันละไม่เกิน 1 แก้ว ผู้ที่ดื่มสุรามากกว่า 3 แก้วต่อวันจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นถึงเกือบสิบเท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม แต่ถ้าคุณยังไม่เลิกดื่มแล้วยังสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 1 ซองอีก ก็จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งมากขึ้นเป็น 50 เท่าเลยทีเดียว! น่ากลัวเอามาก ๆ ค่ะ 3. คุณควรปรับพฤติกรรมการกิน ดังต่อไปนี้…

  • ยอมรับความเสื่อมของร่างกายตามกาลเวลา

    ยอมรับความเสื่อมของร่างกายตามกาลเวลา

    ยอมรับความเสื่อมของร่างกายตามกาลเวลา เมื่ออายุยิ่งมากขึ้นเท่าไร การดูแลสุขภาพก็ยิ่งเป็นเรื่องจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น หากจะเปรียบไปแล้วร่างกายของคนก็เหมือนกับรถที่เก่าลงทุกปี จำเป็นต้องเข้าอู่เพื่อตรวจเช็คสภาพ บำรุงรักษาอยู่เนือง ๆ ร่างกายเราเมื่ออายุมากขึ้นก็ย่อมมีความเสื่อมโทรมลงเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะส่วนใดก็หลีกเลี่ยงความจริงข้อนี้ไปไม่ได้ ซึ่งอาการหรือโรคที่บ่งบอกว่าร่างกายเรากำลังเสื่อมโทรมเอาที่เห็นกันได้ชัด ๆ นั้นก็คือ ตาฝ้าฟาง หูตึง ปวดกล้ามเนื้อ และปวดกระดูก อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงโรคเรื้อรังไม่ติดต่อจำพวก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด โรคอ้วน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่พบได้แม้ในคนที่อายุยังน้อยอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากวิธีการใช้ชีวิตนั่นเอง แต่คนเราก็ไม่เหมือนรถไปซะหมดทุกอย่าง เพราะคนเราก็ยังมีจิตใจ และจิตวิญญาณ ซึ่งสุขภาพของคนจะดีได้นั้นผู้ที่เป็นเจ้าของร่างกายก็จำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่ทุกสัดส่วน ร่างกายจึงจะอยู่กับเรานาน ๆ ไม่เสื่อมโทรมไว หรือเสียบ่อย ๆ แล้วก็ยังใช้การได้ดีจนสิ้นอายุขัย พึงตระหนักไว้ว่าสุขภาพของผู้ที่เข้าวัยชรานั้นเปรียบเหมือนรถเก่าก็ตรงที่ มักจะเสียง่าย ใช้งานหนักมากไม่ไหว แล้วก็ต้องเข้าอู่บ่อย สุดท้ายก็ต้องพัง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลอย่างเหมาะสม เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นก็ซ่อมแซมตามจำเป็น แต่หากมีปัญหาซับซ้อนก็ควรแยกแยะให้ออกว่าจะปล่อยไปหรือนำไปซ่อม ควรมีสติ มีความรู้ และอย่างกังวลมากเกินไป นอกจากนี้แล้วยังควรหากช่างซ่อม หรือหมอ พร้อมอู่ หรือโรงพยาบาลที่ไว้ใจได้มาดูแลด้วย ผู้สูงวัยทุกท่านจำเป็นต้องแยกแยะให้ได้ว่า อาการชนิดไหนเป็นโรคที่ไม่ต้องรักษา…

  • กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด?

    กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด?

    กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด? โด่งดังกันมาแล้วสำหรับวิธีลดความอ้วนด้วยการกินกล้วยมื้อเช้า  แล้วทำไมต้องทานมื้อเช้าด้วยล่ะ  เหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่า ในกล้วยนั้น มีอุดมไปสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2   ที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมัน น้ำตาล  รวมไปถึงยังทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า หายงัวเงีย สดชื่นขึ้น  อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมที่ช่วยในการดูดซับโซเดียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ  ซึ่งเท่ากับช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง  ลดอาการบวมของร่างกายได้ แต่อันที่จริงแล้วการทานกล้วยนั้น จะกินตอนไหนต่างก็ให้ประโยชน์กับร่างกายได้ทั้งหมด  ทางที่ดีที่สุดควรทานกับน้ำเปล่าด้วย เพื่อลดภาระของกระเพาะและลำไส้ให้มากที่สุดนั่นเอง  

  • อาหารต้องห้ามของ 10 โรค

    อาหารต้องห้ามของ 10 โรค

    อาหารต้องห้ามของ 10 โรค อาหารต้องห้ามหรือของแสลง ก็คืออาหารท่านเข้าไปแล้วทำให้อาการกำเริบหรือโรคที่เป็นอยู่หายช้าลง มีพื้นฐานมาจากภูมิปัญญาทางการแพทย์พื้นบ้าน รู้ไว้จะดีกว่านะคะ ..หากเป็นโรคกระเพาะ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกกาแฟ ชาแก่ ๆ ของทอด อาหารรสเผ็ด หรือมีไขมันสูง อาจทำให้โรคหายยากขึ้น ควรทานอาหารให้ตรงเวลาและเลือกอาหารที่ย่อยง่ายดีกว่า .. หากเป็นไข้ หรือเป็นไข้หวัด เลี่ยงอาหารที่มีความเย็น ของทอด ของมัน ที่ย่อยยาก จะยิ่งทำให้ตัวร้อนขึ้น .. หากเป็นโรคความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เช่น โกโก้ ไข่ปลา ไขกระดูก หมูสามชั้น สุรา แอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดและผลไม้ที่มีความหวานอย่างขนุน ทุเรียน ลำไย ด้วย .. หากเป็นโรคตับหรือถุงน้ำดี เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลด์ อาหารติดมัน เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องใน ของทอด ของหวานจั เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของการย่อยอาหารลดลง เพิ่มภาระให้กับตับและถุงน้ำดี ..หากเป็นโรคหัวใจและโรคไต เลี่ยงอาหารที่มีความเค็ม เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตเองก็ต้องขับเกลือมากขึ้น…