Tag: ไข้หวัด
-
ทำไม…ตากฝนแล้วเราจึงเป็นหวัด?
ทำไม…ตากฝนแล้วเราจึงเป็นหวัด? หลายคนคงเคยสงสัยกันอยู่บ้างว่าทำไมแค่ตัวเราเปียกฝนแล้วจึงเป็นหวัดได้ ทั้งที่เราก็อาบน้ำสระผมตัวเปียกอยู่ทุกวัน แต่ไม่ยักกะเป็นอะไร วันนี้ค่ะ เราจะมาฟังคำอธิบายกันว่าทำไมการตากฝนแล้วจึงทำให้เราเป็นหวัดขึ้นมาได้ – เพราะโรคหวัดเกิดจากไวรัสที่ทำให้โพรงจมูกอักเสบติดเชื้อ และมีไวรัสเป็นจำนวนมากที่ทำให้เกิดเป็นไข้หวัดได้ ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศแล้วก็ตกลงไปเกาะติดอยู่ตามพื้น หรือปะปนไปกับฝุ่น ความจริงไวรัสเหล่านี้มีชีวิตไม่นานนัก แต่ปกติเราก็สัมผัสกับไวรัสเหล่านี้อยู่บ้างแล้ว แต่เพราะในเวลาปกติที่ฝนไม่ได้ตก เรามีภูมิต้านทานร่างกายและสภาวะแวดล้อมที่จะไม่ทำให้ติดเชื้อ เราจึงไม่เป็นหวัด แต่เพราะในเวลาฝนตกมักจะมีลมแรง ลมเหล่านี้จะพัดเอาไวรัสฟุ้งกระกระจาย เราอยู่ในบริเวณนั้นก่อนที่ฝนจะตก จะทำให้มีโอกาสที่ไวรัสจะสัมผัสกับเรามากขึ้น ดังนั้นหากลมเริ่มแรงและฝนกำลังจะตก ให้หาที่หลบดีกว่าอย่าอยู่ที่โล่ง หรือหากเลี่ยงไม่ได้ให้ปิดปากปิดจมูกด้วยผ้าไว้ก่อนก็ได้ค่ะ – และหากเราตากฝนจนศีรษะเปียก การที่เราเป็นหวัดไม่ได้เกิดจากศีรษะเปียก (ไม่งั้นเราคงเป็นหวัดเวลาสระผมทุกครั้ง) แต่เป็นเพราะว่าเมื่อศีรษะเปียกฝนจะทำให้อุณหภูมิพื้นผิวของเยื่อบุจมูกลดลงประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พอดีสำหรับการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสที่ตกค้างในช่องจมูก หากได้ยืนตากลมหรือรับเชื้อมาก่อนช่วงเวลาฝนตกก็จะยิ่งทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายต้านทานเชื้อไม่ไหว เกิดสารคัดหลั่งออกมามากขึ้น (น้ำมูกนั่นล่ะค่ะ) และหากเชื้อไวรัสลุกลามลงคอก็จะทำให้คออักเสบได้ – นอกจากลม และศีรษะที่เปียกฝนแล้ว อุณหภูมิบริเวณมือเท้าก็มีผลด้วย การที่เท้าเราแช่น้ำ หรือต้องลุยน้ำเวลานาน ๆ ทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงจนกลายเป็นหวัดได้อีกด้วย ดังนั้นต่อไปนี้หากอยู่นอกบ้านแล้วพบว่าฝนตก ควรป้องกันตัวเองจากไวรัสและการติดเชื้อด้วยการ พยายามหาที่หลบฝนเสียก่อน แล้วรอจนฝนหยุดแล้วจึงเดินทางต่อ หรือหากเลี่ยงไม่ได้ควรกางร่มเพื่อบังศีรษะของเราไว้ นำผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกปิดปากไว้ด้วยก็จะดีขึ้น เมื่อเข้าที่แห้งแล้วให้รีบเช็ดผมที่เปียกให้แห้ง หากกลับบ้านก็ควรสระผมแล้วเช็ดหรือเป่าให้แห้งโดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นควรทำร่างกายให้อบอุ่น ด้วยการดื่มน้ำอุ่น ๆ ใส่เสื้อผ้าหนา…
-
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง
หลีกเลี่ยงหวัดในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ในระยะที่อากาศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีฝนตกมากขึ้น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายค่อนข้างต่ำ หรือสุขภาพอ่อนแอเพราะปรับตัวไม่ทัน จึงเจ็บป่วยได่ง่าย ยิ่งโดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางลมหายใจจำพวกโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ที่ติดต่อกันได้ง่ายนั้น เราจึงยิ่งจำเป็นต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมในการป้องกันโรคติดต่อเหล่านี้นั่นเอง ซึ่งมีวิธีการดูแลตัวเองง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ – เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มป่วย เริ่มเป็นไข้ ไม่สบายรู้สึกอ่อนเพลีย นอนไม่พอ ยิ่งไม่ควรเข้าไปเสี่ยงในแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นตลาด ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล เพราะว่าร่างกายในช่วงที่มีภูมิต้านทานต่ำจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย – หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือหากไม่สะดวกในการล้างมือจะใช้เจลแอลกอฮอล์มาเช็ดก็ได้ ช่วยป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ยิ่งหากอยู่ในช่วงที่กำลังมีอาการไอหรือจาม ยิ่มควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพราะหากนำมือไปป้ายตาก็อาจติดเชื้อตาอักเสบได้ หรือไปหยิบจับสิ่งของก็จะเท่ากับเป็นการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอีกทาง – หลีกเลี่ยงและอยู่ห่างจากผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหวัด ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง จะช่วยป้องกันเชื้อหวัดและโรคทางเดินหายใจได้ดี – หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ – ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ สองลิตร – หากในบ้านของเรามีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ และควรป้องกันการแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นด้วยการไม่คลุกคลีกับผู้ใกล้ชิด ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเมื่อไอหรือจาม และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วย – สำหรับกลุ่มผู้เสี่ยงสูง…
-
สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน
สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน หนุ่มๆ สาวๆ ท่านไหน ที่สะสมไขมันไว้ในร่างกายมากๆ ขอบอกเลยนะ ว่าไม่ใช่ผลดีเลย เพราะไขมันที่อยู่ในร่างกายของเรา ถ้าหากมีปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้โทษกับร่างกาย ซึ่งโทษที่เกิดจากการที่ไขมันสะสม ที่เกาะผนังลำไส้ กระเพาะอาการ จะทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เช่น – ถุงน้ำดี โรคนี้จะมีอาการนอนไม่หลับ เป็นนิ่วในไต สายตาเสื่อมลง และจะปวดเมื่อยตามร่างกาย – เลือดเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จะทำให้มึนศรีษะ – ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลง และจะกลายเป็นคนขี้หนาว – ม้ามชื้น ทำมห้อาหารที่เราทานเข้าไป แปรสภาพเป็นไขมัน และส่งผลให้เป็นคนอ้วนง่าย – ม้ามโต ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากม้ามไปเบียดปอด – หากไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะส่งผลให้ลำไส้เล็ก ไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ และจะทำให้เป็นหวัดในตอนเช้า หรือเป็นหวัดเรื้อรัง อาจจะมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ และมักจะมีอาการจามในตอนเช้า – ถ้ามีไขมันในตับสูง จะส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดไม่ปกติ หากดื่มตามสูตรนี้ จะช่วยลดหน้าท้อง และยังส่งผลให้อาการทั้ง 7…
-
ป้องกันไข้เลือดออกอย่างมั่นใจ ต้องใช้ 4ป.
ป้องกันไข้เลือดออกอย่างมั่นใจ ต้องใช้ 4ป. เพื่อสภาวะอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้วงจรของยุงลายซึ่งเป็นพาหะสำคัญของโรคไข้เลือดออก มีระยะที่สั้นลง นั้นจึงทำให้แพร่พันธุ์ได้เร็วมากขึ้น โอกาสในการแพร่เชื้อของยุงก็มากขึ้นไปด้วย จะเห็นได้ว่าเมื่อไรที่ประเทศไทยเข้าสู่หน้าฝน ไข้เลือดออกก็ระบาดอย่างหนัก หากผู้ติดเชื้อเป็นเด็กอายุ 5-14 ปีแล้วล่ะก็ มีความเสี่ยงมากที่จะเสียชีวิต จะเห็นได้ว่าปีหลัง ๆ ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเป็นแสนคน และเสียชีวิตกันเป็นหลักพัน และขยายความเสี่ยงออกมาสู่เด็กโตและวัยผู้ใหญ่ก็ป่วยด้วยไข้เลือดออกกันมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งการจัดการกับต้นกำเนิดของยุงลายพาหะของโรคไข้เลือดออกนั้น จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในชุมชน ให้ลงมือช่วยกันอย่างเอาจริงเอาจังและมีความต่อเนื่อง จึงจะสามารถควบคุมการระบาดได้ โดยอาศัยมาตรการ 4 ป. ดังต่อไปนี้ 1. ปิด คือการใช้ฝาไปปิดภาชนะเก็บน้ำต่าง ๆ ให้หมด ไม่ว่าจะเป็นกระถางต้นไม้ อ่างน้ำ โอ่ง แทงค์เก็บน้ำ ฯลฯ 2. เปลี่ยน คือการหมั่นเปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้ หรือจานรองขาตู้กับข้าว โดยการหมั่นเปลี่ยนทุกอาทิตย์ หรือหยอดเกลือหรือผสมน้ำส้มสายชูลงในน้ำดังกล่าว ป้องกันการวางไข่ของยุงลายได้ 3. ปล่อย ก็คือการปล่อยปลาหางนกยูง ปลาสอด ลงไปในอ่างบัว บ่อน้ำ โอ่งน้ำเพื่อกินลูกน้ำเป็นอาหาร ถือเป็นการตัดตอนการแพร่พันธุ์ของยุงลายไปได้ 4. ปรับปรุง บ้านทุกหลังในหมู่บ้านหรือชุมชน…
-
ดูแลเด็ก ๆ ให้ห่างไกลโรคหวัดลงกระเพาะ
ดูแลเด็ก ๆ ให้ห่างไกลโรคหวัดลงกระเพาะ โรคไวรัสโรต้า หรือโรคหวัดลงกระเพาะนั้น มักจะทำให้เด็กเล็ก ๆ ที่มีอายุน้อยกว่าห้าขวบ มีอาการไข้สูง ท้องเสีย ปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำ จนทำให้ร่างกายขาดน้ำและเสียชีวิตจากโรคนี้กันได้ปีหนึ่งเป็นแสนรายจากทั่วโลกเลยทีเดียว และในเมืองไทยก็มีเด็กที่เสียชีวิตจากเชื้อนี้เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยมากเด็กมักจะติดโรคนี้ในช่วงที่มีอากาศเย็น โรคนี้มีชื่อเรียกกันว่า หวัดลงกระเพาะ หรือ ไวรัสลงลำไส้ เพราะว่าในผู้ป่วยบางรายนั้นจะมีแสดงอาการคล้ายไข้หวัดนำมาก่อนนั่นเอง โรคนี้นั้นพบได้มากที่สุดในเด็กทารกและเด็กเล็ก ๆ ที่อายุน้อยกว่าสองขวบ หากอายุมากกว่านี้ก็จะพบได้น้อยลง ส่วนในวัยผู้ใหญ่หรือเด็กโตแล้วนั้นมักจะมีภูมิคุ้มกันโรค เรียกได้ว่าเด็กเล็ก ๆ ที่เข้าโรงพยาบาลเพราะอาการท้องเสียนั้นเกือบครึ่งนั้นมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสโรต้า นี้ได้เลย และเรียกได้ว่าเด็กทารกแทบทุกคนนั้นเคยติดเชื้อนี้อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต เชื้อนี้ติดต่อกันได้ง่ายมากเพราะแพร่กระจายได้จากน้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระที่ปนเปื้อนอยู่กับ พื้นบ้าน ของใช้ สิ่งของ ของเล่นต่าง ๆ และเชื้อนี้ก็ยังแข็งแรงมากพอที่จะอยู่ได้เป็นวัน ๆ เมื่อเด็กได้รับเชื้อเข้าไปก็จะมีระยะเวลาฟักเชื้อที่ค่อนข้างน้อยคือเพียงแค่ 1-2 วันเท่านั้น แล้วจึงแสดงอาการปวดท้อง อาเจียน ไข้ขึ้นสูง จนเกิดอาการชัก ร่วมกันถ่ายเหลว เด็กบางคนได้รับเชื้อรุนแรงมาก อาจถ่ายได้ถึงวันละ 20 ครั้งเลยทีเดียว ในปัจจุบันนี้ยังไม่มียาใดที่รักษาเชื้อไวรัสโรต้านี้ได้ ดังนั้นหากเด็ก ๆ…
-
นอนหลับยาก.ทานผักกาดหอมกันดีกว่า!
นอนหลับยาก.ทานผักกาดหอมกันดีกว่า! อาการนอนไม่หลับเนี่ย.. ใครไม่เคยเป็นไม่เข้าใจเลยนะคะ ว่าส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสมาธิต่ำ อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย ภูมิคุ้มกันก็ต่ำลง เป็นหวัด ป่วยง่าย ๆ แล้วยังอ้วนได้ง่ายอีกด้วยค่ะ แต่อย่าเพิ่งร้อนใจไป มีผักอยู่ชนิดหนึ่งที่หาซื้อก็สะดวกแล้วยังทานง่ายอีกด้วย มีคุณสมบัติช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ “ผักกาดหอม” นั่นเองค่ะ นั่นเป็นเพราะมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ค้นพบว่า หากได้ทานผักกาดหอมสดก่อนนอน หรือทานเป็นมื้อเย็น ร่างกายจะได้รับสารรสขมที่มีชื่อว่า “แลคทูคาเรียม” ทำให้รู้สึกง่วงนอน จิตใจผ่อนคลาย และสงบลง ทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น ลองนำไปทำเป็นประจำกันดูนะคะ จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดหรือพึ่งยานอนหลับกันอีกต่อไปค่ะ
-
อาหารต้องห้ามของ 10 โรค
—
by
in ข่าวสุขภาพ, ความดันโลหิตสูง, ตับ, ท้องผูก, ริดสีดวงทวารหนัก, สิว, หอบหืด, หัวใจ, เบาหวาน, ไข้หวัด, ไตอาหารต้องห้ามของ 10 โรค อาหารต้องห้ามหรือของแสลง ก็คืออาหารท่านเข้าไปแล้วทำให้อาการกำเริบหรือโรคที่เป็นอยู่หายช้าลง มีพื้นฐานมาจากภูมิปัญญาทางการแพทย์พื้นบ้าน รู้ไว้จะดีกว่านะคะ ..หากเป็นโรคกระเพาะ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกกาแฟ ชาแก่ ๆ ของทอด อาหารรสเผ็ด หรือมีไขมันสูง อาจทำให้โรคหายยากขึ้น ควรทานอาหารให้ตรงเวลาและเลือกอาหารที่ย่อยง่ายดีกว่า .. หากเป็นไข้ หรือเป็นไข้หวัด เลี่ยงอาหารที่มีความเย็น ของทอด ของมัน ที่ย่อยยาก จะยิ่งทำให้ตัวร้อนขึ้น .. หากเป็นโรคความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เช่น โกโก้ ไข่ปลา ไขกระดูก หมูสามชั้น สุรา แอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดและผลไม้ที่มีความหวานอย่างขนุน ทุเรียน ลำไย ด้วย .. หากเป็นโรคตับหรือถุงน้ำดี เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลด์ อาหารติดมัน เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องใน ของทอด ของหวานจั เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของการย่อยอาหารลดลง เพิ่มภาระให้กับตับและถุงน้ำดี ..หากเป็นโรคหัวใจและโรคไต เลี่ยงอาหารที่มีความเค็ม เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตเองก็ต้องขับเกลือมากขึ้น…
-
ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป
ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป สำหรับสาว ๆ ที่รักการมีผิวพรรณที่เต่งตึงขาวสดใส วันนี้จะขอแนะนำผลไม้ดี ๆสามชนิดที่ยิ่งทานก็ยิ่งสวย ยิ่งทานผิวก็ยิ่งเปล่งปลั่งเต่งตึง สดใสย้อนอายุมาฝากกันค่ะ – Grapefruit หรือ เกรปฟรุต เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหวาน ตระกูลเดียวกับพวกส้มและมะนาว อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กรดซิติก จึงมีประโยชน์ต่อการปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างในเลือดและของเหลวในร่างกาย บำรุงตับ อีกทั้งยังมีกรดซาลิไซลิดที่สามารถจัดการกับแคลเซียมที่ผลึกอยู่ตามข้อ โรคไขข้ออักเสบจึงดีขึ้น – ลูกกีวี ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้เช่นกัน ช่วยป้องกันหวัดได้ในแม้ในห้วงเวลาที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง ทานแล้วผิวสวยใส เพราะอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้หลายส่วนในเวลาเดียวกัน – สับปะรด ไม่ว่าสายพันธุ์ไหน ก็อุดมไปด้วยบรอเมลิน เอนไซม์ที่ช่วยรักษาระดับความเป็นกรดเป็นด่างของร่างกายให้สมดุล อุดมไปด้วยวิตามินซี และแร่ธาตุอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ไม่แพ้ผลไม้จากต่างประเทศ ช่วยต้านทานการอักเสบ และย่อยโปรตีนได้ดี จึงช่วยลดสิวอักเสบและทำให้ผิวสวยใสกระจ่างด้วยวิตามินนานาชนิดค่ะ
-
มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย
มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย หากจะพูดถึงพืชผักสีแดงที่มีรสชาติอมเปรี้ยว อมหวานนิด ๆ กรอบและฉ่ำน้ำในตัวแล้ว ก็ต้องนึกถึงมะเขือเทศเป็นลำดับแรก ๆ เลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทานมะเขือเทศแค่ผลเดียวก็ได้รับวิตามินและแร่ธาตุบำรุงร่างกายได้ทั่วจากหัวจรดเท้าเลย มาดูประโยชน์ของมะเขือเทศกันเลยค่ะว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณอย่างไรกันบ้าง – มะเขือเทศมีวิตามินเอปริมาณสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา – ทานมะเขือเทศมาก ๆ ช่วยผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ – วิตามินบีในมะเขือเทศช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ – ส่วนวิตามินซีที่พบมากเช่นกันในมะเขือเทศ ช่วยป้องกันไข้หวัด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย – มะเขือเทศเป็นผักที่ทานได้อย่างสบายใจเพราะมีแคลอรี่ต่ำ ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักตัว – สารไลโคปีนในมะเขือเทศซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน ช่วยป้องกันการก่อตัวของมะเร็ง ซึ่งไลโคปีนในมะเขือเทศนี้มีฤทธิ์มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึงสองเท่าเลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชผักที่นำไปประกอบอาหารก็อร่อย หรือจะทานสด ๆ เหมือนผลไม้ก็ดีทั้งนั้น และแม้ว่าการทานมะเขือเทศจะมีประโยชน์แต่ก็อย่าลืมว่าการทานผักควรทานให้มีความหลากหลาย มีหลากสีสันจึงจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ด้วยนะคะ
-
ล้างมืออย่างไร ปลอดภัย ปลอดเชื้อที่สุด
ล้างมืออย่างไร ปลอดภัย ปลอดเชื้อที่สุด เพื่อในปัจจุบันมีเชื้อโรคเป็นจำนวนมากที่กระจายปะปนอยู่ทั่วไปแทบทุกสถานที่ และทุก ๆ ที่ที่เราเอื้อมมือสัมผัสได้ การล้างมือจึงเป็นสุขนิสัยที่ควรปฏิบัติไว้เสมอ จะได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อผ่านทางมือ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ติดเชื้อแผลเป็น หรือโรคท้องเสีย ฯลฯ การล้างมือช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเหล่านี้ได้มาก และเป็นวิธีการป้องกันเชื้อโรคที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง แล้วการล้างมืออย่างไรจึงจะปลอดภัยและปลอดเชื้อที่สุดกันล่ะ หลาย ๆ ท่านเข้าใจว่าการล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อนั้นดีกว่าล้างด้วยสบู่ธรรมดา แต่ก็ปรากฎว่าจากข้อมูลของกรมควบคุมและป้องกันโรคของสหรับนั้น เปิดเผยว่า การใช้สบู่ยาฆ่าเชื้อที่มีขายในท้องตลาด ก็ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคได้ดีไปกว่าสบู่ธรรมดาเลย ซ้ำยังฆ่าได้เฉพาะเชื้อโรคอ่อนด้วย ส่วนเชื้อร้าย ๆ ก็ยังคงแพร่พันธุ์ต่อไป การล้างมือที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคที่สุด และง่ายที่สุดกลับกลายเป็นการล้างด้วยแอลกอฮอล์ 70% ที่ฆ่าเชื้อโรคได้มากมาย และแทบไม่มีเชื้อใดที่จะดื้อแอลกอฮอล์ได้เลย แต่อย่างไรดีหากที่ที่คุณอยู่ ไม่มีแอลกอฮล์หรือแม้แต่สบู่ล้างมือ การล้างด้วยน้ำสะอาด ๆ ก็ยังดีกว่าไม่ล้างมือเอาเสียเลยนะคะ