Tag: โรคไต
-
อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงโซเดียม (เกลือ)
อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงโซเดียม (เกลือ) มีผู้ป่วยอยู่หลายโรคที่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณของโซเดียม หรือเกลือในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคไต เพราะโซเดียมนี้จะทำให้เกิดอาการบวม ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ การเลือกทานอาหารจึงจำเป็นต้องระวังอาหารที่มีปริมาณของโซเดียมให้ดี โดยรายการอาหารด้านล่างนี้จะรายชื่อและปริมาณของโซเดียมต่อหน่วย มก. ในอาหารที่มีน้ำหนัก 100 กรัม 1. ผักทั่วไป (ส่วนใหญ่มีโซเดียม 1 – 20 มิลลิกรัมม) ถั่ว (1- 6) และผลไม้ (1 – 15) ดังนั้นหากเป็นผักต้มหรือข้าวโพดต้มจึงไม่ควรเติมเกลือเพิ่ม 2. อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว เผือก มัน ข้าวโพด (มีโซเดียม 2 – 7 มก. / 100 กรัม) แต่หากแปรรูปแล้วจะทำให้มีโซเดียมเพิ่มขึ้นได้ เช่น ซีเรียลคอร์นเฟลค (1,158) มันฝรั่งแผ่น (997) ขนมปังแครกเกอร์ (613) ขนมปังขาว ขนมปังโฮลวีต (541)…
-
วิธีทานผลไม้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ
วิธีทานผลไม้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ วิธีทานผลไม้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ในประเทศไทยนั้นเป็นประเทศในแถบเมืองร้อนที่มีผลหมากรากไม้ที่มีรสชาติอร่อยมากมาย ยิ่งในฤดูร้อนที่ผลไม้หลายชนิดพากันตกลูกแล้ว วัน ๆ เราก็คงอยากแต่จะทานผลไม้เหล่านี้กันให้อิ่มหนำไปเลย แต่ผลไม้หลายชนิดในหน้าร้อน ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน ลำไย เงาะ ลองกอง มะม่วงสุก เหล่านี้มีน้ำตาลสูงมาก อาจทำให้อ้วนได้ อีกทั้งยังมีการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงระหว่างการปลูกอยู่มาก ดังนั้นเราจึงควรเรียนรู้วิธีการทานผลไม้อย่างถูกต้องเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลไม้โดยไม่เป็นอันตราย ดังต่อไปนี้ค่ะ 1. เมื่อซื้อผลไม้มาแล้วให้ทำการล้างให้สะอาดมาก ๆ หลาย ๆ น้ำ โดยเฉพาะผลไม้ที่ทานได้ทั้งเปลือกยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ อาจแช่น้ำทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมงแล้วล้างทิ้งเพื่อความปลอดภัย 2. ซื้อผลไม้มาทานแค่พอกินเท่านั้น อย่าซื้อมาตุนไว้เยอะ ๆ เพราะวิตามินและแร่ธาตุที่เต็มเปี่ยมจะอยู่ในผลไม้สด ๆ ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไรคุณค่าทางโภชนาการก็จะยิ่งลดลงไปเรื่อย ๆ อีกทั้งควรกินให้มีความหลากหลาย เปลี่ยนชนิดหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย 3. สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน หรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน ควรระมัดระวังผลไม้ที่หวานจัด โดยทานผลไม้หวานจัดเหล่านี้แค่ 1 ส่วนต่อวันเท่านั้น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5-6 คำ ผลไม้หวาน ๆ เหล่านี้ได้แก่ ขนุน มะม่วงสุก กล้วย…
-
อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น!
อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น! ขึ้นชื่อว่าอาหารแล้ว มีทั้งอาหารที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อร่างกายนะคะ ดังนั้นการทานอาหาร จึงใช่การสักแต่ทานเพราะเห็นว่าเป็นอาหารเท่านั้น แต่หากคุณไม่อยากแก่ และไม่อยากให้ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหาร 11 ชนิดดังต่อไปนี้ด้วย 1. เกลือ เพราะเกลือจะไปดูดซึมน้ำในร่างกาย ทำให้อ่อนเพลียและมีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิต และโรคไต 2. น้ำตาล เมื่อบริโภคน้ำตาลเข้าไป จะไปจับกับคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังเกิดรอยเหี่ยวย่อน ทำให้ดูแก่ลง 3. น้ำตาลเทียม แม้น้ำตาลเทียมจะไม่ทำให้คุณเป็นเบาหวาน แต่ก็อาจก่อปัญหากับร่างกายได้ด้วย ทำให้เกิดอาการปวดหัว และปวดข้อ ตลอดจนอยากทานน้ำตาลจริง ๆ ขึ้นมาได้ 4. ลูกอม มีน้ำตาล น้ำเชื่อมต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ ทำให้ร่างกายเกิดความระคายเคือง และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย 5. น้ำอัดลม ทำให้ร่างกายขาดน้ำและรู้สึกอ่อนเพลียได้ 6. เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ ทำลายเคลือบฟัน ทำให้ฟันสึก และผุกร่อนเร็ว 7. กาแฟ ดูดซึมน้ำในร่างกาย จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า…
-
อาหารต้องห้ามของ 10 โรค
—
by
in ข่าวสุขภาพ, ความดันโลหิตสูง, ตับ, ท้องผูก, ริดสีดวงทวารหนัก, สิว, หอบหืด, หัวใจ, เบาหวาน, ไข้หวัด, ไตอาหารต้องห้ามของ 10 โรค อาหารต้องห้ามหรือของแสลง ก็คืออาหารท่านเข้าไปแล้วทำให้อาการกำเริบหรือโรคที่เป็นอยู่หายช้าลง มีพื้นฐานมาจากภูมิปัญญาทางการแพทย์พื้นบ้าน รู้ไว้จะดีกว่านะคะ ..หากเป็นโรคกระเพาะ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกกาแฟ ชาแก่ ๆ ของทอด อาหารรสเผ็ด หรือมีไขมันสูง อาจทำให้โรคหายยากขึ้น ควรทานอาหารให้ตรงเวลาและเลือกอาหารที่ย่อยง่ายดีกว่า .. หากเป็นไข้ หรือเป็นไข้หวัด เลี่ยงอาหารที่มีความเย็น ของทอด ของมัน ที่ย่อยยาก จะยิ่งทำให้ตัวร้อนขึ้น .. หากเป็นโรคความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เช่น โกโก้ ไข่ปลา ไขกระดูก หมูสามชั้น สุรา แอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดและผลไม้ที่มีความหวานอย่างขนุน ทุเรียน ลำไย ด้วย .. หากเป็นโรคตับหรือถุงน้ำดี เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลด์ อาหารติดมัน เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องใน ของทอด ของหวานจั เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของการย่อยอาหารลดลง เพิ่มภาระให้กับตับและถุงน้ำดี ..หากเป็นโรคหัวใจและโรคไต เลี่ยงอาหารที่มีความเค็ม เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตเองก็ต้องขับเกลือมากขึ้น…
-
ไตของคุณกำลังลำบากเพราะปากอยู่หรือเปล่า?
ไตของคุณกำลังลำบากเพราะปากอยู่หรือเปล่า? คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวคุณเองกำลังทำร้ายไตของคุณด้วยพฤติกรรมการกินของตัวคุณเอง จากสถิติแล้วมีคนไทยถึง 17.5% ที่ตายด้วยโรคไต หรือคิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยมีคนตายจากโรคไตถึงวันละ 108 คนเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุของโรคไตในคนไทยก็คือ คนไทยมีพฤติกรรมติดอาหารรสจัด และมักชอบเติมน้ำปลาหรือซอสปรุงรสมากเกินความจำเป็น ทั้งที่ความจริงแล้วในอาหารจานด่วนบางชนิดมีปริมาณโซเดียมที่สูงมากอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม มีปริมาณโซเดียม 750 มิลลิกรัม, ผัดซีอิ๊ว มีปริมาณโซเดียม 1000 มิลลิกรัม, ข้าวราดแกง มีปริมาณโซเดียม 1250 มิลลิกรัม และ ยำวุ้นเส้น มีปริมาณโซเดียม 1500 มิลลิกรัม ในขณะที่ปริมาณโซเดียมที่ร่างกายเราต้องการอยู่ที่วันละ 2000 มิลลิกรัม แต่จากการสำรวจนั้น คนไทยบริโภคโซเดียมถึงวันละ 4000 มิลลิกรัมต่อวันเข้าไปแล้ว! นับเป็นตัวเลขที่น่ากลัวทีเดียว เพราะหากร่างกายของเราได้รับโซเดียมมากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย จะเกิดผลทำให้ไตทำงานไม่ปกติ เพราะโซเดียมตกค้างเกิดปริมาณ ก่อให้เกิดโรคไต ซึ่งเป็นต้นเหตุให้คุณอาจต้องฟอกไตตลอดชีวิต, เป็นโรคความดันโลหิตสูง, เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ตลอดจนเป็นอัมพาตได้ ดังนั้นนอกจากตัวคุณเองแล้ว เรามาร่วมกันรณรงค์ “ลดเค็มก่อนสาย เพื่อไตคุณเอง” กันเถอะ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรักตลอดไปนะคะ
-
8 โรคต้องระวัง เมื่อเข้ารับบริการ ขูดหินปูน
8 โรคต้องระวัง เมื่อเข้ารับบริการ ขูดหินปูน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่าหากที่ต้องการเข้ารับการขูดหินปูน เป็นผู้ป่วยด้วยโรค 8 โรคนี้จำเป็นต้องแจ้งทันตแพทย์ก่อนทุกครั้งก่อนรับการทำฟันหรือขูดหินปูนก็คือ กลุ่มที่เป็นโรคเลือดออกง่ายและหยุดไหลยาก ได้แก่ 1. โรคเกล็ดเลือดต่ำหรือโรคลูคีเมีย อาจมีจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกตามร่างกายร่วมด้วย 2. โรคไตและผู้ที่มีประวัติเคยล้างไต เพราะจะได้รับยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด 3. ผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจและการใช้ยาละลายลิ่มเลือด รวมไปถึงกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่อาจแสดงอาการในระหว่างการทำฟัน ได้แก่ 1. โรคหัวใจอาจมีอาการเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ใจสั่น 2. โรคหอบหืดอาจมีอาการหอบเหนื่อย ต้องมียาพ่นประจำ และได้รับยา Steriod 3. โรคลมชักและโรคความดันโลหิตสูง 4. โรคเบาหวานเพราะมีผลกระทบทำให้แผลหายยาก เหล่านี้จำเป็นต้องแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบก่อนเผื่อในกรณีที่อาการกำเริบจะได้ช่วยเหลือได้ทันการณ์ อีกทั้ง ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย ยังเปิดเผยอีกว่าการขูดหินปูนหรือหินน้ำลายนี้ก็เพื่อป้องกันอาการเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ได้ ด้วยการใช้เครื่องมือขจัดหินปูนที่มีความสั่นสะเทือนทำให้หินปูนหลุดออกมา แล้วใช้เครื่องมือชิ้นเล็กกว่าขูดหินปูนละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจทำให้มีเลือดออกได้บ้างเล็กน้อย แต่จะไม่มากจนมีผลใด ๆ ต่อสุขภาพผู้ป่วย ซึ่งหินปูนหรือหินน้ำลายนี้เป็นคราบจุลินทรีย์ที่มีการสะสมของแคลเซียมในน้ำลาย จนแข็งตัวคล้ายหินปูน ที่สะสมเชื้อโรคไว้หลายชนิดอีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตสารพิษที่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ได้ การป้องกันการเกิดหินปูนก็คือการจำกัดคราบจุลินทรีย์โดยการแปรงฟันโดยเฉพาะคอฟันให้สะอาดวันละอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้บริเวณนี้เป็นที่สะสมของคราบจุลินทรีย์จนกลายเป็นหินปูนได้ อีกทั้งยังควรมาตรวจสุขภาพช่องปากทุกปีและหากมีหินปูนก็ควรขูดหินปูนออกอย่างน้อยปีละครั้ง…
-
ระวังอาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วกว่าเดิม!!!!
ระวังอาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วกว่าเดิม!!!! เชื่อหรือไม่คะว่ามีอาหารบางชนิดที่บั่นทอนร่างกายคุณให้ชราเร็วกว่าความเป็นจริงได้ มาดูรายการอาหารเหล่านี้กันค่ะ – น้ำตาล เพราะน้ำตาลจะเข้าไปจับตัวกับคอลลาเจนทำให้ผิวหนังไม่ยืดหยุ่น เหี่ยวย่นมีริ้วรอย จนทำให้คุณดูแก่กว่าอายุจริงได้ – ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ไขมันจากเนื้อวัว มันฝรั่งทอด ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ผิวหนังดูแก่ขึ้น – เกลือ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเพราะเกลือจะเข้าไปดูดน้ำในร่างกาย ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต อีกทั้งยังทำให้อาหารไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระดูกได้อย่างสะดวกด้วย – กาแฟ ทำให้ร่างกายบวมน้ำและดูอ่อนล้า – ท๊อฟฟี่และลูกอม ทำให้ร่างกายเกิดความระคายเคือง เกิดรอยเหี่ยวย่นจากน้ำตาลได้ – น้ำตาลเทียมหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทำให้เกิดอาการปวดหัวปวดข้อ และอยากน้ำตาลมากขึ้นกว่าเดิม – แอลกอฮอล์ ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำ เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น มีจุดแดงและบวม – เครื่องดื่มชูกำลัง ทำลายเคลือบฟันมากกว่าน้ำอัดลมถึงแปดเท่า ทำให้ฟันกร่อนและเหลืองไม่แข็งแรง – คาร์โบไฮเดรต ทำลายคอลลาเจนและเส้นใยใต้ผิวหนัง – อาหารทอดน้ำมัน ทำให้การจับตัวของคอลลาเจนใต้ผิวหนังช้าลง ผิวหนังจึงเหี่ยวย่น – น้ำอัดลม ทำให้ร่างกายขาดน้ำและอ่อนเพลียได้
-
ประโยชน์หลากหลายจากกระเทียมและมะนาว จากประเทศรัสเซียและยูเครน
ประโยชน์หลากหลายจากกระเทียมและมะนาว จากประเทศรัสเซียและยูเครน มะนาวและกระเทียมเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลายนะคะ ลองทำตามสูตรต่อไปนี้แล้วทานเป็นยาอายุวัฒนะดูสิคะ มีสรรพคุณมากมายทางด้านท้ายจะกล่าวต่อไปค่ะ การเตรียมครั้งละมาก ๆ หน่อยก็คือ ใช้มะนาว 50 ลูก+ กระเทียม 1 กิโลกรัม (หรือหากต้องการทำน้อยลงก็ใช้มะนาว 25 ลูก กับกระเทียมครึ่งกิโลกรัมก็ได้) ปอกกระเทียมผสมกับน้ำมะนาวที่คั้นไว้แล้วปั่นรวมกัน หลังจากนั้นตักใส่โหลแก้ว ทิ้งไว้ 1-2 อาทิตย์ หรือจะทานเลยก็ได้ แต่ระวังจะร้อนบริเวณหลอดอาหาร อย่าเอาเข้าตู้เย็น เพราะมะนาวและกระเทียมต่างมีความเป็นกรด เวลาตักทานต้องใช้ช้อนสะอาด ๆ ตักเท่านั้นไม่งั้นจะบูดเสียได้ เมื่อทำเสร็จใหม่ ๆ จะเป็นสีอ่อน แต่หากตั้งทิ้งไว้แล้วสีเหลืองเข้มขึ้นก็ไม่เป็นไร ทานได้ยังไม่เสีย พอใกล้หมดแล้วค่อยทำใหม่ การคัดเลือกกระเทียมมาทำต้องเลือกแบบที่ไม่มีแผลหรือจุดเขียว ๆ ต้องคัดออกให้หมด เพราะถ้าไม่คัดออกจะทำให้สูตรมะนาวกระเทียมนี้เป็นสีเขียว ทานไม่ได้ วิธีการทาน ให้ตักทานวันละ 1 ช้อนคาวตอนก่อนนอน หรือจะทานในมื้อเช้า 1 ช้อนคาว และมื้อเย็น 1 ช้อนคาวก็ได้ ไม่มีโทษอะไร เพราะมะนาวและกระเทียมคืออาหาร หลังการทานควรแปรงฟันด้วยเพราะมีกลิ่นแรง สูตรมะนาวและกระเทียมนี้มีประโยชน์กับร่างกายอย่างอเนกอนันต์…
-
ความรู้ดีๆ…การรักษาโรคเกี่ยวกับไตด้วยเซซามิน
ความรู้ดีๆ…การรักษาโรคเกี่ยวกับไตด้วยเซซามิน การรักษาโรคเกี่ยวกับไตด้วยเซซามิน เนื่องจากขณะนี้มีผู้ที่สอบถามเกี่ยวกับการรักษาโรคเกี่ยวกับไตด้วย “เซซามิน” มาเยอะมาก ผู้เขียนจึงขอรวบรวมคำตอบจาก “รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ”มาฝากกันนะคะ – มีอาการไตวายเฉียบพลัน ต้องฟอกไตและได้ทำการเปลี่ยนถ่ายไตไปแล้ว ขณะนี้มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ยังคงพูดคุยกันได้ตามปกติจะสามารถทาน Aimura Sesameal ได้หรือไม่และต้องทานอย่างไร – ตอบ สามารถทานได้โดยทานก่อนอาหารวันละ 2 แคบซูลต่อวันเช้าหรือเย็นก็ได้ แล้วสังเกตดูว่ามีอาการขับพิษหรือไม่ หลังจากนั้นจึงเพิ่มเป็นครั้งละ 2 แคปซูลเช้าและเย็น หรือครั้งละ 2 แคปซูล เช้า กลาง วันและเย็นด้วยก็ได้ – ตอนนี้คุณยายป่วยเป็นโรคไตต้องล้างไต 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หากทานเซซามินจะมีปัญหากับไตหรือไม่ แล้วปลอกแคปซูลจะทำให้เกิดสารตกค้างหรือเปล่า – ตอบ สามารถทานได้โดยการถอดแคปซูลออกแล้วทานแต่เนื้อยาด้านใน ส่วนตัวปลอกแคปซูลทำจาก gelatin การดูแลร่างกายก่อนด้วยการกินอาหารให้เป็นยา ย่อมดีกว่าการกินยาจนเป็นอาหาร ด้วยการดูแลสุขภาพของตนเองและคนที่เรารักด้วย เอมมูร่า เซซามิน ซึ่งได้รับการวิจัยจาก รศ.ดร. ปรัชญา คงทวีเลิศ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่แล้วว่ามีสรรพคุณในระดับชีวโมเลกุลที่ช่วยดูและและส่งเสริมสุขภาพได้เป็นอย่างดี
-
กรมอนามัย เตือน 8 โรคต้องระวัง เมื่อต้องไปขูดหินปูน
กรมอนามัย เตือน 8 โรคต้องระวัง เมื่อต้องไปขูดหินปูน กรมอนามัยเผยผู้ป่วย 8 โรคควรระวังพิเศษ หากรับบริการ “ขูดหินปูน” ย้ำต้องแจ้งทันตแพทย์ก่อนทุกครั้ง เตรียมพร้อมรักษาหากอาการกำเริบ… ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการขูดหินปูนหรือหินน้ำลายเพื่อป้องกันเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ ซึ่งการสำรวจโดยสำนักทันตสาธารณสุข ในปี 2555 พบว่า คนไทยวัยทำงานกว่าร้อยละ 70 มีหินปูนเกาะบนตัวฟัน ต้องได้รับการดูแลโดยการขูดหินปูน ซึ่งการขูดหินปูนทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือขจัดหินปูนแบบที่ทีความสั่นสะเทือนทำให้หินปูนหลุดออก และยังมีเครื่องมือชิ้นเล็ก (Hand instruments) ขูดหินปูนโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งในขั้นตอนนี้อาจทำให้มีเลือดออกบ้างตามอาการของเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ที่ส่วนใหญ่จะมีอาการมากน้อยแตกต่างกันไป แต่จะไม่มากจนมีผลใดๆ ต่อผู้ป่วย “ทั้งนี้ เฉพาะผู้ป่วยบางโรค ที่ต้องระวังและแจ้งทันตเพทย์ก่อนทุกครั้งที่เข้ารับบริการทำฟันหรือขูดหินปูน ซึ่งกลุ่มแรกเป็นกลุ่มโรคที่เลือดออกง่ายและหยุดไหลยาก ได้แก่ โรคเกล็ดเลือดต่ำหรือโรคลูคีเมีย อาจมีจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกตามร่างกายร่วมด้วย โรคไตและผู้ที่มีประวัติเคยล้างไต เพราะจะได้รับยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจและการใช้ยาละลายลิ่มเลือด และกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่อาจแสดงอาการในระหว่างการทำฟัน ได้แก่ โรคหัวใจอาจมีอาการเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อยใจสั่น โรคหอบหืดอาจมีอาการหอบเหนื่อย ต้องมียาพ่นประจำ และได้รับยา Steriod โรคลมชักและโรคความดันโลหิตสูง และสุดท้าย คือ…