Tag: เอดส์

  • อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์

    อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์

    อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์ อาการและการดำแนินโรคของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์มีกี่ระยะ แต่ละระยะมีอาการอย่างไร โรคเอดส์แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ระยะที่ไม่ปรากฏอาการ (Asymptomatic Stage or Carrier Stage) หรือเรียกว่า ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ สุขภาพจะแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนคนปกติทุกประการ แต่อาจจะเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆเช่นเดียวกับคนปกติอื่นๆ เป็นไข้หวัด ซึ่งจะหายใจได้เหมือนปกติทั่วไป ไม่มีโรคแทรกซ้อน บางคนอาจจะอยู่ในระยะนี้ 2-3 ปีก่อนที่จะเข้าสู่ระยะต่อไปโดยเฉลี่ยประมาณ 7-8 ปีแต่บางคนอาจจะไม่มีอาการนานถึง 10 ปี หรือนานกว่านั้นก็ได้ ผู้ติดเชื้อทุกรายที่อยู่ในระยะนี้แม้จะไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นๆ ได้ ระยะที่ 2 ระยะมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ (Aids Related Complex หรือ ARC) ระยะนี้นอกจากมีเลือดบวกแล้ว ยังอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างปรากฏ ให้เห็นได้ เช่น – ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน – น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวใน 1 เดือน –…

  • โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์

    โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์

    โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์ โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์ 1. หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ ควรปล่อยให้ตั้งครรภ์หรือไม่ ไม่ควร เพราะการตั้งครรภ์อาจกระตุ้นให้หญิงที่ติดเชื้อนั้นมีอาการป่วยของโรคเอดส์เร็วขึ้น นอกจากนี้หากทารกคลอกออกมาก็มีโอกาสได้รับเชื้อจากแม่ได้ 2. อัตราเสี่ยงของทารกที่เกิดจากมารดาที่มีเชื้อเอดส์มีมากน้อยเพียงใด หญิงที่มีเชื้อเอดส์อยู่ในร่างกายสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ได้ประมาณ20-40? ของทารกที่เกิดมา และทารกที่ติดเชื้อจะมีอาการเป็นโรคเอดส์ และตายในเวลาประมาณ 2-5ปี ผู้ติดเชื้อเอดส์แล้วจะมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้หรือไม่ > ได้ แต่เนื่องจากเชื้อเอดส์ออกมากับน้ำหลั่งจากอวัยวะเพศ เช่น น้ำจากช่องคลอด น้ำอสุจิ จึงทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อเอดส์ไปยังคู่นอนได้ ผู้ที่ติดเชื้อควรทราบความจริง มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์และแนวทางการปฏิบัติตัวที่จะไม่ให้เชื้อเอดส์แพร่ไปสู่ผู้อื่นได้เช่น ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศโดยแน่ใจว่าถุงยางนั้น ไม่ชำรุด และปฏิบัติตามหลักการ “การมีเพศสัมพันธ์อย่าง ปลอดภัย” เป็นต้น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) ต้องทำอย่างไรบ้างการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คือการร่วมเพศกับเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันจนสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเอดส์ ซึ่งจะปฏิบัติดังนี้คือ – พยายามเล้าโลมด้วยการกอดจูบลูบคลำตามร่างกาย – จูบตามร่างกายได้ รวมทั้งจูบตามริมฝีปากได้ แต่ห้ามจูบอย่างดูดดื่มระวังอย่าให้น้ำลายเข้าไปในปากฝ่ายตรงข้ามในปริมาณที่มากพอ รวมทั้งห้ามใช้ลิ้นสอดเข้าไปด้วย – ห้ามสอดอวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอด ทวารหนัก หรือปากของฝ่ายตรงข้าม – พยายามใช้ส่วนของร่างกาย (ซึ่งไม่มีแผล) ที่เป็นร่องเช่นร่องขา ร่องแขน ร่องหน้าอก…

  • ความเป็นมาของโรคเอดส์

    ความเป็นมาของโรคเอดส์

    ความเป็นมาของโรคเอดส์ ความเป็นมาของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์ค้นพบเมื่อใดโรคเอดส์เป็นโรคที่ค้นพบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพบว่าผู้ป่วยรายแรกที่พบนี้มีอาการป่วยที่แตกต่างจากผู้ป่วยอื่นๆและมีภูมิคุ้มกันปกติ และต่อมาได้พบผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยรายนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2. โรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศใด มีหลักฐานรายงานว่าโรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศ ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเชื่อกันว่ามีผู้ป่วยตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2520 แล้วมีการแพร่กระจายไปยังเกาะไฮติ ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของทวีปอเมริกา ต่อมามีการแพร่ระบาดขึ้นในทวีปอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี และประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก แล้วจึงมีการแพร่กระจาย ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจนถึงปัจจุบันมีรายงานว่ามีมากกว่า 163 ประเทศที่พบโรคเอดส์ในประเทศของตนแล้ว 3. โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศใด โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ.2524) โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯได้รับรายงานจากนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ว่ามีชายหนุ่มรักร่วมเพศ 5 คนป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อแปลกๆ ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าPneumocystis Carinii Pneumonia ภายในอีก 1 เดือนต่อมา มีรายงานจากนิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนียว่ามีชายรักร่วมเพศอีก 26 ราย ป่วยเป็นโรคมะเร็งKaposi’s Sarcoma ซึ่งตามปกติ เป็นในคนอายุมากหรือคนที่มีภูมิคุ้มกันของร่างกายเสียไป และยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายเป็นโรคปอดบวม และติดเชื้อชนิดฉวยโอกาส…

  • ทารกหญิงของสหรัฐ ให้ความหวังแพทย์ที่รักษา จนเด็กหายจากโรคเอดส์

    ทารกหญิงของสหรัฐ ให้ความหวังแพทย์ที่รักษา จนเด็กหายจากโรคเอดส์

    ทารกหญิงของสหรัฐ ให้ความหวังแพทย์ที่รักษา จนเด็กหายจากโรคเอดส์ น.พ. Anthony Fauci ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคเอดส์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเรื่องนี้มีนัยสำคัญทางการแพทย์ เพราะแสดงว่าการเร่งรักษาผู้รับเชื้อเอดส์โดยทันทีและอย่างแข็งขันอาจช่วยให้บุคคลนั้นปลอดจากเชื้อเอดส์ได้โดยไม่จำเป็นต้องกินยาต้านเอดส์ไปตลอดชีวิต และแสดงความหวังว่าวิธีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กทารกในประเทศกำลังพัฒนาที่ติดเชื้อเอดส์จากมารดา อย่างไรก็ตาม น.พ. Anthony Fauci เตือนว่าผลของเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดในกลุ่มผู้ใหญ่ เนื่องจากคนทั่วไปที่ติดเชื้อเอดส์นั้นมักไม่รู้ตัวจนกระทั่งเวลาผ่านไปแล้วหลายสัปดาห์หรือเป็นปี ทำให้เชื้อ HIV ฝังตัวและแพร่กระจายในร่างกายมากกว่า ทำให้ยากต่อการรักษากว่ากรณีของเด็กทารกผู้นี้ซึ่งแพทย์ได้ทราบและเร่งให้การรักษาได้ทัน น.พ. Anthony Fauci กล่าวด้วยว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติมเพื่อให้ทราบผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีการเปิดเผยรายงานในที่ประชุมเรื่องไวรัสและโรคติดเชื้อประเภทฉวยโอกาสที่นครแอตแลนต้าของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม ว่าทารกเพศหญิงคนหนึ่งในรัฐมิสซิสซิปปี้ทางใต้ของสหรัฐฯ หายขาดจากโรค เอดส์หลังจากได้รับการรักษาด้วยชุดยาขนาดแรงและเฉียบพลันหลังการคลอดออกมาไม่ถึงหนึ่งวัน โดยทารกดังกล่าวเกิดจากแม่ผู้ติดเชื้อ HIV แต่ไม่รู้ตัวและแม่ทราบเรื่องนี้ก่อนการคลอดไม่นาน ดังนั้นทั้งแม่และเด็กจึงไม่ได้รับการบำบัดใดใดล่วงหน้า และทารกดังกล่าวติดเชื้อเอดส์ขณะอยู่ในครรภ์ของมารดา แต่หลังจากที่แพทย์เร่งให้ยาบำบัดเอดส์แก่ทารกหญิงผู้นี้ทันทีหลังการคลอดและให้การรักษาต่อเนื่องมาอีกราว 15 เดือน แม่ของเด็กได้หยุดให้ยาแก่ลูกโดยไม่ทรายสาเหตุ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น 10 เดือนแพทย์มีโอกาสตรวจเลือดของเด็กทารกผู้นี้อีกครั้งแต่ไม่พบเชื้อ HIV และการตรวจเพิ่มเติมก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ของแอนตี้บอดี้ของเชื้อ HIV ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงว่าคนๆ นั้นเคยได้รับเชื้อนี้มาก่อนด้วย

  • แอฟริกาใต้ เริ่มใช้ยาต้านไวรัส HIV ควบคู่ ยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆ

    แอฟริกาใต้ เริ่มใช้ยาต้านไวรัส HIV ควบคู่ ยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆ

    แอฟริกาใต้ เริ่มใช้ยาต้านไวรัส HIV ควบคู่ ยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆ ในศูนย์บำบัดผู้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาต้านไวรัสศูนย์เล็กๆ ทางเหนือของเมือง Pretoria แอฟริกาใต้แห่งนี้ ผู้หญิงชาวแอฟริกาใต้คนหนึ่งกำลังอ่านป้ายรณรงค์ส่งเสริมการบำบัดเอดส์ด้วยยาเม็ดชนิดใหม่ ป้ายนี้เขียนว่ายาต้านไวรัสเอดส์แบบกินเม็ดเดียวแต่ได้ผลเท่ากับยาต้านไวรัสเอดส์แบบกินทีละสามเม็ด และสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศแอฟริกาใต้แล้ว การบำบัดเอดส์ด้วยยาเม็ดเดี่ยวจะทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ปัจจุบันแอฟริกาใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสเอดส์มากที่สุดในโลกและทางการประเทศนี้หวังว่าการรักษาเอดส์ด้วยยาเม็ดแบบกินเม็ดเดียวต่อวันนี้จะช่วยให้ประเทศสามารถรักษาผู้ป่วยได้จำนวนมากขึ้น รัฐบาลประเทศแอฟริกาใต้ได้เริ่มนำยาต้านไวรัสเอดส์ตัวใหม่ออกมาใช้กับผู้ป่วยแล้วเมื่อวันที่หนึ่งเมษายนที่ผ่านมา แทนที่ผู้ป่วยต้องรับประทานยาต้านไวรัสครั้งละสามเม็ด สองครั้งต่อวันเหมือนเคย พวกเขาจะรับประทานยาตัวใหม่แต่วันละเม็ดเท่านั้น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอาฟริกาใต้กล่าวว่าทางการอาฟริกาใต้ตั้งเป้าว่าจะใช้ยาต้านไวรัสตัวใหม่รักษาผู้ป่วยได้หนึ่งแสนแปดหมื่นคนภายในช่วงสามเดือนเเรก แอฟริกาใต้มีผู้ติดเชื้อเอดส์ 1 ล้าน 6 แสนคน ถือเป็น 17 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก  

  • AVAC เผย ปี 2556 เป็นปีสำคัญในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเอดส์

    AVAC เผย ปี 2556 เป็นปีสำคัญในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเอดส์

    AVAC เผย ปี 2556 เป็นปีสำคัญในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเอดส์ AVAC เปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อเอชไอวีใหม่ทั่วโลก สองล้านห้าแสนคนในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เป็นไปในแนวทางที่ดี เพราะมีการติดเชื้อใหม่ที่ลดลง ต่อไปทาง AVAC จะทำงานต่อต้านโรคเอดส์ และการระบาดของโรคเอดส์ไม่ให้เพิ่มขึ้นอีกต่อไป ในช่วงปีที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ลดลงอย่างมาก ทำให้เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ ที่จะช่วยกันหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ และจะช่วยให้ผู้ป่วยได้เข้ารับการบำบัด ซึ่งจะส่งผลให้การระบาดของไวรัสนี้ ลดลงมาเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม งานต่อต้านโรคเอดส์จะบรรลุไปได้ เพราะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนๆ ต้องร่วมกันอย่างแข็งขัน รวดเร็วและต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ เขากล่าวว่าการเอาชนะโรคเอดส์หรือการสร้างคนรุ่นใหม่ที่ปลอดเอดส์เป็นเป้าหมายที่ทำได้ยาก ต้องใช้ความพยายามและเวลายาวนาน เกี่ยวข้องกับการวางแผนยุทธการในการทำงานที่นำ ไปปฏิบัติได้จริง  

  • ยา Tenofovir ยาต้านโรคเอดส์ ที่สามารถลดความเสี่ยงได้สูงถึง 49%

    ยา Tenofovir ยาต้านโรคเอดส์ ที่สามารถลดความเสี่ยงได้สูงถึง 49%

    ยา Tenofovir ยาต้านโรคเอดส์ ที่สามารถลดความเสี่ยงได้สูงถึง 49% การทดลองยาต้านเอดส์ Tenofovir กับกลุ่มความเสี่ยงสูงในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าตัวยาดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงได้สูงถึง 49%  นักวิจัยแบ่งอาสาสมัครเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับยา Tenofovir อีกกลุ่มหนึ่งได้รับยาหลอก จากนั้น นักวิจัยติดตามดูว่ามีใครบ้างที่ติดเชื้อ HIV ผลปรากฏว่า ในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก มีผู้ติดเชื้อ 33 คน กลุ่มที่ใช้ยาต้านเอดส์ Tenofovir มี 17 คนที่ติดเชื้อ HIV สำหรับผู้ที่รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ อัตราความเสี่ยงลดได้มากถึง 74% นายแพทย์ขจิต ชูปัญญา หัวหน้าคณะนักวิจัยชุดนี้ กล่าวว่า เมื่อผลการวิจัยยาต้านเอดส์ขนานนี้ แสดงให้เห็นว่าได้ผล รัฐบาลควรจัดหายานี้ให้ประชาชนเพื่อช่วยชีวิต ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่ในทุกประเทศ ประมาณกันว่า 30-50% ของผู้ฉีดยาเสพติดในประเทศไทยติดเชื้อไวรัส HIV ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่เข้าร่วมการทดลองยา รายงานว่า ได้ลดการใช้ยาเสพติด การร่วมใช้เข็มฉีดยา และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการปกป้องลงนักวิจัยให้ความเห็นว่า รายงานดังกล่าวเป็นผลมาจากการได้รับการศึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ ซึ่งยังคงเป็นรูปแบบของการป้องกันที่ได้ผลมากที่สุดรูปแบบหนึ่งอยู่ต่อไป  

  • มั่นใจ…เครื่องตรวจเชื้อเอดส์ด้วยตนเอง ปลอดภัยและแม่นยำเกือบ 100 %

    มั่นใจ…เครื่องตรวจเชื้อเอดส์ด้วยตนเอง ปลอดภัยและแม่นยำเกือบ 100 %

    มั่นใจ…เครื่องตรวจเชื้อเอดส์ด้วยตนเอง ปลอดภัยและแม่นยำเกือบ 100 % นักวิทยาศาสตร์หลายประเทศ พบว่า ชุดตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วยตัวเองนั้น มีความถูกต้อง ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับแก่ผู้ใช้อย่างมาก ปกติการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีนั้น จะต้องทำการที่โรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ผู้ที่ต้องการตรวจ รู้สึกไม่เป็นส่วนตัว และจะไม่กล้าไปโรงพยาบาลพื่อทำการตรวจ ดังนั้นการที่มีเครื่องตรวจเองได้ที่บ้าน นอกจากจะทำให้ผู้ที่ต้องการตรวจสบายใจ และรู้สึกความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ได้อีกด้วย โดยทั่วไป ชุดตรวจหาเชื้อเอดส์ด้วยตนเองมีความถูกต้องแม่นยำ โดยเฉพาะหากการตรวจดำเนินการตามการกำกับของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ชุดตรวจหาเอดส์ด้วยตนเองจะตรวจหาแอนติบอดี้หรือภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นมาต่อต้านเชื้อเอชไอวี ไม่ได้ตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวีแต่อย่างใด แต่เนื่องจากภูมิต้านทานร่างกายเหล่านี้มักจะไม่ปรากฏทันทีหลังการติดเชื้อ แต่จะสร้างขึ้นหลังจากติดเชื้อไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง การตรวจหาเชื้ออาจจะได้ผลเป็นลบ แต่จากการศึกษาเครื่องตรวจเอชไอวีเองที่บ้านนี้ แพทย์ได้สำรวจพบว่า ถ้าหากผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อมาก่อนหน้านี้ 3 เดือน เมื่อใช้เครื่องตรวจเอชไอวีที่บ้านเอง จะพบว่าผลเลือดเป็นบวก ซึ่งแพทย์ให้การยอมรับว่า เครื่องตรวจหาเอชไอวีนี้ มีผลแม่นยำเกือบ 100% แต่อย่างไรก็ตามแพทย์ก็ยังศึกษาหาจุดบกพร่องในเรื่องนี้อยู่ต่อไป

  • รายงานการศึกษาเรื่องโรค AIDS พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น

    รายงานการศึกษาเรื่องโรค AIDS พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น

    รายงานการศึกษาเรื่องโรค AIDS พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น รายงานการศึกษาเรื่องโรค AIDS ใน 187 ประเทศทั่วโลกกล่าวว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ไปสำรวจ มีอัตราการเสียชีวิตเพราะโรคนี้เพิ่มขึ้น สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น หลายประเทศประสบความสำเร็จ แต่อีกหลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งอินโดนีเซีย เวียตนาม และฟิลิปปินส์ดูอนาคตไม่สดใส ลักษณะการแพร่ระบาดของโรค AIDS ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แตกต่างไปจากแอฟริกา โดยเฉพาะในตอนใต้ของทะเลทรายซะฮาร่า ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคโดยทั่วไป ในทุกกลุ่มคน ในขณะที่การแพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีลักษณะที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า การระบาดแบบเข้ม กล่าวคือเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่ม เช่นกลุ่มผู้ให้บริการทางเพศ ผู้ที่ฉีดยาเสพติด และผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน จากการศึกษาในเรื่องนี้พบว่า อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นใน 98 ประเทศ และแม้บางประเทศที่เคยมีปัญหาเรื่องนี้อย่างมาก จะประสบความสำเร็จในการรณรงค์ต่อสู้โรคนี้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรค AIDS กำลังระบาดไปในกลุ่มประชากรที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้มาก่อน เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตเพราะโรคนี้เพิ่มขึ้น คือ อินโดนีเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และเวียดนาม รายงานนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้การศึกษาเกี่ยวกับโรค AIDS การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัส HIV จากมารดาไปสู่บุตรในระหว่างการคลอด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาตรการสำคัญและจะต้องมีเงินทุนให้การสนับสนุนอย่างพอเพียงเพื่อให้การรณรงค์ต่อต้านโรคร้ายนี้ ก้าวหน้าต่อไปได้…

  • ห่วงอนามัย ใส่ยาต้านเอดส์ ช่วยป้องกันผู้หญิงติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ได้

    ห่วงอนามัย ใส่ยาต้านเอดส์ ช่วยป้องกันผู้หญิงติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ได้

    ห่วงอนามัย ใส่ยาต้านเอดส์ ช่วยป้องกันผู้หญิงติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ได้ นักวิจัยพยายามมาหลายปีแล้วที่จะหาทางป้องกันผู้หญิงจากการติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ ความพยายามดังกล่าวรวมถึงถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง และวุ้น หรือ Gel ผสมยาต้านเอดส์ Tenofovir ที่ฆ่าเชื้อได้ เป็นที่พิสูจน์มาแล้วว่า ตัวยาขนานนี้ ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส HIV และมีผู้คนนับล้านๆคนทั่วโลกที่ใช้ยานี้อยู่ ห่วงอนามัยชุดใหม่ขึ้นมาสำหรับการใช้ยาต้านเอดส์ รวมทั้งยังสามารถให้ยาคุมกำเนิดได้ด้วย แต่นักวิจัยผู้นี้บอกว่า ประเภทของยาต้านเอดส์ที่ต้องใช้เป็นปัญหา กล่าวคือ ยา Tenofovir ที่จะใช้มีความแรงมาก ยาขนานนี้เรียกชื่อว่า TDF ย่อมาจาก Tenofovir Disoproxil Fumarate ซึ่งไม่มีความเสถียร และละลายในน้ำได้ด้วย ในอีกด้านหนึ่ง ห่วงอนามัยที่ใช้กันมาเป็นเวลานานแล้วนั้น ทำมาจากสาร Polymer ธรรมดา และไม่เหมาะกับ TDF จึงต้องผลิตห่วงชุดใหม่ขึ้นมา โดยใช้ Polymer ที่จะพองตัวเมื่อถูกของเหลว และปล่อยตัวยาออกมาได้มากกว่าห่วง Silicon ทั่วๆไป นักวิจัยทดลองห่วงอนามัยใหม่นี้กับลิงแสม ผลปรากฏว่า ลิงแสมกลุ่มที่ใช้ห่วงอนามัย ไม่ติดเชื้อเลย ส่วนลิงกลุ่มที่ไม่ใช้ห่วงติดเชื้อ…