Tag: หอบหืด
-
บำบัดปอดด้วยความร้อน ช่วยลดอาการกำเริบของโรคหอบหืดได้
บำบัดปอดด้วยความร้อน ช่วยลดอาการกำเริบของโรคหอบหืดได้ โดยปกติแพทย์จะแนะนำผู้ป่วยโรคหอบหืดในผู้ใหญ่ ให้พ่นยาขยายหลอดลมวันละครั้งหรือสองครั้ง เพื่อขยายหลอดลมและช่วยลดปริมาณของเสมหะ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยนั้นหายใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบพ่น และยังเป็นวิธีที่แพทย์ทั่วโลกแนะนำให้ใช้กัน และยังเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด ถึงแม้อาการยังไม่กำเริบก็ตาม อาการหอบหืดกำเริบเกิดจากหลอดลมในปอดอักเสบและบวม มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดอาการอักเสบนี้ บางอย่างเป็นปัจจัยทางพันธุกรรม บางอย่างเกิดจากสิ่งเเวดล้อม ฝุ่น มลพิษทางอากาศหรือแม้แต่ควันไฟอาจทำให้อาการหอบหืดกำเริบได้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลต่างๆ อาจมีปริมาณฝุ่นผงกระจายในอากาศเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยหอบหืดอาจมีอาการกำเริบได้ แต่ปัจจุบันแพทย์ได้คิดค้นวิธีการบำบัด ให้ผู้ป่วยในผู้ใหญ่ใช้ยาพ่นได้น้อยลง โดยการที่ควบคุมขนาดยา และดูความเหมาะสมต่อการใช้ยา กับแต่ละบุคลที่เป็นนั้นๆ จากการสำรวจโดยวิธีการต่างๆ แพทย์ก็ได้พบว่า ผู้ป่วยกลุ่มที่ใช้ยาพ่นเฉพาะตอนอาการหอบหืดกำเริบ ได้ผลในการรักษาดีเท่าๆกับผู้ป่วยกลุ่มอื่น แต่กลับใช้ยาสเตียรอยด์น้อยกว่าถึงครึ่งหนึ่ง ในขณะเดียวกัน การทดลองรักษาผู้ป่วยหอบหืดวิธีใหม่ที่ไม่ใช้ยา เรียกว่าการใช้ความร้อนในกล้ามเนื้อปอด ได้ผลน่าพอใจและสร้างความหวังใหม่แก่ผู้ป่วย การรักษานี้เป็นการบำบัดด้วยความร้อนบริเวณผนังปอดและหลอดลมในปอดเพื่อลดความหนาของกล้ามเนื้อรอบๆหลอดลม ระหว่างการบำบัดหลอดลมด้วยความร้อนนี้ แพทย์จะสอดท่อเข้าไปในหลอดลมผู้ป่วยเพื่อเป็นตัวกระจายความร้อนเข้าไปในกล้ามเนื้อรอบๆหลอดลม ผู้ป่วยต้องพบแพทย์ทั้งหมดสามครั้งและแต่ละครั้งแพทย์จะบำบัดปอดในส่วนที่แตกต่างกันออกไป ผู้ป่วยหลายรายอาการดีขึ้นมากภายหลังพบแพทย์ครั้งที่สอง แต่ด็อกเตอร์คาทรีกล่าวว่านั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยจะหายจากโรค แต่พบว่าอาการกำเริบรุนแรงน้อยลงและระยะเวลากำเริบจะสั้นลงด้วย
-
นักวิจัย พบว่า ผู้หญิงที่สูบบุหรี่ระหว่างตั้วครรภ์ ส่งผลเสี่ยให้ทายาทรุ่นต่อไป ป่วยเป็นโรคหอบได้
นักวิจัย พบว่า ผู้หญิงที่สูบบุหรี่ระหว่างตั้วครรภ์ ส่งผลเสี่ยให้ทายาทรุ่นต่อไป ป่วยเป็นโรคหอบได้ ผู้เชี่ยวชาญรู้ดีว่าผู้หญิงที่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์เพิ่มความเสี่ยงแก่ลูกและหลานต่อการเกิดโรคหอบหืด คุณเวอร์เอ็นเดอร์ เรฮัน นักวิจัยด้านชีวการแพทย์เเห่งศูนย์ Harbor-UCLA Center กล่าวว่านั่นเป็นเพราะว่าสารนิโคตินไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอสร้างผลกระทบทางชีววิทยาถาวรที่สืบทอดทางพันธุกรรมได้ จากการศึกษาในหนูทดลอง พบว่ามารดาที่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์จะส่งผ่านความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืดแก่คนรุ่นเหลน แม้ว่าเหลนจะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม ในการทดลองกับหนูทดลองที่ตั้งท้อง ทีมนักวิจัยได้ฉีดสารนิโคตินเเก่หนูกลุ่มแรกเป็นประจำทุกวันนานเกือบสามสัปดาห์จนกระทั่งหนูคลอดลูก ส่วนในหนูทดลองตั้งท้องกลุ่มที่สอง ทีมนักวิจัยได้ฉีดสารนิโคตินหลอก หลังคลอดลูกหนูทดลองทั้งสองกลุ่มสามารถให้นมลูกนานเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้น ทีมนักวิจัยจะทำการผสมพันธุ์ลูกหนูที่เกิดจากแม่หนูทดลองที่ได้รับสารนิโคตินขณะตั้งครรภ์ไปจนกระทั่งครบตามลำดับสามรุ่นคือลูกหลานและเหลน โดยลูกหลานและเหลนของหนูกลุ่มนี้ ไม่เคยได้รับสารนิโคตินเลย และได้พบว่า ลูกหลานหนูที่เกิดจากหนูทดลองที่ได้รับสารนิโคตินขณะตั้งท้ิองแสดงอาการว่าเป็นโรคหอบหืด บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีคนราวสามร้อยล้านคนทั่วโลกเจ็บป่วยด้วยโรคหอบหืด ซึ่งเป็นอาการป่วยที่ต้องการการดูแลฉุกเฉิน เพราะหลอดลมเกิดอาการอักเสบและบวมอย่างรวดเร็วหลังจากผู้ป่วยได้รับปัจจัยให้เกิดอาการป่วย เช่น ฝุ่น ละอองเกสร หรือ ยารักษาโรคบางชนิด ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจำนวนผู้ป่วยโรคหอบหืดจะเพิ่มขึ้นเป็นสี่ร้อยล้านคนภายในอีก 12 ปีข้างหน้า