Tag: โรคเบาหวาน

  • ธัญพืช อาหารที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจได้

    ธัญพืช อาหารที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจได้

    ธัญพืช อาหารที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจได้ มีการศึกษาวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า การทานธัญพืชไม่ขัดสีเป็นจำนวนมากจะช่วยส่งเสริมให้หลอดเลือดมีสุขภาพดีป้องกันความเสี่ยง ในการเป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจได้ด้วย ซึ่งการวิจัยหนนี้เป็นของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เวคฟอคเรสต์ โดยการสำรวจจากอาสาสมัครชายหญิงหลายวัยและอาชีพ พบว่า ผู้ที่ทานธัญพืชไม่ขัดสีมากที่สุด จะมีผนังหลอดเลือดบางที่สุด และเมื่อเวลาผ่านไปห้าปี ผนังหลอดเลือดสมองจะมีความหนาขึ้นช้าที่สุด อนึ่ง ผนังหลอดเลือดที่หนาตัวขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะหลอดเลือดแข็ง อันเกิดจากไขมันสะสม ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และโรคหลอดเลือดสมองอื่น ๆ ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีผู้วินัยไว้แล้วว่าการทานธัญพืชไม่ขัดสีเป็นจำนวน จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่สองและโรคหัวใจได้ด้วย ธัญพืชไม่ขัดสีนี้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีความซับซ้อน มีเส้นใยอาหารสูงมาก และยังมีวิตามินบี วิตามินบี และสารอาหารอีกมากมาย ปัจจุบันยังมีชาวอเมริกันไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ทานธัญพืชไม่ขัดสีวันละสามมื้อ ส่วนมากทานวันละไม่ถึงมื้อ ซึ่งนักวิจัยได้แนะนำให้เพิ่มขนมปังแป้งไม่ขัดขาวหนึ่งแผ่น หรือซีเรียลไม่ขัดสีอีกหนึ่งถ้วย ในอาหารแต่ละมื้อเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคเบาหวานด้วย คนไทยเองก็ควรหันมารับประทานธัญพืชไม่ขัดสีเหล่านี้ให้มากขึ้นนะคะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคดังกล่าว ยังทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่อ้วน อิ่มอยู่ท้องได้นาน ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นไปด้วยดี อีกทั้งธัญพืชเหล่านี้ยังมีราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับอาหารอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ  

  • ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต

    ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต

    ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ทุกปีจะมีคนเสียชีวิตจากอาการอัมพาตถึงกว่าปีละหกล้านคน มากกว่าการตายจากโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรียรวมกันเสียอีก เฉพาะในประเทศไทยเองมีคนตายจากโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉลี่ยถึงวันละเกือบ 40 ราย หากคุณไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น ก็ควรมาทำความรู้จักกับโรคนี้และหาวิธีป้องกันไว้ก่อนดีกว่า โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองนี้เป็นโรคที่เกิดจากการที่สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้สูญเสียการควบคุมการทำงานของร่างกาย แบ่งออกเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน และอีกชนิดก็คือหลอดเลือดสมองแตก ผู้ที่มีความเสี่ยงมากก็จะเป็นในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีกรรมพันธ์เป็นโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มคนอ้วน ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำและผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมานี้ควรใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น จะป้องกันได้กว่าร้อยละ 80 ควรปฏิบัติตามดังต่อไปนี้ 1. ควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินมาตรฐาน โดยให้มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ที่ 18.5-22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร 2. ลดอาหารหวาน มัน เค็ม แล้วทานผักและผลไม้ไม่หวาน รวมไปถึงธัญพืชต่าง ๆ ให้มากขึ้น 3. หากตนเองเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคอื่น ๆ ก็ควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำ 4. ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง อาทิตย์ละ 3-4 วัน 5. งดการดื่มเหล้า และการสูบบุหรี่ รวมไปถึงควันบุหรี่มือสองด้วย…

  • สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก

    สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก

    สัญญาณเตือนอันตราย โรคเส้นเลือดในสมองแตก เส้นเลือดในสมองแตก คืออาการที่หลอดเลือดในสมองฉีกขาด เลือดออกในสมอง ทำให้เสียชีวิตได้เลยทีเดียว มักมีอาการปวดหัว แต่บางรายก็ไม่มีก็ได้ คลื่นไส้ อาเจียน อาจหมดสติ แขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง พูดไม่ชัด หรือบ้างก็พูดไม่ได้ อาการแสดงจะขึ้นกับขนาดของก้นเลือดและอาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเฉียบพลัน ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด เพราะโรคนี้เวลาเป็นมักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างนาน หากได้รับการดูแลรักษาที่ทันท่วงทีจะลดอัตราการเสียชีวิตและพิการลงได้มาก จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคนี้มาจากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น เช่นการทำงานหนัก ไม่ออกกำลังกาย กินแต่ของที่มีไขมัน น้ำตาล และเค็มมาก อ้วน สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ และเกิดจากโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อีกส่วนหนึ่งก็คือปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างเช่น กรรมพันธุ์ ความชราของร่างกาย เชื้อชาติ วัยที่มากขึ้นด้วย ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่มาถึงมือหมอก็มักจะมาด้วยอาการแขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง หน้าเบี้ยว ชา มองเห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือมองเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของแต่ละข้างก็ได้ ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน หรือเวียนหัว อาเจียน มีปัญหาการพูด ซึม หมดสติ ชัก เกิดได้หลายอาการรวมกัน แล้วแต่รูปแบบของหรือตำแหน่งของสมองที่มีการขาดเลือดหรือเลือดออกในสมอง หากไม่อยากตกเป็นผู้หนึ่งที่ต้องพิการหรือเสียชีวิต ควรสังเกตตัวเองว่ามีอาการดังต่อไปนี้บ้างหรือเปล่า…

  • ผู้หญิงวัยทอง อ้วนง่ายขึ้นนะจ๊ะ

    ผู้หญิงวัยทอง อ้วนง่ายขึ้นนะจ๊ะ

    ผู้หญิงวัยทอง อ้วนง่ายขึ้นนะจ๊ะ ในผู้หญิงวัยทองเมื่อฮอร์โมนหมดไปแล้วจะมีอาการหงุดหงิดได้ง่าย อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับและใจสั่น ซึ่งอาการก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่สิ่งที่รุนแรงกว่าคือโรคเรื้อรังที่เกิดจากวัยหมดประจำเดือน เกิดจากความชราภาพของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งฮอร์โมนก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย หากร่างกายมีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกที่จะเป็นโรคความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันเลือด โรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย ในช่วงวัยหมดประจำเดือนจึงต้องเป็นช่วงเวลาที่ควบคุมการเพิ่มของน้ำหนักอย่างเข้มงวด เพราะเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุของโรคร้ายแรงที่อาจคร่าชีวิตก่อนวัยอันควรได้ ในวัยอื่นนั้น ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายมีความอ้วนน้ำหนักเกินขึ้นอยู่กับการทานอาหารเป็นสำคัญ แต่ในวัยหมดประจำเดือน บางครั้งแม้จะควบคุมอาหารอย่างเต็มที่แล้วก็ยังไม่สามารถควบคุมน้ำหนักไว้ได้ ซึ่งทางที่ดีที่สุดก็คือควรควบคุมไว้ตั้งแต่วัยก่อนหมดประจำเดือน ในสังคมคนเมืองปัจจุบันนี้อาหารการกินกลับเริ่มแย่ลง คนเรากินอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีไขมันสูง ไม่มีคุณค่าทางอาหารมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ง่าย จริงอยู่ว่าเราอาจไม่สามารถทำอาหารทานเองได้ทุกมื้อ แต่เป็นไปได้ก็ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ มีไขมันต่ำ มีรสหวานน้อย ๆ เค็มน้อย ๆ แล้วทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ตั้งแต่วัยก่อนหมดประจำเดือน ในส่วนของการออกกำลังกาย อย่างน้อยที่สุดควรให้ร่างกายได้ออกกำลังกายบ้าง แต่ละวันให้มีเวลาเดินเล่นอย่างน้อย 30-60 นาที จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก ควรเดินในเวลาที่มีแดดอ่อน ๆ อย่างช่วงเช้า ช่วงเย็น การตากแดดอ่อน ๆ จะช่วยให้ผิวหนังได้รับวิตามินดี ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันรุดหน้าไปมาก…

  • ผักใบเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้

    ผักใบเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้

    ผักใบเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้ มีการศึกษาไปข้างหน้าเกี่ยวกับวิจัยว่า หากกินผักและผลไม้จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคเบาหวานได้หรือไม่ ปรากฏว่า จากการติดตามวิเคราะห์ผลถึงสี่ปีครึ่งไปจนถึง 23 ปี พบว่าการกินผักใบเขียวมาก ๆ ช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวานได้ถึงร้อยละ 14 เลยทีเดียว แล้วทำไมการกินผักใบเขียวจึงช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ดีกว่าผักสีอื่น ๆ เพราะเชื่อกันว่าในผักใบเขียวนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนมากกว่า มีแร่แมกนีเซียมมากกว่าด้วย ในผู้ที่อ้วนลงพุง น้ำหนักเกิน ผู้ที่ยังไม่เป็นเบาหวาน ควรกินผักใบเขียวให้มาก และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และลดน้ำหนักลงให้ได้ร้อยละ 7 ในเวลาหกเดือนจะช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวานได้มากกว่าร้อยละ 50 การกินผักใบเขียวควรกินให้ได้มากเพียงพอก็คือวันละประมาณห้าฝ่ามือ ทั้งแบบสุกและแบบดิบรวมกัน นอกจากนี้ก็ต้องดูแลสุขภาพป้องกันเบาหวานด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วย เช่นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกลังกายที่ไม่หนักเกินไป แต่มีความสม่ำเสมอ ปรับสมดุลในการใช้ชีวิต งดดื่มเหล้า ดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ พักผ่อนให้พอเพียง อยู่ให้ห่างจากความเครียด เท่านี้ก็จะทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไปนาน ๆ แล้วค่ะ  

  • มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ

    มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ

    มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ การเดินนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสามระยะด้วยกันก็คือ… – เดินช้า ๆ ก็คือการเดินแบบสบาย ๆ เดินช้อปปิ้ง เดินชมนกชมไม้ เดินเล่นในสวนสาธารณะ ยังสามารถพูดคุยได้ตามปกติ หรือเดินร้องเพลงได้ – เดินเร็ว จะมีอัตราการเดินของคนปกติอยู่ที่ปราว 400-700 เมตรในเวลา 6 นาที เดินเร็วจะร้องเพลงหรือผิวปาก ฮัมเพลงไม่ได้แล้ว หากยังทำได้แสดงว่าเดินช้าไป แต่ถ้าเดินเร็วมากจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วนั่นคือเร็วเกิน – เดินแข่ง เป็นการเดินเพื่อการแข่งขัน จะเดินจนพูดไม่เป็นคำ พูดไม่รู้เรื่อง หอบเหนื่อย หายใจไม่ทัน เป็นกิจกรรมสำหรับสร้างความแข็งแรง ยืดหยุ่น ทนทานให้ร่างกาย เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคด้วย ซึ่งการเดินที่จะแนะนำในวันนี้ก็คือแบบที่สองนั่นเองค่ะ ควรเดินให้ได้ครั้งละ 10 นาที ในหนึ่งวันรวมให้ได้ 30 นาที และสัปดาห์ละ 5 วันขึ้นไปจึงจะเห็นผล มีประโยชน์มากต่อร่างกายเพราะช่วยควบคุมน้ำหนัก ควบคุมไขมัน คอเลสเตอรอล ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันกระดูกพรุนกระดูกบาง เพื่อความแข็งแกร่งทนทานของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังลดการเกิดโรคเบาหวานและอัตราการเป็นมะเร็งได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม…

  • วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด

    วิธีป้องกันคุณแม่คลอดก่อนกำหนด เพราะการคลอดก่อนกำหนดเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ทารกแรกเกิดพิการหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไว้ก่อน โดยคุณแม่เองก็ต้องใส่ใจให้มาก ๆ เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วควรใส่ใจและดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ค่ะ – รีบฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ ไปพบหมอตามนัดทุกครั้งและทำตามตามคำแนะนำให้ครบถ้วน – กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกรดโฟเลตหรือโฟลิค ซึ่งก็คือวิตามินบีชนิดหนึ่ง พบได้มากในผักผลไม้สดทั้งผล หรือวิตามินรวม ธาตุเหล็ก แคลเซียม โปรตีน ให้มาก เพื่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์ – หากมีโรคเรื้อรังอยู่ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ความตรวจเช็คดูแล ป้องกันโรคเหล่านี้ให้ดีด้วย – ปรึกษาคุณหมดด้วยว่าในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นี้ จะสามารถออกแรงทำงาน ออกกำลังกายหรือร่วมเพศได้อย่างไร – งดการสูบบุหรี่ เหล้า สารเสพติดทุกชนิด รวมทั้งไม่เข้าไปสูดดมควันบุหรี่ สารระเหยต่าง ๆ ด้วย – ทำจิตใจให้สบาย ปราศจากความเครียด – ใส่ใจกับสุขภาพปากและฟันด้วย – ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อย ๆ หรือจะใช้แอลกอฮอล์เจลเช็ดมือก็ได้ ทั้งก่อนกินอาหาร ก่อนดื่มน้ำ เข้าบ้าน เข้าที่ทำงาน…

  • เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า

    เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า

    เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า? มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่ไม่ค่อยตรวจพบในระยะแรกเท่าไร แต่ผู้ป่วยมักไปพบแพทย์ก็ตอนที่เป็นในระยะท้าย ๆ แล้ว อีกทั้งยังเป็นมะเร็งที่มีระยะฟักตัวนานอีกด้วย และมีปัจจัยหลายประการในการทำให้เป็นมะเร็งตับขึ้นมาได้ วันนี้มาลองตรวจสอบตัวเองกันดูว่าคุณเข้าข่ายว่าจะเป็นมะเร็งตับบ้างหรือเปล่านะคะ ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้แก่ – เพศชายจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิง เพราะพฤติกรรมบางประการเช่น ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่มากกว่า – ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ชาวเอเชีย ชาวอเมริกา ชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีโฮกาสเป็นมะเร็งตับสูงกว่า – ผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตับแข็ง ก็สามารถเป็นโรคมะเร็งตับได้เช่นกัน เชื้อนี้สามารถติดต่อกันได้ทั้งทางเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยา และการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ รวมไปถึงการรับเลือดบริจาคด้วย – เป็นโรคตับแข็ง เพราะเซลล์ตับจะถูกทำลายและเหลือรอยแผลไว้ มักเกิดจากการดื่มแอกอฮอล์, เป็นไวรัสตับอักเสบบีและซี รวมไปถึงภาวะมีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป จะพัฒนาสู่การเป็นมะเร็งตับได้ – ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาก โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากหรือมีภาวะตับอักเสบร่วมด้วย – ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ก็เสี่ยงเช่นกัน – มักได้รับสาร Aflatoxine เป็นเวลานาน ซึ่งสารนี้คือเชื้อราที่อยู่ในพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ ทั้งข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วลิสง เป็นต้น – เป็นผู้ที่ได้รับสาร Vinyl…

  • หลักการเลือกอาหารใส่บาตร เพื่อให้ได้บุญมากยิ่งขึ้น

    หลักการเลือกอาหารใส่บาตร เพื่อให้ได้บุญมากยิ่งขึ้น

    หลักการเลือกอาหารใส่บาตร เพื่อให้ได้บุญมากยิ่งขึ้น ไม่ได้สอนให้โลภบุญนะคะ แต่จากการที่ได้ไปสนทนากับพระผู้ใหญ่หลายท่าน พบว่าท่านมักจะประสบปัญหาความอ้วน โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง เนื่องจากอาหารที่บรรดาเหล่าพุทธศาสนิกชนนำไปประเคนนั้นมักจะเป็นอาหารที่ไขมันสูง เช่น แกงกะทิ ไข่พะโล้ ขนมไทยหวาน ๆ ขนมทองหยิบ ทองหยอดต่าง ๆ ซึ่งมีแคลอรี่สูงมาก ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่างตามมา ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำการเลือกอาหารใส่บาตรเพื่อสุขภาพของพระสงฆ์และเณรน้อยทั้งหลายกันนะคะ ได้บุญกุศลเพิ่มด้วยค่ะ – ควรเลือกอาหารใส่บาตรที่คำนึงถึงสุขภาพ สด สะอาด ปรุงสุกใหม่ และมีไขมันต่ำ ไม่ว่าจะเป็น แกงส้ม แกงเลียง น้ำพริก ผักสด ผักต้ม ปลานึ่ง เป็นต้น – ใส่บาตรด้วยข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ เพราะจะมีเส้นใยอาหารสูงกว่าป้องกันโรคเบาหวานและท้องผูกได้ – พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ใหม่ เพราะมีไขมันอิ่มตัวสูง ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันมากเกินไปนัก เน้น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ขาว เต้าหู้ เป็นต้น – เลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารทะเล เนย…

  • กลิ่นตัว.. ปัญหาที่คนใกล้ตัวไม่กล้าเอ่ยปาก

    กลิ่นตัว.. ปัญหาที่คนใกล้ตัวไม่กล้าเอ่ยปาก

    กลิ่นตัว.. ปัญหาที่คนใกล้ตัวไม่กล้าเอ่ยปาก แม้ว่าการมีกลิ่นตัวจะไม่ทำให้มีผลต่อสุขภาพ แต่ในด้านบุคลิกภาพแล้ว ก็นับว่าเสียหายได้มากเหมือนกัน บางคนไม่รู้ตัวมาก่อนว่ามีกลิ่น คนใกล้ตัวก็ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรดี หากไม่สนิทกันจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องลำบาก กลิ่นตัวนั้นมักมีพบได้มากในหน้าร้อนและหน้าฝน เวลาอากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อก็จะไหลออกมามาก ส่วนกลิ่นตัวนั้นเกิดจากต่อมเหงื่อที่หลั่งของเหลวสีน้ำนมออกมา เมื่อแบคทีเรียบนผิวกายเราย่อยของเหลวสีน้ำนมนั้นจะทำให้เกิดกลิ่นตุ ๆ ขึ้น อีกแบบก็คือเหงื่อใส ๆ ที่ทำให้เปียกชื้นใต้วงแขน แม้ช่วงแรกจะไม่มีกลิ่น แต่เมื่อมีการเติบโตของแบคทีเรียขึ้น ก็จะเกิดเป็นกลิ่นตัวได้ ผู้ที่มีกลิ่นตัวมากกว่าคนอื่นได้แก่คนอ้วน คนที่เป็นโรคเบาหวาน และหญิงที่ตั้งครรภ์ มักเกิดกลิ่นตัวง่ายกว่าคนทั่วไป อากาศที่ร้อนและอารมณ์หงุดหงิดก็ทำให้มีเหงื่อมากกว่าปกติด้วย วิธีการแก้ปัญหากลิ่นตัวนั้นก็ทำได้โดย 1. สวมเสื้อผ้าที่หลวม โปร่งสบาย ระบายอากาศและระบายเหงื่อได้ง่าย 2. อาบน้ำวันละสองครั้งและใช้สบู่ฟอกให้ทั่วตัว รวมทั้งตามจุดอับ ข้อพับต่าง ๆ ด้วย 3. บริเวณที่อับชื้นได้ง่าย เช่น ขาหนีบ ซอกนิ้วเท้า รักแท้ ให้โรยแป้งฝุ่นให้แห้ง 4. ซักเสื้อผ้าให้สะอาดและตากให้แห้งสนิท เพราะเสื้อผ้าที่ไม่สะอาดและอับชื้นจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียเกิดกลิ่นเหม็นได้ 5. โกนหรือถอนขนรักแร้ออกจะช่วยลดกลิ่นตัวได้ 6. ลดการกินอาหารที่มีกลิ่นฉุนเฉียว และเครื่องเทศต่าง ไม่ว่าจะเป็น…