Tag: โรคหลอดเลือดสมอง
-
วิธีสังเกตสัญญาณเตือนภัย…โรคหลอดเลือดสมอง
วิธีสังเกตสัญญาณเตือนภัย…โรคหลอดเลือดสมอง เพราะเหตุที่คนไทยมีภาวะโภชนาการล้นเกิน และวิธีการใช้ชีวิตก็เอื้อให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากขึ้น คนไทยจึงมีสถิติการเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาตมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกปีด้วย โดยโรคหลอดเลือดสมองนี้แม้จะไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เกิดโรค ไม่ว่าจะเป็น ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ยิ่งในผู้ที่มีอายุเกิน 45 ปีขึ้นไปก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก อาการอัมพาตนั้นมักจะมีอาการเตือนก่อนเกิดโรคเสมอ และการรักษาจะได้ผลก็ต้องเมื่อผู้ป่วยรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อพบว่าตนเองมีอาการดังต่อไปนี้เพียงข้อใดข้อหนึ่งแล้วแม้จะมีร่างกายที่แข็งแรงอยู่ ก็ควรปรึกษาไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด จะทำให้โอกาสการเสียชีวิตหรือพิการลดลงไปมากได้นั่นเอง การสังเกตอาการเตือนภัยของโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ 1. มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า ขา แขน ด้านใดด้านหนึ่งอย่างทันทีทันใด ไม่มีสัญญาณเตือน 2. ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปอย่างทันทีทันใด ไม่ว่าจะเป็น เอะอะ สับสน โวยวาย ซึมลง หรือพูดลำบาก พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หรือพูดไม่เข้าใจ 3. จู่ ๆ ก็ตามัวหรือเห็นภาพซ้อนของตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างอย่างทันที 4. มึนงง เวียนหัว…
-
เส้นเลือดในสมองแตก.. สาเหตุและการป้องกัน
เส้นเลือดในสมองแตก.. สาเหตุและการป้องกัน อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองนั้นเป็นอาการที่ทำให้ ขา แขน หน้าด้านใดด้านหนึ่งเกิดความรู้สึกชา อ่อนแรง ควบคุมไม่ได้ เคลื่อนไหวลำบาก อย่างกะทันหัน สาเหตุก็เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองตีบตัน หรือหลอดเลือดแดงแตกทำให้เนื้อสมองขาดออกซิเจน และอาหาร เนื้อสมองจึงเสียหาย หากไม่รีบรักษาเนื้อสมองจะตาย ทำให้พิการอย่างถาวร ซึ่งสาเหตุได้แก่ 1. หลอดเลือดแดงในสมองตีบแข็งหรือเสื่อม เกิดจากการสะสมของไขมันที่ผนังด้านใน ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแข็ง ขาดความยืดหยุ่น ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญก็คือการทานอาหารที่มีไขมันสูง ไม่ยอมออกกำลังกาย สูบบุหรี่ เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นต้น 2. หลอดเลือดแดงในสมองแตก เมื่อเลือดออกมากก้อนเลือดจะกดทับเนื้อสมองทำให้ขาดออกซิเจนและขาดอาหาร หากไม่ได้รับการรักษาเนื้อสมองจะตาย ซึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ อาการความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม 3. หลอดเลือดแดงในสมองอุดตัน จากชิ้นของไขมันหรือเลือดที่หลุดลอยออกมา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือการมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจหรือหัวใจโต เป็นต้น การป้องกันอาการอัมพฤกษ์อัมพาต จากเส้นเลือดในสมองแตกนั้นคุณควรดูแลสุขภาพตนเองดังนี้ – เลิกสูบบุหรี่และเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีควันบุหรี่ เพราะควันบุหรี่จะทำให้ปริมาณออกซิเจนในหลอดเลือดลดลงทำให้เลือดหนืด การไหลเวียนของเลือดไม่ดี – ลดการดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย เพราะเป็นต้นเหตุของโรคความดันโลหิตสูง – ทานอาหารเท่าที่พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย…
-
ดูแลหัวใจของคุณ…ให้ดีนะ
ดูแลหัวใจของคุณ…ให้ดีนะ โรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งก็คือโรคหัวใจนั่นเองค่ะ แล้วก็ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งในประเทศไทยนั้นมีคนตายจากกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองและความดันโลหิตสูง ฯลฯ และแต่ละปียังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่ากลัวอีกด้วยค่ะ ซึ่งสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้น เกิดจากการที่ผนังด้านในของหลอดเลือดมีไขมันมาพอกตัวจนหนาขึ้น หลอดเลือดจึงขาดความยืดหยุ่น แข็งตัวขึ้น การไหลเวียนของเลือดจึงลดลง จึงทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง รวมไปถึงการสูบบุหรี่และสูดควันจากผู้อื่น การดื่มเหล้าและมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานก็เป็นสาเหตุด้วยเช่นกัน และเพื่อหัวใจที่จะมีสุขภาพแข็งแรงไปนาน ๆ เราจึงควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ – ทานโปรตีนที่ไขมันต่ำ ทั้งเนื้อปลาและถั่ว ทานปลาและผลไม้รสไม่หวานให้บ่อย ๆ – อย่าทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและอาหารสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของโซเดียม(เกลือ) มากนัก – ไม่ควรปรุงอาหารมากเกินไปนัก ทานแต่รสที่พอเหมาะ ไม่ควรทานหวาน มัน เค็ม เผ็ดมากเกิน – เลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน เครื่องดื่มชูกำลังทั้งหลาย – ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน และกินให้น้อยกว่าพลังงานที่ใช้หากมีน้ำหนักตัวเกิน – คุมรอบพุงให้ดี เพศชายไม่เกิน 90 เซนติเมตรและเพศหญิงไม่เกิน 80 เซนติเมตร – หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอวันละครึ่งชั่วโมง อาทิตย์ละ 3-4…
-
ลองสังเกตดูว่า….ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า?
ลองสังเกตดูว่า….ผู้สูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมหรือเปล่า? โดยทั่วไปผู้ที่มีวัยเข้าสู่วัยชราแล้วมักจะมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ เล็กน้อยบ้างไปตามวัย บางทีก็แค่ลืมของว่าวางไว้ไหน แต่หากเป็นการลืมที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างการลืมทางกลับบ้าน หรือเอาเตารีดไปใส่ไว้ในตู้เย็น อะไรแบบนี้อาจเป็นไปได้ว่าผู้ชราท่านนั้นอาจมีอาการของโรคสมองเสื่อมแล้ว วันนี้จึงขอเอาข้อสังเกตของการเป็นโรคสมองเสื่อมมาฝากกันค่ะ ภาวะสมองเสื่อม คือความเสื่อมของสมองโดยรวมทั้งหมด ทำให้เกิดความบกพร่องในการประกอบกิจวัตรประจำวัน เปลี่ยนแปลงทั้งพฤติกรรมและบุคลิกภาพอย่างชัดเจน มักพบได้ในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่หากมีอายุถึง 85 ปีก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้ถึงร้อยละ 20 เลยทีเดียว ส่วนใหญ่พบได้ในผู้ที่เป็นโรคสมอง หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คนที่เคยได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง โดยอาการที่จะบ่งชี้ว่าผู้สูงอายุท่านนั้นมีภาวะสมองเสื่อมหรือไม่ก็ให้สังเกตดังนี้ค่ะ 1. มักจำเหตุการณ์ใหม่ ๆ ไม่ได้ แต่กลับจำเรื่องราวเก่า ๆ ในดีตได้ มักถามซ้ำเรื่องเดิมบ่อย ๆ 2. เรียนรู้หรือรับรู้สิ่งใหม่ได้ไม่ จำปัจจุบันไม่ได้ เช่น จำไม่ได้ว่าทานข้าวแล้ว หรือจำคำพูดขณะที่สนทนาไม่ได้ มักถามกลับซ้ำ ๆ 3. การแก้ไขปัญหาบกพร่องไป เช่น ยืนดูน้ำล้มอ่างเฉย ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี 4. การประกอบกิจกรรมต่าง…
-
วิธีปฏิบัติเมื่อพบคนเป็นลม!
วิธีปฏิบัติเมื่อพบคนเป็นลม! แม้เราจะพบเห็นคนเป็นลมกันได้ไม่บ่อยนัก แต่การเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลคนเป็นลมไว้ก่อนก็เป็นเรื่องดี เพราะวันหนึ่งคนที่เกิดเป็นลมขึ้นมาอาจเป็นญาติสนิท คนรักของคุณก็ได้นะคะ อาการเป็นลม เกิดจากเซลล์สมองมีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอชั่วขณะ จึงทำให้หมดสติอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วฟื้นได้เองในภายหลัง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์สมองน้อยลงนั้นก็เกิดได้หลายอย่าง ที่พบบ่อยที่สุด ก็มักจะพบในที่ที่มีคนแออัด อากาศร้อนหรืออยู่กลางแดดจ้า มักจะมีอาการใจหวิว มีเสียงดังก้องในหู มองเห็นภาพเป็นจุดหรือตามัว หน้าซีด เหงื่อออก คลื่นไส้ มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นช้าลง แขนขาอ่อนแรง ทรงตัวไม่อยู่ แล้วทรุดลงหมดสติไป แต่หลังจากผ่านไปเพียง 1-2 นาทีก็จะฟื้นขึ้นได้เอง เมื่อเราพบเห็นคนเป็นลมนั้น ควรปฐมพยาบาลดังนี้ค่ะ – จัดท่านอนให้ผู้ป่วยนอนศีรษะต่ำกว่าเท้า หรือยกเท้าขึ้น ในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง อย่าให้คนมุง ปลดเสื้อผ้าที่รัดแน่น รวมทั้งเข็มขัดออก เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้เร็วขึ้นและพอเพียง – นำผ้าเช็ดเช็ดตามใบหน้า ลำตัว ลำคอ แขนขา – หากผู้ป่วยยังไม่ฟื้นยังไม่ควรให้น้ำหรืออาหารอื่น ๆทางปากเพราะอาจสำลักได้ – เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาอย่าเพิ่งให้นั่งทันที ควรให้พักต่อประมาณ 15-20 นาทีเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงสมองได้เต็มที่ก่อน – เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ลุกขึ้นนั่งได้แล้ว ให้ดื่มน้ำหวานหรือดื่มน้ำหากรู้สึกกระหาย – หากผู้ป่วยไม่ฟื้นใน…
-
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
—
by
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง จากสถิตินับถึงปีปัจจุบันพบว่าคนไทยนั้นเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีอัตราการตายจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้โรคมะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับที่หนึ่ง แซงหน้าอุบัติเหตุ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคปอดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ รองลงมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้แก่ – ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นั่นคือการได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนจากอาหาร, การได้รับรังสีเอกซ์, รังสียูวีจากแสงแดด, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด, การติดเชื้อไวรัสแพบพิลโลมา, พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ฯลฯ – ปัจจัยจากความผิดปกติภายใน เช่น พันธุกรรม, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะทุพโภชนาการ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสรุปกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อการมะเร็งได้ดังนี้ 1. กลุ่มที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ 2. กลุ่มที่สูบบุหรี่ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทางเดินหายใจ มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง แล้วหากดื่มเหล้าด้วยก็อาจเป็นมะเร็งช่องปากในลำคอได้อีก 3. กลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือทานอาหารที่ปนเปื้อนอะฟลาทอกซิล ที่เป็นเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหาร ทั้งพริกป่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ แล้วถ้าได้รับทั้งสองชนิดก็มีโอกาสในการเป็นมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น 4. กลุ่มที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ และทานอาหารที่ใส่ดินประสิว…
-
วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค
วิธีดูแลตัวเองจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรค โรคติดต่อไม่เรื้อรังนั้นมักถูกเข้าใจว่าน่าจะเป็นโรคของประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ โรคติดต่อไม่เรื้อรัง 5 โรคนี้เป็นปัญหาของประเทศกำลังพัฒนาต่างหาก เพราะขาดความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกทั้งยังต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมากด้วย โรคทั้งห้านี้ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยโรคเหล่านี้มีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี แล้วยังเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตหรือพิการเพิ่มขึ้นด้วยนะ สาเหตุของโรคทั้งห้าชนิดนี้ มักเป็นบุคคลที่ชอบทานอาหารหวานจัด เค็ม หรือมีไขมันสูง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีความเครียดมากแล้วไม่ค่อยรู้จักการผ่อนคลายกับทั้งยังขาดการออกกำลังกาย ฯลฯ จึงทำให้เป็นโรคอ้วนตามมา การที่มีไขมันสะสมในช่องท้องมากนี้ ไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันจะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ส่งผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดีนัก จึงเป็นต้นเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย และอาจเสียชีวิตได้ หากจะวัดกันที่ดัชนีรอบเอวจะพบว่ารอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุก 5 เซนติเมตรจะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคเบาหวานสูงขึ้นถึง 3-5 เท่า หมายถึงว่ายิ่งพุงใหญ่เท่าไรก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น โรคเกณฑ์การจำแนกว่าเป็นโรคอ้วนลงพุงของคนไทยก็คือ หากผู้ชายมีรอบเอวเกิน 90…