Tag: โรคภูมิแพ้
-
แมลงทอดอร่อยปาก.. แต่ควรกินให้ถูกวิธี
แมลงทอดอร่อยปาก.. แต่ควรกินให้ถูกวิธี อาหารอย่างแมลงทอดที่ขายกันตามรถเข็นหรือแผงลอยนั้นเป็นอาหารที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่พยายามหาอาหารมาทดแทนเนื้อสัตว์ที่มีราคาแพง โดยเฉพาะภาคอีสานที่หาทานแมลงหลากชนิดได้ง่าย บางชนิดก็อร่อยจนใครต่อใครติดใจ แต่การกินแมลงให้ปลอดภัยก็มีวิธีอยู่เหมือนกันค่ะ 1. ควรทานแมลงที่รู้จักและเคยมีการนำมาทานเป็นอาหารมาก่อน และควรเลือกทานแมลงที่อาศัยอยู่กับต้นไม้หรือสวน หรือตามพื้นที่ที่ปลอดการใช้สารเคมีในการฆ่าแมลง 2. การจับแมลงมาประกอบอาหารควรจับตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วนำมาปรุงอาหาร อย่าไปเก็บตัวที่ตายแล้วมาปรุง 3. แมลงที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือแมลงที่เป็นศัตรูภายในบ้าน เช่น แมลงสาป แมลงวันบ้าน เพราะเป็นพาหะนำโรคร้ายแรงได้มากมาย 4. แมลงที่มีสีสันสดใส มักจะมีพิษมากกว่าแมลงตัวที่สีซีด 5. ปรุงให้สุกก่อนการทานทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการคั่ว ทอด ปิ้ง ต้ม ผัด หรือทำให้สุกก่อนการนำไปตำกับน้ำพริกก็ได้ ฯลฯ 6. ส่วนที่ควรเด็ดทิ้งก่อนก็คือ ปีก ขา ขน หรือหนามแข็ง เพราะอาจทำให้คันได้ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายควรหลีกเลี่ยงการทานแมลงจะดีกว่า เพราะมีแมลงหลายชนิดเลยทีเดียวที่ก่ออาการแพ้กับคน ซึ่งขึ้นอยู่กับความไวพิษของบุคคลนั้น ๆ ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยงมากกว่าก็ควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ
-
4 โรคต้องระวังสำหรับคนชอบขึ้นภู
4 โรคต้องระวังสำหรับคนชอบขึ้นภู สำหรับคนที่ชอบเดินทางไปขึ้นภู ดูหมอกสวย ๆ ในหน้าหนาวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศนั้น ทางคลินิกเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทาง โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เตือนว่านักท่องเที่ยวที่มีความนิยมการท่องเที่ยวแบบดังกล่าวมักพบอาการป่วยได้ง่ายถึง 4 โรคด้วยกัน ซึ่งควรระวังป้องกันไว้รวมทั้งควรฟิตร่างกายให้มีความแข็งแรงก่อนออกไปเผชิญอาการหนาวเย็นดังกล่าวด้วย โรคทั้ง 4 ได้แก่.. – ปอดบวม เกิดจากการติดเชื้ออักเสบของปอด หลอดลม ถุงลมซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ทำให้มีของเหลวเกิดขึ้นในถุงลง มักเป็นโรคที่แทรกซ้อนเข้ามาหลังจากการป่วยเป็นไข้หวัดได้ 2-3 วันซึ่งมีอาการก็คือไอ เจ็บหน้าอก มีไข้สูง และหอบ – โรคหัด ระบาดมากในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อน มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันทางน้ำลายของผู้ป่วย ที่สัมผัสการไอ จาม หรือการหายใจรดกัน ตลอดจนใช้สิ่งของร่วมกัน มีอาการระยะแรกคล้ายไข้หวัด มีไข้สูง กินยาแก้ไขก็ไม่ลด และถ่ายเหลวบ่อย ๆ เหมือนท้องเสีย สำหรับเด็กอาจชักได้เพราะมีไข้สูง – ภูมิแพ้อากาศ มักเป็นได้ในช่วงฤดูหนาว เพราะร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ทางการหายใจ มีอาการชัด ๆ ก็คือคันตา คันจมูก น้ำมูกใส จามบ่อย และแน่นจมูกในตอนเช้า…
-
รู้กันบ้างไหม ในยาสีฟันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
รู้กันบ้างไหม ในยาสีฟันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? ยาสีฟันที่เรานำมาทำความสะอาดฟันของเราทุกเช้าเย็นนั้น มีส่วนประกอบของอะไรบ้าง เรามาลองดูส่วนประกอบเหล่านี้กันค่ะ กว่า 15-70% ของเนื้อยาสีฟันที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำนั้นคือสารรักษาความชื้น ที่ช่วยในการรักษาปริมาณน้ำในเนื้อยาสีฟันไม่ให้แข็งตัวเวลาถูกเก็บไว้ในหลอดเป็นเวลานาน ซึ่งสารรักษาความชื้นที่นิยมนำมาใช้กันคือ กลีเซอรีน, ซอร์บิทอล และไซบิทอล อีกทั้งประกอบไปด้วยน้ำอีกประมาณ 0-50% ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ยาสีฟันไม่แข็งตัว ยกเว้นยาสีฟันประเภทที่เป็นผง นอกจากนี้ยังมีผงขัดฟันอีกราว ๆ 10-50% ซึ่งทำหน้าที่ในการขจัดเศษอาหารที่ตกค้าง และรวมถึงคราบจุลินทรีย์ที่ติดอยู่บนฟัน โดยสารที่นิยมนำมาผสมเป็นผงขัดฟันได้แก่ อะลูมินา, แคลเซียมฟอสเฟต, แคลเซียมคาร์บอนเนต, เกลือ เป็นต้น รวมไปถึงมีสารลดแรงตึงผิวและสารแต่งกลิ่นอีกเล็กน้อยราว ๆ 2% ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบและทำให้เป็นฟอง และที่ทำให้ยาสีฟันมีรสชาติดีก็คือสารให้ความหวานจะมีส่วนผสมอยู่ถึง 40% ทำให้ยาสีฟันมีรสชาติที่ดีขึ้นกว่าการอมสารเคมีอื่น ๆ สารที่มักใช้ก็คือ แอสปาร์แทม และสารที่ทำให้ยาสีฟันเกาะกันเป็นเนื้อเดียว ไม่เละเทะ ก็คือ คาราจีแนน ยาเซลลูลส และ โซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส อีกทั้งสารสำคัญที่ช่วยป้องกันฟันผุ ทำหน้าที่เคลือบฟันเพื่อให้ทนต่อกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก ก็คือ ฟลูออไรด์นั่นเองค่ะ ความรู้นี้มีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีอาการแพ้สารเคมีต่าง ๆ ให้ลองสังเกตดูได้ว่าที่ข้างหลอดยาสีฟันนั้นระบุไว้ว่ามีสารอะไรผสมอยู่บ้าง เพื่อการหลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้ได้ค่ะ
-
รายงานอันตรายจากลิปสติก ที่คุณควรระวัง
รายงานอันตรายจากลิปสติก ที่คุณควรระวัง ณ ปัจจุบันนี้มีผลการวิจัยที่น่าเป็นห่วงอยู่หนึ่งชิ้น เกี่ยวกับ ลิปสติกสวย ๆ ที่สาวๆ คนมีไว้ติดกระเป๋าทาปากกันนั้น อาจมีส่วนผสมของสารเคมีนานาชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ แล้วยังสร้างปัญหาต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้านด้วย ซึ่งจากการวิจัยชี้ถึงปัญหาที่ลิปสติกอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณดังต่อไปนี้ – ลิปสติกที่เราสาว ๆ ใช้กันอยากมีส่วนโยงใยกับปัญหาของกล้ามเนื้อและหัวใจเนื่องจากสารไตรโคซานที่ผสมอยู่ในลิปสติก – สารไตรโคซานยังเป็นสาเหตุให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะจนกลายพันธุ์เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิดต่อไปอีกด้วย – ก่อนหน้านี้สารไตรโคซานนั้น เกี่ยวข้องกับโรคไทรอยด์และการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อาจทำให้ฮอร์โมนในเพศชายและเพศหญิงมีความแปรปรวน ทำให้สิวขึ้น น้ำหนักเพิ่มขึ้น มีขนดกขึ้น และทำให้รอบเดือนไม่ปกติได้อีกด้วย – มีโลหะหนักที่ทำให้เกิดพิษต่อร่างกายทั้งสารตะกั่วและแคดเมียม – มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ และโรคข้อต่ออักเสบได้ เพราะสารเคมีที่ผสมอยู่นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น พาราเบน, เมทอะคริเลท แต่ก็ใช่ว่าลิปสติกทุกรุ่นทุกยี่ห้อจะทำให้เกิดพิษภัยดังกล่าวมาข้างต้นได้ ทางที่ดีคือควรเลือกเครื่องสำอางค์จากแบรนด์ที่ไว้ใจได้ และมีผลการวิจัยและทดลองที่น่าเชื่อถือมายืนยันก่อนที่เราจะซื้อหามาใช้จะดีกว่าค่ะ
-
การรักษาโรคภูมิแพ้ และทางเดินหายใจ
การรักษาโรคภูมิแพ้ และทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้นั้น เป็นโรคที่สมัยนี้คนรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่ท่ามกลางมลพิษเริ่มเป็นกันมากขึ้น โรคภูมิแพ้เป็นภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยากับ “สารก่อภูมิแพ้” เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือขนสัตว์ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ จนร่างกายปล่อยสารที่เรียกว่าฮิสตามีนอกมา จึงทำให้เยื่อบุของร่างกายนั้นเกิดอาการระคายเคืองขึ้น ซึ่งอาการหลัก ๆ ของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจก็คือ มีน้ำมูกใส จาม คัดจมูก คันจมูก บางท่านก็มีอาการของไซนัสอักเสบ และมีอาการที่ดวงตาด้วย เช่น คันตา ตาแดง ขอบตาคล้ำ หรือบางคนก็มีอาการที่หูก็คือหูอื้อ หรือหูชั้นกลางอักเสบได้ด้วย ซึ่งการจะหลีกเลี่ยงอาการภูมิแพ้ได้นั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเราแพ้อะไรบ้าง ซึ่งวิธีการที่จะรู้ได้ก็คือการทดสอบภูมิแพ้ โดยแพทย์จะทำการหยดน้ำยาสลัดจากสารก่อภูมิแพ้บนผิวหนังของเราแล้วใช้เข็มสะกิดที่ผิวหนัง ซึ่งการทดสอบนี้จะไม่เจ็บและจะทราบผลภายในระยะเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น และเมื่อเราได้ทราบแล้วว่าเราแพ้สารอะไร ก็จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้นั้นได้ดียิ่งขึ้น ในส่วนของการรักษาและดูแลตนเองร่วมกันทั้งแพทย์และผู้ป่วยจะเป็นดังต่อไปนี้ 1. ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตนเองแพ้ เช่น หากแพ้ขนสัตว์ก็ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้าน หรือหากแพ้ไรฝุ่น ก็ไม่ควรปูพรมในห้องนอน หรือควรทำความสะอาดเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนทุกสองสัปดาห์ หรืออาจเปลี่ยนไปใช้เครื่องนอนที่สามารถกันไรฝุ่นได้ 2. หากสัมผัสกับสารก่ออาการแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ทานยาแก้แพ้พวกยาแอนตี้ฮิสตามีนบางชนิด แต่ก็อาจทำให้มีอาการง่วงนอน คอแห้ง ปากแห้ง หรือปัสสาวะลำบากได้ด้วย 3.…
-
ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อร่างกายของเรา
ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อร่างกายของเรา คุณสมบัติเด่น ๆ ของวิตามินซีเลยก็คือ การที่มีคุณสมบัติเป็นวิตามินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ นั่นเอง ซึ่งประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการบริโภควิตามินซีอย่างพอเพียงและเป็นประจำก็คือ 1. ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานสูงขึ้น 2. ช่วยป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็งในร่างกาย 3. ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัน 4. ป้องกันโรคเหงือก โรคในช่องปากต่าง ๆ เช่น โรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเหงือกอักเสบได้ ฯลฯ และในทางกลับกันหากร่างกายของเราได้รับวิตามินซีไม่เพียงต่อความต้องการ ก็อาจก่อผลเสียได้ดังต่อไปนี้ 1. มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เป็นหวัดและติดเชื้อได้ง่าย กับทั้งความสามารถในการกำจัดพิษยังลดลงอีกด้วย 2. ผิวหนังเหี่ยวย่น ไม่สดใส ขาดความยืดหยุ่น ปรากฏจุดด่างดำ และเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน 3. ประสาทสัมผัสด้อยลง อ่อนเพลีย ไม่สดใส ไม่มีเรี่ยวแรง 4. มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งในส่วนอื่น ๆ 5. การทำงานของต่อมหมวกไตลดลง และเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่าย 6. ทำให้เป็นโรคโลหิตจาง หรือโรคอื่น ๆ ได้ง่าย แผลหายช้า อ่านแล้วอย่าเพิ่งเครียดไป…
-
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไซนัสอักเสบ
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคไซนัสอักเสบ โรคไซนัสอักเสบ ที่หลายคนรู้จักชื่อกันดีนี้ มักจะมีหลายคนที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคนี้ ทั้งที่ป่วยเป็นไข้หวัดคัดจมูกธรรมดาเท่านั้น กับทั้งยังคิดว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เป็นแล้วต้องกลับมาเป็นอีก ซึ่งนี่คือความเข้าใจที่ผิดทั้งสิ้น ความจริงแล้วโรคไซนัสอักเสบนั้นมักเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดทั่วไปแล้วติดเชื้อในโพรงจมูกจนลุกลามเข้าไปในโพรงไซนัส ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะหายได้เอง แต่ในบางครั้งอาจมีเชื้อแบคทีเรียติดมาบ้างทำให้โรคไม่หายขาดและรุนแรงขึ้น การรักษาเพื่อที่จะไม่กลับมาเป็นอีกก็คือต้องพบแพทย์เพื่อรักษาให้หายขาดนั่นเอง อาการของไซนัสอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการคัดแน่นจมูก มีน้ำมูกหรือเสมหะลงคอสีเหลืองหรือเขียว มีอาการปวดบริเวณ หัวตา หว่างคิ้ว ใบหน้า และตามโหนกแก้ม การได้กลิ่นลดลงและมีอาการเกิน 10 วัน หรือมีอาการแย่ลงใน 5 วันแรกก็ควรมาพบแพทย์ได้แล้ว อาการของโรคแบ่งออกเป็นกลุ่มเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งกลุ่มเฉียบพลันจะมีอาการน้อยกว่า 12 สัปดาห์ และกลุ่มเรื้อรังจะมีอาการมาเกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป ทำให้การรักษามีความแตกต่างกัน โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากจะเป็นกลุ่มที่ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่รับยากดภูมิระหว่างการทำเคมีบำบัด หรือภาวะขาดภูมิคุ้มกันตั้งแต่เกิดเป็นต้น โรคไซนัสอักเสบไม่มีสาเหตุจากพันธุกรรม อีกทั้งยังเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้เข้าใจผิดคิดว่าตนป่วยเป็นโรคไซนัสอักเสบได้ ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อรักการวินิจฉัย โดยในปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดได้ว่าผู้ป่วยจมูกอักเสบภูมิแพ้เกิดจากไซนัสอักเสบได้บ่อยกว่าคนที่เป็นภูมิแพ้หรือไม่ แต่การสูบบุหรี่ทำให้การงานของเยื่อบุโพรงไซนัสทำงานบกพร่องได้ ในส่วนของการรักษา โรคไซนัสอักเสบเฉียบพลันหากมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสมักจะหายได้เอง แต่ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียกควรมาพบแพทย์เฉพาะทาง หู คอ จมูก เพื่อทำการส่องกล้องเข้าไปตรวจช่องโพรงจมูกและไซนัส ซึ่งหากมิใช่แพทย์เฉพาะทางหรือไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญโรคไซนัสมักให้คนไข้ทำการเอกซเรย์ วิธีนี้ไม่แม่นยำนัก ทั้งยังทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยสิ้นเปลือง…
-
เจ็บป่วยแปลก ๆ ตอนออกกำลังกาย ใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง?
เจ็บป่วยแปลก ๆ ตอนออกกำลังกาย ใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง? การออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายแบบหนัก ๆ อาจสร้างความบาดเจ็บให้กับร่างกายได้บ้าง แต่วันนี้จะขอนำเอาอาการทางร่างกายแบบแปลก ๆ มาให้คุณผู้อ่านที่ชอบออกกำลังกายสังเกตุอาการของตัวเองกันดูพร้อมวิธีป้องกันรักษานะคะ – เจ็บแปลบ ๆ บริเวณซี่โครง เมื่อออกกำลังกายไปได้ซักระยะ จะเกิดอาการเจ็บแปลบเหมือนโดนมีดเสียบบริเวณซี่โครงด้านหน้าใกล้ ๆ ช่องท้อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีสาเหตุจากอะไร แต่เดาว่าน่าจะเกิดจากกระบังลมที่กระตุกอย่างแรงจนทำให้การหายใจผิดจังหวะ มักเกิดกับคนที่ออกกำลังกายใหม่ ๆ หรือออกกำลังกายตอนทานอิ่มๆ การป้องกันจึงควรทานอาหารเบา ๆ ก่อนออกกำลังกาย และควรออกกำลังกายหลังทานอาหารไปแล้วครึ่งชั่วโมง หากเกิดอาการเจ็บแปลบอีกให้หยุดพักสักครู่แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกทั้งควรวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกายด้วย – จู่ ๆ ก็น้ำมูกไหล หากออกกำลังกายในที่ ๆ ค่อนข้างเย็นหรือแห้งจัด ก็อาจมีน้ำมูกไหลได้ ซึ่งแพทย์เรียกอาการนี้ว่าจมูกอักเสบจากการออกกำลังกาย เพราะเววลาที่เราเหนื่อยและหายใจแรงก็จะสูดเอาอากาศเย็นแห้งเข้าไป จมูกจึงผลิตเมือกออกมาเพื่อรักษาโพรงจมูกไว้ วิธีการป้องกันคือขอให้แพทย์จ่ายยาพ่นจมูกมาให้ ไว้พ่อนก่อนออกกำลังกาย 30 นาทีและเตรียมทิชชู่ไว้ติดกระเป๋าด้วย – ท้องเสีย นักวิ่งมาราทอน หรือนักเดินระยะไกล คนที่ออกกำลังกายหนัก ๆ หรือนาน ๆ มักจะท้องเสียได้ เพราะแพทย์ระบุว่า…
-
วิธีดีๆ ที่จะช่วยป้องกันลูกน้อยจากอาการภูมิแพ้!
วิธีดีๆ ที่จะช่วยป้องกันลูกน้อยจากอาการภูมิแพ้! ปัจจุบันนี้นั้นพบผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ได้มากขึ้น เป็นเพราะว่าสภาวะของสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยสารที่เป็นมลพิษ ไม่ว่าจะอยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครหรือไม่ก็ตาม อีกทั้งปัจจัยเสี่ยงทางด้านพันธุกรรมก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้นหากมีญาติพี่น้องหรือพ่อแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้แล้ว เด็กที่เกิดมาใหม่ก็จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นด้วย หากได้สัมผัสกับสารที่ก่อความระคายเคืองบางประเภท เช่น ฝุ่นควัน ฝุ่นละออง ไรฝุ่น อาจทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ และจากสถิติในปัจจุบันนั้นพบว่าประชากรถึง 1 ใน 3 เป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก และประชากรถึง 1 ใน 5 ของไทยเป็นโรคหอบหืดและภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วย ซึ่งมักพบได้ในช่วงอายุระหว่าง 6-18 ปี หากพบว่าในครอบครัวของเรามีผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ เราจึงควรมีวิธีป้องกันการเกิดภูมิแพ้และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเหล่านี้ ด้วยการหมั่นทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ เพื่อลดปริมาณไรฝุ่นและฝุ่นละอองดังกล่าว ทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน ควรจัดบ้านให้โล่งและปลอดโปร่งที่สุด ใช้ของตกแต่งและเครื่องใช้ในครัวเรือนให้น้อยที่สุด อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่ทำจากผ้า เพราะเป็นแหล่งเก็บกักฝุ่น และหากจำเป็นต้องมีก็ให้ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์นั้นบ่อย ๆ หมั่นนำพรม ที่นอน หมอน ผ้าปูที่นอนไปซักทำความสะอาดบ่อย ๆ และเลือกใช้ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ชนิดป้องกันไรฝุ่นด้วย จึงจะเป็นการช่วยป้องกันเด็ก ๆ และลูกน้อยจากการกำเริบของโรคภูมิแพ้ได้ เท่านั้นยังไม่พอ การรักษาสุขภาพของลูก ๆ ให้แข็งแรงเพื่อมีภูมิต้านทานที่สูงขึ้นก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ด้วยการให้ลูกน้อยทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พาลูกไปออกกำลังกายเป็นประจำ …
-
การออกกำลังกาย ช่วยให้บรรเทาอาการภูมิแพ้ต่างๆได้
การออกกำลังกาย ช่วยให้บรรเทาอาการภูมิแพ้ต่างๆได้ นักวิจัยจากประเทศไทย ได้วิจัยเรื่องนี้ไว้ว่า วิธีป้องกันการเกิดภูมิแพ้ต่างๆ โดยการวิ่ง หรือ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ และสามารถป้องกันหวัดได้ โดยได้สุ่มตัวอย่าง กลุ่มคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ เมื่ออกไปวิ่งราว 30 นาที อาการจาม น้ำมูกไหล คันและคัดจมูก นั้นได้ลดลงไปกว่า 70 % การออกกำลังกายแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังแบบ คาร์ดิโอ ที่จะสามารถช่วยให้โปรตีนนั้น ไปกระตุ้นการอักเสบของโพรงจมูก นักวิจัยได้แนะนำอีกว่า การวิ่งและการออกกำลังที่พอประมาณ แต่ทำอย่างสม่ำเสมอนั้น ไม่ใช่แค่จะช่วยบรรเทาอาการ แต่สามารถช่วยให้หายจากโรคภูมิแพ้ต่างๆได้จริง โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาอื่นๆเลย รู้อย่างนี้แล้วก็ควรจะรีบปฏิบัติตามกันโดยด่วนเลยนะค่ะ