Tag: ออกกำลังกาย

  • อร่อยปาก…ลำบากพุง !!!

    อร่อยปาก…ลำบากพุง !!!

    อร่อยปาก…ลำบากพุง !!! อาหารอร่อย ๆ นั้นทุกคนไม่ว่าใครก็ชอบกิน เพราะอาหารอร่อยทำให้ผู้ทานรู้สึกมีความสุข คลายเครียดได้ หลายคนที่มีความเครียด หรือความกดดันจากชีวิตด้านอื่นมักจะเลือกการกินเพื่อบรรเทาความเครียดในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่ถูกปากที่ถูกปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นเมื่อไรก็น้ำลายสอ ความอร่อย หวานหอม สดชื่นจากเครื่องดื่ม และบรรยากาศดี ๆ ในร้านอาหารก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากกินบ่อย ๆ เมื่อเป็นแบบนี้นาน ๆ เข้า ความอ้วนและน้ำหนักเกินก็มาเยือน ยิ่งถ้าไม่ค่อยมีเวลาได้ออกกำลังกายมากขึ้น การมีโรคเรื้อรังก็ตามมา และนับวันปัญหาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งในประเทสสหรัฐอเมริกาแล้ว อาหารที่ประชากรในประเทศทานก็ยิ่งเอื้อให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มันฝรั่งทอด เนื้อแดงชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไส้หรอก หมูแฮม เบคอน อาหารขยะต่าง ๆ รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่คนอเมริกันทำนั้นก็ไม่ค่อยจะทำให้มีให้มีสุขภาพดีเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง ๆ นอนๆ ดูทีวี หรือนอนน้อย เหล่านี้ทำให้ชาวอเมริกันประสบปัญหากับโรคอ้วนมากขึ้น แม้แต่คนไทยเองที่เริ่มกินเนื้อสัตว์มากกว่ากินข้าวและผัก ดื่มน้ำอัดลม ชาเย็น ของทอดน้ำมัน และอาหารปรุงแต่งมากขึ้น กินผักผลไม้น้อยลง นั่ง…

  • ชะลอวัยชรา…ด้วยวิธีแบบธรรมชาติ

    ชะลอวัยชรา…ด้วยวิธีแบบธรรมชาติ

    ชะลอวัยชรา…ด้วยวิธีแบบธรรมชาติ แม้อายุจะล่วงเข้าสู่วัยไม้ใกล้ฝั่งแล้ว สังขารในร่างกายก็เริ่มร่วงโรยไปเป็นเรื่องธรรมดา หากแต่เราทะนุถนอมร่างกายก็สามารถยืดการเสื่อมของสังขารออกไปได้เช่นกัน การดูแลสุขภาพเพื่อชะลอวัยชรานี้จึงเป็นเรื่องสำคัญแต่สามารถทำได้ง่ายแบบไม่พึ่งหมอเลยดังนี้ค่ะ – ดูแลน้ำหนักให้เหมาะสม การปล่อยตัวให้อ้วนน้ำหนักเกินจะเป็นภาระต่ออวัยวะส่งต่าง ๆ ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจตลอดจนโรคมะเร็ง การลดความอ้วนสำหรับวัยชราคือการจำกัดแคลอรี่ให้เหมาะสม กินข้าวซ้อมมือ ทานปลาหรือถั่ว ทานเนื้อแดงให้น้อยลง ทานธัญพืชและถั่วให้มาก ทานผักเยอะ ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับเส้นใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ซึ่งมีสารต้านความชรา ทำให้ไม่อ้วน ไม่เจ็บป่วย ไม่เกิดโรค หลีกเลี่ยงอาหาร หวาน มันเค็ม ทั้งหลายด้วย – ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่ให้พอดีกับสังขาย อย่างน้อยวันเว้นวัน ใช้เวลาวันละครึ่งชั่วโมงเป็นต้นไป จะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เบาตัว หายใจสบายขึ้น ไม่เบื่ออาหาร นอนหลับได้สนิทและดีขึ้น ร่างกายซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ได้ดี สดชื่น สมองปลอดโปร่งแจ่มใส ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด – ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แจ่มใจ…

  • รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน

    รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน

    รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน สาเหตุการตายของคนไทยนั้นเกิดจากโรคมะเร็งเป็นอันดับหนึ่งมานานหลายปีแล้ว ปีหนึ่ง ๆ กว่าสามแสนรายเลยทีเดียว มะเร็งนั้นก็รู้กันอยู่แล้วว่ารักษาได้ยาก บางรายก็รักษาไม่หาย อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยในการก่อโรคที่ระบุให้แน่ชัดลงไปไม่ได้อีกด้วย แต่การดูแลสุขภาพตัวเองไว้อย่างเหมาะสม เชื่อได้ว่าจะป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ซึ่งการดูแลตัวเองดังกล่าวนั้นได้แก่ 1. เน้นทานอาหารที่สะอาด ปลอดภัย มีไขมันน้อย และมีเส้นใยอาหารสูง ๆ อย่างผักผลไม้ทั้งหลาย ที่ยังให้วิตามินแร่ธาตุกับร่างกาย ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ ไม่ควรทานอาหารปิ้งย่างไหม้เครียด ของหมักดองหรือแปรรูป ตลอดจนอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา และอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างปลาร้า ปลาจ่อมด้วยนะคะ 2. ทำให้การออกกำลังกายเป็นกิจวัตรของคุณ และควบคุมน้ำหนักตัวให้พอดีกับส่วนสูง เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงกระฉับกระเฉง และเสริมภูมิต้านทานให้มีประสิทธิภาพ 3. เลิกสูบบุหรี่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด และงดดื่มสุราด้วยเพราะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง คอหอย มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านมด้วย 4. หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดจ้าในช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00-16.00 น. แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนทุกครั้งด้วยค่ะ 5. ไม่สำส่อนในกามารมณ์ และมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอันเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกด้วย 6.…

  • หัวใจหลัก 3 ประการห่างไกลโรคกระดูกพรุน

    หัวใจหลัก 3 ประการห่างไกลโรคกระดูกพรุน

    หัวใจหลัก 3 ประการห่างไกลโรคกระดูกพรุน หากคุณอยู่ในช่วงอายุหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีปัญหาโรคกระดูกพรุน เรามาป้องกันไว้ก่อนดีกว่า ด้วยหัวใจหลัก 3 ประการดังต่อไปนี้ค่ะ หัวใจหลักข้อที่ 1 ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ เหตุผลก็เป็นเพราะว่าผิวหนังของเราจะผลิตวิตามินดีออกมาเมื่อถูกแสงแดด ส่วนอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินดีนั้นมีจำกัด พบได้น้อยในไขมันปลา และไข่เท่านั้น คนส่วนใหญ่ในโลกไม่ค่อยได้รับวิตามินดีจากแสงแดดเท่าไร เป็นเพราะหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการที่ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมและมลพิษอยู่มาก การสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด การใช้ครีมกันแดด ผู้คนเริ่มใช้ชีวิตในร่มกันมากขึ้น ฯลฯ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ผลิตวิตามินดีได้น้อยกว่าคนหนุ่มสาวถึงสี่เท่า จึงควรกินวิตามินดีชนิดที่เป็นอาหารเสริมช่วยลดความเสี่ยงในการกระดูกเปราะแตกได้ถึงร้อยละ 20 หัวใจหลักข้อที่ 2 ทานอาหารที่มีแคลเซียมและโปรตีนให้พอเพียง ด้วยการดื่มนม ทานผักใบเขียว และถั่วต่าง ๆ รวมทั้งผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง น้ำแร่ก็ใช่ด้วย การที่ต้องเสริมโปรตีนเข้าไปด้วยนั้นก็เพื่อให้กล้ามเนื้อทั่วร่างมีความแข็งแรงมีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยกระดูกในการรับแรง เสริมแรงกระดูกมิให้แตกหักง่ายได้อีกประการหนึ่ง ในผู้สูงอายุที่ได้รับโปรตีนไม่เพียงพอก็จะมีความเสี่ยงเกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง และมวลกล้ามเนื้อลดลง จนส่งผลให้หกล้มกระดูกหักได้ง่าย หัวใจหลักข้อที่ 3 ออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก เพิ่มแรงกดให้กับกระดูก และสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อ อย่างเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การเดินขึ้นลงบันได กระโดดเชือก สเตปแอโรบิค ก็ได้เช่นกัน แล้วยังเสริมความคล่องตัว และความสมดุลของร่างกาย ลดโอกาสการหกล้มลงได้ร้อยละ 25-40…

  • มาวิ่งจ๊อกกิ้งกันเถอะค่ะ !!!

    มาวิ่งจ๊อกกิ้งกันเถอะค่ะ !!!

    มาวิ่งจ๊อกกิ้งกันเถอะค่ะ !!! ช่วงเวลาที่อากาศดี ๆ ฝนไม่ตกเท่าไรอย่างระยะปลายหน้าฝนเข้าสู่หน้าหนาวนี้ ตามสนามกีฬากลางแจ้งมักจะพบนักวิ่งที่พากันวิ่งออกกำลังกาย หลังจากอัดอั้นกันมากในฤดูฝนที่ฝนตกเฉอะแฉะจนไม่ได้ออกกำลังกายกันเลย การวิ่งจ๊อกกิ้งนั้นเป็นกีฬาที่แทบไม่ต้องมีต้นทุนอะไรเลย นอกจากรองเท้าดี ๆ สักคู่หนึ่งแล้ว แต่กลับเป็นกีฬาที่ให้ประโยชน์มากมาย ช่วยป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคไต อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน โรคอ้วน ฯลฯ ดังนั้นแล้วก่อนที่สุขภาพจะแย่เพราะไปรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมากเกินไป จึงควรหันมาออกกำลังกายกันดีกว่าค่ะ แม้ในระยะแรก ๆ จะเหนื่อยมากกับการวิ่ง อาจต้องวิ่งไปเดินไปอยู่บ้าง แต่เมื่อหัดวิ่งไปมาก ๆ เข้าก็จะเริ่มวิ่งได้นานขึ้นจนกลายเป็นวิ่งเป็นชั่วโมงได้สบาย ๆ เลยทีเดียว คู่มือสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่นั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก เพียงเลือกซื้อรองเท้าสำหรับวิ่ง หรือรองเท้าที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี สวมเสื้อผ้าที่สบายและระบายเหงื่อได้ง่าย และควรเลือกสถานที่วิ่งเป็นพื้นที่เรียบ ไม่ว่าจะเป็นบนฟุตบาทที่ปลอดภัยและมีพื้นผิวราบเรียบ บนพื้นถนนที่ราดยางหรือคอนกรีตป้องกันเท้าพลิกหรือสะดุด ขณะที่ไปวิ่งไม่ควรทานอาหารจนอิ่มมากเกินไป ควรทานอาหารเบา ๆ ก่อนวิ่งสักครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหารได้ย่อยก่อน ดื่มน้ำล่วงหน้าแต่ไม่ต้องมากนัก และหลังการวิ่งทุกครั้งให้ดื่มน้ำเข้าไปทดแทนเหงื่อที่ไหลออกไป ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย การวิ่งจ๊อกกิ้งเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้หัวใจบีบส่งเลือดได้ดีขึ้น เลือดจึงไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ หลอดเลือดขยายตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น…

  • การออกกำลังกายที่พอเหมาะ…สำหรับคนเป็นเบาหวาน

    การออกกำลังกายที่พอเหมาะ…สำหรับคนเป็นเบาหวาน

    การออกกำลังกายที่พอเหมาะ…สำหรับคนเป็นเบาหวาน การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นเรื่องที่สำคัญในการควบคุมโรคด้วยเช่นกัน ทำให้ระดับของน้ำตาลในกระแสเลือดลดลง แต่จะลดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาที่ออกกำลังกาย ความหนัก และระดับน้ำตาลก่อนการออกกำลังกาย รวมทั้งการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอด้วย ซึ่งการออกกำลังกายของผู้ป่วยเบาหวานทั้งสองชนิด นั้นมีวิธีการที่แตกต่างกัน เพราะเป็นผลมาจากการนำพลังงานไปใช้และเผาผลาญพลังงานที่แตกต่างกันนั่นเอง การออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือชนิดที่พึ่งอินซูลิน หากมีสุขภาพทั่วไปดีอยู่ ให้ออกกำลังกายวันละ 20 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ต้องควบคุมโรคและใช้ยาอินซูลินให้ดีก่อนออกกำลังกาย ผู้ป่วยควรสามารถวัดระดับน้ำตาลในเลือดของตนเองได้หากต้องการออกกำลังกายหนัก ๆ และเข้าใจการปรับเปลี่ยนการใช้หรืออินซูลินของตนเองด้วย ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรออกกำลังกายในช่วงเวลา บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น หลังทานอาหารว่างแล้วประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง วันเว้นวัน และไม่ควรออกกำลังกายขณะที่อินซูลินออกฤทธิ์สูงสุด หากออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องแล้วแพทย์อาจแนะนำให้ลดการการใช้อินซูลินลง ส่วนการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ชนิดที่ยังต้องพึ่งอินซูลิน ควรออกกำลังกายแบบเหนื่อยปานกลางอย่างต่อเนื่องประมาณครึ่งชั่วโมงต่อวัน เช่น การเดินเร็ว การว่ายน้ำ การเดินในน้ำ โยคะ รำมวยจีน หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ เพื่อให้ชีพจรเร็วขึ้น ควรอบอุ่นร่างกายก่อนเสมออย่างน้อย 5-10 นาที แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มการออกกำลังกายขึ้นแต่ไม่ควรหักโหมเกินไป เมื่อต้องการหยุดออกกำลังกายให้ค่อย ๆ ผ่อนลงเรื่อย ๆ เรียกว่าคูลดาวน์ ประมาณ 5-10…

  • ลองเดินเร็วกันดูไหม ไม่ปวดเข่าแล้วยังลดน้ำหนักได้แบบสบาย ๆ

    ลองเดินเร็วกันดูไหม ไม่ปวดเข่าแล้วยังลดน้ำหนักได้แบบสบาย ๆ

    ลองเดินเร็วกันดูไหม ไม่ปวดเข่าแล้วยังลดน้ำหนักได้แบบสบาย ๆ วันนี้ขอนำเอาวิธีการลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรงให้กับปอดและหัวใจของคุณ ด้วยการออกกำลังกายที่คุณสามารถทำตามได้ง่าย มีต้นทุนในการออกกำลังกายต่ำแล้วยังเหมาะแม้กับคนที่มีอาการปวดเข่าอีกด้วยนะคะ การออกกำลังกายที่จะนำมาเสนอในวันนี้ก็คือ “การเดินเร็ว” นั่นเองค่ะ การเดินเร็วเพียงวันละครึ่งชั่วโมงนั้นช่วยคุณลดน้ำหนัก และลดไขมันในเส้นเลือดได้อย่างแน่นอน มีขั้นตอนและเทคนิควิธีดังต่อไปนี้ค่ะ 1. เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และถุงเท้ารองเท้าที่ระบายความอับชื้นได้ง่าย 2. เลือกเดินในสถานที่ที่ปลอดโปร่ง อาจเป็นสวนสาธารณะ ในสนามโรงเรียน หรือสนามกีฬาก็ได้ แต่ไม่ควรเลือกริมถนนที่มีมลพิษมากเกินไป เพราะอาจเป็นอันตรายได้ 3. ขั้นแรกเมื่อเริ่มเดิน ควรยืนเส้นยืดสายเพื่ออบอุ่นร่างกายก่อน ช่วยลดอาการบาดเจ็บและการติดขัดของข้อต่อต่าง ๆ ได้ 4. การเดินที่ถูกต้องควรเดินเร็ว ๆ ก้าวเท้าถี่ ๆ ให้ได้ประมาณ 90-110 ก้าวต่อนาที จะช่วยกระตุ้นให้หัวใจและหลอดเลือดทำงานเพิ่มขึ้น มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ขจัดไขมันส่วนเกิน ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินอย่างต่ำครึ่งชั่วโมงขึ้นไปต่อครั้ง สัปดาห์ละ 3-4 หน 5. การเดินควรเดินให้ตามองตรงไปข้างหน้า คางตั้งครง เปิดไหล่ออก แขนทั้งสองเคลื่อนไหวข้างลำตัว และกะระยการก้าวเท้าให้เท่า ๆ กันไม่ถี่หรือห่างเกินไปด้วย การเดินเร็วนี้จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ประมาณ 60 แคลอรี่ต่อการเดินหนึ่งชั่วโมง มีประโยชน์ต่อระบบการไหลเวียนโลหิต…

  • ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ

    ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ

    ออกกำลังกายน่ะดี แต่ทำให้ถูกวิธีด้วยนะ ระยะนี้คนไทยเราเริ่มหันมาสนใจการออกกำลังกายดูแลสุขภาพ และดูแลอาหารการกินกันมากขึ้นแล้วนะคะ การจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนาร่างกายขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่นกันเล่นกีฬาก็จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้กระทำอย่างสม่ำเสมอด้วยกระบวนการที่เหมาะสม จะทำให้ร่างกายเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างมั่นคงนั่นเอง ผู้ที่เพิ่งหันมาออกกำลังกายใหม่ ๆ นั้น ควรเลือกออกกำลังกายในระดับเบาก่อน ยังไม่ควรหักโหมไปวิ่งทันที ควรเริ่มด้วยการเดินเบา ๆ หรือปั่นจักรยานช้า ๆ ก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหากหักโหมอาจปวดข้อหรือได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ในช่วงเริ่มแรกควรค่อย ๆ ฟิตร่างกายให้ดีก่อนแล้วค่อยพัฒนาไปออกกำลังกายที่หนักขึ้นจะช่วยถนอมกล้ามเนื้อ ข้อต่อและกระดูกไปได้อีกทาง การเตรียมตัวก่อนการออกกำลังกาย ต้องเริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง และใช้การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อวอร์มร่างกาย ข้อต่อส่วนต่าง ๆ ด้วยก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน คุณอาจวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่เบา ๆ หรือเดินเบา ๆ ก่อนสัก 5-10 นาทีแล้วค่อยเดินเร็วหรือเริ่มวิ่ง ข้อดีของการอบอุ่นร่างกายอีกอย่างก็คือจะกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น ช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้อีกทางหนึ่ง การออกกำลังกายควรเป็นกิจวัตรที่มีความสม่ำเสมอ และเป็นชนิดกีฬาที่ชื่นชอบด้วยจึงจะทำให้ไม่เบื่อ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย ในการออกกำลังกายแต่ละครั้งไม่ควรหักโหมจนเกินไป การจะวัดว่าเหนื่อยเกินไปหรือยังให้สังเกตว่ายังพูดเป็นคำได้อยู่หรือเปล่า หากเหนื่อยจนพูดไม่เป็นคำก็ถือว่าหักโหมเกินไปแล้ว ควรค่อย ๆ…

  • ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ

    ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ

    ป้องกันอาการปวดหลังเสียแต่เนิ่น ๆ ในประชากรวัยผู้ใหญ่กว่าร้อยหละแปดสิบ หรือแปดในสิบคนนั้น มักจะมีอาการ ปวดหลัง ซึ่งนับเป็นการเสื่อมถอยของร่างกายประเภทหนึ่ง โดยอาการปวดจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการดูแลตัวเองด้วย ผู้ที่มีอาการปวดหลังนี้ กว่าครึ่งจะหายได้เองในสองสัปดาห์ ร้อยละ 90 จะหายได้ในสามเดือน แต่ยังมีอยู่บ้างเหมือนกันราวร้อยละ 5 ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังและอาการลุกลามมากขึ้น เนื่องจากการอักเสบนั้นก้าวข้ามไปถึงขั้นเส้นประสาทถูกทำลาย ซึ่งจะแสดงอาการออกมาเป็นการกลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่อยู่และแขนขาอ่อนแรง ในกรณีนี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ ซึ่งวิธีการป้องกันโรคปวดหลังได้ดีที่สุดก็คือการออกกำลังกาย และป้องกันตนเองมิให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งการบริหารกล้ามเนื้อหลังจะต้องค่อย ๆ สร้างความแข็งแรงทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังไปด้วยกัน และต้องบริหารข้อต่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวกด้วย ซึ่งอาจทำได้ด้วยการเดิน การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ ล้วนทำให้หลังแข็งแรงขึ้นได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่จะไม่ทำให้ปวดหลังก็คืออย่าปล่อยตัวให้อ้วนลงพุง ทานอาหารที่มีคุณค่า รวมไปถึงออกกำลังกายให้มีความสม่ำเสมอด้วย นอกจากนี้การปรับอิริยาบถให้ถูกต้องก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย.. การยืนนั้นต้องหลังตรง แขม่วท้องไว้นิด ๆ ยืนให้ตัวตรงไม่โก่งหรือคด ให้แนวติ่งหูหรือข้อสะโพกเป็นแนวเดียวกัน ไม่ควรยืนนานเกินไป ไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูงมาเกินไป ภายในรองเท้าควรหาแผ่นรองเท้าอุ้งเท้าไว้เพื่อซับน้ำหนัก และหากจำเป็นต้องยืนนาน ๆ ควรหาที่พักเพื่อพักเท้า หรือมีเก้าอี้หรือโต๊ะตัวเล็กไว้ช่วยวางเท้าข้างหนึ่งด้วย ทำให้เป็นนิสัยไว้ตลอดไปจะป้องกันอาการปวดหลังพร้อมทั้งอาการข้อเสื่อมต่าง ๆ ได้ การนั่ง ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงบริเวณเอว เลือกใช้ที่นั่งที่สบายและหมุนได้ ป้องกันการบิดของเอวและที่พักแขน ขณะที่นั่งพักหัวเข่าควรอยู่สูงกว่าระดับข้อสะโพกเล็กน้อย และควรมีเบาะรองเท้าหรือหมอนเล็ก ๆ…

  • การเลือกทานอาหาร ให้เหมาะกับ การออกกำลังกาย

    การเลือกทานอาหาร ให้เหมาะกับ การออกกำลังกาย

    การเลือกทานอาหาร ให้เหมาะกับ การออกกำลังกาย ประโยชน์ของการเล่นกีฬานั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสามัคคีที่เกิดขึ้นหมู่ผู้แข่งขันและหมู่ผู้ที่เข้ามาเชียร์ เพื่อการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อการคลายเครียด และที่สำคัญก็คือประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้เล่น ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ทำให้ร่างกายมีกำลังวังชา ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานสอดประสานกันได้ดี อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักในกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ทั้งยังช่วยเพิ่มน้ำหนักได้สำหรับคนที่ผอมเกินไป แม้การออกกำลังกายจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ทำให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดี แต่ผู้ที่ออกกำลังกายก็จำเป็นต้องสังเกตสัญญาณเตือนที่ร่างกายบอกออกมาด้วย เช่น ออกกำลังกายนานหรือมากเกินไปจนกล้ามเนื้อปวดเมื่อยหรือไม่ หรือมีความอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนน้อยไป หรือทานอาหารน้อยไปหรือเปล่า หรือการออกกำลังกายที่ผิดท่าทางหรือหักโหมมากเกินไปจนบาดเจ็บ ฯลฯ ดังนั้น ก่อนออกกำลังกายจึงจำเป็นต้องสังเกตอาการของร่างกาย รวมทั้งพลังงานจากอาหารที่เราทานเข้าไปด้วยว่าเหมาะสมกับการออกกำลังของเราหรือเปล่า นักกีฬาที่กำลังจะลงแข่งขันมักจะมีอาการตื่นเต้น และกังวลมากขึ้นจนอาจส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย บางคนก็ท้องเสีย ปวดปัสสาวะมาก ท้องอืด หรือเครียด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน ดังนั้นนักกีฬาควรเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการทานอาหารที่เหมาะสม ทานอาหารที่คุ้นเคยจะได้ไม่สร้างปัญหาต่อระบบทางเดินอาหาร มีรสชาติไม่จัดเกินไป มีแป้งและน้ำตาลมากหน่อยเพื่อเป็นพลังงานกับร่างกาย มีความอ่อนนุ่ม เพื่อให้ร่างกายย่อยและดูดซึมได้เร็วจะได้ไม่หมดแรงเร็วเกินไปนัก ซึ่งการทานอาหารควรทานก่อนออกกำลังกายหรือลงแข่งขันประมาณ 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้อาหารย่อยหมดก่อน หากลงเล่นกีฬาทั้งที่ยังมีอาหารอยู่ในกระเพาะแล้วอาจทำให้จุกเสียดและปวดท้องได้ การออกกำลังกายจะเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายสะสมไว้ จึงทำให้รู้สึกหิวมากกว่าปกติ สำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักจึงควรมีสติในการกินดื่ม โดยเฉพาะของหวาน ๆ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม…