Tag: มะเร็งตับ
-
โรคตับอักเสบชนิดเรื้อรัง
โรคตับอักเสบชนิดเรื้อรัง ภาวะตับอักเสบเรื้อรังนั้นหมายถึง การอักเสบของตับที่นานเกินกว่าหกเดือนขึ้นไป ตรวจเลือดแล้วพบร่องรอยการอักเสบ มีสาเหตุมาจากพิษสุราเรื้อรัง พิษจากยาหรือสมุนไพรบางชนิด การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ไขมันพอกตับ หรือภาวะภูมิต้านทานตนเอง ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากข้อใดก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึงโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบีหรือไวรัสตับอักเสบซีซึ่งสามารถป้องกันและลดอันตรายลงได้ โรคนี้จะไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าจะเกิดโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับแทรกซ้อน บางรายไม่มีอาการแต่ตรวจเลือดพบได้ อาจมีอาการได้แก่ รู้สึกอ่อนเพลียซึ่งมักเป็นมากขึ้นตอนบ่ายหรือเย็น นอกจากนี้ยังมีไข้ต่ำ ๆ คลื่นไส้เบื่ออาหาร ท้องอืดเฟ้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อเป็นต้น ในระยะท้ายที่เริ่มเป็นตับแข็งและมะเร็งตับแล้วก็จะมีอาการอ่อนเพลีย ดีซ่าย น้ำหนักลด ท้องบวม เท้าบวม ยิ่งหากเป็นผู้ที่มีพี่น้องเป็นพาหะของโรคนี้หรือเป็นโรคตับอักเสบอยู่แล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด และหากพบว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสควรปฏิบัติตามดังนี้ 1. พบแพทย์ กินยา และเข้ารักษาตามเวลา ซึ่งอาจกินเวลาเป็นแรมปีหรือตลอดชีวิต 2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด 3. ห้ามบริจาคเลือด 4. หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยา มีดโกน หรือแปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น 5. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อ 6. ไม่ควรซื้อยากินเอง เพราะยาบางชนิดมีพิษต่อตับทำให้อักเสบรุนแรงได้ ในส่วนของการป้องกันสามารถทำได้โดย 1. ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบชนิดบี 2. ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์…
-
เฝ้าระวัง…โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
—
by
เฝ้าระวัง…โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในประเทศไทยนั้นพบผู้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชายมากเป็นอันดับสาม รอบจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด ในส่วนผู้หญิงพบเป็นอันดับที่ห้า โรคนี้นั้นยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนแต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างได้แก่ – อายุมากกว่า 50 ปีขึ้น – มีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อน – มีประวัติเคยเป็นมะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเต้านมก่อน – ตรวจพบเคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่หรือโรคลำไส้ใหญ่อักเสบมาก่อน – มีภาวะโรคอ้วน สูบบุหรี่ – ฯลฯ ผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่โดยด่วน ได้แก่ อุจจาระมีมูกเลือดหรือเป็นสีดำ หรือสีดำแดง หรือการขับถ่ายเปลี่ยนไป เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย หรือท้องผูกและท้องเสีย ขนาดของอุจจาระเล็กกว่าปกติ รู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด แน่นท้อง อึดอัดท้อง ปวดท้อง อาเจียน อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่รู้ตัว ฯลฯ การรักษานั้นสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็งและตำแหน่งของโรค ทั้งการผ่าตัด การใช้เคมีบำบัด การรักษาด้วยรังสี การใช้หลายวิธีร่วมกัน เป็นต้น การปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งได้แก่ การกินอาหารที่ปรุงสุกสะอาด กินผักและผลไม้มาก ๆ เพิ่มกากใยในลำไส้ เพื่ออุจจาระได้ง่าย หลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด มีไขมันสูง รักษาน้ำหนักตัวให้ได้มากตรฐาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอและงดการสูบบุหรี่…
-
โรคมะเร็งและแนวทางการรักษา
โรคมะเร็งและแนวทางการรักษา โรคมะเร็งในปัจจุบันนี้ พบได้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้งในเพศชายและเพศหญิง ยิ่งโดยเฉพาะเพสหญิงด้วยแล้ว ทั้งวิถีชีวิตและการกินอาหรก็เลียนแบบไปทางตะวันตกมากขึ้น โรคมะเร็งที่พบมากในผู้หญิงจึงเปลี่ยนแปลงไปตามแนวทางผู้หญิงตะวันตกมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาการผิดปกติสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเป็นมะเร็งนั้นจะได้แก่อาการอ่อนเพลีย ร่วมกับอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลงไปประมาณร้อยละ 10 ของร่างกายภายในหกเดือน (แต่ถ้าขึ้น ๆ ลง ๆ ถือว่าปกติ) แต่อาการเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นโรคมะเร็งอย่างเดียว อาจเกี่ยวข้องกับโรคอื่นได้ด้วย การรักษามะเร็งนั้นมีการรักษาร่วมกันหลายวิธี ทั้งการผ่าตัด การรักษาด้วยเคมี การฉายแสง ในส่วนของการผ่าตัดนั้นใช้ได้กับมะเร็งแทบทุกชนิดแต่ต้องดูความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นระยะของโรค หรืออวัยวะนั้นผ่าตัดได้หรือไม่ ส่วนมะเร็งที่เลือกผ่าตัดเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือ มะเร็งตับ มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งช่องปากระยะต้น มะเร็งเต้านม มดลูก ต่อมลูกหมากระยะต้น เป็นต้น สำหรับวิธีเคมีบำบัด จะใช้เพื่อลดการกระจายตัวของโรคไปที่อื่นหลังการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ก็มีมะเร็งบางชนิดที่ทำได้แค่การให้เคมีบำบัดอย่างเดียว เช่น มะเร็งเม็ดเลือด และบางครั้งก็มีการให้ยาเคมีบำบัด ร่วมกับการฉายรังสี เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น มะเร็งศีรษะและลำคอ ในส่วนของการให้ยาเคมีบำบัดส่วนใหญ่แล้วจะเป็นยาฉีดที่ให้ทางหลอดเลือดดำ หรืออาจให้ยาเคมีบำบัดทางอุปกรณ์พิเศษที่ต่อเข้าสู่เส้นเลือดดำใหญ่ได้โดยตรง เนื่องจากการให้ยาเคมีบำบัดต้องให้หลายครั้ง ซึ่งต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ เพราะอาจมีอาการหลังจากให้ยาได้ ไม่ว่าจะเป็น คลื่นไส้…
-
ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีรายงานการพบมะเร็งแล้วในคนกว่าร้อยชนิด และคนไทยเองก็ตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันหนึ่งหนึ่งมาโดยตลอด และยังมีแนวโน้มการป่วยและตายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งทวารหนัก โดยผู้ที่ป่วยกว่าครึ่งจะเป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากมะเร็งเป็นโรคที่ค่อย ๆ คืบคลานอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึวควรดูแลตัวเองให้แข็งแรงจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่สุขภาพดังต่อไปนี้ 1. รักษาตัวไม่ให้อ้วนเกินมาตรฐาน ทานอาหารแต่พอดีและออกกำลังกายเป็นประจำ รักษาสภาพจิตใจให้สดใสสดชื่นทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคมากขึ้น 2. ทานอาหารให้ครบถ้วนให้ได้วิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย แต่ลดอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอดหรือย่าง รวมไปถึงอาหารหมักดอง อาหารแปรรูปใส่ดินประสิว หรือเสี่ยงมีเชื้อรา และอาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ด้วย ควรทานอาหารสด ๆ ผักสด ผลไม้สด นอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระแล้วยังมีกากใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย 3. งดสูบบุหรี่ สามารถลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปอดได้ร้อยละ 60 4. งดสุรา หากสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงในการมะเร็งถึงเก้าเท่าและหากสูบบุหรี่ด้วยอีกจะเพิ่มความเสี่ยงสูงถึง 50 เท่า! 5. มีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อม เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยและมีคู่หลายคนมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น 6.…
-
รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน
รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน สาเหตุการตายของคนไทยนั้นเกิดจากโรคมะเร็งเป็นอันดับหนึ่งมานานหลายปีแล้ว ปีหนึ่ง ๆ กว่าสามแสนรายเลยทีเดียว มะเร็งนั้นก็รู้กันอยู่แล้วว่ารักษาได้ยาก บางรายก็รักษาไม่หาย อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยในการก่อโรคที่ระบุให้แน่ชัดลงไปไม่ได้อีกด้วย แต่การดูแลสุขภาพตัวเองไว้อย่างเหมาะสม เชื่อได้ว่าจะป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ซึ่งการดูแลตัวเองดังกล่าวนั้นได้แก่ 1. เน้นทานอาหารที่สะอาด ปลอดภัย มีไขมันน้อย และมีเส้นใยอาหารสูง ๆ อย่างผักผลไม้ทั้งหลาย ที่ยังให้วิตามินแร่ธาตุกับร่างกาย ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ ไม่ควรทานอาหารปิ้งย่างไหม้เครียด ของหมักดองหรือแปรรูป ตลอดจนอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา และอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างปลาร้า ปลาจ่อมด้วยนะคะ 2. ทำให้การออกกำลังกายเป็นกิจวัตรของคุณ และควบคุมน้ำหนักตัวให้พอดีกับส่วนสูง เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงกระฉับกระเฉง และเสริมภูมิต้านทานให้มีประสิทธิภาพ 3. เลิกสูบบุหรี่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด และงดดื่มสุราด้วยเพราะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง คอหอย มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านมด้วย 4. หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดจ้าในช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00-16.00 น. แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนทุกครั้งด้วยค่ะ 5. ไม่สำส่อนในกามารมณ์ และมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอันเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกด้วย 6.…
-
ใส่ใจกับอาหาร ต้านมะเร็งได้ผลนะ
ใส่ใจกับอาหาร ต้านมะเร็งได้ผลนะ ในปัจจุบันมีแนวโน้มการป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งสูงขึ้นแบบยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดนั้นกว่าครึ่งคือผู้สูงอายุ ที่เซลล์มะเร็งค่อย ๆ ก่อตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกว่าจะพบว่าตนเองเป็นมะเร็งก็มักจะอยู่ในระยะลุมลามที่ยากจะรักษาให้หายขาดได้แล้ว ทั้งที่โรคมะเร็งนั้นหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกมีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ถึงร้อย 80 เลยทีเดียว ดังนั้นเราทุกคนจึงควรตรวจสุขภาพประจำปีไว้เพื่อหาความผิดปกติของร่างกาย เพื่อป้องกันโรคร้ายไว้แต่เนิ่น ๆ รวมไปถึงการใส่ใจเลือกอาหารการกินก็สามารถต้านมะเร็งได้อีกทางหนึ่งด้วยนะ – ทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารให้มากเข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นผักสด ผลไม้สดต่าง ๆ รวมไปถึงข้าวกล้อง ข้าวโพด ธัญพืช โฮลเกรน ฯลฯ เหล่านี้ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ – ผักและผลไม้สีเขียว มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง ป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกล่องเสียงและมะเร็งปอดได้ รวมไปถึงผักและผลไม้รสเปรี้ยวที่มีวิตามินซีมาก ๆ ช่วยป้องกันมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะอาหารได้อีกทางหนึ่ง – ทานผักตระกูลกะหล่ำให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น คะน้า กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี หัวผักกาด เหล่านี้ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ส่วนปลาย มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งในอวัยวะทางเดินหายใจทั้งหมด นอกจากอาหารที่ควรทานแล้วยังมีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันมะเร็งด้วยนะ – อาหารที่ขึ้นรา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ – อาหารที่มีไขมันสูง เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก…
-
พิษของสุราที่มีต่อตับ!!!
พิษของสุราที่มีต่อตับ!!! สุรานั้น ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกเป็นเวลายาวนานกว่าสี่พันปีแล้ว มีหลากหลายชนิดและรสชาติแตกต่างกันไปตามแต่เชื้อต้นกำเนิดและผลไม้ที่นำมาหมัก ไม่ว่าจะเป็น เหล้า วิสกี้ ไวน์ เบียร์ พันช์ ฯลฯ และสุราเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เป็นพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ด้วย แม้แต่ในศาสนาพุทธเองก็ยังให้พึงละเว้นสุราไว้เพื่อมิให้ขาดสติ เพราะผลของการดื่มเหล้านั้นนอกจากอุบัติเหตุที่ส่งผลเสียแก่ผู้อื่นโดยรอบตัวแล้ว ก็ยังส่งผลให้ตัวเองได้รับอันตรายจากสุราไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตับนั่นเอง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ตับเป็นอวัยวะหลักที่ย่อยแอลกอฮอล์ การดื่มเหล้าเป็นประจำจะเกิดปัญหากับตับในสี่แบบก็คือ ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง จนถึงมะเร็งตับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ดื่มจะเป็นโรคตับเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้ – ขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลาที่ดื่ม ซึ่งมีการศึกษาพบว่าเมื่อดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 30 กรัมต่อวันในเพศชาย และ 20 กรัมในเพศหญิงแล้ว จะถือว่าอยู่ในข่ายที่ได้รับความเสี่ยงในการเป็นโรคตับ – ขึ้นอยู่กับอายุและเพศ หากดื่มในปริมาณเท่ากันแล้ว ผู้หญิงจะเสี่ยงเป็นโรคตับมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า – ขึ้นอยู่กับเชื้อไวรัสตับอักเสบที่มีอยู่เดิม หากมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีอยู่แล้วจะทำให้การดำเนินโรคแย่กว่าผู้ที่เป็นโรคตับจากแอลกอฮอล์อย่างเดียว – พันธุกรรมและยาบางชนิดก็เป็นปัจจัยเสี่ยงกระตุ้นโรคด้วยเช่นกัน อาการของโรคตับนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ผู้ที่ไขมันพอกตับ หรือตับอักเสบเล็กน้อยจะไม่มีอาการผิดปกติหรืออาการจะไม่เฉพาะเจาะจงมากนัก เช่น ปวดชายโครงขวา มีไข้ อ่อนเพลีย ฯลฯ ส่วนผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง จะมีอาการคือ…
-
หลักการดูแลสุขภาพ…เพื่อชีวิตห่างไกลมะเร็ง
หลักการดูแลสุขภาพ…เพื่อชีวิตห่างไกลมะเร็ง ไม่มีใครอยากให้ร่างกายที่เราแสนรักนี้เป็นโรคหรอกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรคใดก็ตาม ยิ่งหากเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือมีเกณฑ์การเสียชีวิตสูงแล้ว เราคงแทบจะตายกันไปในวันที่ทราบข่าวนั้นเลย โรคมะเร็งนี้เป็นหนึ่งในโรคที่คุกคามร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยและคนใกล้ชิดมาก ดังนั้นเรามาใช้ชีวิตตามหลักธรรมดาเพื่อดูแลร่างกายของเราให้ห่างไกลจากมะเร็งกันดีกว่าค่ะ 1. เลิกบุหรี่ ไม่ควรสูบบุหรี่ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ในรูปแบบไหน อีกทั้งยังไม่ควรเข้าไปสูดดมควันบุหรี่จากผู้อื่นด้วย เพราะพิษจากควันบุหรี่นั้นสามารถทำให้เป็นมะเร็งได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การเลิกสูบบุหรี่สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้ถึงร้อยละ 90 แล้วยังทำให้คนใกล้ชิดปลอดภัยจากโรคนี้เพิ่มขึ้นด้วย 2. เลิกมีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ ไม่ว่าจะเพศใดการสำส่อนทางเพศก็เป็นต้นตอของโรคมะเร็งได้ทั้งนั้น ยิ่งโดยเฉพาะเพศหญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และมีหลายคู่ รวมไปถึงการติดเชื้อไวรัสหูดจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกมาก ดังนั้นทุกครั้งจึงควรสวมถุงยางอนามัยและเลิกพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ 3. เลิกเหล้า หากดื่มอยู่ก็ควรลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้หมด หรือไม่ดื่มเลยจะดีที่สุด หากต้องการดื่มให้ดื่มได้วันละ 2 แก้ว สำหรับเพศชายและ 1 แก้วเท่านั้นสำหรับเพศหญิง เพราะการดื่มหนัก ๆ จะทำให้สะสมสารก่อมะเร็งในช่องปาก กดภูมิต้านทานโรค ทำให้เป็นพิษต่อตับและตับอ่อน จึงเสี่ยงต่อมะเร็งตับมาก 4. หลบแดดเสมอ โดยเฉพาะแสงแดดที่มีรังสียูวีจัดจ้าในช่วงเวลาตั้งแต่แปดโมงเช้า ถึงบ่ายสี่โมงหรือจำเป็นต้องออกแดดก็ให้ทาครีมกันแดด แล้วสวมหมวก กางร่ม สวมแว่นกันแดด หรือสวมเสื้อแขนยาวสำหรับการรังสียูวีด้วยจะดีค่ะ 5. หลีกเลี่ยงการทานปลาน้ำจืดดิบ ๆ สุก ๆ…
-
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
—
by
ประมวลผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง จากสถิตินับถึงปีปัจจุบันพบว่าคนไทยนั้นเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และมีอัตราการตายจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้โรคมะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับที่หนึ่ง แซงหน้าอุบัติเหตุ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคปอดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับหนึ่งก็คือ มะเร็งตับ รองลงมาเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้แก่ – ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก นั่นคือการได้รับสารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนจากอาหาร, การได้รับรังสีเอกซ์, รังสียูวีจากแสงแดด, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด, การติดเชื้อไวรัสแพบพิลโลมา, พยาธิใบไม้ตับ รวมถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย ฯลฯ – ปัจจัยจากความผิดปกติภายใน เช่น พันธุกรรม, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภาวะทุพโภชนาการ ฯลฯ ซึ่งเราสามารถสรุปกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อการมะเร็งได้ดังนี้ 1. กลุ่มที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ 2. กลุ่มที่สูบบุหรี่ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทางเดินหายใจ มะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง แล้วหากดื่มเหล้าด้วยก็อาจเป็นมะเร็งช่องปากในลำคอได้อีก 3. กลุ่มที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี หรือทานอาหารที่ปนเปื้อนอะฟลาทอกซิล ที่เป็นเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหาร ทั้งพริกป่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ แล้วถ้าได้รับทั้งสองชนิดก็มีโอกาสในการเป็นมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น 4. กลุ่มที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ และทานอาหารที่ใส่ดินประสิว…
-
เคล็ดลับ 5 ประการห่างไกลมะเร็งตับ
เคล็ดลับ 5 ประการห่างไกลมะเร็งตับ “ตับ” ถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดภายในร่างกาย จะอยู่ภายในช่องท้องบริเวณชายโครงด้านขวา หน้าที่ขอตับก็คือช่วยขจัดของเสียสะสมในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ยา สารเคมี หรือสารพิษที่ร่างกายไม่ต้องการ ทำหน้าที่เหมือนคลังสะสมอาหารเพื่อเป็นพลังงานไปหล่อเลี้ยงและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย นับเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากของร่างกาย แต่หากเราดูแลร่างกายเราไม่ดีก็อาจทำให้เกิดโรคตับขึ้นได้ โดยโรคตับนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิด การดื่มเหล้า การทานยาบางชนิด ทั้งยาฆ่าเชื้อ ยาคุมกำเนิด และที่พบบ่อยก็คือไขมันพอกตับในผู้ที่เป็นโรคอ้วน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้อาจทำให้ตับอักเสบ และกลายเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ด้วย เคล็ดลับ 5 ประการที่จะช่วยให้เราห่างไกลมะเร็งตับมีดังต่อไปนี้ 1. ผู้ที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคตับควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และไปพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ ส่วนคนทั่วไปที่ยังไม่เป็นโรคตับก็ควรป้องกันตนเองจากอาการอักเสบ 2. ห่างไกลอาหารที่ปนเปื้อนสารพิษทั้งหลาย รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด เพราะอาจทำลายเซลล์ตับได้มากกว่าอวัยวะอื่น ๆ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงได้อีกก็คือของหมักดอง ที่อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค อาหารปิ้ง ๆ ย่าง ๆ หรือทอดน้ำมัน เพราะมีสารก่อมะเร็งเป็นจำนวนมาก อาหารที่มีไขมันสูงก็เช่นเดียวกัน และรวมไปถึงยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดข้อ ยาคุม ยาฆ่าเชื้อที่อาจส่งผลเสียต่อตับได้ 3. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม…