Tag: มะเร็ง
-
สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด
สรรพคุณมากคุณค่าของเห็ดหลากหลายชนิด ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเห็ด พืชที่ชอบขึ้นตามขอนไม้และที่ชื้นแฉะทั้งหลาย มีหลายสายพันธุ์ที่เป็นพิษ แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาทานได้ และสามารถเพาะพันธุ์ขายได้ด้วย มาดูกันดีกว่าค่ะว่าเห็ดแต่ละชนิดที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ให้คุณค่าต่อร่างกายอย่างไรกันบ้าง – เห็ดชิตาเกะ หรือเห็ดหอม เป็นยาทางแพทย์แผนจีน รักษาโรคได้หลากหลายชนิด ป้องกันเชื้อไวรัสและการก่อกำเนิดของเซลล์มะเร็งได้ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ให้กรดอะมิโน ให้วิตามินบี 1 บี 2 และวิตามินดีสูง บำรุงกระดูก มีปริมาณของโซเดียมต่ำจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดกรดในกระเพาะอาหาร บรรเทาหวัดได้ – เห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็ง โดยประเทศญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคชรา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น – เห็ดหูหนู ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาว เพิ่มภูมิต้านทาน รักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง บำรุงไตและปอด – เห็ดแชมปิญอง หรือเห็ดกระดุม ช่วยป้องกันและต้านทานมะเร็งเต้านมได้ ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลง จึงลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง – เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม และเห็ดเป๋าฮื้อ เป็นเห็ดในตระกูลเดียวกัน เชื่อว่าป้องกันโรคไข้หวัด ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และบรรเทาอาการโรคกระเพาะได้ –…
-
น้ำมันแต่ละชนิด มีคุณค่าต่อร่างกายอย่างไรบ้าง?
น้ำมันแต่ละชนิด มีคุณค่าต่อร่างกายอย่างไรบ้าง? เดี๋ยวนี้น้ำมันสำหรับปรุงอาหารมีให้เลือกมากมายหลายชนิดเลยนะคะ ซึ่งการเลือกซื้อมาปรุงอาหารบริโภคเนี่ยก็ควรศึกษาให้ดีก่อนค่ะว่าน้ำมันแต่ละชนิดนั้นเหมาะสำหรับทำอาหารชนิดใด ความร้อนในระดับใด และมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกายด้วย วันนี้เราจะมาเรียนรู้ไปด้วยกันค่ะ – น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดียวมากที่สุด จึงช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง มีวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีนสูง ทำให้ผิวหนังอ่อนเยาว์ ยืดหยุ่นตัวได้ดี ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ แต่ก็มีจุดเกิดควันที่ต่ำ จึงเหมาะสำหรับเป็นน้ำมันสลัด ไม่เหมาะสำหรับการทอด หรืออาหารที่ต้องผ่านความร้อน และมีราคาค่อนข้างสูงกว่าน้ำมันชนิดอื่น ๆ – น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน อุดมไปด้วยกรดไลโนเลอิก ช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ได้ มีวิตามินอีสูงด้วย จึงช่วยในเรื่องของผิวพรรณ แต่เมื่อโดนความร้อนจะเกิดอนุมูลอิสระได้ง่าย จึงเหมาะสำหรับการผัดอาหารที่ใช้ความร้อนเพียงปานกลาง – น้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติคล้ายน้ำมันมะกอก แต่มีราคาไม่แพง มีสารโอรีซานอลมากซึ่งไม่พบในน้ำมันพืชนิดอื่นนัก ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และลดระดับของคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยปรับสมดุลในสตรีวัยทองได้ดี – น้ำมันปาล์ม อุดมไปด้วยวิตามินอีและเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในระดับปานกลาง ทนความร้อนสูงได้มากกว่าน้ำมันชนิดอื่นจึงเหมาะสำหรับการทอดที่สุด แต่มีกรดไขมันอิ่มตัวและกรดไลโนเลอิกต่ำกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ อาจทำให้คอเลสเตอรอลสูงได้ – น้ำมันงา มีสารเซซามอลที่มีสรรพคุณช่วยชะลอความชรา ลดความดันโลหิตและการแพร่การจายตัวของเซลล์มะเร็งได้ ป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดหัวใจ บรรเทาอาการท้องผูกได้ด้วย
-
โทษของการกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
โทษของการกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เดี๋ยวนี้วัฒธรรมการกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เริ่มเข้ามาฮิตพร้อมกับที่อาหารญี่ปุ่นครองตลาดเมืองไทยนะคะ ลืมกันไปหมดสิ้นเลยว่าประเทศไทยเราเคยรณรงค์เรื่องการหลีกเลี่ยงอาหารที่สุก ๆ ดิบ ๆ กันมาก่อน เห่อตามไปกินของดิบแบบญี่ปุ่นกันจนหมด ทั้งจริง ๆ แล้วพิษภัยที่มาจากอาหารที่ปรุงไม่สุกนั้นก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย สารพิษจากเชื้อเหล่านี้ ทำให้มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสียได้ พบมากทั้งในลำไส้ของสัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมไปถึงอาหารทะเลและหอยหลายชนิดด้วย ยิ่งหากผู้ที่ได้รับเชื้อเป็นเด็ก คนชรา หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ รวมไปถึงผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำอย่างเป็นมะเร็งอยู่ ก็มีโอกาสที่จะทำให้อาการรุนแรงจนถึงเสียชีวิตได้ด้วย ดังนั้นควรทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ไม่ควรทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ และต้องปรุงด้วยอุณหภูมิสูงเกิน 100 องศา ก่อนปรุงต้องล้างน้ำให้สะอาดทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ทุกชนิด ล้างแยกกัน แยกเขียง แยกมีดด้วย หลังจากหั่นแล้วก็ควรทำความสะอาดอีกครั้งด้วย และเพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน ในส่วนของอาหารที่ปรุงสุกแล้วเมื่อตั้งให้เย็นแล้วยังไม่ได้ทานควรนำเข้าตู้เย็นภายในสี่ชั่วโมง เพราะหากตั้งไว้นานเกินอาจทำให้เชื้อโรคก่อนตัว หรือสร้างสารพิษขึ้นมาในช่วงนั้นได้ และหากจะนำมาทานใหม่ก็ควรอุ่นให้เดือดทั่วถึงอีกครั้ง ขอให้ทราบไว้ว่านอกจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสต่าง…
-
มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ
มาเดินเร็วเพื่อสุขภาพกันเถอะ การเดินนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสามระยะด้วยกันก็คือ… – เดินช้า ๆ ก็คือการเดินแบบสบาย ๆ เดินช้อปปิ้ง เดินชมนกชมไม้ เดินเล่นในสวนสาธารณะ ยังสามารถพูดคุยได้ตามปกติ หรือเดินร้องเพลงได้ – เดินเร็ว จะมีอัตราการเดินของคนปกติอยู่ที่ปราว 400-700 เมตรในเวลา 6 นาที เดินเร็วจะร้องเพลงหรือผิวปาก ฮัมเพลงไม่ได้แล้ว หากยังทำได้แสดงว่าเดินช้าไป แต่ถ้าเดินเร็วมากจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วนั่นคือเร็วเกิน – เดินแข่ง เป็นการเดินเพื่อการแข่งขัน จะเดินจนพูดไม่เป็นคำ พูดไม่รู้เรื่อง หอบเหนื่อย หายใจไม่ทัน เป็นกิจกรรมสำหรับสร้างความแข็งแรง ยืดหยุ่น ทนทานให้ร่างกาย เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคด้วย ซึ่งการเดินที่จะแนะนำในวันนี้ก็คือแบบที่สองนั่นเองค่ะ ควรเดินให้ได้ครั้งละ 10 นาที ในหนึ่งวันรวมให้ได้ 30 นาที และสัปดาห์ละ 5 วันขึ้นไปจึงจะเห็นผล มีประโยชน์มากต่อร่างกายเพราะช่วยควบคุมน้ำหนัก ควบคุมไขมัน คอเลสเตอรอล ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันกระดูกพรุนกระดูกบาง เพื่อความแข็งแกร่งทนทานของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังลดการเกิดโรคเบาหวานและอัตราการเป็นมะเร็งได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม…
-
สารพิษที่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายจากบุหรี่
สารพิษที่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายจากบุหรี่ เหตุผลที่การสูบบุหรี่เป็นการทำลายสุขภาพนั้นก็เป็นเพราะว่าในควันบุหรี่ประกอบไปด้วยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และมีสารก่อมะเร็งไม่ต่ำกว่า 42 ชนิด ซึ่งสารสำคัญที่อันตรายมากได้แก่ – คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นสารที่ทำให้เม็ดเลือดไม่สามารถจับออกซิเจนได้เท่ากับเวลาปกติ หากได้รับมากเกินไปจะทำให้ขาดออกซิเจน มึนงง วิงเวียน เหนื่อยง่าย ตัดสินใจช้าและทำให้เกิดโรคหัวใจได้ – นิโคติน เป็นสารระเหยในบุหรี่ มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดการหลั่งอิพิเนฟริน จึงทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วและไม่เป็นจังหวะ หลอดเลือดที่แขนขาหดตัว ทำให้มีไขมันในเส้นเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งก้นกรองที่บุหรี่ไม่ได้ช่วยกรองนิโคตินให้ลดลงแต่อย่างใดเลย – ทาร์ หรือน้ำมันดินนี้จะเป็นคราบข้นเหนียวสีน้ำตาลแก่จากการเผาไห้ของกระดาษและใบยาสูบ เป็นสารก่อมะเร็งหลายชนิด และกว่าครึ่งของน้ำมันดินจะจับที่ปอดทำให้ไอเรื้อรัง มีเสมหะ ในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดนั้นกว่าร้อยละ 90 เป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่มากเกินวันละ 1 ซองนั้นจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าปกติถึง 5-20 เท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจ ไอเรื้อรัง ไอถี่จนนอนไม่ได้ สารทาร์ยังทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง ทำให้หายใจขัดและหอบ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ไม่เพียงเท่านั้น การสูบบุหรี่ยังทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร ความดันโลหิตสูง ตับแข็ง โรคปริทนต์ โพรงกระดูกอักเสบ หลอดลมอักเสบ โรคหัวใจ…
-
ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น
ยิ่งสูบบุหรี่ยิ่งเพื่อความเสี่ยงติดเชื้อวัณโรคได้มากเท่านั้น การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแทบทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ ปอด กล่องเสียง ทำให้เกิดมะเร็งได้แทบทุกส่วนดังกล่าว เรื่องไปจนถึงมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะและมะเร็งในระบบอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อวัณโรคได้อีกด้วย เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เม็ดเลือดขาวตายเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงมีภูมิต้านทานลดลง อีกทั้งสารพิษจากควันบุหรี่จะทำลายเนื้อปอด การขจัดเชื้อโรคของเยื่อบุหลอดลมและปอดอ่อนแอ หากผู้สูบบุหรี่ได้รับเชื้อวัณโรคที่อาจปลิวปะปนในอากาศก็อาจติดเชื้อจนกลายเป็นวัณโรคได้ แม้จะเป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่และเลิกสูบแล้วก็ตาม ก็ยังพบว่าติดเชื้อวัณโรคได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่เคยสูบเลยอยู่ดี ยิ่งเคยสูบมานานเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากเท่านั้น พบว่าผู้ที่เสียชีวิตจากวัณโรคเป็นผู้ที่เคยสูบบุหรี่ แม้แต่เด็กเล็กที่อยู่ในบ้านที่มีผู้สูบบุหรี่ก็อัตราความเสี่ยงที่จะติดเชื้อวัณโรคมากกว่าเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมทั่วไปด้วย ในส่วนของผู้ป่วยวัณโรคนั้น หากหยุดสูบบุหรี่ ก็จะช่วยให้ร่างกายตอบสนองการรักษาทางการแพทย์ได้ดีขึ้น โรคจะหายเร็วขึ้น อาการไอจะลดลงอย่างรวดเร็ว อัตราการแพร่เชื้อสู่คนใกล้ชิดก็จะพลอยลดลง เนื้อปอดที่ถูกทำลายจากเชื้อวัณโรคจะลดน้อยลง โรคจึงหายเร็วและเป็นปกติได้ในเร็ววัน ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้เป็นวัณโรคแต่อยากเลิกบุหรี่นั้น ก็ขอให้ทำใจให้เข้มแข็ง แล้วเลิกให้หมดก่อนที่ร่างกายจะเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน ทานผักผลไม้ให้มากกว่าเนื้อสัตว์และของมัน ๆ งดเหล้า หรือเข้าร่วมวงที่มีคนสูบบุหรี่ด้วย แล้วปอดท่านจะแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ
-
สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้
สวดมนต์ช่วยเยียวยารักษาโรคได้ การสวดมนต์นั้นเป็นเครื่องช่วยนำสู่สมาธิได้ ทำให้ผู้สวดจดจ่ออยู่กับบทสวด ใจไม่ฟุ้งไปที่อื่นจึงเกิดสมาธิได้ง่ายมาก เมื่อร่างกายเข้าสู่สมาธิจะหลั่งสารที่กระตุ้นระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้จิตใจและร่างกายมีความผ่อนคลาย สร้างภูมิต้านทานได้ดีขึ้น เมื่อเจ็บป่วยก็จะดีขึ้นตามลำดับ ช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วยและเยียวยารักษาโรคได้มากมายไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน ซึมเศร้า มะเร็ง ไมเกรน ออทิสติก โรคอ้วน นอนไม่หลับ พาร์กินสัน ฯลฯ ซึ่งสามารถทำได้หลายแบบได้แก่ 1. สวดมนต์ด้วยตนเอง อาจตื่นมาสวดตอนเช้าหรือก่อนเข้านอน แต่ไม่ควรสวดหลังกินอาหารทันที อาจสวดบทสั้น ๆ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสารซีโรโทนินออกมา หากสวดบทยาวจะช่วยให้ผ่อนคลายและเกิดความศรัทธา ขณะสวดมนต์ให้หลับตาสวดให้เกิดเสียงดังให้ตัวเองได้ยิน 2. การสวดให้ผู้อื่นฟัง อาจเป็นการฟังพระสวด หรือเปิดเทปฟัง ยิ่งหากผู้สวดมีสมาธิ เสียงจะนุ่มและทุม ทำให้เกิดคลื่นที่ช่วยเยียวยาผู้ฟังได้ แต่หากผู้สวดไม่มีสมาธิหรือไม่มีความเมตตาจะไม่ช่วยเยียวยาอาการป่วยเลย 3. การสวดมนต์ให้แก่ผู้อื่น เป็นการส่งความปรารถนาดีไปสู่ผู้ป่วยจากคลื่นที่เป็นบวก เมื่อเราคิดจะส่งสัญญาณนี้ออกไปสู่ที่ไกล ๆในรูปของคลื่นไฟฟ้า ช่วยเยียวยารักษาผู้อื่นได้ บทสวดมนต์นั้นมีอยู่มากมาย สามารถเลือกบทที่ชอบสวดได้ตามต้องการ เลือกบทที่สวดแล้วสบายใจอย่างอิติปิโสก็ได้ แล้วสวดเท่าอายุ หรือหากต้องการให้ตัวเองหรือผู้อื่นหายเจ็บป่วย นิยมสวดโพชฌงค์เจ็ด ซึ่งมีความแตกต่างจากบทอื่น…
-
อันตรายในห้องน้ำที่ทำให้คุณป่วยซ้ำ ๆ ป่วยบ่อย ๆ
อันตรายในห้องน้ำที่ทำให้คุณป่วยซ้ำ ๆ ป่วยบ่อย ๆ ใครที่มีอาการเจ็บป่วยบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ บางทีลองมาสังเกตห้องน้ำของคุณบ้างนะคะ ว่ามีเชื้อโรคร้ายแฝงอยู่บ้างหรือเปล่า ลองมาเช็คดูไปพร้อม ๆ กันนะคะ 1. ยาแนวในห้องน้ำทำให้เกิดโรคภูมิแพ้และระบบทางเดินหายใจ หากสูดดมในปริมาณมาก อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนัง ดังนั้นหลังจากการก่อสร้างบ้านหรือต่อเติมซ่อมแซมห้องน้ำ ควรเปิดประตู หรือพัดลมระบายอาการเพื่อระบายความเข้มข้นของสารเคมีจากยาแนวเหล่านี้ออกไปให้มากที่สุด 2. ความชื้นในห้องน้ำทำให้คุณป่วยได้ ไม่ควรปล่อยให้ห้องน้ำชื้น ควรเปิดพัดลมดูดอากาศและใช้ม๊อบถูกพื้น เช็คห้องน้ำให้หมาดหรือแห้งได้ก็จะยิ่งดี ป้องกันการก่อตัวของเชื้อราด้วย 3. ติดตั้งพัดลมดูดอากาศผิดตำแหน่ง เช่นติดไว้บนเพดาน ทำให้ความชื้นไม่ถูกระบายออกไป ทางที่ดีควรติดพัดลมระบายอากาศที่สามารถระบายอากาศสู่ภายนอกได้จะดีที่สุด 4. ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง ยิ่งโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียและคลอรีน เพราะสารทั้งสองชนิดทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ปอด และทำให้เกิดโรคหอบหืดได้ด้วย 5. ก๊อกน้ำไม่สะอาดหรือไม่ยอมทำความสะอาด แพร่เชื้อโรคได้มากที่สุดนะคะ เพราะก็อกน้ำเป็นส่วนที่ทุกคนในบ้านจับต้องมากที่สุดแต่มักได้รับการทำความสะอาดน้อยที่สุดด้วย 6. ม่านห้องน้ำแบบไวนิล มีสารที่ก่ออันตรายและสารก่อมะเร็งได้ ควรเปลี่ยนมาเป็นแบบโพลีเสเตอร์หรือไนลอนดีกว่า 7. น้ำยาทำความสะอาดสำเร็จรูปที่มีความสามารถในการกัดเซาะได้ดีนั้น จะทำความรุนแรงต่อผิวและกลิ่นฉุน ๆ ยังระคายเคืองทางเดินหายใจได้อีก ลองเปลี่ยนมาใช้เบกกิ้งโซดาซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ทำความสะอาดห้องน้ำดีกว่า นำสองอย่างนี้มาผสมกันแล้วป้ายไว้บนสิ่งสกปรกประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วขัดล้างตามปกติ จะปลอดภัยต่อสุขภาพของคุณมากกว่าค่ะ 8. ควรกรองคลอรีนออกจากน้ำด้วย…
-
เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า
เช็คตัวเองว่ามีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับบ้างหรือเปล่า? มะเร็งตับเป็นมะเร็งที่ไม่ค่อยตรวจพบในระยะแรกเท่าไร แต่ผู้ป่วยมักไปพบแพทย์ก็ตอนที่เป็นในระยะท้าย ๆ แล้ว อีกทั้งยังเป็นมะเร็งที่มีระยะฟักตัวนานอีกด้วย และมีปัจจัยหลายประการในการทำให้เป็นมะเร็งตับขึ้นมาได้ วันนี้มาลองตรวจสอบตัวเองกันดูว่าคุณเข้าข่ายว่าจะเป็นมะเร็งตับบ้างหรือเปล่านะคะ ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้แก่ – เพศชายจะมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศหญิง เพราะพฤติกรรมบางประการเช่น ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่มากกว่า – ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ ชาวเอเชีย ชาวอเมริกา ชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีโฮกาสเป็นมะเร็งตับสูงกว่า – ผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตับแข็ง ก็สามารถเป็นโรคมะเร็งตับได้เช่นกัน เชื้อนี้สามารถติดต่อกันได้ทั้งทางเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยา และการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ รวมไปถึงการรับเลือดบริจาคด้วย – เป็นโรคตับแข็ง เพราะเซลล์ตับจะถูกทำลายและเหลือรอยแผลไว้ มักเกิดจากการดื่มแอกอฮอล์, เป็นไวรัสตับอักเสบบีและซี รวมไปถึงภาวะมีธาตุเหล็กในร่างกายมากเกินไป จะพัฒนาสู่การเป็นมะเร็งตับได้ – ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาก โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากหรือมีภาวะตับอักเสบร่วมด้วย – ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ก็เสี่ยงเช่นกัน – มักได้รับสาร Aflatoxine เป็นเวลานาน ซึ่งสารนี้คือเชื้อราที่อยู่ในพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ ทั้งข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วลิสง เป็นต้น – เป็นผู้ที่ได้รับสาร Vinyl…
-
รักษาจิตใจไว้ในแดนบวก ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้
รักษาจิตใจไว้ในแดนบวก ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ โรคมะเร็ง เป็นโรคที่ทำให้เรานึกถึงความตายและความทุกข์ทรมาน เป็นส่วนใหญ่นะคะ ในปัจจุบันนี้คนเป็นมะเร็งก็เพิ่มขึ้น ๆ ทุกวันด้วย ปัจจัยในการเป็นมะเร็งเกิดขึ้นได้หลากหลายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อากาศ มลพิษต่าง ๆ กรรมพันธุ์ รวมไปถึง ความเครียดด้วย และความเครียดนี่ล่ะค่ะที่เป็นอีกตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายเราเจ็บป่วย และเป็นมะเร็ง ความเครียดเกิดจากจากอารมณ์ด้านลบหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น ความโกรธ ความเกลียด ความชิงชัง ความริษยา ความหงุดหงิด ความอยาได้อยากมี ฯลฯ เหล่านี้มีผลต่อสุขภาพร่างกายของเราทั้งสิ้น การที่อารมณ์มีผลต่อสุขภาพของเรา เพราะทุกระบบของร่างกายมนุษย์นั้นเชื่อมโยงถึงกัน จิตใจดีจะทำให้ระบบภูมิต้านทานดีขึ้น ผู้ที่มีภูมิต้านทานดีก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง เมื่อเจ็บป่วยก็จะหายเร็วกว่าคนที่มีแต่ความเคร่งเครียด ท้อแท้ สิ้นหวัง เวลาร่างกายมีความเครียดนั้นเส้นเลือดฝอยจะหดตัวลง เนื่องจากระบบประสาทซิมพาเทติกถูกกระตุ้น อวัยวะที่เกี่ยวเนื่องกับภูมิคุ้มกันจะลดความไวลง ผู้ที่มีความเครียดนาน ๆ จะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงกว่าปกติ จึงเป็นสาเหตุให้เสี่ยงต่อการก่อตัวของมะเร็งร้ายได้ง่ายขึ้น ยิ่งผู้ป่วยมีจิตใจที่ห่อเหี่ยว สิ้นหวัง ก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอมากยิ่งขึ้น โรคจึงลุกลามได้ไปง่ายยิ่งขึ้นด้วย ในด้านของฝึกฝนจิตใจเพื่อลดความเจ็บปวดจากมะเร็งนั้น ทางตะวันตกจะเน้นให้ผู้ป่วยใช้เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จะได้ลดความเจ็บปวดลง ใช้เทคนิคการสร้างจินตภาพเพื่อเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยขจัดเซลล์มะเร็ง ฝึกลดความโกรธ ลดอารมณ์ที่ขุ่นมัวลงไป มองโลกในแง่ดีมากขึ้น ให้อภัยและปล่อยวาง…