Tag: ปอดอักเสบ

  • ดูแลลูก ๆ ให้ห่างไกลจากโรคหูอักเสบในฤดูฝนนี้

    ดูแลลูก ๆ ให้ห่างไกลจากโรคหูอักเสบในฤดูฝนนี้

    ดูแลลูก ๆ ให้ห่างไกลจากโรคหูอักเสบในฤดูฝนนี้ ในช่วงหน้าฝนจะเป็นฤดูที่เด็ก ๆ มักมีความเสี่ยงเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบมากกว่าฤดูอื่นของประเทศไทย ซึ่งมักมาพร้อมกับโรคหวัดในหน้าฝน  หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้ลุกลามจนกลายเป็นโรคหูหนวกได้ในอนาคต  กลุ่มที่น่าเป็นห่วงก็คือเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ จากสถิติแล้วกว่าร้อยละ 80 นั้นเคยเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ซึ่งสาเหตุของโรคหูชั้นกลางอักเสบนี้เกิดจากการติดเชื้ไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย แล้วเกิดการอักเสบและบวมแดงของแก้วหู  จนเกิดเป็นน้ำหรือหนองในเยื่อแก้วหู  บางรายที่รุนแรงก็ทำให้เยื่อแก้วหูฉีกขาดได้  เด็กที่มีความเสี่ยงมากนอกจากจะเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบแล้ว ยังเป็นเด็กที่อยู่ในโรงเรียนอนุบาล หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก รวมไปถึงเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ ไม่แข็งแรง ป่วยง่าย ติดเชื้อโรคหวัด คออักเสบ หรือโพรงจมูกอักเสบมาจากเพื่อน ๆ  ช่วงที่ติดต่อกันได้ง่ายก็คือหน้าฝน ที่ทำให้เยื่อบุในท่อยูสเตเชี่ยนที่เชื่อมต่อระหว่างูไปยังคอและโพรงจมูกเกิดการบวมและคั่งน้ำ  ทำให้เกิดแรงดันในหูมากขึ้น จนเชื้อแพร่กระจายเข้าสู่หูชั้นกลางได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ส่วนมากอาการเหล่านี้จะดีขึ้นในระยะไม่เกิน 5 วัน  แต่ในรายที่รุนแรงเชื้ออาจเข้าไปยังสมองทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือฝีในสมอง  ซึ่งนอกจากนี้หากเชื้อพลัดหลงเข้าไปในกระแสเลือดยังทำให้เกิดโรคติดเชื้อในกระแสเลือดได้อีก  หากลุกลามไปยังปอดก็ทำให้ปอดอักเสบรุนแรงได้  ซึ่งการรักษาจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นและเด็กบางรายก็มีโอกาสเสียชีวิตด้วย การป้องการเชื้อเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองและคุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจให้มาก  การป้องกันตั้งแต่ทารกก็คือให้ลูกกินนมแม่เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง  ทานอาหารที่เหมาะสมกับภัย และเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนให้ครบ  รวมไปถึงวัคซีนไอพีดีพลัสปอด-หูอักเสบ  ซึ่งช่วยป้องกันโรครุนแรงอันกได้แก่ โรคไอพีดี ปอดบวม โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือดแล้วยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็กเล็กด้วย สำหรับในฤดูฝนนี้คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเด็ก…

  • ปรับพฤติกรรมเปลี่ยนนิสัย ห่างไกลโรคกรดไหลย้อน!!!

    ปรับพฤติกรรมเปลี่ยนนิสัย ห่างไกลโรคกรดไหลย้อน!!!

    ปรับพฤติกรรมเปลี่ยนนิสัย ห่างไกลโรคกรดไหลย้อน!!! เดี๋ยวนี้การใช้ชีวิตในปัจจุบันต่างก็สร้างปัญหาความเครียดขึ้นได้ง่าย ๆ ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ กับร่างกายอย่างไม่อาจหาที่มาได้  และหนึ่งในโรคนั้นก็คือโรคกรดไหลย้อนด้วย  โดยโรคนี้นั้นคือภาวะที่เกิดน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกรดจากในกระเพาะอาหาร  แต่มีบ้างอยู่เหมือนกันที่เป็นด่างจำลำไส้เล็ก  เมื่อกรดไหลย้อนขึ้นมาอาจทำให้เกิดอาการหลอดอาหารอักเสบหรือไม่ก็ได้  ซึ่งสาเหตุของโรคนี้มีได้หลายแบบ เช่น  หลอดอาหารเกิดการคลายโดยโดยไม่ยังไม่กลิน  หรือ ความดันจากหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายลดต่ำลงกว่าปกติ  หรือแม้กระทั่งเกิดการเลื่อนของกระเพาะอาหารเข้าในหลอดอาหารก็ได้  กรดจึงไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมากขึ้น  ทำให้กระเพาะอาหารหรือหลอดอาหารบีบตัวผิดปกติ  แล้วยังอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดและมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมด้วย โรคนี้พบได้ในทุกช่วงอายุ  โดยเฉพาะผู้ที่พฤติกรรม เช่น อ้วน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กำลังตั้งท้อง เป็นเบาหวาน  เป็นโรคผิวหนังแข็ง ฯลฯ  แล้วยังเกิดจากผู้ที่ใช้ยาลดความดันโลหิตหรือยาต้านโรคซึมเศร้าได้อีกด้วยเช่นกัน  สำหรับเด็กนั้นพบได้ทุกวัน  โดยจะสังเกตเห็นอาการได้คือ มักจะมีการอาเจียนหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย  หอบหืด ไอเรื้อรัง ปอดอักเสบเรื้อรัง  และอาจมีอาการหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย อาการของโรคกรดไหลย้อนนี้ จะมีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ไล่ขึ้นมาถึงหน้าอก และถึงคอ  มักกำเริบขึ้นมาในช่วงหลังอาหารมื้อหนัก  การยกของหนัก การนอนหงาน การโน้มตัวไปข้างหน้า  รวมทั้งมีอการเรอเปรี้ยวด้วย  ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสองอย่างก็ได้  ซึ่งการรักษานั้นจะทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นด้วยการรักษาแผลในหลอดอาหารและป้องกันผลแทรกซ้อน  ให้คำปรึกษาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  การให้ยา การส่องกล้อง การรักษาและผ่าตัด …

  • แพทย์เตือนภัยจากสงกรานต์ สาดน้ำเปียกเสี่ยง 5 โรค

    แพทย์เตือนภัยจากสงกรานต์ สาดน้ำเปียกเสี่ยง 5 โรค

    แพทย์เตือนภัยจากสงกรานต์ สาดน้ำเปียกเสี่ยง 5 โรค เทศกาลสงกรานต์ นับเป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทย ส่วนมากคนไทยมักจะกลับไปกราบไหว้ รดน้ำดำหัว ผู้ใหญ่ เพราะถือเป็นวันปีใหม่ของไทย และยังเป็นเทศกาลเล่นน้ำคลายร้อนอย่างสนุกสนาน แต่จะรู้หรือไม่ว่า มีอันตรายจากโรคต่างๆ ที่จะตามมาทีหลังได้จากการเล่นน้ำสงกรานต์ แล้วยิ่งเป็นน้ำที่ไม่สะอาดด้วยแล้วหละก็ ยิ่งไปตัวนำของโรคที่จะเข้าสูร่างกายเราได้ผ่าน ทาง ตา หู จมูก ปาก หรือแม้กระทั่งการสัมผัส ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสต่างๆ ยิ่งในช่วงอากาศร้อนอบอ้าวด้วยแล้ว ความเสี่ยงในการเกิดโรคก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคอะไรบ้างที่มากับอากาศร้อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเตรียมตัวในการรับมือได้อย่างถูกวิธี 1.โรคอาหารเป็นพิษ โรคท้องร่วง โรคอหิวาตกโรค โรคไวรัสตับอักเสบเอ เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศร้อนและแห้งเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคโดยเฉพาะแบคทีเรียส่งผลให้อาหารที่ทำออกมารับประทานนั้นอาจบูดเสียได้ง่าย โดยเฉพาะพวกแกงที่มีส่วนผสมของกะทิหรือนมด้วยแล้ว รวมถึงการทานอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาดปนเปื้อนเชื้อโรค อาจทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน แต่หากมีภาวะขาดน้ำรุนแรงจะทำให้เกิดภาวะช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้ 2.โรคไข้หวัดและปอดอักเสบ เนื่องจากการเล่นน้ำสงกรานต์ทำให้ร่างกายเปียกชื้นเป็นเวลานาน ยิ่งในต่างจังหวัดมีการเล่นติดต่อกันตั้งแต่เช้าถึงเย็นด้วยแล้ว ควรต้องระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำและในกลุ่มเด็ก ไม่ควรสาดแรงจนเกินไปอาจทำให้สำลักน้ำ จนกลายเป็นที่มาของโรคปอดอักเสบได้ หากรู้สึกมีไข้หรือไม่สบายควรงดเล่นน้ำทันที เพราะจะทำให้อาการยิ่งรุนแรงมากขึ้น 3.โรคตาแดง เป็นอีกโรคที่พบบ่อย เมื่อเราเล่นน้ำแล้วน้ำที่ไม่สะอาดที่มีเชื้อโรคปะปน เช่น น้ำในคลอง น้ำบาดาล หากน้ำกระเด็นเข้าตาและมือเราที่ไม่สะอาดอาจไปขยี้ตาก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบบวมแดงขึ้นมาได้ ถ้ามีอาการเคืองตา…

  • อัตราความเสี่ยง โรคปอดอักเสบสูงขึ้น ในผู้สูงอายุ

    อัตราความเสี่ยง โรคปอดอักเสบสูงขึ้น ในผู้สูงอายุ

    อัตราความเสี่ยง โรคปอดอักเสบสูงขึ้น ในผู้สูงอายุ ปัจจุบันโรคปอดอักเสบ พบมากขึ้นในผู้สูงอายุ แพทย์ชี้ ให้รีบเข้ารับการบำบัด หากผู้สูงอายุได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ภายใน 24 ชม. นายเนลสัน แมนเดลล่า อดีตประธานาธิบดีของอาฟริกาใต้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลเมื่อต้นเดือนมิถุนายนจากการติดเชื้อในปอด ซึ่งหวนกลับมาหลายครั้งนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เขาเริ่มมีปัญหาเรื่องการติดเชื้อและปอดอักเสบระหว่างที่ถูกจำคุกอยู่ 27 ปีในช่วงที่อาฟริกาใต้มีรัฐบาลซึ่งใช้นโยบายแบ่งแยกกีดกันผิว อย่างไรก็ตามนายแพทย์ Bohdan Pichurko ผู้เชี่ยวชาญที่ Cleveland Clinic ได้ชี้ว่า สาเหตุของการติดเชื้อในปอดนี้อาจมาจากทั้งเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียก็ได้ และการติดเชื้อบ่อยครั้งจะทำให้ปอดของผู้ป่วยสูงอายุอ่อนแอลง รวมทั้งสร้างปัญหากดดันต่อระบบอวัยวะอื่นของร่างกาย เช่น ตับ ไต และทำให้อาการเบาหวานแย่ลงด้วย ผู้ป่วยสูงอายุมีความเสี่ยงสูงจากโรคดังกล่าวเพราะเชื้ออาจดื้อยา อย่างไรก็ตามถึงแม้อายุจะเป็นปัจจัย แต่เรื่องที่สำคัญกว่าคือผู้สูงอายุควรเลี่ยงโอกาสการติดเชื้อจากไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด และควรเข้ารับการบำบัดภายใน 48 ชั่วโมงทันทีหากได้รับเชื้อเข้าไป