Tag: โรคมะเร็ง
-
“ถั่ว” สามารถลดความเสี่ยงต่อการเสียวิตได้จากหลายโรค
“ถั่ว” สามารถลดความเสี่ยงต่อการเสียวิตได้จากหลายโรค นักวิจัยพบว่าการรับประทานถั่วสามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้จากหลายโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งรับประทานเกือบทุกวัน ปริมาณประมาณหนึ่งฝ่ามือ นักวิจัยยังพบอีกว่า การทานถั่วอัลมอนด์ เฮเซลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัท นั้น ให้ผลดีต่อสุขภาพทั้งนั้น นักวิจัยยังพบอีกว่า คนที่รับประทานถั่วในปริมาณที่เหมาะสมนั้น ยังช่วยยืดอายุและสุขภาพร่างกายไปมากกว่า คนที่ไม่ได้รับประทานถั่วเลย การรับประทานถั่วประมาณ 28 กรัม 5 วันต่อสัปดาห์ ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชัวิต หรือเป็นโรคหัวใจ 29% และนอกจากนั้นยังลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตและสึขภาพจากโรงมะเร็ง 11% การศึกษาก่อนหน้านี้ชี้ว่า การทานถั่วช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเบาหวาน มะเร็งสำไส้ใหญ่ นิ่วในถุงน้ำดี และ ลำไส้ใหญ่อักเสบด้วย ถั่วชนิดต่างๆ มีสารอาหารที่สำคัญ เช่นโปรตีนคุณภาพสูง วิตามินหลายชนิด แร่ธาตุ ซึ่งต่างก็ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งและการทำงานผิดปกติของเซลล์ นอกจากนั้นยังอาจป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย การศึกษาชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine
-
การแต่งงาน สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น
การแต่งงาน สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น รายงานจากมหาวิทยาลัย Brigham Young ในสหรัฐ สรุปว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนสนิท เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงานและสมาชิกในครอบครัว จะช่วยเพิ่มโอกาสของการมีอายุยืนยาวได้ถึง 50% โดยรายงานชิ้นนี้เปรียบเทียบผู้ที่ขาดความสัมพันธ์กับคนรอบข้างว่า มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่วันละ 15 มวน หรือผู้ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง รายงานอีกชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษระบุว่า การที่ผู้ชายได้พบเจอเพื่อนฝูงเป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้มีร่างกายแข็งแรงขึ้น โดยรายงานชิ้นนี้เจาะจงด้วยว่าการพบปะในหมู่เพื่อนฝูงผู้ชายอย่างมีนัยสำคัญ คือมีการพบปะอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งและต้องมีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างน้อย 4 คนขึ้นไป จะช่วยให้ร่างกายของคุณผู้ชายแข็งแรงขึ้นได้ รายงานจากสถาบันโรคมะเร็ง Dana-Farber ค้นพบว่าคนที่แต่งงานแล้ว มีโอกาสรอดชีวิตจากโรคมะเร็งมากกว่าคนโสดหรือคนที่หย่าร้าง โดยได้เก็บข้อมูลจากผู้ป่วยโรคมะเร็ง 700,000 คน พบว่าคนที่แต่งงานแล้วมีโอกาสตรวจพบมะเร็งได้เร็วกว่าคนโสด ทำให้สามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า เคล็ดลับเรื่องนี้คือคู่สามีภรรยานั้นมักจะกระตุ้นกันและกันให้ไปตรวจร่างกายเป็นประจำมากกว่าคนที่ยังไม่มีคู่ นอกจากนี้รายงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย Rice กับมหาวิทยาลัยรัฐ Pennsylvania ชี้ว่า คนที่หย่าร้างมีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ป้องกันได้มากกว่าคนที่แต่งงานอยู่ถึง 2 เท่า เช่นเหตุไฟไหม้ การถูกสารพิษ หรือการสูดดมควันพิษภายในบ้าน รายงานชิ้นนี้สรุปว่าคู่สามีภรรยามักจะคอยตักเตือนและระวังภัยให้กันและกัน รวมถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ รายงานจากมหาวิทยาลัย Michigan ระบุว่าคูสมรสที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีโอกาสสูงที่ชีวิตสมรสจะแข็งแรงตามไปด้วย…
-
แม้ทัศนคติของคนจะเปลี่ยนไป แต่บุหรี่ ยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเสียชีวิตทั่วโลก
แม้ทัศนคติของคนจะเปลี่ยนไป แต่บุหรี่ ยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเสียชีวิตทั่วโลก ควันบุหรี่ ต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์ บ่งชี้มให้เห็นถึงการเป็นโรคมะเร็งปอดและโรคหัวใจ ซึ่งสาเหตุนี้ทำให้ในหลายๆประเทศ เกิดการปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ เพื่อช่วยลดการเสียชีวิตกันมากขึ้น ในสหรัฐ มีกฏหมายหลายฉบับที่ควบคุมการสูบบุหรี่ และป้องกันผู้ไม่สูบบบุหรี่ จากการสูดอากาศที่มีสารพิษจากควันบุหรี่ นอกเหนือจากกฏหมายควบคุมแล้ว ทัศนคติของคนทั่วไป ต่อการสูบบุหรี่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทั้งในคนที่สูบบุหรี่และคนที่ไม่สูบบุหรี่ นักวิจัยพบว่าการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ในระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา แต่หากไม่มีมาตรการควบคุมการสูบบุหรี่ น่าจะมีคนอเมริกันที่เสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นอีกราว 8 ล้านคน หลายประเทศมีกฏหมายบังคับให้มีการติดฉลากบนซองบุหรี่และระบุว่าจุดใดที่อนุญาตให้สูบบุหรี่ได้หรือจุดใดเป็นจุดปลอดบุหรี่ การบังคับใช้มาตราการเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศที่คนส่วนใหญ่สูบบุหรี่ อาทิ ตุรกี และ รัสเซีย การสูบบุหรี่ยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่ป้องกันได้สาเหตุหลักทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) รายงานว่าคนอย่างน้อยสองในสามของประชากรโลกไม่ได้รับการปกป้องจากควันพิษจากบุหรี่
-
แพทย์ ชี้แจง การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อชีวิตกว่าที่คิดไว้
แพทย์ ชี้แจง การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อชีวิตกว่าที่คิดไว้ แพทย์ชี้แจงว่า การสูบบุหรี่เป็นตัวก่อให้เกิดโรคเบาหวาน มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ และการสูบบุหรี่มีผลก่อให้เกิดความบกพร่องแก่ทารกในครรภ์ ในปี 2507 แพทย์สหรัฐรายงายว่า การสูบบุหรี่มีผลเสียต่อสุขภาพ และช่วยกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปอดและหัวใจ และปัจจุบันใน 50 ปีให้หลัง แพทย์ได้ออกรายงานฉบับใหม่ นำเสนอเพิ่มว่าบุหรี่ มีผลเสียต่อสุขภาพมากขึ้น แพทย์กล่าวว่าในเรื่องนี้ อยากให้ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ทุกคนต้องเข้าใจถึงความเกี่ยวโยงระหว่างสุขภาพกับการสูบบุหรี่เสียก่อน รายงานนี้เร่งเร้าให้เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการต่างๆ ที่ใช้ในการควบคุมการสูบบุหรี่ ซึ่งรวมทั้งการเพิ่มราคาบุหรี่และขยายมาตรการห้ามสูบบุหรี่ในตัวอาคารให้ใช้กันอย่างเเพร่หลายรายงานประจำปีพุทธศักราช 2557 นี้ ยังเร่งเร้าให้นักวิจัยทำการศึกษาดูว่าการลดปริมาณสารนิโคตินในบุหรี่สามารถช่วยผู้สูบบุหรี่ เลิกบุหรี่ได้หรือไม่ นอกจากนี้รายงานชิ้นนี้ยังมีข้อมูลใหม่ๆ อีกด้วย แพทย์ใหญ่สหรัฐยังกล่าวด้วยว่า การสูบบุหรี่มีผลกระทบต่อระบบภูมิต้านทานในร่างกายทำให้ผู้สูบบุหรี่ติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และสำหรับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ รายงานชิ้นใหม่นี้ชี้ว่าเเม้คุณไม่สูบบุหรี่แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองอุดตันจากสารพิษในควันบุหรี่ที่มาจากผู้สูบบุหรี่ที่อยู่ใกล้ชิดรายงานผลการวิจัยชิ้นล่าสุดจากรักษาการแพทย์ใหญ่สหรัฐนี้ ยังชี้ถึงผลเสียอันตรายต่อทารกในครรภ์ด้วยโดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่ ทารกมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคปากแหว่งและเพดานโหว่ นอกจากนี้สารพิษในควันบุหรี่ยังมีผลเสียอย่างถาวรต่อการพัฒนาทางสมองของทารกในครรภ์ รักษาการแพทย์ใหญ่สหรัฐชี้ว่าอยากให้ราคาบุหรี่สูงขึ้น มีการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น เพิ่มการบริการช่วยเหลือผู้ต้องการเลิกบุหรี่และเน้นการป้องกันไม่ให้เด็กวัยรุ่นสูบบุหรี่
-
ค้นพบวิธีบำบัดมะเร็งแบบใหม่ ด้วยการใช้โปรตีนพิฆาตกำจัดเซลล์มะเร็งในผู้ป่วย
ค้นพบวิธีบำบัดมะเร็งแบบใหม่ ด้วยการใช้โปรตีนพิฆาตกำจัดเซลล์มะเร็งในผู้ป่วย ทีมนักวิจัยในสหรัฐเชื่อว่าพวกเขาค้นพบวิธีบำบัดมะเร็งด้วยโปรตีนพิฆาตที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งลง การผ่าตัด การบำบัดด้วยรังสีและเคมีบำบัดมักได้ผลในการบำบัดผู้ป่วยมะเร็งในระยะเริ่มต้นหรือก่อนที่มะเร็งจะแพร่กระจายไปยังจุดอื่นของร่างกาย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าหากมะเร็งเเพร่ไปยังอวัยวะอื่นๆ โอกาสการบำบัดให้หายขาดมีน้อยมาก ขณะนี้ ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Cornell University ในมหานคร New York ได้ค้นพบโปรตีนชนิดหนึ่งที่พวกเขาตั้งชื่อให้ว่า TRAIL ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกายผู้ป่วย คุณ Mike King เป็นหัวหน้าทีมงานที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่วิศวกรรมชีวการแพทย์ได้ฉีดโปรตีนพิฆาตชนิดนี้เข้าไปในเม็ดเลือดขาวในระบบภูมิต้านทานร่างกายเพื่อให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายและทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง โปรตีนพิฆาตฉีดเข้าไปในกระเเสเลือดช่วยให้ตัวโปรตีนไปเกาะบนเม็ดเลือดขาวและไหลเวียนไปได้ทั่วร่างกายพร้อมกับเซลล์เม็ดเลือดขาว และเมื่อโปรตีนพิฆาตนี้ไปสัมผัสกับเซลล์มะเร็งที่ไหลเวียนอยู่ในกระเเสเลือด โปรตีนพิฆาตก็จะกำจัดเซลล์มะเร็งให้ตายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทีมนักวิจัยทำการทดลองอีกครั้ง ด้วยการฉีดโปรตีนพิฆาตเข้าไปในกระเเสโลหิตของหนูทดลองที่เป็นมะเร็ง การบำบัดแบบนี้ได้ผลเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งทำลายตัวเอง หลังจากสัมผัสกับโปรตีนพิฆาตในกระเเสเลือด ความดันของของเหลวในร่างกายและจากกระเเสโลหิตที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ช่วยดันให้ตัวเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีตัวโปรตีนพิฆาตเกาะอยู่ ไปสัมผัสกับเซลล์มะเร็งที่เข้าไปในกระเเสเลือด ทำให้ได้ผลในการทำลายเซลล์มะเร็งร้ายได้อย่างดี อย่างไรก็ดี เซลล์มะเร็งยังสามารถเเพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ผ่านระบบต่อมน้ำเหลืองที่เป็นตัวผลิตและส่งผ่านของเหลวใส ไม่มีสี ซึ่งมีเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ทีมนักวิจัยด้านชีวการแพทย์กำลังคิดค้นหาทางบำบัดมะเร็งที่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งที่เข้าไปอยู่ในระบบต่อมน้ำเหลืองด้วย
-
ทีมนักวิจัยในสหรัฐ พัฒนาการบำบัดโรคมะเร็งแบบใหม่ โดยใช้อนุภาคนาโนเรืองแสง
ทีมนักวิจัยในสหรัฐ พัฒนาการบำบัดโรคมะเร็งแบบใหม่ โดยใช้อนุภาคนาโนเรืองแสง ทีมนักวิจัยในสหรัฐได้พัฒนาเทคนิคบำบัดมะเร็งแบบใหม่ที่ใช้อนุภาคนาโนเรืองแสงเป็นตัวนำยาบำบัดมะเร็งไปยังก้อนมะเร็งโดยตรงและใช้เเสงเลเซอร์เป็นตัวควบคุมให้อนุภาคนาโนเรืองเเสงทำการปล่อยยาบำบัดโดยตรงไปที่ก้อนมะเร็งทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาสูงขึ้น ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย University of California ที่ Los Angles ทำการทดลองบำบัดมะเร็งด้วยเทคนิคนี้โดยใช้อนุภาคนาโนเรืองเเสงที่บรรจุยาบำบัดมะเร็ง สามารถทะลุผ่านเซลล์ในร่างกายเพื่อเข้าไปให้ถึงก้อนมะเร็ง ทีมนักวิจัยสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของตัวอนุภาคนาโนในร่างกายผู้ป่วยได้เพราะมีการเรืองเเสง เมื่ออนุภาคนาโนเรืองเเสงบรรจุยาต้านมะเร็งเข้าไปรวมตัวกันในก้อนมะเร็งเเล้ว ทีมนักวิจัยจะใช้เเสงเลเซอร์อินฟาเรดที่ทะลุผ่านลงไปใต้ผิวหนังคนเราได้เป็นตัวควบคุมให้อนุภาคนาโนปล่อยยาบำบัดมะเร็งออกมาเพื่อกำจัดก้อนมะเร็ง ศาสตราจารย์ Jeffery Zink กล่าวว่าในการทดลองรักษาด้วยเทคนิคการบำบัดด้วยอนุภาคนาโน ในห้องทดลองหลายครั้ง ทีมงานพบว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีในการทำลายเซลล์มะเร็ง เเม้ในกรณีที่ไม่มีการใช้เเสงเลเซอร์เป็นตัวควบคุมศาสตราจารย์ Jeffery Zink กล่าวว่าเมื่อดูจากผลการทดลองหลายครั้งในหนูทดลองที่ผ่านมา ทีมงานเชื่อว่าการบำบัดมะเร็งด้วยยาต้านมะเร็งโดยใช้เทคนิคอนุภาคนาโนเรืองแสงจะได้ผลในการกำจัดเซลล์มะเร็งในคนทีมนักวิจัยกล่าวว่าในขั้นต่อไป จะต้องทำการศึกษาทดลองเพื่อให้มั่นใจว่าการบำบัดมะเร็งวิธีนี้ปลอดภัยหากใช้บำบัดมะเร็งในคนและเพื่อให้มั่นใจว่าเเสงเลเซอร์สามารถทะลุทะลวงลงไปถึงตัวอนุภาคนาโนบำบัดทุกตัวที่อยู่ภายใต้ผิวหนังของผู้ป่วยได้
-
LabDoor วิจัยพบว่า น้ำมันปลา ในตลาดสหรัฐหลายยี่ห้อ มีระดับกรดไขมัน omega-3 ต่ำกว่าที่อ้างบนฉลาก
LabDoor วิจัยพบว่า น้ำมันปลา ในตลาดสหรัฐหลายยี่ห้อ มีระดับกรดไขมัน omega-3 ต่ำกว่าที่อ้างบนฉลาก การวิจัยชิ้นใหม่โดยบริษัท LabDoor วิเคราะห์น้ำมันปลาเสริมยี่ห้อดังในสหรัฐ 30 ยี่ห้อด้วยกันเพื่อวัดดูระดับกรดไขมัน omega-3 บริษัทวิจัยพบว่ามีน้ำมันปลาเสริมอย่างน้อย 6 ยี่ห้อที่มีปริมาณกรดไขมันชนิดนี้โดยเฉลี่ยต่ำกว่าระดับที่ระบุไว้บนฉลากถึง 30 สิบเปอร์เซ็นต์ การวิจัยนี้พบปัญหาเพิ่มขึ้นหลังจากแยกวัดระดับกรดไขมัน omega-3 สองชนิดเป็นการเฉพาะคือกรดไขมัน DHA กับกรดไขมัน EPA ผลการวิเคราะห์นี้พบว่าน้ำมันปลาเสริมมากกว่า 10 ยี่ห้อมีระดับกรดไขมัน DHA โดยเฉลี่ยต่ำกว่าปริมาณที่ระบุไวับนฉลากถึง 14 เปอร์เซ็นต์และบางยี่ห้อไม่ระบุปริมาณกรดไขมัน EPA ไว้บนฉลากเลย Dr. Joseph C. Maroon นักประสาทวิทยาที่ศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัย Pittsburgh กล่าวว่ากรดไขมัน omega-3 เสริมเป็นหนึ่งในบรรดาอาหารเสริมสำคัญชนิดหนึ่งที่คนทั่วไปควรรับประทานเพราะเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายส่วนรวมทั้งสุขภาพของสมองและระบบประสาทด้วย อย่างไรก็ตาม การวิจัยยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดถึงประโยชน์ของการรับประทานน้ำมันปลาเสริม มีการศึกษาบางชิ้นในสหรัฐที่ชี้ว่าการรับประทานน้ำมันปลาเสริมในปริมาณมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะที่การศึกษาบางชิ้นชี้ว่ากรดไขมัน omega-3 ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดต่อผู้ป่วยที่มีประวัติว่าเป็นโรคหัวใจ ทางด้านหน่วยงานเอกชนไม่หวังผลกำไร Rock Health ชี้ว่าผลการวิเคราะห์ระดับสารโลหะหนักที่ปนเปื้อนในน้ำมันปลาเสริมหลายยี่ห้อพบว่าทุกยี่ห้อที่ศึกษามีระดับสารปรอทตั้งแต่ 1 – 6…
-
นักวิจัยชาวอเมริกันชี้ว่า ในอนาคต อาจใช้ยาบำบัดมะเร็งเต้านม รักษา โรคติดเชื้อรา Cryptococcus ในผู้ป่วยเอดส์ได้
นักวิจัยชาวอเมริกันชี้ว่า ในอนาคต อาจใช้ยาบำบัดมะเร็งเต้านม รักษา โรคติดเชื้อรา Cryptococcus ในผู้ป่วยเอดส์ได้ ผู้เชี่ยวชาญประมาณว่ามีคนราวหนึ่งล้านคนทั่วโลกติดเชื้อรา Cryptococcus ต่อปี นั่นเป็นเพราะว่าการติดเชื้อราเป็นโรคฉวยโอกาสชนิดหนึ่งที่มักเกิดกับผู้ป่วยโรคเอดส์ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชาติอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่า ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อเอดส์อยู่ในเขตนี้ ในปัจจุบัน แพทย์บำบัดการติดเชื้อรา Cryptococcus ด้วยยาราคาเเพงสองชนิด ซึ่งไม่มีใช้ในประเทศกำลังพัฒนาและต้องใช้ฉีดเข้ากระเเสโลหิตโดยตรง ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดดังกล่าวอย่างน้อย 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์เสียชีวิต ยาอีกชนิดหนึ่งที่ใช้บำบัดการติดเชื้อรา Cryptococcus ในประเทศกำลังพัฒนา แค่มีผลชลอการเเพร่กระจายของเชื้อราให้ช้าลงเท่านั้นและอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับยานี้ก็สูงกว่าการบำบัดด้วยยาสองชนิดแรก ทีมนักวิจัยที่นำโดยคุณ Damian Krysan ทำการค้นหายาที่มีคุณสมบัติในการกำจัดเขื้อรา Cryptococcus จากยารักษาโรคที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบันแล้วจำนวนสองพันชนิด พวกเขาค้นพบว่ายา tamoxifen ซึ่งเป็นยาที่ใช้บำบัดผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมานานหลายสิบปีเเล้ว คุณ Krysan หัวหน้าทีมวิจัยชี้ว่ายา tamoxifen มีราคาไม่เเพงและมีคุณสมบัติที่ดีหลายประการ เขากล่าวว่าผู้ป่วยสามารถรับประทานยา tamoxifen ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เชื้อรา Cryptococcus ทำให้สมองอักเสบ ดังนั้นตัวยาจะต้องเข้าไปในสมอง การบำบัดจึงจะได้ผลดี เขากล่าวว่า ยา tamoxifen…
-
องค์การอนามัยโลก กล่าวเตือนผู้คนทั่วโลก มีเปอร์เซ็นต์เป็นโรคมะเร็งมากขึ้น กว่าร้อยละ 57
องค์การอนามัยโลก กล่าวเตือนผู้คนทั่วโลก มีเปอร์เซ็นต์เป็นโรคมะเร็งมากขึ้น กว่าร้อยละ 57 องค์การอนามัยโลกรายงานว่าจำนวนคนเป็นมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 14 ล้านคนต่อปีในปีนี้เป็นปีละ 22 ล้านคนภายใน 20 ปีข้างหน้าและยังคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งจะเพิ่มขึ้นจาก 8 ล้าน 2 เเสนคนเป็น 13 ล้านคนต่อปี Dr. Bernard Stewart ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมร่างรายงานดังกล่าวเปิดเผยว่าผู้ป่วยมะเร็งส่วนมากอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ปัจจุบันมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้เป็นมะเร็งทั้งหมดเป็นคนในอาฟริกา เอเชีย อเมริกากลางและอเมริกาใต้และจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากมะเร็งทั้งหมดทั่วโลก ราว 70 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ป่วยมะเร็งจากทวีปต่างๆ สำหรับประเทศรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง การเกิดมะเร็งมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ อาทิ มะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากการติดเชื้อ human papillomavirus และมะเร็งตับที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ สาเหตุที่คนเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนายังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตยุคอุตสาหกรรมและไม่มีการตรวจหามะเร็งแต่เนิ่นๆ Dr. Stewart ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าประเทศรายได้น้อยและปานกลางมักขาดการบริการด้านการตรวจสุขภาพเพื่อตรวจหาโรค ทำให้ไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งจนกระทั่งโรคกำเริบ ดังนั้นอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยจึงมีน้อย รายงานขององค์การอนามัยโลกเตือนว่าการบำบัดมะเร็งเพียงอย่างเดียวไม่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ จะต้องใช้มาตรการป้องกันการเกิดมะเร็งที่มีประสิทธิภาพร่วมด้วยและต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน Dr. Stewart กล่าวว่าการรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสบางชนิดสามารถช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งบางประเภทลงได้ นอกจากนี้การรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่และการดื่มสุรา การสร้างความตื่นตัวเกี่ยวกับการป้องกันโรคอ้วนและลดการบริโภคน้ำตาลน่าจะมีบทบาทในการช่วยลดการเกิดมะเร็งบางชนิดลงได้เช่นกัน รายงานการศึกษาการเกิดมะเร็งทั่วโลกขององค์การอนามัยโลกนี้เป็นผลงานการวิจัยจากความร่วมมือของบรรดานักวิทยาศาสตร์มากกว่า 250 คนจาก 40 ประเทศ
-
ผลการวิจัย ตรวจพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเร่งให้มะเร็งในหนูทดลองโตเร็วขึ้น
ผลการวิจัย ตรวจพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเร่งให้มะเร็งในหนูทดลองโตเร็วขึ้น ผลการวิจัยชิ้นใหม่ในหนูทดลองชี้ว่าการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งมากขึ้นเนื่องจากไปแทรกแซงการทำงานของระบบภูมิต้านทานธรรมชาติในร่างกายในการต่อต้านการเกิดมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติหรืออาจจะได้จากการรับประทานผลไม้และผัก คุณ Martin Bergo ศาสตราจารย์ด้านนี้แห่งมหาวิทยาลัย University of Gothenburg เเม้ว่าจะมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้กันมากมาย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่ยืนยันว่าการรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระเสริมในรูปเม็ดจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ศาสตราจารย์ Bergo กล่าวว่า การรับประทานวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเสริมเเบบเม็ด ในปริมาณมากเกินไป อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อร่างกาย ผลการศึกษามากกว่า 10 การศึกษาชี้ว่า การรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินเสริม มีประโยชน์เพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีประโยชน์เลย เขากล่าวว่ามีการทดลองในคนเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมในการป้องกันมะเร็งต้องล้มเลิกไปเพราะทีมนักวิจัยพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระเสริมกลับไปเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในอาสาสมัครในการทดลอง รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science Translational Medicine เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เขียนถึงผลการศึกษาของทีมนักวิจัยสองทีม ทีมเเรกนำโดยศาสตราจารย์ Bergo และอีกทีมหนึ่งนำโดยคุณ Par Lindahl นักวิจัยมะเร็งที่ค้นพบโดยบังเอิญว่า การรับประทานสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเสริมสองชนิด คือ วิตามินอีและวิตามิน N-A-C หรือ อะเซทิล ซิสเทอีน (N-acetyl-cysteine) ซึ่งมีผลให้มะเร็งในปอดของหนูทดลองกำเริบรุนแรงขึ้น ทีมนักวิจัยยังค้นพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระเสริมในระดับสูงไปลดระดับการทำงานของโปรตีน P-53…