Category: มะเร็ง
-
รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน
รักษาสุขภาพป้องกันมะเร็งไว้ก่อน สาเหตุการตายของคนไทยนั้นเกิดจากโรคมะเร็งเป็นอันดับหนึ่งมานานหลายปีแล้ว ปีหนึ่ง ๆ กว่าสามแสนรายเลยทีเดียว มะเร็งนั้นก็รู้กันอยู่แล้วว่ารักษาได้ยาก บางรายก็รักษาไม่หาย อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยในการก่อโรคที่ระบุให้แน่ชัดลงไปไม่ได้อีกด้วย แต่การดูแลสุขภาพตัวเองไว้อย่างเหมาะสม เชื่อได้ว่าจะป้องกันการเกิดมะเร็งได้ ซึ่งการดูแลตัวเองดังกล่าวนั้นได้แก่ 1. เน้นทานอาหารที่สะอาด ปลอดภัย มีไขมันน้อย และมีเส้นใยอาหารสูง ๆ อย่างผักผลไม้ทั้งหลาย ที่ยังให้วิตามินแร่ธาตุกับร่างกาย ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ ไม่ควรทานอาหารปิ้งย่างไหม้เครียด ของหมักดองหรือแปรรูป ตลอดจนอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา และอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างปลาร้า ปลาจ่อมด้วยนะคะ 2. ทำให้การออกกำลังกายเป็นกิจวัตรของคุณ และควบคุมน้ำหนักตัวให้พอดีกับส่วนสูง เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงกระฉับกระเฉง และเสริมภูมิต้านทานให้มีประสิทธิภาพ 3. เลิกสูบบุหรี่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด และงดดื่มสุราด้วยเพราะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง คอหอย มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านมด้วย 4. หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัดจ้าในช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00-16.00 น. แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนทุกครั้งด้วยค่ะ 5. ไม่สำส่อนในกามารมณ์ และมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอันเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกด้วย 6.…
-
สอนวัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัย ป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
สอนวัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัย ป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ในปัจจุบันนี้การมีแฟนตั้งแต่วัยเรียนเห็นจะเป็นเรื่องที่ยอมรับการได้มากขึ้น เพียงแต่ก็ยังต้องให้คบกันอยู่ในขอบเขต รู้จักรักนวลสงวนตัวไว้บาง อย่าเพิ่งไปมีเพศสัมพันธ์กันก่อนเวลา แต่เพราะความรักในวัยรุ่นสมัยนี้ขาดความยับยั้งชั่งใจกันมาก กับทั้งยังมีโอกาสในการมีเพศสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้น หากไม่ต้องการให้ลูก ๆ ของท่านต้องตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร รวมไปถึงการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ผู้ปกครองจึงควรสอนบุตรหลานให้รู้จักการป้องกันตัวไว้ก่อนดีกว่า ต้องยอมรับว่าการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลกระทบมากทั้งต่อตัวเด็กเองรวมไปถึงทารกด้วย เพราะความไม่พร้อมในหลายด้าน และหากต้องติดโรคเอดส์ขึ้นมาอีก คุณภาพชีวิตก็ยิ่งย่ำแย่ไปกันใหญ่ ยังไม่นับรวมถึงว่าการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ๆ นั้นทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีได้ ดังนั้นแม้การแนะนำเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยให้กับเด็กวัยรุ่น อาจจะดูเหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอก แต่นั่นก็ยังดีกว่าวัวหายแล้วล้อมคอกเป็นแน่ ความรู้ทางด้านเพศศึกษาเหล่านี้จึงควรได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่ และคุณครูที่ควรจะสอนให้เด็กได้รู้จักว่า.. – เพศสัมพันธ์มีได้เมื่อถึงวัยอันควร ไม่ควรเข้าไปอยู่ในที่ลับตากับเพศตรงข้าม งดเง้นการเที่ยวเตร่ในที่ที่มีขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และด้วยความเป็นผู้หญิงต้องรู้จักระแวดระวังภัยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองด้วย – Safe Sex ทุกครั้ง การมีเพศที่ปลอดภัยต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง – อย่าไปยึดถือว่าการยอมมีเพศสัมพันธ์คือการแสดงความรัก ความรักที่แท้จริงคือการให้เกียรติ ให้ความปรารถนาดี ดูแลกันและกัน ผู้ชายควรให้เกียรติแฟนของตัวเองเหมือนให้เกียรติแม่และพี่สาวน้องสาวของตัวเองด้วย – เพศสัมพันธ์คือความรับผิดชอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย จึงควรรับผิดชอบร่วมการในการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยด้วยการใช้ทุกอย่างอนามัยทุกครั้ง และตระหนักร่วมกันทั้งสองฝ่ายด้วย – แม้จะยังไม่แต่งงาน แต่การคบหากันควรมีความซื่อสัตย์ ไม่สะเปะสะปะในกาม หรือนอกใจไปมีคนอื่นอีก
-
ใส่ใจกับอาหาร ต้านมะเร็งได้ผลนะ
ใส่ใจกับอาหาร ต้านมะเร็งได้ผลนะ ในปัจจุบันมีแนวโน้มการป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งสูงขึ้นแบบยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดนั้นกว่าครึ่งคือผู้สูงอายุ ที่เซลล์มะเร็งค่อย ๆ ก่อตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกว่าจะพบว่าตนเองเป็นมะเร็งก็มักจะอยู่ในระยะลุมลามที่ยากจะรักษาให้หายขาดได้แล้ว ทั้งที่โรคมะเร็งนั้นหากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกมีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ถึงร้อย 80 เลยทีเดียว ดังนั้นเราทุกคนจึงควรตรวจสุขภาพประจำปีไว้เพื่อหาความผิดปกติของร่างกาย เพื่อป้องกันโรคร้ายไว้แต่เนิ่น ๆ รวมไปถึงการใส่ใจเลือกอาหารการกินก็สามารถต้านมะเร็งได้อีกทางหนึ่งด้วยนะ – ทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารให้มากเข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นผักสด ผลไม้สดต่าง ๆ รวมไปถึงข้าวกล้อง ข้าวโพด ธัญพืช โฮลเกรน ฯลฯ เหล่านี้ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ – ผักและผลไม้สีเขียว มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง ป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกล่องเสียงและมะเร็งปอดได้ รวมไปถึงผักและผลไม้รสเปรี้ยวที่มีวิตามินซีมาก ๆ ช่วยป้องกันมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะอาหารได้อีกทางหนึ่ง – ทานผักตระกูลกะหล่ำให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น คะน้า กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี หัวผักกาด เหล่านี้ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ส่วนปลาย มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งในอวัยวะทางเดินหายใจทั้งหมด นอกจากอาหารที่ควรทานแล้วยังมีอาหารบางประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันมะเร็งด้วยนะ – อาหารที่ขึ้นรา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ – อาหารที่มีไขมันสูง เพราะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก…
-
ผลเสียของการอดนอน ทำลายสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด
ผลเสียของการอดนอน ทำลายสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะค่ะ ว่าการอดนอนทำให้คุณตายเร็วขึ้นได้เลยนะคะ! เพราะว่าการอดนอนจะทำให้ร่างกายอ่อนล้า และเมื่อพักผ่อนไม่พอเพียงก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแปรปรวนไปด้วยทั้งระบบ รู้หรือไม่ว่า… อดนอนทำให้อ้วน การที่เราอดนอนมาก ๆ จะทำให้ฮอร์โมนที่ควบคุมการเติบโต และควบคุมสัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกายนั้นหลั่งออกมาน้อยลง ทำให้รู้สึกอยากกินอาหารมากขึ้น การอดนอนทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานลดลง แล้วยังทำให้ระดับการเผาผลาญของร่างกายลดลง นำไปสู่การมีไขมันสะสมในร่างกายจนมีน้ำหนักเกิน รวมไปถึงยังส่งผลต่อฮอร์โมนเลปตินที่เป็นสารสื่อประสาทด้วยว่าควรจะอิ่มได้เร็วหรือช้าเท่าใดตามความต้องการอาหารของร่างกาย หากเลปตินลดลงเพราะอดนอนจทำให้รู้สึกอยากทานอาหารมากขึ้น แม้จะได้กินอาหารจนเพียงพอแล้วก็ตาม รู้หรือไม่ว่า.. อดนอนทำให้เป็นมะเร็ง การอดนอนทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน จึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอย่างสูง ดังนั้นเราควรนอนให้พอเพียงในเวลากลางคืนตามเวลาปกติและความปิดไฟนอนอีกด้วย รู้หรือไม่ว่า… อดนอนทำให้โง่ลง การนอนน้อยลงทำให้ประสิทธิภาพในการจดจำในสมองลดลง แล้วยังทำให้ร่างกายเจ็บป่วยง่าย การอดนอนส่งผลเสียต่อเนื่องไปถึงระบบหัวใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต รวมทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้ ผู้ที่อดนอนมาก ๆ จะมีหน้าตาซีดเซียว ดูไม่มีน้ำมีนวล ป่วยง่ายหายก็ช้า เพราะการอดนอนจะส่งผลต่อเม็ดเลือดขาวและกลไกการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายนั่นเองค่ะ คนเรานั้นหากต้องการมีสุขภาพดี ควรมีเวลานอนแต่ละเป็นเวลา 7-8 ชั่วโมง และเข้านอนให้เป็นเวลา ตื่นให้เป็นเวลาทุกวัน ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานคงที่ และจะมีแต่ผลงานที่ดีขึ้นเพราะสมองแจ่มใส บริหารเวลาในชีวิตและครอบครัวได้อย่างดี อีกทั้งการนอนให้เพียงพอยังทำให้คุณอยู่ห่างไกลโรงพยาบาลมากกว่าเดิมด้วยค่ะ
-
ผักสด ผลไม้สด .. ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้
ผักสด ผลไม้สด .. ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้ ผักสดผลไม้สดนั้นเป็นอาหารที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล ที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานและให้รสหวาน เกลือแร่และวิตามินที่เสริมสร้างความสมบูรณ์ของอวัยวะต่าง ๆ เส้นใยอาหารที่ช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้ด้วย และลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ลดเบาหวานได้ด้วย และพืชบางชนิดให้ไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเช่นกัน ฯลฯ การบริโภคผักสดและผลไม้สด จึงเป็นเรื่องที่ควรแนะนำและส่งเสริม แต่ทุกอย่างในโลกก็ต้องมีสองด้านเสมอ แม้แต่ในผักสด ผลไม้สดก็ตาม การบริโภคสด ๆ โดยไม่ผ่านความร้อนอาจได้รับอันตรายบางประการได้ เช่น ในผักอาจมีไข่พยาธิหรือพยาธิเจือปนอยู่ หากล้างไม่สะอาดอาจทำให้เกิดโรคท้องร่วงได้ รวมไปถึงผักผลไม้บางชนิดอาจมีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่ อาจก่อให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกาย อีกทั้งผู้ที่ป่วยด้วยบางโรคจำเป็นต้องระวังผักสดผลไม้สดบางชนิดด้วย เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปตัสเซี่ยมสูง ๆ เช่น กล้วย หรือส้ม เป็นต้น รวมไปถึงคนไข้อีกบางพวกที่การทานผักสดผลไม้สด เป็นเรื่องต้องห้ามที่สุด ก็คือ คนไข้ที่ได้รับเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง เพราะคนไข้จำพวกนี้ภายหลังจากที่ได้รับยาแล้วจะทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคต่ำลง ผู้ป่วยจึงอ่อนแอเกิดโรคติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย หากต้องการผักผลไม้ ต้องเป็นผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนแล้วเท่านั้น อีกทั้งผลไม้บางชนิดที่ต้องรับประทานทั้งเปลือกก็ห้ามรับประทานด้วย หากต้องการทานต้องปอกเปลือกทิ้งไปแล้วให้ทานในทันทีห้ามปล่อยทิ้งไว้ แม้การทานผักสดผลไม้สดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ผู้ป่วยบางโรคก็เป็นเรื่องต้องห้ามเช่นกัน ดังนั้นหากท่านเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนดีกว่านะคะ
-
โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป
โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ คือโรคที่รักษาหายได้ยากหรือรักษาได้ไม่หายขาด ได้แก่โรคในกลุ่ม ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด เบาหวาน และโรคมะเร็ง ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยโรคเหล่านี้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุของโรคเหล่านี้เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป ไม่ว่าจะเป็น การชอบกินอาหารรสชาติหวานจัด ไขมันสูง หรือเค็มจัด การขาดการออกกำลังกาย ชอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่ และชอบสะสมความเครียดด้วย คนที่มีน้ำหนักเกินจนอ้วนลงพุงนั้น จะมีไขมันสะสมในช่องท้องมาก โดยไขมันเหล่านี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ขัดขวางการทำงานของอินซูลินจึงเกิดผลร้ายกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เมื่อมีไขมันในหลอดเลือดก็จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมตัวลง เกิดเป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ ทำให้ไตวาย หัวใจวาย จนเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์และเสียชีวิตได้ เกณฑ์ในการเป็นโรคอ้วนลงพุงนั้น ให้วัดที่ขนาดรอบเอวโดย ผู้ชายมีเส้นรอบเอวตั้งแต่ 90 เซนติเมตรขึ้นไป และ 80 เซนติเมตรขึ้นไปในผู้หญิง รวมกับปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้ได้แก่ 1. มีความดันโลหิตตั้งแต่ 130/85 ขึ้นไป หรือทานยาควบคุมความดันโลหิตอยู่ 2. มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป 3. มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150…
-
การดูแลตนเอง…เพื่อเตรียมรับสภาวะวัยทอง
การดูแลตนเอง…เพื่อเตรียมรับสภาวะวัยทอง ช่วงวัยทอง คือ ช่วงวัยที่อยู่ระหว่างวัยเจริญพันธุ์ และวัยชรา ร่างกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเสื่อมสภาพลง ไม่ว่าจะเป็น รังไข่ที่เริ่มเสื่อมลง การสร้างฮอร์โมนก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จนกว่ารังไข่จะหยุดทำงาน ประจำเดือนจึงค่อยๆ หมดลงอย่างถาวร ช่วงระยะนี้จะมีอายุไม่เกิน 50 ปี โดยเฉลี่ย หากประจำเดือนหมดก่อนอายุ 45 ปีถือว่าหมดเร็ว แต่หากหมดหลังอายุ 55 ปีถือว่าหมดช้า ทั้งสองกรณีมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น และมีปัญหาต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วย อาการวัยทอง จะเกิดกับผู้หญิงที่หมดประจำเดือนโดยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 50 ปี มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ร้อนวูบวาบบริเวณหน้าอก ลำคอ ใบหน้า ใจสั่น นอนไม่หลับ เหงื่อออก ความต้องการทางเพศลดลง ฯลฯ แต่หากมีการเตรียมตัวดูแลสุขภาพอย่างดี ตั้งแต่อายุเข้าสู่วัยทอง ก็จะทำให้คุณภาพการใช้ชีวิตดีขึ้นมาก หลักการดูแลตนเองเพื่อรับมือกับอาการวัยทองได้แก่ 1. ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในมาตรฐาน อย่างปล่อยให้อ้วนหรือผอมเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสู หวานจัด หรือเค็มจัด ทุกมื้อทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้หลากหลาย…
-
ตรวจสอบความเสี่ยง…ในการเป็นมะเร็งเต้านม
ตรวจสอบความเสี่ยง…ในการเป็นมะเร็งเต้านม รองจากมะเร็งปากมดลูกแล้ว ก็เห็นจะเป็นมะเร็งเต้านมนี่ล่ะค่ะที่พบได้มากที่สุดในเพศหญิง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีความเสี่ยงถึง 1 ใน 9 ของผู้หญิงเลยทีเดียวที่จะเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมนั้นได้แก่ การใช้ฮอร์โมนทดแทนในการรักษา เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทอง, การใช้ยาคุมกำเนิดแบบรับประทานเป็นเวลานาน, ไม่เคยให้นมบุตร, ดื่มเหล้าวันละ 2 แก้วขึ้นไป, อ้วน น้ำหนักตัวมาก, ไม่ออกกำลังกาย รวมทั้งทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไปด้วย และปัจจัยบางประการที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ แต่ก็เป็นปัจจัยในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมด้วย ก็คือ อายุที่มากขึ้น, การมีประจำเดือนมาเร็วก่อนอายุ 12 ปี และหมดช้าคือหลังอายุ 50 ปี, มีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน หรือมีความผิดปกติของยีนส์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่, ไม่เคยมีบุตร หรือมีภายหลังอายุ 50 ปี, เคยตรวจพบว่าเต้านมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในภาวะก่อนเป็นมะเร็งเต้านม รวมทั้งเคยมีประวัติเป็นมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมไปถึงมีคนในครอบครัวเคยเป็นด้วย สำหรับผู้ที่กังวลว่าตนเองจะเข้าข่ายมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมด้วยนั้น การตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ เพื่อหาความผิดปกติ รวมทั้งไปตรวจร่างกายกับแพทย์เป็นประจำก็เป็นการช่วยลดความเสี่ยงและลดความรุนแรงในการเป็นโรคได้อีกวิธีหนึ่ง อีกทั้งการตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะมีอัตราการหายจากโรคมากกว่าผู้ที่ไม่คอยตรวจคลำเต้านมด้วยค่ะ
-
เสพสม..ให้สมรัก
เสพสม..ให้สมรัก ระหว่างชีวิตคู่ของคนสองคนนั้น การจะประสบกับความราบรื่นและความสุขได้ก็มักจะมีเรื่องของเพศสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการจะเสริมสร้างให้ชีวิตคู่มีความสำเร็จสมปรารถนานั้นต้องมีปัจจัยต่าง ๆ เป็นพื้นฐาน ได้แก่ ทั้งคู่ต้องเต็มใจและสมัครที่จะใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความรักความเข้าใจ ทั้งสองฝ่ายต่างมีความพึงพอใจในรสนิยม นิสัย ฐานะ ความรูป และรูปร่างภายนอกของกันและกัน รวมทั้งทั้งสองฝ่ายก็ต้องการมีเพศสัมพันธ์ มีความสุขหรือความพอใจในความปรารถนาในร่างกายของอีกฝ่าย รวมไปถึงทั้งสองคนต้องมีความเต็มใจ และมีความรู้สึกที่เป็นอิสระหรือยินยอมพร้อมใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้รู้สึกว่าถูกบังคับ ข่มขู่หรือใช้กำลังในการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนั้นการจะร่วมครองเรือนกันให้มีความสุขนั้น ควรมีการเปิดใจกันทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่มักคิดว่าเรื่องนี้ความเก็บความรู้สึกไว้ไม่ควรบอกใคร หากบอกแล้วอาจจะทำให้คนอื่นมองดูตนเองไม่ดีได้ บางครั้งจึงส่งผลให้การมีเพศสัมพันธ์กลายเป็นความทุกข์ไม่สุขสมเท่าที่ควรได้ ทางที่ดีควรหันหน้าเข้าหากันดีกว่า โดย.. 1. เปิดใจถึงความต้องการของกันและกันอย่างจริงใจและให้เกียรติ อาจเป็นการพูดคุย การเขียนโน้ตบอก หรือการแสดงออกด้วยหน้าตาและสีหน้า รวมทั้งสัมผัสทางกาย 2. ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยการยอมรับว่าเรื่องเพศสัมพันธ์นั้นสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ และไม่ควรเก็บหรือปิดบังไว้เพราะจะกลัวว่าทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย สำหรับการเสริมสมรรถภาพทางเพศ ก็คือการทำร่างกายให้แข็งแรงไปด้วยทางหนึ่ง ด้วยการทานอาหารที่มีคุณค่า ดูแลจิตใจให้เบิกบาน ออกกำลังกายเป็นประจำ รวมทั้งมีทัศนคติที่ดีในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ตนรัก รักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งหาอะไรที่แปลกใหม่มาเพิ่มความสุขให้แก่กันและกัน บางครั้งอาจเปลี่ยนสถานที่เป็นที่ ๆ โรแมนติกมากขึ้น ลองใส่ชุดหรือเสื้อผ้าที่ไม่เคยใส่ สร้างบรรยากาศภายในห้องนอนเหมาะสม เป็นต้น สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องตระหนักก็คือ ควรมีความรับผิดชอบในการมีเพศสัมพันธ์กันทุกครั้ง ควรเป็นเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยจากโรคติดต่อ ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคเอดส์และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ รวมทั้งป้องกันไวรัสเอชพีวีที่อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกด้วย
-
พิษของสุราที่มีต่อตับ!!!
พิษของสุราที่มีต่อตับ!!! สุรานั้น ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกเป็นเวลายาวนานกว่าสี่พันปีแล้ว มีหลากหลายชนิดและรสชาติแตกต่างกันไปตามแต่เชื้อต้นกำเนิดและผลไม้ที่นำมาหมัก ไม่ว่าจะเป็น เหล้า วิสกี้ ไวน์ เบียร์ พันช์ ฯลฯ และสุราเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เป็นพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ด้วย แม้แต่ในศาสนาพุทธเองก็ยังให้พึงละเว้นสุราไว้เพื่อมิให้ขาดสติ เพราะผลของการดื่มเหล้านั้นนอกจากอุบัติเหตุที่ส่งผลเสียแก่ผู้อื่นโดยรอบตัวแล้ว ก็ยังส่งผลให้ตัวเองได้รับอันตรายจากสุราไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตับนั่นเอง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ตับเป็นอวัยวะหลักที่ย่อยแอลกอฮอล์ การดื่มเหล้าเป็นประจำจะเกิดปัญหากับตับในสี่แบบก็คือ ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง จนถึงมะเร็งตับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ดื่มจะเป็นโรคตับเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้ – ขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลาที่ดื่ม ซึ่งมีการศึกษาพบว่าเมื่อดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 30 กรัมต่อวันในเพศชาย และ 20 กรัมในเพศหญิงแล้ว จะถือว่าอยู่ในข่ายที่ได้รับความเสี่ยงในการเป็นโรคตับ – ขึ้นอยู่กับอายุและเพศ หากดื่มในปริมาณเท่ากันแล้ว ผู้หญิงจะเสี่ยงเป็นโรคตับมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า – ขึ้นอยู่กับเชื้อไวรัสตับอักเสบที่มีอยู่เดิม หากมีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีอยู่แล้วจะทำให้การดำเนินโรคแย่กว่าผู้ที่เป็นโรคตับจากแอลกอฮอล์อย่างเดียว – พันธุกรรมและยาบางชนิดก็เป็นปัจจัยเสี่ยงกระตุ้นโรคด้วยเช่นกัน อาการของโรคตับนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของโรค ผู้ที่ไขมันพอกตับ หรือตับอักเสบเล็กน้อยจะไม่มีอาการผิดปกติหรืออาการจะไม่เฉพาะเจาะจงมากนัก เช่น ปวดชายโครงขวา มีไข้ อ่อนเพลีย ฯลฯ ส่วนผู้ที่เป็นโรคตับแข็ง จะมีอาการคือ…