Category: มะเร็ง
-
มะเร็งกระดูก ภัยเงียบ ที่มีการเสี่ยงตายสูง
มะเร็งกระดูก ภัยเงียบ ที่มีการเสี่ยงตายสูง วันที่ 28 มีนาคม ที่โรงพยาบาลเลิดสิน นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ ′Lerdsin Sarcoma Day′ว่า มะเร็งกระดูกเป็นโรคร้ายที่เป็นภัยเงียบที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง ในอดีตการรักษามะเร็งกระดูกจะใช้วิธีการตัดอวัยวะเหนือส่วนที่เป็นมะเร็งออก แต่ในปัจจุบันได้นำวิธีให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการผ่าตัด ทำให้การรักษาได้ผลเป็นที่พอใจ ทำให้อัตราการรอดชีวิตเพิ่มขึ้น มะเร็งกระดูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.มะเร็งกระดูกที่เกิดจากความผิดปกติภายในเซลล์ของเนื้อกระดูกโดยตรง หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ 2.มะเร็งกระดูกที่มีต้นกำเนิดจากอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด เต้านม ต่อมไทรอยด์ ต่อมลูกหมากแล้วกระจายไปสู่กระดูกมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40-50 ปีขึ้นไป ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดมาจากยีนที่ผิดปกติ โดยมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่สำคัญ คือการได้รับรังสีรักษาในการรักษามะเร็งชนิดอื่นในปริมาณค่อนข้างมาก ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ มีความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งกระดูกอย่างเป็นระบบ ร่วมกับการใช้ระบบ Osteosarcoma Fast Track เพื่อเพิ่มความแม่นยำและรวดเร็วในการรักษาให้แก่ผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาเร็วขึ้นมาก และมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นมาก นอกจากนี้ศูนย์ดังกล่าวยังสร้างเครือข่ายผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกโดยการจัดทีมพยาบาล ให้ความรู้ ติดตามผลการรักษาทางโทรศัพท์และไปรษณีย์สำหรับผู้ป่วยที่เดินทางมาโรงพยาบาลลำบากเพื่อติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้ป่วยด้วยกันเองให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เข้ารับการรักษา การดำเนินชีวิตภายหลังการรักษาที่ถูกต้อง การเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน…
-
ผู้ที่ลิ้นไวต่อรสชาด เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ มีโอกาศเป็นไซนัสน้อยกว่าคนปกติ
ผู้ที่ลิ้นไวต่อรสชาด เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ มีโอกาศเป็นไซนัสน้อยกว่าคนปกติ นักวิจัยแห่งฟลอริด้ากล่าวว่า มีผู้คนในโลกราว 25 % ที่ไวต่อการรับรสอาหารต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมักเป็นชาวเอเซียและคนผิวดำมากกว่าคนผิวขาว ในขณะที่คนที่ลิ้นค่อนข้างด้านรสนั้นมีอยู่ประมาณ 30 % การไวต่อการรับรสชาดต่างๆ นี้เป็นผลจากจำนวนและความหนาแน่นของปุ่มรับรสที่ลิ้น รวมทั้งจากปัจจัยด้านกรรมพันธ์ด้วย และผู้ที่ลิ้นไวต่อการรับรสมักมีน้ำหนักตัวน้อยและมีรูปร่างผอมกว่าคนทั่วไป เนื่องจากความไวของประสาทสัมผัสเรื่องรสนี้ทำให้ไม่ชอบรสชาดของไขมัน แต่ขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็มักเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าเนื่องจากไม่ค่อยชอบรสขมของผักใบเขียวสีเข้ม นักวิจัยชี้ว่านอกจากปุ่มรับรสที่ลิ้นแล้ว ร่างกายของคนเรายังมีปลายประสาทรับรสอยู่ที่ส่วนอื่นๆ เช่นในลำไส้ ในจมูก ในสมอง และเชื่อว่ามีอยู่ในปอดด้วย นักวิจัยเชื่อว่าการมีปลายประสาทที่ไวเป็นพิเศษต่อการรับรสขมในจมูกช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย และทำให้บุคคลนั้นมีโอกาสติดเชื้อโรคโพรงจมูกอักเสบหรือไซนัสน้อยกว่าคนทั่วไป
-
สารเคมีต่างๆ ส่งผลให้ร่างกาย ฮอร์โมน และสุขภาพมีผลเสียอย่างรุนแรง
สารเคมีต่างๆ ส่งผลให้ร่างกาย ฮอร์โมน และสุขภาพมีผลเสียอย่างรุนแรง สารเคมีบางชนิดที่เรียกว่า endocrine disrupters สามารถไปรบกวนการทำงานของระบบผลิตฮอร์โมนจนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางสุขภาพได้ เนื่องจากสุขภาพของคนเราขึ้นอยู่กับการทำงานอย่างเป็นปกติของระบบต่อม ที่ทำหน้าที่ควบคุมการปล่อยฮอร์โมนบางชนิดที่มีความสำคัญต่อการทำงานบางอย่างของร่างกาย อาทิ ควบคุมระบบเผาผลาญอาหาร การเจริญเติบโตและพัฒนาการ การนอนหลับและอารมณ์ สารเคมีที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบฮอร์โมนพบได้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือนและในภาคอุตสาหกรรม สารเคมีเหล่านี้เจือปนในสิ่งเเวดล้อมผ่านการปล่อยของเสียจากภาคอุตสาหกรรม จากชุมชนเมือง จากภาคการเกษตร และการเผาขยะหรือทิ้งของเสีย การได้รับสารเคมีเหล่านี้เข้าไปในร่างกายอาจส่งผลให้ผู้ชายวัยหนุ่มเกิดปัญหาเชื้ออสุจิอ่อนแอและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง และผู้ชายที่สัมผัสกับยาฆ่าแมลงมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเกิดมะเร็งในต่อมลูกหมาก รายงานนี้เปิดเผยด้วยว่าสารเคมีจำพวกยาฆ่าแมลงดีดีที สารจำพวกพีซีบี และสารปรอทที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมน่าจะเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนประชากรนากทะเล กับสิงโตทะเลลดลง ผลการศึกษาของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาิติและองค์การอนามัยโลกออกข้อแนะนำหลายประการเกี่ยวกับสารเคมีเหล่านี้ ข้อแนะนำอย่างหนึ่งคือการจัดหาวิธีทดสอบที่ครอบคลุมเพื่อระบุว่าสารเคมีชนิดใดบ้างที่มีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน เพื่อระบุแหล่งที่มาและการรับเข้าสู่ร่างกาย
-
กรณีการผ่าตัดเต้านมของ Angelina Jolie ทางเลือกของผู้มีความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
กรณีการผ่าตัดเต้านมของ Angelina Jolie ทางเลือกของผู้มีความเสี่ยงมะเร็งเต้านม เนื่องจาก มารดาของนักแสดง Angelina Jolie เสียชีวิตโดยมะเร็งที่รังไข่เมื่อมีอายุเพียง 56 ปี และการตรวจเชื้อพันธุ์ (Gene Testing) ระบุว่า Angelina Jolie มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมสูงถึง 87% และ 50% สำหรับมะเร็งรังไข่ นั้นคือสาเหตุที่นักแสดงสาวผู้นี้ ตัดสินใจผ่าเต้านมออกทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้อวงกันโรคมะเร็ง แม้ในขณะนี้เธอยังจะปลอดเชื้อจากโรคร้ายนี้อยู่ การศึกษาของแพทย์พบว่า การกลายพันธุ์ของ Gene โดยเฉพาะ BRCA 1 และ 2 ซึ่งเป็นเชื้อพันธุ์สำคัญสำหรับมะเร็งเต้านมและรังไข่ เพิ่มโอกาสการเป็นโรคร้ายทั้งสองนี้นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยยังพบด้วยว่า ถ้าผู้หญิงเป็นโรคมะเร็งที่สืบเนื่องกับ BRCA 1 และ 2 ตั้งแต่อายุยังน้อย ลูกสาวอาจเป็นมะเร็งนั้นๆในอายุที่น้อยกว่าเมื่อมารดาเป็น ถ้ารับถ่ายทอดเชื้อพันธุ์นั้นมาจากมารดา และแม้ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมเพราะเชื้อพันธุ์ BRCA จะมีอัตราการอยู่รอดเท่ากับผู้หญิงอื่นๆที่เป็นโรคเดียวกัน นายแพทย์ Marc Boisvert ของโรงพยาบาล Medstar Washington บอกว่า มีความแตกต่างกันอย่างมากในหมู่ผู้หญิงเหล่านี้นายแพทย์ผู้นี้บอกว่า…
-
หน่วยงาน Gavi alliance รณรงค์ให้เด็กหญิงทั่วโลก ได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
หน่วยงาน Gavi alliance รณรงค์ให้เด็กหญิงทั่วโลก ได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ด็อกเตอร์เบริ์กลี่ผู้เชี่ยวชาญแห่งหน่วยงาน Gavi alliance กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากไวรัส human papilloma หรือ HPV บางชนิดซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธุ์ ด็อกเตอร์เซ็ธ เบริ์กลี่ กล่าวว่ามะเร็งปากมดลูกคร่าชีวิตผู้หญิงจำนวนมากทั่วโลก ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกหนึ่งคนเสียชีวิตทุกทุกสองนาที มะเร็งชนิดนี้คร่าชีวิตผู้หญิงมากกว่าการคลอดบุตร ประมาณว่ามีผู้หญิงราว 275,000 คนเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกทุกปีทุกปีและ 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตจากมะเร็งชนิดนี้เป็นหญิงในประเทศกำลังพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากไม่มีแนวทางออกมาจัดการ คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นเป็นสี่แสนสามหมื่นรายต่อปีภายในอีก 17 ปีข้างหน้า หน่วยงาน Gavi alliance ได้เลือกประเทศกำลังพัฒนาแปดประเทศเพื่อเริ่มโครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนี้ ประเทศทั้งแปดนี้ได้แก่ กาน่า แคนยา มาดากัสก้า มาลาวี ไนเจอร์ เซียร่า ลีอง และแทนซาเนีย ในทวีปอาฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าและประเทศลาวในเอเชีย หน่วยงาน Gavi alliance กล่าวถึงเรื่องการรณรงณ์ครั้งนี้ว่า จะฉีดวัคซีนให้แก่จำนวนหนึ่งแสนแปดหมื่นคน โดยจะเริ่มในแคนยา กาน่าและเซียร่า ลีอง เป็นสามประเทศแรก ทางหน่วยงานยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มประเทศใดก่อนและหลัง ส่วนการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในแทนซาเนียจะเริ่มในปีหน้า การฉีดวัคซีนจะจัดทำภายใต้โครงการของโรงเรียน แต่ด็อกเตอร์เบิร์กลี่กล่าวว่ายังต้องมีการทำงานเพิ่มเติมในการพยายามให้บริการฉีดวัคซีนนี้แก่เด็กหญิงที่ไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย…
-
นักวิทยาศาสตร์ ค้นพบโปรตีน ที่ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
นักวิทยาศาสตร์ ค้นพบโปรตีน ที่ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ค้นพบโปรตีนชนิดใหม่ ที่มีชื่อว่า ether lipid ที่ช่วยระงับระงับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งชนิดที่ลุกลามรวดเร็ว นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัย California ได้ แปลงเซลล์ผิวหนังให้เป็นเซลล์มะเร็งในจานเพาะเชื้อ จากนั้นทำให้ enzyme AGPS หมดสภาพการทำงาน enzyme AGPS เป็น enzyme สำคัญในการสร้างโปรทีน ether lipid จากนั้น นักวิจัยฉีดเชื้อเซลล์ผิวหนังที่เป็นมะเร็งที่เพาะไว้ และเซลล์มะเร็งเต้านมที่ลุกลามเร็วให้หนูในห้องทดลอง ผลก็คือหนูเป็นมะเร็งอย่างรวดเร็ว แต่เพราะว่านักวิจัยได้ทำให้ enzyme AGPS หมดสภาพการทำงาน เซลล์มะเร็งในหนูจึงไม่เติบโตและไม่ลุกลามออกไป แต่ มะเร็งในจานเพาะเชื้อยังแพร่ตัวออกไปได้ แต่สามารถระงับการเติบโตในหนูได้ แต่สำหรับเนื้องอกที่ไม่เป็นเนื้อร้ายก็มีโปรทีน ether lipid นี้อยู่ด้วย แต่มีอยู่ในระดับต่ำ และเขาหวังว่า การทำให้ enzyme AGPS หมดสภาพการทำงาน จะป้องกันไม่ให้เนื้องอกกลายเป็นเนื้อร้ายได้ ขณะนี้ นักวิจัยกำลังพยายามพัฒนายาที่มุ่งเป้าไปที่ enzyme AGPS และหวังว่าเมื่อใช้ควบกับการทำเคมีบำบัด จะช่วยให้รักษามะเร็งที่รักษาได้ยากหลายชนิด นักวิจัยผู้นี้กล่าวไว้ด้วยว่า การปิดกั้นการทำงานของ enzyme AGPS จะไม่บำบัดรักษามะเร็งได้ทุกชนิด แต่เชื่อว่าจะเป็นวิธีรักษามะเร็งที่ได้ผลมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับการทำเคมีบำบัด
-
“Odoreader” เครื่องตรวจค่ามะเร็งจากกลิ่นปัสสาวะ
“Odoreader” เครื่องตรวจค่ามะเร็งจากกลิ่นปัสสาวะ นักวิจัยจากสถาบัน Biosensor Technology แห่งมหาวิทยาลัย West of Englan ได้วิจัยและพัฒนาเครื่อง “Odoreader” หรือ “เครื่องตรวจจับกลิ่น” ที่สามารถตรวจค่ามะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้จากกลิ่นปัสสาวะ เครื่อง “Odoreader” นี้มีเซนเซอร์ตรวจวัดระดับสารเคมีในก๊าซ ที่ขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ ก่อนจะประมวลและแสดงผลได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น โดยสามาระบุว่าบุคคลเจ้าของปัสาวะคนนั้นเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือไม่ เนื่องจากเครื่องมือตรวจกลิ่นหาค่ามะเร็งนี้ ทำงานคล้ายกลับจมูกของสุนัข และ เจ้าเครื่องมือตรวจกลิ่นนี้ น่าจะสามารถนำไปใช้ตรวจสุขภาพของเหล่าคนงานที่ทำงานในอุตสาหกรรมยางและฉนวนรังสี ซึ่งเป็นอาชีพที่เสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า ก๊าซชนิดไหนที่พบในปัสสาวะและเป็นตัวบ่งชี้ว่าคนนั้นๆป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และเป็นเรื่องที่พวกเขากำลังหาคำตอบอยู่ โดยคิดว่า จะสามารถพัฒนาต่อไปจนสามารถผลิตเครื่องตรวจมะเร็งจากกลิ่นนี้ออกวางจำหน่ายให้ใช้ในวงการแพทย์และโรงพยาบาลได้ในอนาคต แนวคิดการตรวจหามะเร็งกลิ่นปัสาวะ ยังเปิดทางให้สำหรับการค้นคว้าพัฒนาเครื่องมือตรวจกลิ่นเพื่อตรวจหาค่ามะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ อีกด้วย
-
การตรวจเลือดในผู้หญิงที่แข็งแรง สามารถช่วยให้ระวังมะเร็งปากมดลูกได้
การตรวจเลือดในผู้หญิงที่แข็งแรง สามารถช่วยให้ระวังมะเร็งปากมดลูกได้ ทีมนักวิจัยอเมริกันได้ทดลองใช้การตรวจเลือดหาโปรตีน CA-125 เพื่อช่วยตรวจหาโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูก กองทุนโลกเพื่อการวิจัยนานาชาติด้านมะเร็ง (World Cancer Research Fund International) เปิดเผยว่าเกือบ 2 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งทุกปีทุกปีทั่วโลก เป็นมะเร็งปากมดลูก คุณเเคเร็น ลู หัวหน้าภาควิชามะเร็งปากมดลูก (Gynecologic Oncology) แห่งมหาวิทยาลัย Texas M.D. Anderson Cancer Center ในเมืองฮูสตั้น กล่าวว่า ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งชนิดนี้ตอนที่มะเร็งอยู่ในระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นระยะที่เหลือโอกาสในการบำบัดให้ได้ผลน้อยมาก ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากตรวจพบมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น ประสิทธิผลของการบำบัดจะสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทีมนักวิจัยที่นำโดยคุณแคเร็น ลู เห็นว่าการตรวจเลือดผู้หญิงที่เเข็งเเรงดีตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไปจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตรวจหาโรคมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้นได้ ทีมแพทย์ใช้การตรวจเลือด ที่ตรวจหาระดับของโปรตีนที่เรียกว่า CA-125 ซึ่งเป็นปัจจัยในการยืนยันผลวินิจฉัยโรคมะเร็งปากมดลูก และยังใช้ในการตรวจดูความคืบหน้าผลการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกด้วย คุณลูและทีมงานได้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้วิธีตรวจเลือดหาระดับโปรตีน CA-125 เพื่อหามะเร็งปากมดลูกในหญิงที่อายุมากขึ้นและในหญิงวัยหมดประจำเดืิอน การศึกษานี้ยาวนานถึง 11 ปี มีผู้หญิงชาวอเมริกันที่ร่างกายเเข็งเเรงดีถึง 4,000 คนเข้าร่วมในการศึกษา ผู้เข้าร่วมการศึกษาอายุ…
-
การแต่งงาน สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น
การแต่งงาน สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีขึ้น รายงานจากมหาวิทยาลัย Brigham Young ในสหรัฐ สรุปว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนสนิท เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงานและสมาชิกในครอบครัว จะช่วยเพิ่มโอกาสของการมีอายุยืนยาวได้ถึง 50% โดยรายงานชิ้นนี้เปรียบเทียบผู้ที่ขาดความสัมพันธ์กับคนรอบข้างว่า มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่วันละ 15 มวน หรือผู้ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง รายงานอีกชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษระบุว่า การที่ผู้ชายได้พบเจอเพื่อนฝูงเป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้มีร่างกายแข็งแรงขึ้น โดยรายงานชิ้นนี้เจาะจงด้วยว่าการพบปะในหมู่เพื่อนฝูงผู้ชายอย่างมีนัยสำคัญ คือมีการพบปะอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งและต้องมีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างน้อย 4 คนขึ้นไป จะช่วยให้ร่างกายของคุณผู้ชายแข็งแรงขึ้นได้ รายงานจากสถาบันโรคมะเร็ง Dana-Farber ค้นพบว่าคนที่แต่งงานแล้ว มีโอกาสรอดชีวิตจากโรคมะเร็งมากกว่าคนโสดหรือคนที่หย่าร้าง โดยได้เก็บข้อมูลจากผู้ป่วยโรคมะเร็ง 700,000 คน พบว่าคนที่แต่งงานแล้วมีโอกาสตรวจพบมะเร็งได้เร็วกว่าคนโสด ทำให้สามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า เคล็ดลับเรื่องนี้คือคู่สามีภรรยานั้นมักจะกระตุ้นกันและกันให้ไปตรวจร่างกายเป็นประจำมากกว่าคนที่ยังไม่มีคู่ นอกจากนี้รายงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย Rice กับมหาวิทยาลัยรัฐ Pennsylvania ชี้ว่า คนที่หย่าร้างมีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ป้องกันได้มากกว่าคนที่แต่งงานอยู่ถึง 2 เท่า เช่นเหตุไฟไหม้ การถูกสารพิษ หรือการสูดดมควันพิษภายในบ้าน รายงานชิ้นนี้สรุปว่าคู่สามีภรรยามักจะคอยตักเตือนและระวังภัยให้กันและกัน รวมถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ รายงานจากมหาวิทยาลัย Michigan ระบุว่าคูสมรสที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีโอกาสสูงที่ชีวิตสมรสจะแข็งแรงตามไปด้วย…
-
ค้นพบวิธีบำบัดมะเร็งแบบใหม่ ด้วยการใช้โปรตีนพิฆาตกำจัดเซลล์มะเร็งในผู้ป่วย
ค้นพบวิธีบำบัดมะเร็งแบบใหม่ ด้วยการใช้โปรตีนพิฆาตกำจัดเซลล์มะเร็งในผู้ป่วย ทีมนักวิจัยในสหรัฐเชื่อว่าพวกเขาค้นพบวิธีบำบัดมะเร็งด้วยโปรตีนพิฆาตที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งลง การผ่าตัด การบำบัดด้วยรังสีและเคมีบำบัดมักได้ผลในการบำบัดผู้ป่วยมะเร็งในระยะเริ่มต้นหรือก่อนที่มะเร็งจะแพร่กระจายไปยังจุดอื่นของร่างกาย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าหากมะเร็งเเพร่ไปยังอวัยวะอื่นๆ โอกาสการบำบัดให้หายขาดมีน้อยมาก ขณะนี้ ทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Cornell University ในมหานคร New York ได้ค้นพบโปรตีนชนิดหนึ่งที่พวกเขาตั้งชื่อให้ว่า TRAIL ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกายผู้ป่วย คุณ Mike King เป็นหัวหน้าทีมงานที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่วิศวกรรมชีวการแพทย์ได้ฉีดโปรตีนพิฆาตชนิดนี้เข้าไปในเม็ดเลือดขาวในระบบภูมิต้านทานร่างกายเพื่อให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายและทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง โปรตีนพิฆาตฉีดเข้าไปในกระเเสเลือดช่วยให้ตัวโปรตีนไปเกาะบนเม็ดเลือดขาวและไหลเวียนไปได้ทั่วร่างกายพร้อมกับเซลล์เม็ดเลือดขาว และเมื่อโปรตีนพิฆาตนี้ไปสัมผัสกับเซลล์มะเร็งที่ไหลเวียนอยู่ในกระเเสเลือด โปรตีนพิฆาตก็จะกำจัดเซลล์มะเร็งให้ตายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทีมนักวิจัยทำการทดลองอีกครั้ง ด้วยการฉีดโปรตีนพิฆาตเข้าไปในกระเเสโลหิตของหนูทดลองที่เป็นมะเร็ง การบำบัดแบบนี้ได้ผลเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งทำลายตัวเอง หลังจากสัมผัสกับโปรตีนพิฆาตในกระเเสเลือด ความดันของของเหลวในร่างกายและจากกระเเสโลหิตที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ช่วยดันให้ตัวเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีตัวโปรตีนพิฆาตเกาะอยู่ ไปสัมผัสกับเซลล์มะเร็งที่เข้าไปในกระเเสเลือด ทำให้ได้ผลในการทำลายเซลล์มะเร็งร้ายได้อย่างดี อย่างไรก็ดี เซลล์มะเร็งยังสามารถเเพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ผ่านระบบต่อมน้ำเหลืองที่เป็นตัวผลิตและส่งผ่านของเหลวใส ไม่มีสี ซึ่งมีเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ทีมนักวิจัยด้านชีวการแพทย์กำลังคิดค้นหาทางบำบัดมะเร็งที่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งที่เข้าไปอยู่ในระบบต่อมน้ำเหลืองด้วย