Category: หลอดเลือดหัวใจ

  • กินเนื้อสัตว์แปรรูป เพิ่มโอกาสการเป็นโรคได้

    กินเนื้อสัตว์แปรรูป เพิ่มโอกาสการเป็นโรคได้

    กินเนื้อสัตว์แปรรูป เพิ่มโอกาสการเป็นโรคได้ มีการรวบรวมและการศึกษาจากฐานข้อมูลผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ที่ทำให้สรุปได้ว่า การกินเนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป และปรุงแต่งกลิ่นรสมากเกินไป เช่น ไส้กรอก หมูแฮม กุนเชียง หมูยอ ฯลฯ จะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ถึงร้อยละ 42 ทุก ๆ น้ำหนัก 50 กรัมที่กินในแต่ละวัน หรือมีขนาดเท่ากับเหรียญห้าบาท จำนวนหกเหรียญ แล้วยังพบด้วยการกินเนื้อสัตว์แปรรูปดังกล่าวที่มีปริมาณของเกลือ และสารไนไตรท์เป็นจำนวนมากนี้จะเพิ่มโอกาสการเป็นเบาหวานมากถึงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้กิน อีกทั้งผู้ที่กินเบคอนวันละสองชิ้น หรือกินฮอทด๊อกวันละชิ้น ยังเพิ่มโอกาสการเป็นเบาหวานขึ้น 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้กินด้วย ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือด ควรทานอาหารที่ปรงุแต่งแต่น้อย หรือไม่ปรุงแต่งเลย ทานเนื้อสัตว์ที่ปราศจากสารเคมี ไม่มีการเติมเกลือ ดินประสิว หรือสารใด ๆ กินแต่อาหารจากธรรมชาติ ผักปลอดสารพิษ ถั่ว หรือธัญพืชต่าง ๆ รวมทั้งผู้ปรุงอาหารก็ควรมีอารมณ์และจิตใจที่ดี จะทำให้อาหารมื้อนั้นมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ปราศจากสารก่ออันตราย ทำให้สุขภาพของผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น ช่วยเยียวยารักษาโรคได้ และทำให้สุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วยค่ะ

  • หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ “น้ำอัดลม”

    หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ “น้ำอัดลม”

    หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับ “น้ำอัดลม” แม้น้ำอัดลมจะเป็นเครื่องดื่มที่เราเห็นกันจนเจนตา และดื่มกันมากจนเจนปากก็ตาม แต่จะมีใครรู้บ้างว่าในน้ำอัดลมนั้น ให้โทษให้ประโยชน์และก่อผลกระทบอย่างไรต่อร่างกายบ้าง วันนี้มาดูกันชัด ๆ เลยค่ะ 8 ข้อ 1. แน่นอนล่ะว่าน้ำอัดลมต้องมีน้ำตาลอยู่สูงมาก เพราะเป็นสารที่ทำให้เครื่องดื่มมีความหวาน ดื่มแล้วสดชื่น แต่หารู้ไม่ว่าหากคุณดื่มทุกวัน คุณก็อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนเพราะได้รับน้ำตาลมากเกินความจำเป็น 2. ในน้ำอัดลมมีการอัดก๊าซเอาไว้ ดังนั้นการดื่มน้ำอัดลมก็จะทำให้ท้องอืด ปวดท้องแน่นท้องได้ เพราะเกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร 3. น้ำอัดลมมีความเป็นกรดสูง ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร จะยิ่งกระตุ้นแผลและทำให้อาการแย่ลง 4. อีกทั้งกรดในน้ำอัดลมยังทำให้เคลือบฟันเสื่อม เป็นสาเหตุของฟันผุอีกด้วย 5. สำหรับผู้ที่จัดฟัน การดื่มน้ำอัดลมจะทำให้เกิดคราบบริเวณรอยต่อระหว่างเหล็กและฟัน 6. นอกจากจะทำให้อ้วน น้ำหนักเกินแล้ว การดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปจะทำให้โพแทสเซียมในเลือดต่ำลง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ 7. ในน้ำอัดลมมีคาเฟอีน จึงทำให้ตื่นตัว แต่ก็อาจทำให้นอนไม่หลับ มีอาการใจสั่น กระทั่งปวดศีรษะได้ด้วย 8. การดื่มน้ำอัดลมทำให้กระดูกสูญเสียแคลเซียม ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนได้

  • ไตของคุณกำลังลำบากเพราะปากอยู่หรือเปล่า?

    ไตของคุณกำลังลำบากเพราะปากอยู่หรือเปล่า?

    ไตของคุณกำลังลำบากเพราะปากอยู่หรือเปล่า? คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวคุณเองกำลังทำร้ายไตของคุณด้วยพฤติกรรมการกินของตัวคุณเอง  จากสถิติแล้วมีคนไทยถึง 17.5%  ที่ตายด้วยโรคไต หรือคิดเป็นตัวเลขเฉลี่ยมีคนตายจากโรคไตถึงวันละ 108 คนเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุของโรคไตในคนไทยก็คือ คนไทยมีพฤติกรรมติดอาหารรสจัด และมักชอบเติมน้ำปลาหรือซอสปรุงรสมากเกินความจำเป็น   ทั้งที่ความจริงแล้วในอาหารจานด่วนบางชนิดมีปริมาณโซเดียมที่สูงมากอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม มีปริมาณโซเดียม 750 มิลลิกรัม, ผัดซีอิ๊ว มีปริมาณโซเดียม 1000 มิลลิกรัม, ข้าวราดแกง มีปริมาณโซเดียม 1250  มิลลิกรัม และ ยำวุ้นเส้น มีปริมาณโซเดียม 1500 มิลลิกรัม ในขณะที่ปริมาณโซเดียมที่ร่างกายเราต้องการอยู่ที่วันละ 2000 มิลลิกรัม  แต่จากการสำรวจนั้น คนไทยบริโภคโซเดียมถึงวันละ 4000 มิลลิกรัมต่อวันเข้าไปแล้ว!  นับเป็นตัวเลขที่น่ากลัวทีเดียว  เพราะหากร่างกายของเราได้รับโซเดียมมากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย  จะเกิดผลทำให้ไตทำงานไม่ปกติ เพราะโซเดียมตกค้างเกิดปริมาณ ก่อให้เกิดโรคไต  ซึ่งเป็นต้นเหตุให้คุณอาจต้องฟอกไตตลอดชีวิต, เป็นโรคความดันโลหิตสูง, เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด  ตลอดจนเป็นอัมพาตได้ ดังนั้นนอกจากตัวคุณเองแล้ว เรามาร่วมกันรณรงค์ “ลดเค็มก่อนสาย เพื่อไตคุณเอง” กันเถอะ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรักตลอดไปนะคะ

  • เคล็ดลับง่ายๆ  ดูแลหัวใจให้แข็งแรง

    เคล็ดลับง่ายๆ ดูแลหัวใจให้แข็งแรง

    เคล็ดลับง่ายๆ  ดูแลหัวใจให้แข็งแรง การดูแลสุขภาพของอวัยวะอย่างหัวใจ ที่ต้องทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรอกค่ะ แค่ใส่ใจให้มากขึ้นอีกนิด ลองดูเคล็ดลับดังต่อไปนี้ค่ะ 1. เลือกทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะปราศจากไขมันและคอเลสเตอรอลแล้วยังมีผลการวิจัยชิ้นล่าสุดพบด้วยว่า ผู้ที่ ผู้ที่รับประทานผักปรุงสุกอย่างน้อยวันละ 4 ถ้วย หรือผักสลัด หรือ ผลไม้ 8 ถ้วย เป็นประจำทุกวัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจได้ 2. ดูทีวีให้น้อยลง มีผลการวิจัยพบว่าผู้ที่ดูทีวีตอนกลางคืนมากกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไปจะเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่ดูทีวีน้อยกว่าวันละ 2 ชั่วโมง ซึ่งข้อสันนิษฐานเป็นเพราะว่า การนั่งดูทีวีเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดการอักเสบและมีส่วนทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นได้ สำหรับการดูทีวีให้น้อยลงแล้วคอเลสเตอรอลลดน้อยลงนั้น นั่นเป็นเพราะมีเวลาในการไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเพิ่มขึ้น อีกทั้งระหว่างเวลาที่เราดูทีวีเรายังหยิบขนมหรือของว่างกินไม่รู้ตัวอีกด้วย เมื่อดูทีวีน้อยลงก็จะทำให้บริโภคอาหารน้อยลง ไขมันและคอเลสเตอรอลก็จะน้อยลงไปโดยปริยาย เป็นเคล็ดลับที่ง่าย ๆ นะคะ ลองทำตามดูแล้วจะพบว่าคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดลดลงได้จริง แล้วยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ  

  • ยา aleglitazar ที่ใช้ลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานนั้น ไม่ได้ช่วยลดความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ

    ยา aleglitazar ที่ใช้ลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานนั้น ไม่ได้ช่วยลดความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ

    ยา aleglitazar ที่ใช้ลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานนั้น ไม่ได้ช่วยลดความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ นักวิจัยได้ศึกษาเรื่องตัวยา aleglitazar ซึ่งเป็นยาที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในร่างกายนั้น ไม่ได้ส่งผลให้ช่วยลดความผิดปกติของหัวใจ โรคหัวใจล้มเหลว หรือการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองในกลุ่มคนไข้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และผู้ที่เพิ่งมีอาการหัวใจล้มเหลว หรืออาการปวดเค้นหัวใจอยู่เรื่อยๆได้ ปัจจุบัน โรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจนั้นยังคงเป็นสาเหตุหลักของการตายในกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อยู่ ซึ่งไม่มีการรักษาด้วยยาที่ส่งผลต่อเบาหวาน หรือการควบคุมระดับกลูโคสอย่างเข้มงวดใดที่แสดงให้เห็นว่าจะสามารถลดความยุ่งยากของหัวใจหรือหลอดเลือดของหัวใจในกลุ่มคนไข้ดังกล่าวได้เลย โดยในการลดลองระยะที่ 2 นั้น aleglitazar สามารถลดระดับกลูโคสในเลือด ไตรกลีเซอไรด์ LCL และเพิ่มระดับของ HDL ให้สูงขึ้นได้ แพทย์และนักวิทยาศาสต์ก็ได้มีการทดลองเรื่องนี้กับผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการสุ่มให้ยา aleglitazar และการให้ยาหลอก โดยใช้เวลาประมาณ 104 สัปดาห์ พบว่า ไม่ได้ผล นักวิทยาศาสตร์พบว่าถึงแม้ aleglitazar นั้นจะลดระดับกลูโคสในเลือดและทำให้ระดับของ HDC และไตรกลีเซอไรด์เพิ่มขึ้นก็ตาม ตัวยาดังกล่าวนั้นไม่ได้ลดเวลาของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ อาการหัวใจล้มเหลว หรือการที่เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตันแต่อย่างใด ซึ่งเหตุดังกล่าวได้เกิดขึ้นในคนไข้จำนวนที่ได้รับยา aleglitazar 344 ราย (9.5%)  และ 360 ราย (10%) ในกลุ่มคนไข้ที่ได้รับยาหลอก และตัวยา aleglitazar นั้นได้ถูกเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่จะมีความผิดปกติของไต…

  • นักวิจัยพบร่องรอยโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ในมัมมี่อายุสี่พันปี

    นักวิจัยพบร่องรอยโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ในมัมมี่อายุสี่พันปี

    นักวิจัยพบร่องรอยโรคหลอดเลือดแดงตีบตัน ในมัมมี่อายุสี่พันปี ทีมนักวิจัยอเมริกัน ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์มัมมี่ทั้งหมด 137 ตัวเพื่อหาร่องรอยของโรคหลอดเลือดแดงอุดตันหรือตีบ และพบว่ามีหลักฐานแน่ชัดที่บ่งบอกว่าอย่างน้อย 1 ใน 3 ของมัมมี่ทั้งหมดในการวิจัยเป็นโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน มัมมี่ที่ทีมงานทำการศึกษามาจากอียิปต์และเปรูยุคโบราณ มัมมี่บางส่วนมาจากดินแดนที่กลายเป็นรัฐยูท่า สหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน และอีกจำนวนหนึ่งมาจากหมู่เกาะ Aleutian นอกฝั่งรัฐอลาสก้า ทั้งหมดเป็นมัมมี่จากหลายพื้นที่ในช่วงระยะเวลาทั้งหมดสี่พันปี มีวิถีชีวิตและลักษณะอาหารการกินแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยทั่วไป เราเชื่อว่าโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับวิถีีชีวิตสมัยใหม่ของคนในปัจจุบัน เมื่อทีมงานวิเคราะห์มัมมี่จากหมู่เกาะ Aleutian แล้ว พบหลักฐานว่า มัมมี่ 1 ใน 5 มีร่องรอยเป็นโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน ทั้งๆ ที่ในอดีตนั้น มัมมี่เหล่านี้มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมคือเป็นนักล่าสัตว์และเก็บของป่ากินเป็นอาหาร หนึ่งในมัมมี่ที่ศึกษาเป็นผู้หญิงชาวหมู่เกาะ Aleutian มีร่องรอยว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงอุดตันแบบรุนแรง เหมือนกับที่พบในผู้ป่วยในปัจจุบัน ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพียงวิธีเดียว โรคหลอดเลือดแดงอุดตันอาจทำให้หัวใจวายได้ แต่อาจจะไม่เสมอไป นักวิจัยอเมริกันกล่าวว่าไม่สามารถยืนยันได้เต็มร้อยว่าโรคหลอดเลือดแดงอุดตันที่พบในซากมัมมี่เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตหรือไม่ แต่สมาชิกทีมนักวิจัยท่านหนึ่งได้กล่าวว่า มีบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในอียิปต์หลายชิ้นที่บรรยายถึงอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินคล้ายๆ กับอาการหัวใจวาย

  • นักวิจัย พบว่า มลพิษทางอากาศ เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดอุดตัน และสมองขาดเลือดได้

    นักวิจัย พบว่า มลพิษทางอากาศ เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดอุดตัน และสมองขาดเลือดได้

    นักวิจัย พบว่า มลพิษทางอากาศ เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดอุดตัน และสมองขาดเลือดได้ นักวิจัยเปิดเผยว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะหายใจเอามลพิษเข้าไปในระดับสูง ทำให้มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดอุดตันเร็วขึ้นกว่าเดิม เพิ่มความเสี่ยงต่ออาการสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เมื่อเทียบกับคนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศน้อยว่า โรคหลอดเลือดอุดตันเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตหลักทั่วโลก เป็นเหตุให้เกิดอาการสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงหากหลอดเลือดเกิดอุดตันหรือชิ้นส่วนของก้อนที่อุดตันเส้นเลือดเกิดแตกออกเป็นชิ้นๆแล้วเข้าไปในสมองและทำให้เส้นเลือดในสมองอุดตัน การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโรคหลอดเลือดอุดตันกับมลพิษทางอากาศในกลุ่มคนจากหลากหลายเชื้อสาย หรือเรียกสั้นๆว่า MESA (the Multi-Ethnic Study of Atherosclerosis and Air Pollution) ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจากการวิเคราะห์ผลการตรวจอัลตราซาวด์ ทีมนักวิจัยพบว่าผนังหลอดเลือดของคนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูงเริ่มหนาขึ้นมากกว่าคนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศน้อยกว่า อากาศที่มีฝุ่นผงคาร์บอนดำขนาดเล็กมากปะปนอยู่ปริมาณสูง เป็นฝุ่นผงดำจากควันเสียรถบัสและควันเสียต่างๆในพื้นที่เขตเมืองทั่วโลกทำให้เกิดอาการอักเสบนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ ปกติผู้คนจะได้รับคำแนะนะให้อยู่ในบ้านไม่ออกไปไหนมาไหนในวันที่มีปริมาณมลพิษในอากาศสูง แต่เธอเห็นว่าแพทย์ควรพุดคุยเรื่องมลพิษทางอากาศกับผู้ป่วยของตนเหมือนกับคำถามเกี่ยวกับการสูบบุหรี่และลักษณะนิสัยทางโภชนาการของผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคอ้วน

  • เชื่อหรือไม่! การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ ส่งผลถึงชีวิต

    เชื่อหรือไม่! การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ ส่งผลถึงชีวิต

    เชื่อหรือไม่! การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ ส่งผลถึงชีวิต นักวิจัยพบว่า การเติมน้ำตาลในอาหารมากเกินไป ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ และอาจจะเพิ่มความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต โดยนักวิจัย ได้วิจัยว่าการที่คนเราบริโภคน้ำตาลเกินกว่า 20% ของปริมาณแคลอรี่เฉลี่ยต่อวันจะมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้นเป็นสองเท่าตัว โดยปกติแล้วค่าแคลอรี่เฉลี่ยต่อวันของคนธรรมดาอยู่ที่ 2,000 แคลอรี่ และการดื่มน้ำอัดลมเพียงหนึ่งกระป๋องก็จะให้ค่าแคลอรี่ราว 7 % ของจำนวนแคลอรี่ในแต่ละวัน แต่การวิจัยนี้มุ่งที่น้ำตาลซึ่งใส่เติมลงในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ใช่น้ำตาลซึ่งร่างกายได้จากผักหรือผลไม้โดยทั่วไป ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาความเกี่ยวพันระหว่างการบริโภคน้ำตาลกับโรคอ้วนมาแล้ว แต่ครั้งนี้การศึกษามุ่งเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลมากกว่าปกติ กับการเสียชีวิตด้วยโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ  

  • นักวิจัยชาวดัตช์ พบว่าสาร flavanol ในช็อคโกแลตดำ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ

    นักวิจัยชาวดัตช์ พบว่าสาร flavanol ในช็อคโกแลตดำ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ

    นักวิจัยชาวดัตช์ พบว่าสาร flavanol ในช็อคโกแลตดำ มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ นักวิจัยพบว่าสาร flavanol เป็นสารธรรมชาติในช็อคโกแลตที่ช่วยเพิ่มรสชาดแก่ช็อคโกแลตดำและยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ นอกจากรสชาดจะอร่อยเเล้ว ทีมนักวิจัยยังค้นพบว่าช็อคโกแลตดำ ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้สองทาง ประการเเรก ช็อคโกแลตดำช่วยสร้างความยืดหยุ่นแก่หลอดเลือดที่เริ่มแข็งตัวและประการที่สองช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์เม็ดเลือดขาวเกาะตัวภายในผนังหลอดเลือด อาการทั้งสองอย่างนี้จะนำไปสู่การอุดตันของหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ทีมนักวิจัยชาวดัตช์ กล่าวว่าในการศึกษา ทีมนักวิจัยเติมสารเฟลวินนอในปริมาณเท่ากันลงไปในทั้งช็อคโกแลตนมเละช็อคโกแลตดำ ผู้เข้าร่วมการวิจัยได้รับปริมาณสารเฟลวินนอไม่เเตกต่างกันแต่พวกเขากลับเลือกรับประทานช็อคโกแลตดำมากกว่าช็อคโกแลตนมเพราะความชอบมากกว่า เขากล่าวว่าสารเฟลวินนอช่วยให้รสชาดของช็อคโกแลตดำดีขึ้น คนจึงชอบและยังช่วยเพิ่มความนิ่มแก่หลอดเลือดทำให้ตอบสนองต่อการไหลเวียนเลือดได้ดีขึ้น เเละเมื่อผู้เข้าร่วมการทดลองรู้ว่าการรับประทานช็อคโกแลตดำมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ พวกเขาก็รู้สึกผิดน้อยลงที่เลือกกินช็อคโกเเลตดำตามใจปาก  ในอนาคต ทีมนักวิจัยหวังว่าจะสามารถพัฒนาแนวการบำบัดที่มีประโยชน์ต่อหัวใจเช่นเดียวกับช็อคโกแลตดำ