Category: เบาหวาน
-
9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!!
—
by
9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!! ในโอกาสครบรอบห้าสิบปีของการประกาศว่า การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญของ โรคมะเร็งปอด และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ล่าสุดมีการรับรองว่า 9 โรคใหม่ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสองจากผู้อื่นได้แก่ 1. มะเร็งตับ 2. มะเร็งลำไส้ 3. วัณโรค ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นวัณโรคมากขึ้น เสียชีวิตมากขึ้นและกลับมาเป็นซ้ำมากขึ้นด้วย 4. เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานถึงร้อยละ 30-40 เทียบกับผู้ที่ไม่สูบ 5. จอประสาทตาเสื่อมซึ่งจะสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น 6. เพดานปากแหว่งตั้งแต่เกิด ในแม่ที่สูบบุหรี่ 7. ตั้งครรภ์นอกมดลูก 8. โรคข้อรูมาตอยด์และภาวะภูมิต้านทานร่างกายลดลง 9. โรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือโรคเส้นเลือดในสมองแตกจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งรายงานฉบับนี้มีความสำคัญมากต่อประเทศไทย เพราะโรคมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นโรคมะเร็งที่ชายไทยเป็นมากที่สุด ในขณะที่เบาหวานและวัณโรคก็เป็นโรคที่คนไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น เป็นผลมากจากการสูบบุหรี่ของชายไทยที่สูงขึ้น งานนี้นอกจากผู้สูบบุหรี่ต้องรักษาสุขภาพของตัวเองแล้ว งานควบคุมยาสูบในประเทศไทยก็ยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งรัฐบาลอย่างจริงจังในการควบคุมด้วย
-
ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง
ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง โรคไตเรื้อรังก็คือ สภาวะของไตที่ถูกทำลาย ทำให้ไตทำงานได้ลดลง โดยสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรังก็ได้แก่โรคเรื้อรังเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ไตอักเสบ โรคถุงน้ำในไต ฯลฯ ซึ่งโรคไตจะมีอาการแย่ลงหรือทรุดลงทีละน้อยโดยผู้ป่วยไม่ค่อยรู้ตัว บางคนไม่เคยทราบมาก่อนว่าตัวเองเป็นจนอาการแย่แล้ว ดังนั้นควรได้รับการตรวจและรักษาแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้โรคไตเรื้อรังคงตัวและหายได้ แต่หากปล่อยไว้ไม่ตรวจหรือรักษาก็อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย ซึ่งไตจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป จำเป็นต้องได้รับการฟอกเลือดหรือผ่าตัดเปลี่ยนไต โรคไตเรื้อรังนี้มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง พันธุกรรมของคนในครอบครัว อายุที่มากขึ้นทำให้ไตเสื่อมสภาพลง เป็นคนที่อ้วนหรือเป็นโรคอ้วน และสูบบุหรี่ หากท่านอยู่ในข่ายดังกล่าวนี้ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะ รวมทั้งตรวจเลือดเพื่อหาค่าครีเอตินิน เพื่อนำเอาผลมาประเมินค่าการทำงานของไต ว่าไตทำงานได้มากน้อยเพียงใด หากได้ค่าการทำงานของไตต่ำก็อาจทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้ดังเดิม สูญเสียหน้าที่ในการกำจัดของเสียในร่างกายออกไป สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังนั้น เริ่มแรกอาการอาจไม่รุนแรง อาจมีอาการได้แก่ อ่อนแรง สมองตื้อ เบื่ออาหาร นอนไม่ค่อยหลับ ผิวคันและแห้ง เป็นตะคริวเวลากลางคืน เท้าและข้อเท้าบวม ตาบวมน้ำ โดยเฉพาะในตอนเช้า ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในเวลากลางคืน หากท่านพบว่าตนเองมีปัจจัยเสี่ยงและมีอาการของโรคดังกล่าวมาข้างต้นนี้แล้ว ควรรีบไปขอรับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาและคงอาการไว้ก่อนที่โรคไตเรื้อรังจะดำเนินไปถึงระยะรุนแรง ที่อาจทำให้ไตสูญเสียสมรรถภาพการทำงานไปอย่างถาวรได้ค่ะ
-
ออกกำลังกายพัฒนาสุขภาพ บรรเทาโรคต่าง ๆ ได้
ออกกำลังกายพัฒนาสุขภาพ บรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ การหาเวลาการออกกำลังกายวันละ 30 นาที เพียงแต่สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ยังผลให้สุขภาพกายเราดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยต่อต้านโรคภัยได้หลากหลาย ซึ่งการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณดังต่อไปนี้ 1. ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกายออกทางรูขุมขนซึ่งก็คือเหงื่อนั่นเอง ช่วยลดสารพิษตกค้างในร่างกายด้วย 2. ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น กว่าร้อยละ 70 ของคนที่ออกกำลังกายจะนอนหลับได้สนิทกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย ทั้งนี้ควรออกกำลังกายก่อนเวลา 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยค่ะ 3. ช่วยเสริมสร้างความจำ ทำให้ความจำดีขึ้น กระตุ้นความคิดและทำให้สุขภาพจิตดี ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์และโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ได้ 4. ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดเวลาการย่อยลง ลดความเจ็บปวดจากโรคริดสีดวงทวารและลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ดี ส่งเสริมให้หลอดเลือดและหัวใจทำงานได้มากขึ้น เพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารด้วย 5. ทำให้มีสุขภาพจิตทีดี ลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลต่าง ๆ ลดความคิดในการฆ่าตัวตายได้ 6. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง มวลกระดูกเพิ่มขึ้นและหนาแน่นขึ้น ลดความเจ็บปวดจากหลังได้ร้อยละ 80 กระตุ้นการทำงานของกระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกรานและกล้ามเนื้อโดยรอบ ช่วยขับของเสียออกจากล้ามเนื้อและกระดูกให้มีความแข็งแรงมากขึ้นได้ 7. ป้องกันโรคหวัด ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานต่อสู้กับเชื้อโรคได้รวดเร็วและตอบสนองได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงติดโรคเรื้อรังได้…
-
ประโยชน์ 14 ข้อจากการออกกำลังกาย
—
by
ประโยชน์ 14 ข้อจากการออกกำลังกาย 1. ลดความเจ็บปวดของร่างกายลงได้หากเกิดอุบัติเหตุหรือความเจ็บป่วย เพราะข้อต่อ กล้ามเนื้อต่าง ๆ จะมีความแข็งแรง จึงทำให้ได้รับผลกระทบจากความเจ็บป่วยหรือเหตุไม่คาดฝันต่าง ๆ ได้น้อยลง 2. ภูมิใจในรูปร่างที่เซ็กซี่ของตนเอง มีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้รู้สึกดีต่อตัวเองมากขึ้น ช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศให้มากขึ้นด้วย 3. การออกกำลังกายลดการอักเสบในช่องปากได้ จึงมีปัญหาโรคปริทันต์น้อยลงด้วย 4. ช่วยปลอดปล่อยพลังงานสะสมในร่างกายออกมา ลดอาการอ่อนเพลีย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า อารมณ์ดีขึ้น 5. ลดปริมาณไขมันที่เกิดขึ้นจากความเครียด หรือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจากความวิตกกังวล 6. ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดลงได้ถึงร้อยละ 33 สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้มากขึ้น 7. บำรุงสายตาได้ด้วยนะ ลดภาวะจุดรับภาพเสื่อมที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุได้ถึงร้อยละ 70 แต่ระหว่างกายออกกำลังกายกลางแจ้งควรสวมแว่นกันรังสียูวีไว้ด้วยล่ะ 8. ช่วยให้นอนหลับได้ลึกขึ้น ยาวนานขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น สุขภาพคุณจึงดีขึ้นหลายส่วน 9. แม้แต่การเดินก็ยังช่วยให้คุณห่างไกลโรคเบาหวานได้อีกหลายก้าวแล้ว 10. การออกกำลังกายช่วยลดไขมันรอบเอว ลดแก๊สในร่างกาย กระตุ้นการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ เร่งให้กระบวนการย่อยอาหารเร็วขึ้น 11. ทำให้สมองสดใสขึ้น มีความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ลดลง ป้องกันภาวะสมองตื้นสร้างกล้ามเนื้อให้สมองของตนเองได้…
-
ระวังการใช้สมุนไพร “ปอบิด” เสี่ยงไตวายได้
ระวังการใช้สมุนไพร “ปอบิด” เสี่ยงไตวายได้ ปัจจุบันนี้มีการนิยมนำเอาสมุนไพรบางชนิดมาช่วยบรรเทาและรักษาโรคเบาหวานกันมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ “ปอบิด” หรือ “ปอกะบิด” นั่นเอง ซึ่งแม้จะมีฤทธิ์ช่วยในการลดน้ำตาลได้เลือดได้ แต่ก็พบว่ามีผู้ป่วยบางรายมีอาการไตวายเป็นผลข้างเคียงด้วย อันตรายมาก! ซึ่งมีรายงานจากการวิจัยพบว่า ปอบิดนี้ช่วยรักษาเบาหวานได้จริง สามารถลดระดับน้ำตาลในหนูทดลองได้ แต่ก็ทำลายตับของหนู และกระตุ้นหัวใจของกบได้ด้วย ซึ่งสมุนไพรดังกล่าวยังไม่มีงานวิจัยในด้านพิษวิทยาล่าสุดนี้มีงานวิจัยจาก รศ.รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าแม้ปอบิดจะช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ให้ผลใกล้เคียงกับยาแผนปัจจุบัน แต่ก็ไม่สามารถทดแทนยารักษาเบาหวานได้จริง ผ็ป่วยควรตรวจการทำงานของตับและไตทุก 3 เดือน และห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้ในผู้ที่มีประวัติเป็นโรคตับหรือโรคไต รวมไปถึงผู้ที่มีพันธุกรรมเป็นโรคตับโรคไตในครอบครัวด้วย ผู้ป่วยเบาหวานนั้นมักจะมีตับ ไต ตับอ่อน หัวใจไม่แข็งแรงอยู่แล้ว เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย หากต้องการใช้สมุนไพรไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 7 วัน เพราะปริมาณสารเคมีจากสมุนไพรควบคุมได้ยาก และไม่ควรกินแทนยา จึงควรมีช่วยหยุดพักในการกินหรือทานสมุนไพรชนิดอื่น ๆ สลับกันไป เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่คาดไม่ถึงได้อีกในอนาคตค่ะ
-
ขอเถอะนะ… อย่าเลี้ยงลูกให้อ้วน
ขอเถอะนะ… อย่าเลี้ยงลูกให้อ้วน เด็กอ้วนจ้ำม่ำนั้นอาจจะดูน่ารักน่าอุ้ม แต่ความจริงแล้วการเลี้ยงเด็กให้อ้วนทำให้เด็กมีปัญหาสุขภาพหลายประการ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เด็กอ้วนก็เป็นไปได้ดังนี้ค่ะ – เด็กทานอาหารเก่ง ทานอะไรก็อร่อยไปหมด – เด็กไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เพื่อการเผาผลาญอาหาร – เป็นเด็กที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน พบได้น้อย แต่ก็สามารถรักษาได้ – เด็กมีความเครียด จึงระบายด้วยการกินอาหาร ความเครียดดังกล่าวอาจจะเป็นปัญหาเรื่องเพื่อน เรื่องการเรียน หรือความไม่อบอุ่นในครอบครัว การปล่อยให้เด็กอ้วนน้ำหนักเกินนาน ๆ นั้น อาจทำให้เกิดผลเสียได้ ไม่ว่าจะเป็น การเกิดเบาหวานในเด็ก ที่มักพบในครอบครัวที่มีกรรมพันธุ์เบาหวาน ทำให้เกิดโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง นอนกรน จนหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้กระดูกและข้อต่อเสื่อมก่อนวัยอันควรเพราะต้องรับน้ำหนักมาก ๆ เป็นเวลานาน ตลอดจนอาจทำให้พัฒนาการล่าช้าลง ทั้งการหัดนั่ง หัดคลาน เดิน อาจล่าช้ากว่าเด็กทั่วไป และส่วนใหญ่เด็กอ้วนก็มักถูกเพื่อนล้อ จึงมีนิสัยเก็บตัว เข้ากับผู้อื่นไม่ค่อยได้ การเรียนและสมาธิแย่ลง หากสังเกตเห็นว่าเด็กด้วนแล้ว ควรหันมาเอาใจใส่กับสุขภาพของลูก ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของอาหารการกิน ควบคุมปริมาณของแป้ง ไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ของทอด…
-
รู้จักเลือกถวายปัจจัยพระสงฆ์ ช่วยรักษาสุขภาพเพื่อกุศลอันยิ่งใหญ่
รู้จักเลือกถวายปัจจัยพระสงฆ์ ช่วยรักษาสุขภาพเพื่อกุศลอันยิ่งใหญ่ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า คือบุคคลผู้มีความสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งพุทธศาสนา ดังนั้นเราพุทธศาสนิกชนควรส่งเสริมให้ธรรมฑูตเหล่านี้ได้มีสุขภาพดี มีอายุขัยยืนยาว ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน เพื่อการเผยแผ่พุทธศาสนาได้อย่างเต็มศักยภาพไปตลอดชีวิต ด้วยกิจของสงฆ์และข้อปฏิบัติตามธรรมวินัย ทำให้พระสงฆ์มีวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากปุถุชน สุขภาพของท่านจึงสัมพันธ์กับวัตรปฏิบัติ ชุมชน สิ่งแวดล้อม ความเชื่อ วัฒนธรรม และความเคยชินของโยมอุปัฎฐากด้วย ทำให้พระสงฆ์ในปัจจุบันนี้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน และโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาอีกมาก การถวายอาหารสำหรับพระสงฆ์ พระสงฆ์จะฉันอาหารที่ได้จากการบิณฑบาต ไม่เลือกอาหาร ไม่ติดรสชาติอาหาร ฉันพออิ่ม เพื่อให้มีพลังงานในการดำรงชีวิตและปฏิบัติศาสนกิจ ดังนั้นอาหารถวายพระสงฆ์จึงควรเลือกที่มีไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย มีผักผลไม้ให้มาก ให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการป้องกันโรคภัยเบียดเบียน การถวายยาสำหรับพระสงฆ์ พระสงฆ์จะฉันอาหารแค่วันละ 1-2 มื้อเท่านั้น คือมื้อเช้าและมื้อเพล ดังนั้นในแต่วันจึงมีช่วงเวลาที่ไม่มีอาหารในกระเพาะยาวนาน ในด้านของแพทย์ผู้รักษาจึงต้องปรับการจ่ายยาให้เหมาะสมกับระยะเวลาการออกฤทธิ์ ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและยา รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนจากการฉันยาเมื่อท้องว่าง ยกตัวอย่างเช่น ยาสำหรับรักษาเบาหวาน ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดจะสัมพันธ์กับมื้ออาหารจึงต้องปรับให้เหมาะสมด้วย เพื่อการควบคุมระดับน้ำตาลได้ตลอดเวลา ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป การถวายสังฆทาน ความพิจารณาคุณภาพของอาหารและคุณประโยชน์ทางด้านโภชนาการ รวมไปถึงวันผลิตและวันหมดอายุด้วย บ่อยครั้งที่การถวายถังสังฆทานที่จัดชุดไว้ เป็นการถวายอาหารที่ใกล้หมดอายุให้กับหมู่สงฆ์ คุณอาจได้บาปแทนได้บุญ การถวายรองเท้าที่มีคุณภาพดี เพราะการเดินเท้าไปโปรดสัตว์ในหลายที่…
-
การดูแลผิวหนังสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การดูแลผิวหนังสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน กว่าร้อยละสามสิบของผู้ป่วยเบาหวานมักเกิดปัญหาผิวหนัง ได้แก่ อาการคัน ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อ ฝีหนอง แผลหายยาก ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรดูแลผิวหนังของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ – ทำความสะอาดผิวหนังและซับให้แห้งไว้เสมอ – บริเวณขาหนีบหรือรักแร้หลังอาบน้ำให้ซับให้แห้งและโรยแป้งฝุ่นไว้ ไม่ควรปล่อยให้อับชื้น โดยเฉพาะคนที่อ้วนเพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย – หากเป็นคนที่มีผิวแห้ง ควรทาโลชั่นหรือครีมเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง หากมีเหงื่อออกมาสามารถทาแป้งฝุ่นบาง ๆ ให้สบายตัวขึ้นได้ – หากจำเป็นต้องออกแดด ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง – หลีกเลี่ยงการเกาหรือขีดข่วนอื่น ๆ – สำรวจผิวหนังตนเองสม่ำเสมอว่ามีตุ่ม ผื่น ก้อนหรือบาดแผลหรือไม่ – หากต้องฉีดอินซูลินควรดูว่าบริเวณที่ฉีดมีแผลหรือการอักเสบหรือเปล่า – ไม่ควรอาบน้ำร้อนเกินไป หรือแช่ฟองสบู่เพราะผิวจะยิ่งแห้ง ไม่ควรฟอกสบู่ยาหรือสบู่ที่มีฤทธิ์ทำให้ผิวแห้ง และหลังอาบน้ำควรทาครีมบำรุงผิวให้ความชุ่มชื้นด้วย ยกเว้นบริเวณซอกนิ้วเพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราได้ – หากมีบาดแผลควรทำแผลให้ถูกวิธี สำหรับแผลสดให้ใช้น้ำเกลือทำแผล ห้ามใช้แอลกอฮอล์ ยาแดง หรือไอโอดีนเพราะจะระคายเคือง และควรปิดบาดแผลด้วยผ้าทำแผลที่สะอาด – ในช่วงฤดูหนาว หรืออากาศแห้งและเย็น ให้ใช้เครื่องทำความชื้นในบ้าน เพราะบาดแผลบนผิวหนังของผู้ป่วยโรคเบาหวานจะหายยาก ดังนั้นควรรักษาสุขภาพผิวหนังไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ
-
ธัญพืช อาหารที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจได้
ธัญพืช อาหารที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจได้ มีการศึกษาวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า การทานธัญพืชไม่ขัดสีเป็นจำนวนมากจะช่วยส่งเสริมให้หลอดเลือดมีสุขภาพดีป้องกันความเสี่ยง ในการเป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจได้ด้วย ซึ่งการวิจัยหนนี้เป็นของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เวคฟอคเรสต์ โดยการสำรวจจากอาสาสมัครชายหญิงหลายวัยและอาชีพ พบว่า ผู้ที่ทานธัญพืชไม่ขัดสีมากที่สุด จะมีผนังหลอดเลือดบางที่สุด และเมื่อเวลาผ่านไปห้าปี ผนังหลอดเลือดสมองจะมีความหนาขึ้นช้าที่สุด อนึ่ง ผนังหลอดเลือดที่หนาตัวขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะหลอดเลือดแข็ง อันเกิดจากไขมันสะสม ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และโรคหลอดเลือดสมองอื่น ๆ ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีผู้วินัยไว้แล้วว่าการทานธัญพืชไม่ขัดสีเป็นจำนวน จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นเบาหวานชนิดที่สองและโรคหัวใจได้ด้วย ธัญพืชไม่ขัดสีนี้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีความซับซ้อน มีเส้นใยอาหารสูงมาก และยังมีวิตามินบี วิตามินบี และสารอาหารอีกมากมาย ปัจจุบันยังมีชาวอเมริกันไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ทานธัญพืชไม่ขัดสีวันละสามมื้อ ส่วนมากทานวันละไม่ถึงมื้อ ซึ่งนักวิจัยได้แนะนำให้เพิ่มขนมปังแป้งไม่ขัดขาวหนึ่งแผ่น หรือซีเรียลไม่ขัดสีอีกหนึ่งถ้วย ในอาหารแต่ละมื้อเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคเบาหวานด้วย คนไทยเองก็ควรหันมารับประทานธัญพืชไม่ขัดสีเหล่านี้ให้มากขึ้นนะคะ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคดังกล่าว ยังทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่อ้วน อิ่มอยู่ท้องได้นาน ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นไปด้วยดี อีกทั้งธัญพืชเหล่านี้ยังมีราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับอาหารอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ
-
ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต
ป้องกันตัวเองจากอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ทุกปีจะมีคนเสียชีวิตจากอาการอัมพาตถึงกว่าปีละหกล้านคน มากกว่าการตายจากโรคเอดส์ วัณโรคและมาเลเรียรวมกันเสียอีก เฉพาะในประเทศไทยเองมีคนตายจากโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉลี่ยถึงวันละเกือบ 40 ราย หากคุณไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น ก็ควรมาทำความรู้จักกับโรคนี้และหาวิธีป้องกันไว้ก่อนดีกว่า โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองนี้เป็นโรคที่เกิดจากการที่สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้สูญเสียการควบคุมการทำงานของร่างกาย แบ่งออกเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน และอีกชนิดก็คือหลอดเลือดสมองแตก ผู้ที่มีความเสี่ยงมากก็จะเป็นในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มีกรรมพันธ์เป็นโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มคนอ้วน ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำและผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมานี้ควรใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น จะป้องกันได้กว่าร้อยละ 80 ควรปฏิบัติตามดังต่อไปนี้ 1. ควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินมาตรฐาน โดยให้มีค่าดัชนีมวลกายอยู่ที่ 18.5-22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร 2. ลดอาหารหวาน มัน เค็ม แล้วทานผักและผลไม้ไม่หวาน รวมไปถึงธัญพืชต่าง ๆ ให้มากขึ้น 3. หากตนเองเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือโรคอื่น ๆ ก็ควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำ 4. ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง อาทิตย์ละ 3-4 วัน 5. งดการดื่มเหล้า และการสูบบุหรี่ รวมไปถึงควันบุหรี่มือสองด้วย…