Category: อาหารเพื่อสุขภาพ
-
สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน
สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน หนุ่มๆ สาวๆ ท่านไหน ที่สะสมไขมันไว้ในร่างกายมากๆ ขอบอกเลยนะ ว่าไม่ใช่ผลดีเลย เพราะไขมันที่อยู่ในร่างกายของเรา ถ้าหากมีปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้โทษกับร่างกาย ซึ่งโทษที่เกิดจากการที่ไขมันสะสม ที่เกาะผนังลำไส้ กระเพาะอาการ จะทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เช่น – ถุงน้ำดี โรคนี้จะมีอาการนอนไม่หลับ เป็นนิ่วในไต สายตาเสื่อมลง และจะปวดเมื่อยตามร่างกาย – เลือดเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จะทำให้มึนศรีษะ – ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลง และจะกลายเป็นคนขี้หนาว – ม้ามชื้น ทำมห้อาหารที่เราทานเข้าไป แปรสภาพเป็นไขมัน และส่งผลให้เป็นคนอ้วนง่าย – ม้ามโต ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากม้ามไปเบียดปอด – หากไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะส่งผลให้ลำไส้เล็ก ไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ และจะทำให้เป็นหวัดในตอนเช้า หรือเป็นหวัดเรื้อรัง อาจจะมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ และมักจะมีอาการจามในตอนเช้า – ถ้ามีไขมันในตับสูง จะส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดไม่ปกติ หากดื่มตามสูตรนี้ จะช่วยลดหน้าท้อง และยังส่งผลให้อาการทั้ง 7…
-
“กระเจี๊ยบเขียว” ช่วย DETOX ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม
“กระเจี๊ยบเขียว” ช่วย DETOX ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม รู้กันรึเปล่า? ว่า “กระเจี๊ยบเขียว” เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการอาหารอย่างสูง เนื่องจากในกระเจี๊ยบเขียว จะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นในสูง ส่วนมาเรามักจะนำกระเจี๊ยบเขียวมาเป็นผักเคียงกับน้ำพริก นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำอาหารได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แกงต่างๆ ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว ยำกระเจี๊ยบเขียว หรือจะเป็นอาหารว่างอย่าง กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอดเป็นต้น สรรพคุณทางยาของกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียว นั้นเป็นพืชผัก ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ เนื่องจากในฝักกระเจี๊ยบเขียวนั้น จะมีเมือกจำพวกเพ็กติน Pectin และ กัม Gum ที่จะสามารถช่วยเคลือบหรือสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้อย่างดีเยี่ยม และยังช่วยให้แผลไม่ลุกลาม ช่วยรักษาความดันให้เป็นปกติ ช่วยบำรุงสมอง และยังมีสรรพคุณเป็นยาระบาย แถมยังสามารถช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้ดีอีกด้วย (แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะต้องมีการรับประทานติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 15 วันนะค๊ะ) ผลสำรวจจากการแปรรูปกระเจี๊ยบเขียว ให้ข้อมูลมาว่า – รับประทานกระเจี๊ยบเขียว 10-15 ฝัก ทุกวันจะช่วยบำรุงตับได้ดี – รับประทานกระเจี๊ยบเขียว 3-5 ฝัก ก่อนอาหารทุกวัน จะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร –…
-
สูตรน้ำเต้าหู้ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและสมอง !
สูตรน้ำเต้าหู้ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและสมอง ! สวัสดีค่ะ… วันนี้เรามีเคล็ดลับ การนำน้ำเต้าหูมาเป็นอาหารเสริม ช่วยในเรื่องบำรุงสุขภาพ ร่างกาย และสมอง แถมยังช่วยในเรื่องของสายตา ยิ่งถ้ารับประทานเป็นประจำ ยังมีสรรพคุณอีกหลายๆอย่าง ที่ช่วยพัฒนาและบำรุงร่างกายของเรา ลองไปดูกันว่า สูตรน้ำเต้าหู้บำรุงร่างกายนี้มีอะไรบ้าง? 1. น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย : จะต้องใช้น้ำเต้าหู้ที่ไม่ใส่น้ำตาลทราย ใช้น้ำเต้าหู้อุ่น ไม่ร้อน ไม่เย็น 2. น้ำมะนาว : ใช้มะนาว 1 ลูก วิธีทำก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่น้ำน้ำมะนาวใส่ลงไปในน้ำเต้าหู้ แล้วคนให้เข้ากัน เมื่อใส่น้ำมะนาวลงไป น้ำเต้าหูจะมีลักษณะข้น หรือคล้ายๆวุ้นหรือโจ๊ก เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ถึงหน้าตาจะดูไม่น่าทาน แต่ขอบอกไว้เลยว่า ช่วยบำรุงสุขภาพได้จริง และมีสรรพคุณต่างๆดังนี้ 1. ช่วยให้ระบบเส้นเลือดฝอยในร่างกาย มีความยืดหยุ่นดี ไม่เปราะหรือแตกง่าย หากคนที่มีปัญหาในเรื่องของเส้นเลือดฝอยเปราะ หรือแตกง่าย หรือมีเลือดออกตามร่างกาย เช่น เลือดออกที่เยื่อบุตาขาว หรือในคุณผู้หญิงที่มักจะมีรอยจ้ำ เขียวในเวลาที่ถูกกระแทกได้ง่าย หรือในผู้สูงอายุ ที่มักมีเลือดออกใต้ผิวหนัง เมื่อทานสูตรนี้เข้าไปแล้ว…
-
“ชาเขียว” ดื่มชื่นใจ รักษารังแคได้ด้วย
“ชาเขียว” ดื่มชื่นใจ รักษารังแคได้ด้วย วันนี้จะพูดถึงชาเขียวที่เรานำเอามาดื่มกันชื่นใจ ได้ทั้งร้อนทั้งเย็น ดื่มได้ทั้งวัน แล้วยังรู้ไหมคะว่า นอกจากดื่มชื่นใจร่างกายได้ประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังป้องกันรังแคได้อีกด้วย ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก เพียงนำเอาชาเขียวมาหมักผมเท่านั้นเอง ขั้นตอนก็คือนำเอาผงชาเขียวมาผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำมาชโลมบนหนังศีรษะให้ทั่ว ชาเขียวที่มีความฝาดจะช่วยลดความคันบนหนังศีรษะ และน้ำมะนาวก็ช่วยลดความมันและทำให้หนังศีรษะสดชื่นขึ้น จึงทำให้หนังศีรษะที่เป็นรังแคอยู่ทุเลาลง การหมักผมวิธีนี้ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง เชื่อได้เลยว่าไม่กี่ครั้งเท่านั้นคุณจะติดใจว่าวิธีนี้ทำให้ผมและหนังศีรษะมีสุขภาพดี ไม่คันหรือมีรังแคบนหนังศีรษะอีกต่อไปค่ะ
-
“ปลาทู” อาหารชะลอความชรา
“ปลาทู” อาหารชะลอความชรา ปลาทูเป็นปลาทะเลที่หาทานได้ง่ายมากในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคไหนของประเทศเดี๋ยวนี้ซื้อหาปลาทูทานกันได้แล้วแทบทั้งนั้น แม้จะเป็นจังหวะที่อยู่ห่างชายฝั่งก็ตาม มีราคาไม่แพง แล้วยังเป็นแหล่งของสารอาหารประเภทโปรตีนต่าง ๆ มากมายด้วย เพราะในเนื้อปลาทูสด 1 ขีด จะให้พลังงาน 140 กิโลแคลรี่ ให้โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี1, 2 วิตามินซี รวมทั้งไนอะซินกับร่างกายด้วย และความลับที่ปลาทูกลายเป็นอาหารชะลอความชราได้ก็คือ ให้ทานปลาทู 2 ตัวต่อวันพร้อมกับผักใบเขียววันละเพียง 5 กำมือ ร่างกายก็จะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอต่อการยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ได้ ทั้งวิตามินและสารอาหารที่มากมายเช่นนี้ ปลาทูจึงควรคู่เป็นอาหารประจำสำรับกับข้าวของคนไทยเรานะคะ
-
กินปลาทูน่าและปลาแซลมอนกันเถอะ…ช่วยลดความดันได้นะ
กินปลาทูน่าและปลาแซลมอนกันเถอะ…ช่วยลดความดันได้นะ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าปลาทูน่าและปลาแซลมอน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้าสามนั้น สามารถป้องกันการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ แล้วยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย ซึ่งผลการวิจัยนี้ทางด้านมหาวิทยาวอชิงตันก็ได้มีความเห็นที่สอดคล้ายไปในทางเดียวกัน แล้วยังแนะอีกว่าสำหรับผู้สูงวัยที่ทานปลาทูน่าสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไปนั้น ช่วยลดภาวะความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ถึง 50% เลยทีเดียว แต่การทานทูน่าที่จะเป็นประโยชน์และดีต่อสุขภาพได้จริงๆ นั้น ควรปรุงให้สุกด้วยวิธี นึ่ง อบ หรือย่างเท่านั้น เพราะหากนำไปทอด จะทำให้ผู้ที่รับประทานไม่ได้รับประโยชน์จากการลดภาวะความเสี่ยงโรคหัวใจ ในส่วนของคนไทยนั้นการหาปลาทูน่าและปลาแซลมอนมาทานเป็นประจำอาจเป็นเรื่องยาก คุณอาจลองเลือกซื้อน้ำมันโอเมก้าสามที่สกัดจากปลาแซลมอนมาทานแทนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
-
ความรู้ทางยาจาก “หอยแครง”
ความรู้ทางยาจาก “หอยแครง” หอยแครงเป็นยาชนิดหนึ่งนะคะ แต่เป็นยาในตำราแพทย์แผนไทยค่ะ จัดอยู่ในเปลือกหอย 9 เวลานำมาปรุงยาจะนำไปเผาไฟให้สุกจะได้ปูนหอย ซึ่งมีฤทธิ์ในการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ดังต่อไปนี้ค่ะ – ลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยขับลม และบรรเทาอาการจุกเสียดในช่องท้อง – ช่วยให้ระบายแก๊สได้ดี ทำให้เรอได้ – ช่วยล้างลำไส้ – แก้กระษัยนิ่ว ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ – บำรุงไตพิการ – บำรุงกระดูก – ใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อรักษากระษัย หรือ ปวดท้องน้อยเป็นกำลัง – หากใช้ร่วมกับพืชและหอยชนิดอื่นๆ จะช่วยขับพยาธิได้ด้วย – รักษากระษัยจุก ด้วยการขับลม ล้างลำไส้ ขับปัสสาวะ แก้ท้องร่วง และสมานลำไส้ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือการนำเปลือกหอยไปปรุงยาแล้วนำมาทานเท่านั้น การปรุงยาก็จำเป็นต้องอาศัยแพทย์แผนไทยที่มีความรู้นะคะ อย่าเพิ่งไปลองทำเองค่ะ
-
กะหล่ำดาว ..อาหารสำหรับคนที่อยากมีลูก
กะหล่ำดาว ..อาหารสำหรับคนที่อยากมีลูก มีผลการวิจัยออกมาว่าผักที่มีประโยชน์สำหรับคู่สามีภรรยาที่อยากมีลูกนั้น หากได้ทาน “กะหล่ำดาว” หรือ “บรัสเซลส์ สเปราท์ส” (brussels sprouts) แล้วจะช่วยให้ภาวะเจริญพันธ์มีความสมบูรณ์ขึ้น เพราะในกระหล่ำดาวนั้นมีกรดโฟลิกสูง จึงช่วยให้ผู้ที่ตั้งครรภ์แล้วลดอัตราเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด และลดอัตราลูกที่คลอดออกมาไม่สมประกอบด้วย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนที่มีชื่อว่า ได อินโดลิลมีเทน ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ทำให้ภาวะเจริญพันธ์ในผู้หญิงมีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีการยืนยันจากโภชนากรด้วยอีกด้วย หากคู่สามีภรรยารับประทานกะหล่ำดาวมากขึ้น ยังช่วยให้มีลูกง่ายขึ้นด้วย ผู้ที่ลองหาอาหารเสริมสำหรับบำรุงการเจริญพันธ์ น่าลองทานกะหล่ำดาวให้เป็นประจำดูนะคะ น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ
-
6 พืชผักสมุนไพร ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร
6 พืชผักสมุนไพร ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร สำหรับคนที่มีมักจะมีปัญหาในเรื่องของการย่อยอาหาร และการดูดซึมอาหารอยู่บ่อย ๆ ทุกมื้อของอาหารลองทานผักหรือสมุนไพรเหล่านี้ ดูจะช่วยลดอาการในช่องท้องได้ดีเลยทีเดียวค่ะ 1. พริกขี้หนูสด ความเผ็ดร้อนของพริกช่วยให้ช่องปากหลั่งน้ำลายออกมามากขึ้น จึงทำให้แป้งถูกย่อยและดูดซึมในปากได้ดี กระเพาะและลำไส้จึงทำงานน้อยลง 2. กระเพรา แม้ผัดกระเพราะจะดูเป็นอาหารสิ้นคิดก็ตาม แต่สรรพคุณของผักชนิดนี้นั้น มีเหลือคณานับ เพราะช่วยให้กระเพาะอาหารขับน้ำดีออกมามากขึ้น จึงสามารถย่อยอาหารเราได้มากขึ้น ช่วยย่อยไขมัน และระบายแก๊สได้ จึงลดอาการจุกเสียดไปด้วยในตัว 3. กระเทียม การทานกระเทียมสด ๆ ทันทีหลังอาหารจะช่วยให้กระเพาะของคุณย่อยอาหารได้ดีขึ้น เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหากระเพาะไม่ย่อยอาหาร แล้วยังช่วยแก้ท้องอืด ขับลมได้ด้วยนะ 4. แมงลัก เป็นยาช่วยย่อยชั้นเลิศเลยทีเดียว แถมยังช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เพียงทานใบแมงลักสด ๆ มื้อละ 4-5 ใบก็พอ สบายท้องขึ้นเยอะเลยค่ะ 5. หอมแดง หอมแดงมีสารฟลาโวนอยด์ เพคติน ไกลโคไซด์ และกลูโคคินินอยู่สูงมาก ช่วยบำรุงลำไส้ และช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหารด้วย 6. ตะไคร้ หากการกินสด ๆ ทำให้รู้สึกว่ากินยาก…
-
มากินชีสกัน.. ลดปัญหาในช่องปากและฟันผุด้วย
มากินชีสกัน.. ลดปัญหาในช่องปากและฟันผุด้วย มีอาหารอยู่ชนิดหนึ่งค่ะที่ช่วยป้องกันฟันผุได้ แถมยังทานได้อร่อยอีกด้วย อาหารชนิดนั้นก็คือ “ชีส” นั่นเองค่ะ เพราะมีผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่พบว่า ชีส..อาหารมัน ๆ ที่คนอ้วนแสนจะกลัวกันนี้ มีผลดีต่อสุขภาพในช่องปากและฟัน ซึ่งได้ทำการวิจัยกับเด็ก ๆ 3 กลุ่ม ให้กลุ่มแรกดื่มนม อีกกลุ่มกินโยเกิร์ตสูตรไม่มีน้ำตาล ส่วนกลุ่มสุดท้ายให้กินชีส ถึงแม้จะกินไม่เหมือนกันแต่ก็ให้เด็กทุกคนทำความช่องปาก และแปรงฟันเหมือนกันทุกคน และสิ่งที่แตกต่างกันที่นักวิจัยตรวจพบก็คือ ค่าความเป็นกรดด่างในช่องปากของเด็ก ๆ เหล่านั้น สำหรับสองกลุ่มแรกที่ดื่มนมและโยเกิร์ตนั้น ค่าพีเอชไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งก่อนและหลังการกินอาหารทดลอง แต่กลุ่มที่กินชีสไปแล้วนั้น ภายในช่องปากมีสภาพความเป็นด่างมากขึ้น นั่นเป็นเพราะชีสมีส่วนช่วยในการผลิตน้ำตาลซึ่งมีสภาพเป็นด่างมากขึ้น ช่วยปรับสมดุลมิให้ภายในช่องปากเป็นกรดมากเกินไป จึงช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุ สึก กร่อน อีกทั้งระหว่างการกัดหรือเคี้ยวชีสนั้น ยังปล่อยสารบางอย่างทำหน้าที่เสมือนฟิล์มเข้าเคลือบฟันป้องกันกรดจากอาหาร จึงช่วยลดโอกาสฟันผุได้อีกทางหนึ่งด้วย