Category: อาหารเพื่อสุขภาพ

  • ฤดูร้อนควรทานอาหารที่ให้ฤทธิ์เย็น

    ฤดูร้อนควรทานอาหารที่ให้ฤทธิ์เย็น

    ฤดูร้อน…ควรทานอาหารที่ให้ฤทธิ์เย็น ในช่วงฤดูร้อนนั้น นอกจากการทำร่างกายให้มีอุณหภูมิกำลังสบาย นั่งนอนเปิดพัดลม เปิดแอร์อยู่บ้าน ไปท่องเที่ยวน้ำตกหรือธรรมชาติที่เย็นสบาย จิบน้ำดื่มเย็น ๆ คลายร้อนแล้ว อาหารที่ควรรับประทานก็ควรเลือกชนิดที่ช่วยให้ร่างกายเย็นขึ้นได้ด้วยนะคะ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกายของเรา ไม่ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ จากฤทธิ์ร้อนได้ โดยลักษณะของอาหารที่มีฤทธิ์เย็น จะมีรสชาติที่จืด หวานจากธรรมชาติแต่ไม่มาก ให้เส้นใยสูงแต่ให้พลังงานต่ำ รสไม่จัด แบ่งตามลักษณะของพืชก็จะเป็นพืชที่ขึ้นสูงอยู่ใกล้แสงแดด เช่น มะพร้าวอ่อน หรือยอดผักต่าง ๆ ก็จะเย็นที่สุด มักมีลักษณะเนื้อยุ่ย หลวม เรียว บาง ชุ่ม สด อ่อน มักมีสีสัน โทนขาวหรือเขียว เหลืองกลาง ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของอาหาร แต่เมื่อทานเข้าไปแล้วจะรู้สึกสบายคอ ชุ่มคอ ไม่ระคายเคือง และต่อไปนี้คือตัวอย่างของอาหารในกลุ่มที่ให้ฤทธิ์เย็น กลุ่มข้าวแป้งน้ำตาล ได้แก่ เส้นหมี่ ก๋วยเตี๋ยวที่ไม่มีน้ำมัน วุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง น้ำตาลธรรมชาติ กลุ่มโปรตีน ได้แก่ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วขาว ฯลฯ…

  • ผักปลัง ผักพื้นบ้านมากประโยชน์

    ผักปลัง ผักพื้นบ้านมากประโยชน์

    ผักปลัง ผักพื้นบ้านมากประโยชน์ ผักปลัง หรือ ผักปั๋งในภาษาท้องถิ่นนั้น เป็นผักพื้นบ้านของไทยขึ้นอยู่ตามที่ชื้นทั่วไป มีอยู่สองชนิดก็คือ ผักปลังขาว และผักปลังแดง มีถิ่นกำเนิดทั้งในเอเชียและแอฟริกา ขึ้นได้ง่ายในที่ชุ่มชื้นกับดินทุกประเภท มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย ลำต้นกลมเป็นสีเขียวหรือสีม่วงแดง อวบน้ำ แตกกิ่งก้านสาขาได้มาก ใบมีลักษณะมัน รูปร่างกลมหรือรูปไข่เรียงสลับกัน แผ่นใบอวบน้ำ กว้างประมาณ 2-6 เซนติเมตรและยาว 2.5-7.5 เซนติเมตร ส่วนดอกนั้นจะมีสีขาวหรือชมพูม่วง ไม่มีก้านดอก ออกดอกเป็นช่อ ตรงปลายแยกเป็นแฉก ๆ คุณค่าทางอาหารของผักปลัง ผักปลังให้แร่ธาตุและวิตามินมากมายโดยเฉพาะเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและช่วยป้องกันมะเร็งได้ การทานก็จะนำเอายอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน ซึ่งมีรสจืดเย็นมากินเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือนำมาแกงแบบต่าง ๆ ทั้งแกงส้ม แกงแค แกงปลา นำมาผัดกับแหนมหรือใส่แกงอ่อมหอย ก็ได้ ฯลฯ ส่วนประโยชน์ทางยาของผักปลังนั้น สามารถนำเอาก้านมาแก้พิษฝี ท้องผูก ลดไข้ได้ ใบนำมาขับปัสสาวะ แก้อาการอักเสบ กลาก น้ำคั้นจากใบใช้บรรเทาอาการผื่นคัน นำดอกมาแก้เกลื้อนได้ ส่วนราก นำมารักษาอาการเท้าด่าง รังแค…

  • ผัดผักไขมันต่ำ ทานได้ทานดีไม่มีอ้วน

    ผัดผักไขมันต่ำ ทานได้ทานดีไม่มีอ้วน

    ผัดผักไขมันต่ำ ทานได้ทานดีไม่มีอ้วน เมนูที่ประกอบขึ้นจากผักนั้น เป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก ทำได้หลายรูปแบบ วันนี้จะนำเอาผัดผักที่สามารถทานได้บ่อย ๆ ใช้น้ำมันน้อย และมีรสชาติของผักที่เป็นธรรมชาติมาก หากเป็นผักที่ปลูกเอง และเครื่องปรุงที่หมักเองแล้ว คุณจะยิ่งไม่เชื่อเลยว่าแค่ผัดผักจะอร่อยได้ขนาดนี้ การเตรียมผักสำหรับทำเมนูนี้นั้น ก็ให้เลือกผักที่ชอบและควรมีผักประเภทหัวบ้าง เช่น หัวหอมใหญ่ ผักประเภทราก เช่น แครอท หัวไชเท้า และผักประเภทใบหรือดอก เช่น คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกาด บร็อกโคลี่ ฯลฯ นำมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเตรียมเอาไว้ หันไปเตรียมกระทะหน้าเตา โดยการเติมน้ำในกระทะให้สูงจากระดับก้นหม้อประมาณไม่เกิน 1 ข้อนิ้ว ตั้งเตาเปิดไฟกลาง รอจนน้ำเดือนใส่หอมใหญ่ลงไปแล้วปิดฝา อบให้สุกจนใส จากนั้นใส่หัวแครอทหรือหัวไช้เท้าตามลงไป คนให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงใส่ผักใบตามลงไป คนให้เข้ากันแล้วปิดฝาให้ผักใบสุกนิ่มดีแล้ว เมื่อผักสุกให้ปิดแก๊ส แล้วเติมเครื่องปรุงรส เช่น เต้าเจี้ยว ซีอิ๊วขาว หรือน้ำมันเล็กน้อย เพื่อให้รสชาติกลมกล่อม ทานขณะที่ยังร้อน ๆ กับข้าวกล้อง ก็จะได้รสชาติที่อร่อยและเปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่าทางอาหาร นอกจากนี้แล้วผักต่าง…

  • กินปลาแบบไหนดีต่อสุขภาพ

    กินปลาแบบไหนดีต่อสุขภาพ

    กินปลาแบบไหนดีต่อสุขภาพ ความจริงแล้ว ปลา เป็นอาหารที่ทานกันมาแต่โบราณ นำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นต้ม นึ่ง ย่าง ซึ่งทำให้ร่างกายได้ประโยชน์จากเนื้อปลาได้มากกว่าการนำเอามาทอดน้ำมันแบบอาหารสมัยนี้ แม้แต่ในอเมริกาเองก็เคยมีการศึกษาเรื่องของการกินปลา พบว่าหญิงชาวอเมริกันอายุ 50-79 ปี กว่าแปดหมื่นคน โดยติดตามเป็นเวลาถึง 10 ปี พบว่าการกินปลาอบหรือปลาต้มเป็นอาหารหลักมากกว่าหรือเท่ากับ 5 มื้อต่ออาทิตย์ จะช่วยลดโอกาสการเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวตามมาถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับการกินน้อยกว่า 1 มื้อต่อเดือน แต่ในด้านผู้หญิงที่กินปลาทอดเป็นอาหารหลักมากกว่าหรือเท่ากับ 1 มื้อต่ออาทิตย์ กลับจะเป็นการเพิ่มโอกาสการมีภาวะหัวใจล้มเหลวถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับการกินน้อยกว่า 1 มื้อต่อเดือน ดังนั้นการกินปลานั้นเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพแน่นอน ยิ่งกินมากก็ยิ่งลดโอกาสภาวะหัวใจหัวเหลวได้ แต่ต้องเป็นปลาที่ปรุงให้สุกด้วยการต้ม นึ่ง ปิ้ง ไม่ใช่ปลาทอดที่อาจทำให้ร่างกายได้รับไขมันมากเกินไปจนเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ มากมายได้ การกินปลาให้ได้สุขภาพดีจึงควรหันไปกินแบบโบราณ ก็คือการปรุงปลาให้สุกโดยไม่ใช่น้ำมัน กินแนมกับน้ำพริก หรือผักต้ม ผักสดก็ได้ สัปดาห์ละ 2-3 มื้อก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปลาทะลหรือปลาน้ำจืดก็มีประโยชน์เหมือนกันทั้งสิ้นค่ะ

  • ในไส้กรอกมีสาร “โบท๊อกซ์” ด้วยนะ รู้หรือเปล่า?

    ในไส้กรอกมีสาร “โบท๊อกซ์” ด้วยนะ รู้หรือเปล่า?

    ในไส้กรอกมีสาร “โบท๊อกซ์” ด้วยนะ รู้หรือเปล่า? จุดเริ่มต้นของไส้กรอกนั้นเริ่มมากจากการประหยัดและการถนอมอาหารนั่นเองค่ะ โดยจะเป็นการเก็บเอาเศษเนื้อ เครื่องใน เลือด ไขมัน และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ที่ขายไม่ได้แต่ยังกินได้อยู่มาปรุงรสแล้วกรอกใส่ไว้ในไส้วัว ไส้ควาย ไส้หมู ฯลฯ มีการพัฒนาสูตรต่าง ๆ มากมาย ปรุงรสหลากหลายด้วยสมุนไพร เครื่องเทศหลายอย่างตามภูมิภาค แล้วยัดใส่ไส้หรือวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ และเก็บรักษาไว้ด้วยกรรมวิธีที่ไม่ทำให้เน่าเสีย ในสมัยสงครามนั้นมีคนที่เสียชีวิตจากอาการอาหารเป็นพิษเป็นจำนวนมาก และมักเกิดหลังจากทานไส้กรอก หลังจากการค้นคว้าหาสาเหตุจึงพบว่า ไส้กรอกนั่นเองที่เป็นตัวต้นสาเหต ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตได้ด้วยโรคพิษจากไส้กรอก ที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า โบทูลินัม มาจากภาษาละลิตว่า โบทูลัสที่แปลว่าไส้กรอก ซึ่งพิษที่เกิดจากไส้กรอกนี้จะทำให้เกิดอาการอ่อนแรงและเหงื่อไม่ออก แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นได้มีการนำเอาพิษปริมาณเล็กน้อยนี้ไปรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาท รักษาอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง รักษาตาเหล่ ตาเข นำมาใช้กับกล้ามเนื้อบนใบหน้าทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว รอยเหี่ยวย่นจึงลดลง สามารถนำมาฉีดรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ให้กับผู้ที่มีเหงื่อออกมาก นั่นก็คือยาที่รู้จักกันดีในชื่อ โบท๊อกซ์ นั่นเอง ชื่อเต็ม ๆ ก็คือสารพิษโบทูลินัม โดยสารพิษตัวนี้ก็พบในอาหารไทยได้เช่นกัน ก็คือ หน่อไม้ปี๊บที่เคยเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าจะหาไส้กรอกหรือหน่อไม้ปี๊บมากินเพื่อจะได้หน้าไม่เหี่ยวย่น หรือลดเหงื่อตามส่วนต่าง ๆ…

  • สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก

    สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก

    สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ ที่ได้จากผัก เรารู้กันอยู่แล้วว่าผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ให้แร่ธาตุและวิตามินต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ชอบกินผักอยู่ดี วันนี้จะนำเอาคุณประโยชน์ที่ได้จากการกินผักมาบอกกล่าวเล่าสิบกัน เผื่อคนที่ไม่ชอบกินผักจะอยากหันมาลิ้มลองบ้างนะคะ ในผักให้เส้นใยอาหารจำนวนมาก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลงจับคอเลสเตอร์ในทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ยิ่งเป็นผักพื้นบ้านก็ยิ่งมีเส้นใยอาหารจำนวนมาก เช่น ใบมันปู สะเดา ลูกเหรียง ถั่วลันเตา ผักชีล้อม กะเฉด มะระขี้นก ผักหวาน มะเขือยาว คะน้า แครอท มะเขือเปราะ ยอดมะระหวาน ข้าวโพดอ่อน กะหล่ำปลี ตำลึง ส่วนวิตามินเอที่ช่วยในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตารวมทั้งการมองเห็น และสร้างผนังเซลล์ในปอด ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของร่างกายและภูมิคุ้มกันนั้น พบมากในฟักทอง พริกหวาน แครอท ผักเหรียง กระเฉด ยอดมะม่วงหิมพานต์ ตำลึง ผักกาดขาว สะเดา ผักกูด ผักพูม ผักชีล้อม ใบมันปู ฯลฯ และวิตามินที่ช่วยในการสร้างเสริมคอลลาเจน ก็คือวิตามินซีนั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก รักษาบาดแผล สังเคราะห์ฮอร์โมนและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ในร่างกายด้วย…

  • ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร

    ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร

    ดื่มยาหอมบำรุงหัวใจและระบบย่อยอาหาร อย่าเพิ่งคิดว่ายาหอมจะเป็นยาสำหรับคนแก่เท่านั้นนะคะ ความจริงแล้วยาหอมเป็นยาที่เหมาะสำหรับทุกวัยช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ โดยในยาหอมแต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันไป ซึ่งตามบัญชียาแผนโบราณสามัญประจำบ้านนั้น มียาหอมอยู่ถึงสี่ชนิดได้แก่ – ยาหอมเทพจิตรช่วยบำรุงหัวใจ แก้ลม – ยาหอมทิพโอสถ แก้ลมวิงเวียน – ยาหอมอินทจันทร์ แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ – ยาหอมนวโกฐ แก้ลมคลื่นเหียนอาเจียน ยาหอมนั้นเป็นยาที่ช่วยปรับการทำงานของลมที่เคลื่อนไหวในร่างกาย (ตามหลักการแพทย์แผนไทย) ส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ และความรู้สึก คยาหอมบางชนิดปรับสมดุลการหมุนเวียนของเลือดที่เรียกว่าลมละเอียด และบางชนิดก็แก้ปัญหาที่ลมกองหยาบ ที่หมายถึงอาการจุกเสียดในท้อง ยาหอมไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง แต่เป็นยาปรับสมดุลธาตุ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ทำให้ลมไหลเวียนได้สะดวก ทำให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ตามปกติ การดูแลสุขภาพนั้นควรดูแลอวัยวะหลายส่วนทั้งภายในและภายนอกไปพร้อมกัน เพราะอวัยวะทุกส่วนต่างทำงานสัมพันธ์กัน และควรดูแลจิตใจให้ดีด้วย หากจำเป็นต้องใช้ยา ลองใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้าน หรือลองหายาหอมไว้ประจำบ้านหรือติดกระเป๋าไว้ในบ้างก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ

  • สารอาหารที่ช่วยคุณเผาผลาญพลังงานได้ดี

    สารอาหารที่ช่วยคุณเผาผลาญพลังงานได้ดี

    สารอาหารที่ช่วยคุณเผาผลาญพลังงานได้ดี การเผาผลาญอาหารนั้นเป็นวิธีที่ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารจากร่างกาย ถ้าอัตราการเผาผลาญมีน้อยก็จะทำให้เกิดการสะสมพลังงานหรือไขมันไว้ในร่างกายมาก น้ำหนักจึงขึ้นหรืออ้วนขึ้นนั่นเอง โดยแต่ละคนจะมีประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานได้ต่างกันไป สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักนั้น ต้องจำไว้ว่าหลักการก็คือคุณต้องนำเอาพลังงานเข้าร่างกายให้น้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญได้ เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญได้หมดไม่เหลือเก็บไว้เป็นส่วนเกินตามร่างกาย และหากคุณทานน้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายต้องการ ร่างกายเราจะไปดึงเอาไขมันเก่าที่เคยเก็บไว้มาใช้เป็นพลังงานด้วย สัดส่วนของคุณจึงลดลงไปพร้อมกับน้ำหนักตัว เคล็ดลับง่าย ๆ สำหรับคนที่ลดน้ำหนักก็คือ ให้ทานอาหารที่อยากทานในมื้อเช้า หรือกินให้หนักหน่อยในมือเช้านั่นเอง การกินอาหารเช้าช่วยให้เราไม่หิวโหยในมื้อเที่ยงมากเกินไป และยังทำให้ร่างกายมีอัตราการเผาผลาญอาหารที่ดีไปตลอดทั้งวัน การงดอาหารเช้าทำให้คุณตบะแตก และหิวก่อนมื้อเที่ยงจนไปคว้าเอาขนมหรือน้ำหวานมาทานก่อนมื้อเที่ยงอีก ไม่ควรอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งเพียงแต่ให้ทานให้ถูกสัดส่วน และเลือกทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หรือเลี่ยงไขมันรวมไปถึงน้ำตาล ของหวานต่าง ๆ ไปเลยก็ได้ ทานผักและผลไม้ที่ไม่หวานให้มาก เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดี ซึ่งสารอาหารที่ช่วยเผาผลาญในร่างกายคุณได้นั้น ได้แก่ – แคลเซียม ช่วยเร่งเอนไซม์หลายชนิดในกระบวนการเผาผลาญอาหาร ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว กุ้งแห้ง กะปิ เต้าหู้ งา ถั่วเหลือง นมพร่องมันเนย ใบโหระพา มะเขือพวง ผักใบเขียวต่าง ๆ – ฟอสฟอรัส ช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ต่าง ๆ ในการเผาผลาญ พบได้มากใน ผักใบเขียวทุกชนิด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง…

  • ผักสด ผลไม้สด .. ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้

    ผักสด ผลไม้สด .. ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้

    ผักสด ผลไม้สด .. ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้ ผักสดผลไม้สดนั้นเป็นอาหารที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล ที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานและให้รสหวาน เกลือแร่และวิตามินที่เสริมสร้างความสมบูรณ์ของอวัยวะต่าง ๆ เส้นใยอาหารที่ช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้ด้วย และลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ลดเบาหวานได้ด้วย และพืชบางชนิดให้ไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเช่นกัน ฯลฯ การบริโภคผักสดและผลไม้สด จึงเป็นเรื่องที่ควรแนะนำและส่งเสริม แต่ทุกอย่างในโลกก็ต้องมีสองด้านเสมอ แม้แต่ในผักสด ผลไม้สดก็ตาม การบริโภคสด ๆ โดยไม่ผ่านความร้อนอาจได้รับอันตรายบางประการได้ เช่น ในผักอาจมีไข่พยาธิหรือพยาธิเจือปนอยู่ หากล้างไม่สะอาดอาจทำให้เกิดโรคท้องร่วงได้ รวมไปถึงผักผลไม้บางชนิดอาจมีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่ อาจก่อให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกาย อีกทั้งผู้ที่ป่วยด้วยบางโรคจำเป็นต้องระวังผักสดผลไม้สดบางชนิดด้วย เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปตัสเซี่ยมสูง ๆ เช่น กล้วย หรือส้ม เป็นต้น รวมไปถึงคนไข้อีกบางพวกที่การทานผักสดผลไม้สด เป็นเรื่องต้องห้ามที่สุด ก็คือ คนไข้ที่ได้รับเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง เพราะคนไข้จำพวกนี้ภายหลังจากที่ได้รับยาแล้วจะทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่ในการกำจัดเชื้อโรคต่ำลง ผู้ป่วยจึงอ่อนแอเกิดโรคติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่าย หากต้องการผักผลไม้ ต้องเป็นผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนแล้วเท่านั้น อีกทั้งผลไม้บางชนิดที่ต้องรับประทานทั้งเปลือกก็ห้ามรับประทานด้วย หากต้องการทานต้องปอกเปลือกทิ้งไปแล้วให้ทานในทันทีห้ามปล่อยทิ้งไว้ แม้การทานผักสดผลไม้สดจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ผู้ป่วยบางโรคก็เป็นเรื่องต้องห้ามเช่นกัน ดังนั้นหากท่านเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนดีกว่านะคะ

  • อาหารเพื่อสุขภาพ เตรียมไม่ยากหรอก

    อาหารเพื่อสุขภาพ เตรียมไม่ยากหรอก

     อาหารเพื่อสุขภาพ เตรียมไม่ยากหรอก เดี๋ยวนี้เนื้อหมู เนื้อวัว ต่าง ๆ ก็แข่งกันขึ้นราคาไม่เว้นวัน รวมไปถึงของอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ด้วย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไปเพราะหากเนื้อหมูแพง เราก็หันมาทานเนื้อสัตว์อื่นที่ให้โปรตีนแทนก็ยังได้ ไม่ว่าจะเป็น ไข่ นม หรืออาหารเจ แมคโครไบโอติกส์ อาหารชีวจิตแทนได้เหมือนกัน ไม่ต้องกลัวไปหรอกว่าไม่ทานเนื้อสัตว์แล้วจะขาดโปรตีน เราสามารถลดการทานเนื้อสัตว์ได้ด้วยการลดเนื้อสัตว์ใหญ่ลงก่อน แล้วหันมากินปลา เนื้อไก่ นม ไข่ เต้าหู้ ถั่ว งา ธัญพืช ก็ได้โปรตีนเช่นเดียวกัน อร่อยได้ไม่แตกต่างกันด้วย แถมยังมีไขมันต่ำ สุขภาพจึงดีขึ้นอีกต่างหาก นอกจากนี้แล้วยังมีวิธีการเตรียมอาหารสุขภาพมาฝากคุณอีกนะคะ 1. นอกจากผักแล้วควรทานผลไม้ด้วยทุกวัน แต่ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงอะไร เพราะเราทานเพื่อเก็บเกี่ยวกับแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายให้ครบถ้วน แล้วควรสลับชนิดทานไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล ควรทานผลไม้ให้ครบทั้งห้าสีด้วยนะคะ 2. ทานถั่วและธัญพืชหลาย ๆ ชนิดคละเคล้ากันไป ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดดอกทานตะวัน ถั่วต่าง ๆ เมล็ดฟักทอง ลูกเดือย ถั่วเปลือกแข็ง งา ฯลฯ…