Category: ข่าวสุขภาพ

  • ดูแลจิตใจตนเองและคนใกล้ตัว ในยามเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    ดูแลจิตใจตนเองและคนใกล้ตัว ในยามเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    ดูแลจิตใจตนเองและคนใกล้ตัว ในยามเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในยามที่ชีวิตต้องประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่อาจทำให้ขวัญหาย ตกใจหรือเกิดความเครียดขึ้นนั้น เป็นระยะที่ทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ บ่อยครั้งที่มักสร้างปัญหาสุขภาพตามมาด้วย ปัญหาทั้งหลายนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตัวเราซึ่งเป็นผู้ประสบปัญหานั้นต่าง ๆ จะจัดการกับปัญหาและจิตใจของตัวเองอย่างไร วันนี้เรามีแนวทางในการดูแลตนเองและคนใกล้ในยามที่เผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาฝากกันค่ะ – พยายามสงบจิตใจ ความวิตกกังวลมากเกินเหตุจะทำให้ยิ่งเครียด การผ่อนคลายความเครียดที่ง่ายที่สุดในขั้นตอนแรก็คือให้สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้สมองปลอดโปร่งขึ้นด้วย อาจเป็นการปลีกตัวนั่งทำสมาธิบ้างก็ยังได้ ช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง และผ่อนคลายความเครียดได้ ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยสมองที่ปลอดโปร่งด้วย – ลงมือแก้ปัญหาอย่างมีสติ หากค้นพบวิธีการแก้ไขแล้วก็ลงมือเสีย อย่าเอาแต่บ่น อย่าเอาแต่ตัดพ้อ เพราะไม่แก้ไขอะไร ทั้งยังอาจสร้างความเครียดให้คนรอบข้างได้อีก – ให้ความหวังและกำลังใจกันและกัน ทั้งในครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่อยู่ใกล้ชิด การได้พูดคุยสื่อสารให้กำลังใจกันและกัน จะสร้างความอดทนและกำลังใจในการแก้ไขปัญหาจนสามารถผ่านพ้นได้ทุกสถานการณ์ เพราะจิตใจมีคุณค่าเหนือกว่าร่างกาย การดูแลจิตใจของตนเองและคนใกล้ชิดให้ดีเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำคือกำลังใจให้แก่กันและกันในยามที่ชีวิตเกิดวิกฤต จับมือกันฝ่าฟันปัญหาในนาวาชีวิตนี้ให้รอดพ้นไปได้ และเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นกับชีวิตมากขึ้นอีกด้วยนะคะ

  • โรคพาร์กินสัน หรือโรคสั่นสันนิบาต

    โรคพาร์กินสัน หรือโรคสั่นสันนิบาต

    โรคพาร์กินสัน หรือโรคสั่นสันนิบาต โรคพาร์กินสัน เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการแพทย์ตั้งแต่ราวสองร้อยปีก่อน โดยในอดีตมักเข้าใจว่าโรคนี้มีความผิดปกติที่ไขสันหลัง แต่ปัจจุบันนี้ทราบชัดแล้ว่า พยาธิสภาพของโรคพาร์กินสัน เกิดขึ้นที่เนื้อสมองส่วนลึก ในระยะแรก ๆ ของโรคแพทย์จะยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ แต่เมื่อติดตามผู้ป่วยไปสักระยะหนึ่งอาการต่าง ๆ ก็จะปรากฎชัดเจนขึ้น กลไกการเกิดโรคพาร์กินสันนั้น เกี่ยวข้องกับสารเคมีในสมองก็คือ โดพามีน และอะซิทิลโคลีน โดยปกติจะอยู่ในสภาวะสมดุล แต่เมื่อเซลล์สมองที่สร้างโดพามีนตายไปก็จะเสียสมดุล จนทำให้ร่างกายเสียสมดุล เคลื่อนไหวผิดปกติ จนกลายเป็นโรคพาร์กินสัน ซึ่งอาการทางระบบประสาทที่โดดเด่นของพาร์กินสันมีอยู่สามประกอรได้แก่ อาการเกร็ง สั่น และเคลื่อนไหวได้ช้า แนวทางในการรักษาโรคพาร์กินสัน มีหลักก็คือต้องเพิ่มระดับของสารโดพามีนในสมอง ด้วยการให้ยาหรือการกระตุ้นสมองให้สร้างโดปามีนเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ ของโรคและป้องกันโรคแทรกซ้อน แต่สำหรับผู้ที่ใช้ยาไม่ได้ผลก็จะเป็นการผ่าตัดด้วยการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในสมอง ซึ่งหลังการรักษาผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและสามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้ นอกจากนี้ยังมีวิธีปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์, การรักษาด้วยสารกระตุ้นเซลล์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการวิจัย, การรักษาด้วยยีนบำบัด ก็ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทดลองวิจัยเช่นกัน การดูแลผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน จำเป็นต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิด – ป้องกันมิให้เดินหกล้มด้วยการเลือกสวมรองเท้าที่มีพื้นยาง เก็บกวาดของใช้ในบ้านบนพื้นอย่างให้เกะกะ ติดตั้งราวจับไว้ในห้องน้ำ ทางเดินและบันได – ช่วยให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายบริหารร่างกายตามสมควรและสม่ำเสมอ จะทำให้ผู้ป่วยไม่มีอาการซึมเศร้าด้วย – ผู้ป่วยพาร์กินสันอาจท้องผูกได้ง่าย เพราะการบีบตัวของลำไส้จะผิดปกติ แม้ในอดีตโรคนี้จะทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวไม่ได้…

  • โรคพิษสุนัขบ้า อันตราย ติดเชื้อแล้วตายทุกคน

    โรคพิษสุนัขบ้า อันตราย ติดเชื้อแล้วตายทุกคน

    โรคพิษสุนัขบ้า อันตราย ติดเชื้อแล้วตายทุกคน โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำนี้เกิดจากเชื้อไวรัสเรบี่ส์ ติดเชื้อได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว ลิง ชะนี วัว ควาย กระต่าย กระรอก กระแต แกะ แพะ ฯลฯ คนที่ได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าจากการถูกสัตว์มีเชื้อเหล่านี้กัดหรือข่วน จะสามารถตรวจพบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้ 1-7 วันก่อนแสดงอาการ อาการของโรคที่พบในคนนั้นอาจมีระยะสั้นมากตั้งแต่ไม่ถึงสัปดาห์จนถึงนานเกินหนึ่งปี มักจะมีอาการเบื่ออาหาร เจ็บคอ เป็นไข้ คันรุนแรงบริเวณที่ถูกกัด หรือคันลามไปส่วนอื่น ๆ ต่อมาจะกลัวแสง กลัวแดด กระสับกระส่าย ไม่ชอบเสียงดัง กลืนลำบาก โดยเฉพาะของเหลว กลัวน้ำ ปวดท้องน้อยและกล้ามเนื้อขากระตุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ชักเกร็ง อัมพาต หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด โรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตามกำหนด หากถูกสุนัขหรือสัตว์อื่นกัดข่วน ให้รีบล้างแผล ใส่ยา กักหมา แล้วรีบไปหาหมอค่ะ และโรคนี้ยังสามารถป้องกันได้อีกโดย 1. นำสัตว์เลี้ยงมารับวัคซีนครั้งแต่ตั้งแต่อายุ 2-4 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งตามกำหนดและฉีดซ้ำทุกปี 2.…

  • เด็กเลี้ยงง่าย.. อย่าเพิ่งดีใจ อาจมีอาการออทิสติกได้

    เด็กเลี้ยงง่าย.. อย่าเพิ่งดีใจ อาจมีอาการออทิสติกได้

    เด็กเลี้ยงง่าย.. อย่าเพิ่งดีใจ อาจมีอาการออทิสติกได้ เด็กที่มีอาการออทิสติก มีแนวโน้มเพื่อมากขึ้นทุกประเทศทั่วโลก เป็นอาการที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดแต่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมสมองจึงทำงานผิดปกติ การจะสังเกตว่าลูกเป็นออทิสติกหรือไม่นั้น ให้ลองสังเกตดูตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ .. – เด็กไม่ค่อยสบตา เรียกชื่อไม่หัน – ดวงหน้าเฉยเมย เหมือนไร้อารมณ์ ไม่ยิ้มไม่หัวเราะ ไม่ชอบให้อุ้ม – นิ่งเฉยไม่เรียกร้อยความสนใจ ไม่ส่งเสียง เลี้ยงง่าย – พูดได้เป็นคำ แต่เป็นคำที่ไม่มีความหมาย – ไม่สนใจของเล่นหรือคนรอบข้าง แต่หากติดของชิ้นไหนแล้วไปดึงออกไม่ได้ จะร้องมาก – ชี้นิ้วบอกไม่เป็น บอกไม่เป็น มักทำเอง หรือจูงมือพ่อแม่ไปหยิบให้โดยไม่ส่งเสียง – ชอบมองดูสิ่งที่มีประกายวูบวาบ เช่น เงาวูบวาบ แสงไฟ ของที่หมุนได้ – ชอบเล่นมือ สะบัดมือ หมุนหัว โยกตัว เขย่งเท้าเดิน – ไม่เข้าใจอารมณ์หรือสีหน้าของผู้อื่น เล่นกับเด็กวัยเดียวกันไม่เป็น – มักชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่าหรือผู้ใหญ่ – ไม่เล่นของเล่นเด็ก แต่ไปเล่นของที่ไม่ควรเล่น จินตนาการไม่เป็น…

  • 9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!!

    9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!!

    9 โรคใหม่มีสาเหตุจากบุหรี่ !!! ในโอกาสครบรอบห้าสิบปีของการประกาศว่า การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญของ โรคมะเร็งปอด และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ล่าสุดมีการรับรองว่า 9 โรคใหม่ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสองจากผู้อื่นได้แก่ 1. มะเร็งตับ 2. มะเร็งลำไส้ 3. วัณโรค ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นวัณโรคมากขึ้น เสียชีวิตมากขึ้นและกลับมาเป็นซ้ำมากขึ้นด้วย 4. เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานถึงร้อยละ 30-40 เทียบกับผู้ที่ไม่สูบ 5. จอประสาทตาเสื่อมซึ่งจะสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น 6. เพดานปากแหว่งตั้งแต่เกิด ในแม่ที่สูบบุหรี่ 7. ตั้งครรภ์นอกมดลูก 8. โรคข้อรูมาตอยด์และภาวะภูมิต้านทานร่างกายลดลง 9. โรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือโรคเส้นเลือดในสมองแตกจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งรายงานฉบับนี้มีความสำคัญมากต่อประเทศไทย เพราะโรคมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นโรคมะเร็งที่ชายไทยเป็นมากที่สุด ในขณะที่เบาหวานและวัณโรคก็เป็นโรคที่คนไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น เป็นผลมากจากการสูบบุหรี่ของชายไทยที่สูงขึ้น งานนี้นอกจากผู้สูบบุหรี่ต้องรักษาสุขภาพของตัวเองแล้ว งานควบคุมยาสูบในประเทศไทยก็ยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งรัฐบาลอย่างจริงจังในการควบคุมด้วย

  • ปวดท้อง ปวดยังไง ขนาดไหนจึงไปหาหมอ?

    ปวดท้อง ปวดยังไง ขนาดไหนจึงไปหาหมอ?

    ปวดท้อง ปวดยังไง ขนาดไหนจึงไปหาหมอ? ปวดท้อง เป็นอาการป่วยพื้นฐานที่พบได้บอ่ย ๆ บางคนก็เป็นอยู่เป็นประจำจนไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดว่าเป็นได้เดี๋ยวก็หายไปเอง แต่หารู้ไม่ว่าอาการปวดท้องบางอย่างเป็นสัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่า ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียดดีกว่า ก่อนที่จะกลายเป็นโรคลุกลามได้ อาการปวดท้องนั้นเกิดได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่ปวดเล็กน้อย จนถึงปวดรุนแรงมาก อาการปวดอาจสัมพันธ์กับอวัยวะโดยตรงเช่น รังไข่ กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ที่พบได้บ่อยจะเป็นการปวดท้องเพราะอวัยวะในทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งจะเป็นโรคใดก็ต้องวินิจฉัยว่าปวดที่ตำแหน่งไหน อาการปวดเป็นอย่างไร รวมไปถึงความรุนแรงและช่วงเวลาที่ปวดท้องด้วย นอกจากนี้ยังมีอาการของโรคอื่น ๆ ที่ทำให้ปวดท้องได้ด้วย เช่น โรคหลอดเลือดขนาดใหญ่ในช่องท้อง อาการหัวใจวายเฉียบพลัน ตับอักเสบ นิ่วในไต โรคลำไส้ โรคหัวใจและปอดอักเสบก็ทำให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรงได้เช่นกัน หากเป็นเพศหญิงก็ต้องนึกถึงสาเหตุของอวัยวะสืบพันธุ์ต่าง ๆ แม้แต่ผู้ป่วยโรคงูสวัดที่บริเวณท้องก็อาจทำให้ปวดท้องรุนแรงได้ ฯลฯ แต่กว่าครึ่งของคนที่ปวดท้องจะวินิจฉัยหาสาเหตุได้ผล ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งอาจหาสาเหตุไม่ได้ เมื่ออาการทุเลาหายไปก็ยังไม่สามารถทราบสาเหตุที่แน่ชัดอยู่ดี อาการปวดท้องที่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษานั้นก็ได้แก่ – ปวดนานกว่า 6 ชั่วโมงและมีอาการมากขึ้น – ปวดจนกินอะไรไดม่ได้ – ปวดท้องและอาเจียนมากกว่า 3-4 ครั้ง –…

  • มี SEX ระหว่างมีรอบเดือนได้หรือไม่?

    มี SEX ระหว่างมีรอบเดือนได้หรือไม่?

    มี SEX ระหว่างมีรอบเดือนได้หรือไม่? ปัจจุบันนี้มีสตรีวัยรุ่นและวัยทำงานบางส่วนมีความเชื่อว่า การมีเซ็กซ์ระหว่างมีรอบเดือนนั้นจะสามารถป้องกันการมีบุตรได้ คุมกำเนิดไปได้ในตัว แถมเลือดยังช่วยหล่อลื่นได้ด้วย แต่ความจริงแล้วนี่เป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงนะคะ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการมีรอบเดือนนั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เพิ่มโอกาสการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น พยาธิในช่องคลอด หนองใน หูดหงอนไก่ มากเป็นสามเท่ากว่าเวลาที่ไม่มีรอบเดือน เพราะในช่วงนี้ปากมดลูกจะเปิดออก ทำให้ได้รับเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าสู่โพรงมดลูกได้ง่าย อีกทั้งเลือดประจำเดือนเองยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเชื้อหนองในได้ดีด้วย การที่เยื่อบุโพรงมดลูกลอกหลุดนี้เองทำให้เชื้อสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น เชื้อจึงลุกลามได้ง่าย สามารถเกิดการอักเสบได้จนถึงภายหลังการหมดรอบเดือนไปแล้ว 1-2 สัปดาห์ และที่ควรระวังมากก็คือ การติดเชื้อเอดส์ด้วย เพราะการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างมีเลือดหรือสารคัดหลั่งออกมา การติดเชื้อเอชไอวีจะเพิ่มสูงขึ้นทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง นอกจากเชื้อเอชไอวีแล้วก็ยังมีเชื้อเริมที่ปกติก็ติดต่อได้ง่ายอยู่แล้ว แต่หากเป็นช่วงมีรอบเดือนจะพบว่าโรคเริมกลับมาเป็นซ้ำมากกว่าเดิมทำให้แพร่เชื้อได้มากขึ้น สรุปว่าระหว่างการมีประจำเดือนควรเป็นช่วงที่งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ

  • ระวังการใช้ยาที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้

    ระวังการใช้ยาที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้

    ระวังการใช้ยาที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ อันตรายจากการใช้ยานั้นพบได้แทบทุกเพศทุกวัน แม้ว่ายาจะเป็นหนึ่งปัจจัยสี่ก็ตาม แต่หากใช้อย่างพร่ำเพรื่อก็อาจทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ด้วย ซึ่งเกิดได้ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาเกินขนาด การแพ้ยา ดื้อยา และได้รับผลข้างเคียงของยา – ในเด็ก เกิดอันตรายได้แม้จะเป็นยาที่ใช้บ่อยและหาซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นยาแก้แพ้ที่นิยมใช้เพื่อรักษาหวัด อาจกดการหายใจจนทำให้เสียชีวิตได้หากได้รับยาเกินขนาด หรือแม้แต่แอสไพรินในเด็กก็ยังทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เป็นพิษต่อตับและสมองได้ – ในผู้ใหญ่ก็สามารถได้รับอันตรายจากยาได้เช่นกัน เช่น การทานยาพาราเซตามอลร่วมกับการดื่มสุรา หรือทานยามากเกินขนาดจนเป็นพิษต่อตับ รวมไปถึงการทานยาฆ่าเชื้อ (หรือยาแก้อักเสบ) มักจะใช้กันอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เสี่ยงต่อการแพ้ยาและดื้อยาได้ด้วย – ส่วนผู้สูงอายุ มักมีโรคภัยมากมายต้องกินยาหลายชนิด จึงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้มากและรุนแรงกว่า เช่น ยาแก้ปวดลดการอักเสบ กลุ่ม NSAID อาจทำให้เกิดแผลและเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือไตวายได้ ดังนั้นผู้สูงอายุควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกชนิด – หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมลูก ยาหลายชนิดสามารถผ่านรก ผ่านน้ำนม ทำอันตรายกับเด็กได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหรือหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือก่อนการใช้ยาทุกชนิด การใช้ยาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะผู้ป่วยแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งอายุ โรค และคุณภาพของอวัยวะภายในชิ้นส่วนต่าง ๆ ดังนั้นควรทานยาตามแพทย์สั่งและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อลดโอกาสอันตรายจากการใช้ยาได้ค่ะ

  • การเจริญสติภาวนา และแผ่เมตตาเป็นประจำ รักษาโรคได้ทั้งทางกายและทางใจ

    การเจริญสติภาวนา และแผ่เมตตาเป็นประจำ รักษาโรคได้ทั้งทางกายและทางใจ

    ปัจจุบันนี้เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างแล้วว่าการเจริญสติ ภาวนาและแผ่เมตตา ช่วยให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นได้ การแผ่เมตตาเป็นการแผ่คลื่นพลังงานดี ๆ พลังงานด้านบวกออกไปไกลกว่าตัวตนของเรา ส่งความปรารถนาดีไปสู่คน สัตว์ พืช สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงได้ มีผลที่ดีต่อผู้ที่ปฏิบัติและสรรพสิ่งรอบด้าน ทำให้สังคมนั้น ๆ มีความรักความห่วงใยให้กันและกัน สังคมมีความน่าอยู่ การเจริญสติภาวนาจึงมีประโยชน์มากมาย ในด้านการรักษาโรค ผู้ป่วยที่ได้นำเอาหลักปฏิบัติตามศาสนาของตนมาปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ การทำสมาธิการแผ่เมตตา ช่วยพัฒนาและฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น จิตใจและอารมณ์แจ่มใส มีความสุขมากขึ้น นอนหลับได้สบายมากขึ้นด้วย มีผลการวิจัยของสหรัฐอเมริกาในพระภิกษุชาวทิเบตที่ปฏิบัติธรรมมา 10-40 ปี จะมีคลื่นแกมม่าในพระภิกษุสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบตั้งแต่ก่อนการนั่งสมาธิ และสูงขึ้นมากระหว่างการนั่งสมาธิ คลื่นแกมม่านี้มีความสัมพันธ์กับอารมณ์ด้านบวมต่าง ๆ หากภาวนาเมตตาอย่างต่อเนื่องจะเปลี่ยนแปลงสมองแบบถาวรได้ ในตัวคนเราทุกคนมีความรักและเมตตากันอยู่แล้ว สามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยความรู้สึกด้านบวก เริ่มต้นได้ง่ายทุกคนที่ต้องการความสุข โดยเริ่มจากการหัดให้อภัย คิดเชิงบวกบ่อย ๆ ฝึกปฏิบัติภาวนา นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 30 นาที ช่วยให้จิตใจสงบร่มเย็นสบายขึ้น เมื่อได้ดังนี้แล้วจึงแผ่เป็นคลื่นความรักความเมตตาไปยังบุคคลอื่น ตลอดจนสรรพสัตว์ สรรพสิ่งทั้งหลาย นี่คือการแผ่เมตตาที่ส่งกระแสความรักออกไปอย่างแท้จริงค่ะ

  • ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง

    ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง

    ทำความเข้าใจกับโรคไตเรื้อรัง โรคไตเรื้อรังก็คือ สภาวะของไตที่ถูกทำลาย ทำให้ไตทำงานได้ลดลง โดยสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรังก็ได้แก่โรคเรื้อรังเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ไตอักเสบ โรคถุงน้ำในไต ฯลฯ ซึ่งโรคไตจะมีอาการแย่ลงหรือทรุดลงทีละน้อยโดยผู้ป่วยไม่ค่อยรู้ตัว บางคนไม่เคยทราบมาก่อนว่าตัวเองเป็นจนอาการแย่แล้ว ดังนั้นควรได้รับการตรวจและรักษาแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้โรคไตเรื้อรังคงตัวและหายได้ แต่หากปล่อยไว้ไม่ตรวจหรือรักษาก็อาจนำไปสู่ภาวะไตวาย ซึ่งไตจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป จำเป็นต้องได้รับการฟอกเลือดหรือผ่าตัดเปลี่ยนไต โรคไตเรื้อรังนี้มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง พันธุกรรมของคนในครอบครัว อายุที่มากขึ้นทำให้ไตเสื่อมสภาพลง เป็นคนที่อ้วนหรือเป็นโรคอ้วน และสูบบุหรี่ หากท่านอยู่ในข่ายดังกล่าวนี้ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวัดความดันโลหิต ตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะ รวมทั้งตรวจเลือดเพื่อหาค่าครีเอตินิน เพื่อนำเอาผลมาประเมินค่าการทำงานของไต ว่าไตทำงานได้มากน้อยเพียงใด หากได้ค่าการทำงานของไตต่ำก็อาจทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้ดังเดิม สูญเสียหน้าที่ในการกำจัดของเสียในร่างกายออกไป สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังนั้น เริ่มแรกอาการอาจไม่รุนแรง อาจมีอาการได้แก่ อ่อนแรง สมองตื้อ เบื่ออาหาร นอนไม่ค่อยหลับ ผิวคันและแห้ง เป็นตะคริวเวลากลางคืน เท้าและข้อเท้าบวม ตาบวมน้ำ โดยเฉพาะในตอนเช้า ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในเวลากลางคืน หากท่านพบว่าตนเองมีปัจจัยเสี่ยงและมีอาการของโรคดังกล่าวมาข้างต้นนี้แล้ว ควรรีบไปขอรับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาและคงอาการไว้ก่อนที่โรคไตเรื้อรังจะดำเนินไปถึงระยะรุนแรง ที่อาจทำให้ไตสูญเสียสมรรถภาพการทำงานไปอย่างถาวรได้ค่ะ