Author: pure
-
นิ้วล็อค ภัยเงียบที่เกิดกับผู้หญิง แพทย์เตือนควรระวัง และย้ำไม่ควรมองข้าม
นิ้วล็อค ภัยเงียบที่เกิดกับผู้หญิง แพทย์เตือนควรระวัง และย้ำไม่ควรมองข้าม แพทย์เตือนระวัง “โรคนิ้วล็อก” พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย พบมากในผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไป ที่ใช้มือทำงานซ้ำๆ และผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือโรครูมาตอยด์ แนะควรพักการใช้มือและออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อมือเป็นระยะ… เมื่อวันที่ 2 เม.ย.57 นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคนิ้วล็อกเป็นความผิดปกติของนิ้วมือ ที่มีการสะดุดหรือล็อก ไม่สามารถกำหรือเหยียดนิ้วมือได้เป็นปกติ พบในเพศหญิงร้อยละ 80 และพบในเพศชายร้อยละ 20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป อาจเป็นเพราะผู้หญิงใช้มือทำงานซ้ำๆ มากกว่าผู้ชาย เช่น หิ้วถุงหนักๆ บิดผ้าซักผ้า กวาดบ้านถูบ้าน สับหมูสับไก่ และมีพฤติกรรมเหล่านี้เป็นระยะเวลานานๆ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่เป็นโรครูมาตอยด์มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น อาการของโรคนิ้วล็อก คือในระยะแรกจะมีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วมือกำมือไม่ถนัด หรือกำได้ไม่เต็มที่โดยเฉพาะตอนเช้าหลังตื่นนอน เวลางอที่จะเหยียดนิ้วมือมักจะได้ยินเสียงดังกึก ต่อมาจะมีอาการนิ้วล็อกคือ เวลางอนิ้วจะเหยียดขึ้นเองไม่ได้ มักเกิดกับมือข้างถนัดที่ใช้งาน ซึ่งอาจเป็นเพียงนิ้วเดียว หรือเป็นพร้อมกันหลายนิ้วก็ได้ บางรายอาจรุนแรงถึงนิ้วบวมชา ติดแข็งจนไม่สามารถใช้งานได้ สำหรับวิธีการรักษาโรคนิ้วล็อก มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับอาการ และความรุนแรงของโรค…
-
นักวิทยาศาสตร์ พบว่าการหมักเนื้อกับเบียร์ สามารถป้องกันภัยจากมะเร็งได้
นักวิทยาศาสตร์ พบว่าการหมักเนื้อกับเบียร์ สามารถป้องกันภัยจากมะเร็งได้ การศึกษาในการรับประทานอาหารประเภทปิ้งย่าง ที่เกิดจากการใช้ไฟแรง นั้นจะมีสารโปลีไซคลิก แอโรแมติก ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับ ควันบุหรี่ และ ท่อไอเสียรถ และการที่รับประทานเนื้อสัตว์ประเภทปิ้งย่างมากๆนั้น จะสามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และ มะเร็งลำไส้ตรงได้ แต่ในครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า เนื้อสัตว์ย่าง ที่เกิดจากการหมักเนื้อในเบียร์ เหล้า ชา หรือ ไวท์นี้นั้น จะสามารถช่วยให้สารพิษที่สามารถจะเกิดขึ้นนั้น คลายลงได้ ในส่วนนี้ นักวิจัยได้ทดลองหมักเนื้อกับเบียร์ดำนานถึง 4 ชม. และเมื่อลองนำไปย่างกับเตาไฟที่แรงแล้ว ตรวจสอบและเปรียบเทียบกับเนื้อย่างชนิดที่ไม่ผ่านการหมักนั้น พบว่าเนื้อย่างที่ผ่านการหมักกับเบียร์ดำนั้น มีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งน้อยกว่าเนื้อที่ไม่ผ่านกันหมัก สรุปได้ว่า เนื้อที่หมักกับเบียร์สามารถลดสารพิษจากเนื้อที่ไม่ได้ผ่านการหมักได้จริง
-
รู้ทัน “มะเร็ง” กับหมอเทวดา
รู้ทัน “มะเร็ง” กับหมอเทวดา “มะเร็ง” เป็นโรคร้ายที่ใครๆก็ต่างต้องกลัว ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งชนิดไหน เมื่อใครได้เป็นแล้วนั้น คงต้องภาวนาขอให้ได้เจอการรักษาที่เข้ากับชนิดมะเร็งนั้นๆ ได้ในทางที่ดี คนทั่วไปรับรู้ว่า โรคมะเร็ง ตามทางการแพทย์ ได้มีการรักษากันมาแล้วหายได้จริง แต่เชื้อของมะเร็งนั้น ยังสามารถแฝงอยู่ได้ภายในตัวผู้ป่วยที่เคยเป็น และในเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นที่โด่งดังในโลกของผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะรู้จักกับ “หมอเทวดา” หมอใจดีผู้ที่รักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นหรือขั้นสุดท้ายให้หายขาดจากโรคร้ายนี้ด้าน หรือไม่ก็ช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจและช่วยลดความเจ็บปวดจากความทุกข์ทรมาน ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเหมือนคนปกติ ถึงแม้ผู้ป่วยจะยังมีโรคร้ายอยู่ก็ตาม หมอสมชายหรือหมอเทวดา ถึงแม่ท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ท่านได้เขียนหนังสือ เล่าเรื่องราวการรักษาของโรคมะเร็งต่างๆทิ้งเอาไว้ให้ผู้ป่วยได้ศึกษา หาแนวทางการรักษาจากหนังสือของท่าน หมอสมหมาย ทองประเสริฐ เริ่มทดลองรักษามะเร็งเมื่อประมาณปี พ.ศ.2514 ตอนนั้นมีคนไข้ไปตรวจ และสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นมะเร็งปอด จึงส่งตัวไปส่องกล้องที่โรงพยาบาลราชวิถี ผลยืนยันว่า เป็นมะเร็งแน่นอน หมอสมหมายเริ่มการรักษาด้วยตำรับยาสมุนไพรอยู่ราว 6 เดือน ก้อนมะเร็งจึงค่อยๆ ยุบลง จนคนไข้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติและมีอายุอยู่ต่อมาได้อีก 10 ปี นับจากนั้นได้พัฒนาตำรับยาสมุนไพรและรักษาคนไข้มะเร็งมาต่อเนื่องยาวนาน มีคนไข้โรคมะเร็งทุกประเภท ทุกอวัยวะนับแสนรายมารับการเยียวยาจากหมอสมหมาย ในหนังสือเล่มล่าสุดของหมอสมหมายคือ รู้ทันมะเร็ง และ รู้ทันมะเร็ง 2…
-
วิธีดูแลร่างกาย เพื่อป้องกันโรคอีสุกอีใส
วิธีดูแลร่างกาย เพื่อป้องกันโรคอีสุกอีใส โรคอีสุกอีใส (Chicken pox) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส (Varicella zoster virus) ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิด โรคงูสวัด (Herpes Zoster) ติดต่อได้ด้วย การไอ จาม หายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส ตลอดจนการใช้ของใช้ร่วมกับผู้เป็นโรค โดยปกติจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์ มักจะระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อนเช่นเดียวกับหัด แต่ก็พบได้ประปรายตลอดทั้งปี พบมากในกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 5-12 ปี รองลงมาจะเป็นกลุ่มเด็กอายุ 1-4 ปี กลุ่มวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาวตามลำดับ โดยทั่วไปอาการของโรคอีสุกอีใสจะไม่รุนแรง เป็นเองหายเองได้ แต่จะพบมีอาการแทรกซ้อนจากแบคทีเรีย ได้ เช่นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังทำให้กลายเป็นหนองและจะมีแผลเป็นตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใบหน้า ปอดบวม สมองอักเสบ และเยื่อสมองอักเสบนอกจากนี้ในบางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ เด็กที่เป็นโรคอีสุดอีใสจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร ส่วนผู้ใหญ่มักมีไข้สูง มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวคล้ายไข้หวัดขณะเดียวกันก็จะมีผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่เริ่มมีไข้ แล้วกระจายไปตามใบหน้า ลำตัว และแผ่นหลัง ต่อมากลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆ อยู่ข้างใน หรือดูคล้ายตุ่มหนอง และมีอาการคัน 2-4 วัน…
-
เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยให้ลูกน้อยของคุณห่างไกลจากโรคภูมิแพ้
เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยให้ลูกน้อยของคุณห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ ในปัจจุบัน โรคภูมิแพ้ เป็นโรคอันดับต้นๆที่เกิดขึ้นได้ในเด็กเล็ก หรือเด็กแรกเกิด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้นั้นมีหลายปัจจัย ทั้งสาเหตุที่ได้รับโดยตรง หรือสาเหตุที่ได้รับจากทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็น จากไรฝุ่น ควันบุหรี่ ขนสัตว์ กลิ่นเหม็นของสารเคมีหรือสารตกค้างในอากาศ ซึ่งโรคภูมิแพ้นี้มีทั้งการแพ้หลายอย่างแยกออกไป ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ หรือโรคภูมิแพ้อากาศ มักจะเกิดบริเวณระบบทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เด็กมีอาการคัน จาม คัดจมูก และยังส่งผลในระยะยาวที่จะทำให้เด็กป่วยบ่อย อาจส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการช้าได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ ต้องหันมาใส่ใจกับเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ โดยภายในบ้านควรหมั่นทำความสะอาดทุกวัน เพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ พวกไรฝุ่น เชื้อรา และสารพิษตกค้างในอากาศ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารพิษฟอร์มาลดีไฮด์หรือสารพิษอื่นๆ ส่วนภายนอกบ้านให้หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีควันบุหรี่ ควันรถยนต์ ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้ ทั้งยังต้องให้ลูกน้อยได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แค่นี้เด็กๆ ก็จะมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ส่งผลให้มีพัฒนาการที่เติบโตแข็งแรงได้
-
รู้จักเลี่ยง! สิ่งใดบ้างทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดี
รู้จักเลี่ยง! สิ่งใดบ้างทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดี “โรคมะเร็ง” ทุกคนต่างก็รู้กันอยู่แล้วแน่ๆ ว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่ว่า โรคมะเร็ง จะเป็นสิ่งที่ไกลตัวเรา ถ้าเรารู้จักดูแลสุขภาพ ใช้ชีวิตประจำวันในทุกวันแบบไม่เสี่ยงจนเกินไป รับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ หรือทำตัวให้ไกลจากโรคมะเร็ง ลองมาดูกันว่า สิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นของเซลล์มะเร็งนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อให้ได้รู้และหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆเหล่านี้กันได้ค่ะ – น้ำตาลทรายขาว นั้นเกิดจากการฟอกสีให้ดูน่ารับประทาน ลองเปลี่ยนมาเป็นความหวานที่เกิดจากธรรมชาติดู อย่างเช่น น้ำผึ้งแท้ แต่ก็ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะความหวานเป็นสารที่จำเป็นต่อมะเร็ง ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม หรือรับประทานในปริมาณน้อย – นม ควรเปลี่ยนจากนมที่ดื่มทั่วไป มาเป็นนมถั่วเหลือง หรือน้ำเต้าหู้ที่ต้มสดๆ หรือถ้าอยากเพิ่มความหวานก็ควรเติมน้ำตาลในปริมาณที่น้อยก็พอค่ะ – เนื้อสัตว์ เนื่องจากเซลล์มะเร็งนี้ จะเติบโตเร็วในสภาพที่เป็นกรด และเนื้อสัตว์นี้เองที่ทำให้เกิดสภาพเป็นกรด ดังนั้นควรรับประทานประเภทปลา จะส่งผลดีกว่าอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ที่มีแบคทีเรียและเป็นอัตรายสำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็ง และเนื้อสัตว์นี้เป็นอาหารที่ย่อยยาก ร่างกายจึงต้องการเอนไซม์ไปใช้ในการย่อยจำนวนมาก และถ้าหากมีการย่อยเนื้อสัตว์ไม่หมด อาหารก็จะไปตกค้างที่ลำไส้ และจะนำไปสูสารพิษตกค้าง ส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งได้ในอนาคต – ผักผลไม้สด และอาหารจำพวกธัญพืช ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ง่าย ร่างกายสามารถนำไปสร้างเป็นเซลล์ดี ควรรับประทานผักสดหรือดื่มน้ำผัก-ผลไม้สด อย่างน้อย 2-3 ครั้ง ต่อวัน…
-
แพทย์ชี้ ใบทุเรียนเทศ แก้มะเร็งตับได้นั้น เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
แพทย์ชี้ ใบทุเรียนเทศ แก้มะเร็งตับได้นั้น เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ตอนนี้เป็นกระแสในสังคมออนไลน์อย่างหนักว่า ใบทุเรียนเทศ สามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งตับได้ดีกว่าคีโมนั้น ยังเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง หลังจากมีการเผยแพร่สรรพคุณต่างๆ ว่าใบทุเรียนเทศสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้นั้น ทางสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้กล่าวว่า รายงานเรื่องนี้มีการวิจัยเกิดขึ้นในต่างประเทศบ้างแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่สรุปได้อย่างแน่ชัด จากการสำรวจ วิจัย พบว่า ใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งเต้านม ปอด ตับ ตับอ่อน และผิวหนังได้ก็จริง แต่ใบทุเรียนเทศก็ยังมีพิษที่สามารถเกิดได้กับเซลล์ประสาทของมนุษย์ด้วยอีกเช่นกัน และผลการวิจัยจากต่างประเทศ ยังได้ทดลองกับหนูทดลอง หนูทดลองที่ได้รับสารสกัดจากใบทุเรียนเทศนี้ ในปริมาณที่มาก ยังส่งผลให้มีผลต่อการทำงานของไตอีกด้วย ทั้งนี้จึงไม่อยากให้เชื่อตามกระแสสังคมออนไลน์ อยากให้รอผลสำรวจการใช้สารสกัดจากใบทุเรียนเทศว่ามีผลดีผลเสียอย่างไรให้แน่ชัดก่อน ส่วนในเรื่องนี้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ได้มีแผนวิจัยเรื่องนี้ในอนาคตแล้ว
-
มะเร็งกระดูก ภัยเงียบ ที่มีการเสี่ยงตายสูง
มะเร็งกระดูก ภัยเงียบ ที่มีการเสี่ยงตายสูง วันที่ 28 มีนาคม ที่โรงพยาบาลเลิดสิน นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ ′Lerdsin Sarcoma Day′ว่า มะเร็งกระดูกเป็นโรคร้ายที่เป็นภัยเงียบที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง ในอดีตการรักษามะเร็งกระดูกจะใช้วิธีการตัดอวัยวะเหนือส่วนที่เป็นมะเร็งออก แต่ในปัจจุบันได้นำวิธีให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการผ่าตัด ทำให้การรักษาได้ผลเป็นที่พอใจ ทำให้อัตราการรอดชีวิตเพิ่มขึ้น มะเร็งกระดูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.มะเร็งกระดูกที่เกิดจากความผิดปกติภายในเซลล์ของเนื้อกระดูกโดยตรง หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ 2.มะเร็งกระดูกที่มีต้นกำเนิดจากอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด เต้านม ต่อมไทรอยด์ ต่อมลูกหมากแล้วกระจายไปสู่กระดูกมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40-50 ปีขึ้นไป ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดมาจากยีนที่ผิดปกติ โดยมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่สำคัญ คือการได้รับรังสีรักษาในการรักษามะเร็งชนิดอื่นในปริมาณค่อนข้างมาก ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ มีความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งกระดูกอย่างเป็นระบบ ร่วมกับการใช้ระบบ Osteosarcoma Fast Track เพื่อเพิ่มความแม่นยำและรวดเร็วในการรักษาให้แก่ผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาเร็วขึ้นมาก และมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นมาก นอกจากนี้ศูนย์ดังกล่าวยังสร้างเครือข่ายผู้ป่วยโรคมะเร็งกระดูกโดยการจัดทีมพยาบาล ให้ความรู้ ติดตามผลการรักษาทางโทรศัพท์และไปรษณีย์สำหรับผู้ป่วยที่เดินทางมาโรงพยาบาลลำบากเพื่อติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้ป่วยด้วยกันเองให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เข้ารับการรักษา การดำเนินชีวิตภายหลังการรักษาที่ถูกต้อง การเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน…
-
โยชิฮีโร่ คาวัวก้า นักวิจัยไวรัสไข้หวัดนก กล่าวจะกลับไปศึกษาเชื้อโรคนี้อีกครั้งหลังพับโครงการไปหนึ่งปี
โยชิฮีโร่ คาวัวก้า นักวิจัยไวรัสไข้หวัดนก กล่าวจะกลับไปศึกษาเชื้อโรคนี้อีกครั้งหลังพับโครงการไปหนึ่งปี โยชิฮีโร่ คาวัวก้า นักวิทยาไวรัสชาวญี่ปุ่นแห่งมหาวิทยาลัย University of Tokyo กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่าเขาและนักวิทยาศาสตร์นานาชาติอีก 40 คนที่ตกลงหยุดพักการศึกษาวิจัยเชื้อไวรัสไข้หวัดนกตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้ตัดสินใจกันว่าจะเริ่มกลับไปทำการศึกษาเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ต่อ โดยมีเป้าหมายในการหาทางป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คน ประมาณหนึ่งปีกว่าที่แล้ว เกิดความกังวลกันในวงกว้างว่าสำเนาของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่มีความสามารถแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกลายพันธุ์ อาจจะเล็ดลอดออกมาจากห้องแลปวิจัยต่างๆแล้วแพร่ระบาดในกลุ่มคนทั่วไปได้ บรรดานักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าถึงเวลาต้องเดินหน้าการวิจัยต่อไป หลังจากมีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยของการศึกษาวิจัยเชื้อไข้หวัดนกในหลายประเทศนานหนึ่งปีเต็ม แล้วพบว่าการศึกษาวิจัยเชื้อโรคชนิดนี้สร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพของสาธารณชนเพียงน้อยนิดจนแทบไม่มีเลย คุณฟูชิแอร์กล่าวว่างานวิจัยยังจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์พัฒนาวัคซีนต่อต้านเชื้อไข้หวัดนก H5N1 นอกเหนือจากเนเธอร์แลนด์แล้ว จีนกำลังวางแผนที่จะเดินหน้าการวิจัยเชื้อไวรัสนี้ต่อไปในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ดี นักวิจัยในหลายประเทศอื่นๆต้องพึ่งเงินทุนในการวิจัยเชื้อไวรัสจากรัฐบาลสหรัฐ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติสหรัฐด้านโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อ (National Institute of Allergy and Infectious Diseases) กล่าวว่าการร้องขอเงินสนับสนุนการวิจัยไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ต้องผ่านการพิจารณาภายใต้ข้อกำหนดที่ว่านักวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์ว่าการวิจัยของตนจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่เป็นภัย เขากล่าวว่าแม้ว่านักวิจัยจะตัดสินใจยกเลิกการหยุดพักการวิจัย นักวิจัยที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐจะยังไม่สามารถเดินหน้าการวิจัยได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติเสียก่อน อย่างไรก็ดี คุณรอน ฟูชิแอร์ นักวิจัยแห่งเนเธอแลนด์กล่าวว่านักวิจัยนานาชาติอาจจะสามารถขอรับเงินสนุบสนุนการวิจัยเชื้อไข้หวัดนก H5N1 บางส่วนได้จากสหภาพยุโรป
-
นักวิจัยค้นพบลักษณะการแพร่ของเชื้อมาลาเรียในร่างกายคน
นักวิจัยค้นพบลักษณะการแพร่ของเชื้อมาลาเรียในร่างกายคน เมื่อยุงดูดเลือดจนอิ่มแล้วยุงตัวเมียที่มีเชื้อมาลาเลียจะฉีดเชื้อโรคนับพันตัวเข้าไปในกระแสเลือดของเหยื่อ เภสัชศาสตร์กล่าวว่า ตัวเชื้อโรคจะแตกตัวอย่างรวดเร็วทันทีที่เข้าไปสู่เซลล์เม็ดเลือดแดง เชื้อโรคนับพันๆตัวจะเพิ่มทวีคูณอย่างรวดเร็ว และเชื้อโรคแต่ละตัวจะแตกออกเป็น 24 ถึง 32 ตัวภายใน 48 ชั่วโมง เป็นการขยายจำนวนอย่างรวดเร็วมาก ทีมงานวิจัยค้นพบว่า ขณะอยู่ในเซลล์ในเม็ดเลือดแดง ตัวเชื้อมาลาเรียจะใช้สารโปรตีนหลายชนิดในการแตกตัว หลังจากดูดกินสารอาหารที่หล่อเลี้ยงเซลล์แล้ว ตัวเชื้อโรคที่เพิ่งแตกตัวออกมาใหม่จะทะลุทะลวงผนังเซลล์เม็ดเลือดแดงออกมาสู่กระแสเลือด เพื่อเข้าไปเเพร่เชื้อในเซลล์เม็ดเลือดแดงตัวใหม่แล้วขยายเพิ่มจำนวนเป็นล้านๆตัว หลังจากฟักตัวนานหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ผู้ติดเชื้อมาลาเรียจะเริ่มแสดงอาการป่วย มีไข้สูง หนาวสั่นและเหงื่อออก สารโปรตีนในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่เป็นเป้าหมายของเชื้อมาลาเรียอาจนำไปสู่การบำบัดมาลาเรียด้วยยาแบบรับประทานตัวใหม่ที่เรียกว่ายาโซทราสะโตร์อิน (sotrastaurin) เมื่อเข้าสู่กระแสเลือด เชื้อมาลาเรียจะเข้าไปจับตัวกับสารโปรตีนที่เรียกว่าเอนไซม์ PKC ทำให้โครงสร้างสารโปรตีนอ่อนแอ ทำให้เซลล์ฺถูกแยกออกจากกันจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ ยาโซทราสะโตร์อินจะมีฤทธิ์ไปบล็อคไม่ให้เชื้อมาลาเรียเข้าไปถึงตัวเอนไซม์ PKC ได้ เป็นการตัดวงจรไม่ให้เชื้อโรคแตกตัวเพิ่มจำนวนได้ นักวิจัยจึงได้ทำการทดลองใช้ยาโซทราสะโตร์อินในการบำบัดมาลาเรียในหนูทดลองแล้วปรากฏว่าจำนวนเชื้อมาลาเรียในหนูลดลงอย่างรวดเร็ว ตัวยาโซทราสะโตร์อินกำลังอยู่ระหว่างทดลองรักษาในคนเพื่อบำบัดอาการต่อต้านการปลูกถ่ายอวัยวะในคน เนื่องจากยาตัวนี้เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อโปรตีนในเซลล์เม็ดเลือดของมนุษย์ เชื้อมาลาเรียจึงไม่สามารถพัฒนาต่อต้านต่อยาชนิดนี้ได้