Author: pure

  • 6 อ. ชะลอวัยสไตล์ธรรมชาติ

    6 อ. ชะลอวัยสไตล์ธรรมชาติ

    6 อ. ชะลอวัยสไตล์ธรรมชาติ การชะลอวัย ไม่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีราคาแพง และมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด ความจริงแล้วการชะลอวัยคือการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะคนส่วนใหญ่ที่ดูแก่กว่าวัยสมัยนี้นั้นทำอะไรที่มักฝืนธรรมชาติอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการกินแต่อาหารไขมันสูง นอนน้อย นอนดึก และเครียด ฯลฯ สารพัดจะหาสารพิษเข้าใส่ตัว วันนี้เลยจะนำเอาหลักง่าย ๆ ในการชะลอวัยแบบธรรมชาติที่สามารถทำตามได้แบบสบาย ๆ มาฝากคุณผู้อ่านกันค่ะ อ.1 “อยู่แบบธรรมชาติ” ปรับชีวิตกลับเข้าสู่วิถีธรรมชาติที่แท้จริง กลับไปทานอาหารเช้า เข้านอนหัวค่ำ พักผ่อนให้มาก ๆ ทานอาหารที่ผักผลไม้สดมาก ๆ จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ง่าย อ.2 “ออกกำลังกายให้เป็นประจำ” ใช้เวลาออกกำลังกายวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดีขึ้น สร้างความแข็งแกร่งให้กับกล้ามเนื้อ ทำให้ทรงตัวได้ดี ช่วยให้นอนหลับสบายอีกด้วย เรียกได้ว่าการออกกำลังกายเป็นยาอายุวัฒนะอีกขนานหนึ่งเลยทีเดียว อ.3 “แอนตี้ความแก่” ด้วยการอยู่ให้ห่างความเครียด รู้จักบริหารจัดการอารมณ์ ทานผลไม้มาก ๆ ฝึกหัดสมาธิ จะช่วยต้านทานความแก่ชราได้ อ.4 “เอาไขมันออกไป” พยายามอย่าให้ร่างกายมีไขมันเกินมาตรฐาน หรือมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ เพราะความอ้วนทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ…

  • เคล็ดลับสร้างสุขในครอบครัว

    เคล็ดลับสร้างสุขในครอบครัว

    เคล็ดลับสร้างสุขในครอบครัว ใคร ๆ ก็ต้องการความสุขกันทั้งนั้น บางคนอยู่บ้านไม่มีความสุขก็ต้องออกไปหาความสุขนอกบ้าน แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอด ก็ต้องกลับมาตายรังที่บ้านอยู่ดี ดังนั้นแทนที่จะไปหาความสุขนอกบ้านอย่างเคย ๆ เราหันมาสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในบ้านดีกว่าไหม เพราะอย่างไรเสียครอบครัวของเราก็ยังเป็นแหล่งของความรัก ความเข้าใจ กำลังใจ ความอบอุ่นให้แก่กันและกัน แม้จะมีปัญหายิ่งใหญ่ขนาดใหญ่ หากมีครอบครัวอยู่เคียงข้าง ปัญหานั้นก็เบาบางลงไปทันที แต่ครอบครัวจะมีความสุขได้ต้องรู้จักวิธีการอยู่ร่วมกัน ให้ทุกคนรู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง จึงจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และอะไรบ้างล่ะที่สมาชิกแต่ละคนจะช่วยกันได้ มาดูแนวทางการปฏิบัติสี่ข้อนี้เลยค่ะ 1. ช่วยกันแบ่งเบาภาระงานบ้าน ไม่เกี่ยวว่านี่เป็นงานของผู้หญิง นั่นเป็นงานของผู้ชาย การทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้าหรือเก็บล้างจานชามเป็นหน้าของทุกคน อีกอย่างก็คือเป็นการหัดให้ลูก ๆ ได้ช่วยเหลือตัวเองได้ในเวลาที่เขาออกไปอยู่เองหรือไปสร้างครอบครัวของตัวเองด้วย 2. หาเวลาไปท่องเที่ยว สังสรรค์หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโอกาสพิเศษของครอบครัวให้บอ่ย ๆ เช่น พากันไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ในเทศกาลต่าง ๆ จัดงานปีใหม่หรือสงกรานต์ในบ้าน พากันไปหาที่ท่องเที่ยวในวันหยุด และไม่สร้างความสุขที่มีปัญหาเช่น การพนัน การดื่มเหล้า ยาเสพติดต่าง ๆ ฯลฯ 3. ให้กำลังใจกัน เลือกใช้คำพูดดี ๆ ถนอมน้ำใจกัน ชื่นชมกันเมื่อทำในสิ่งดี ๆ…

  • “ข่า” สมุนไพรบรรเทาอาการปวดข้อเท้า

    “ข่า” สมุนไพรบรรเทาอาการปวดข้อเท้า

    “ข่า” สมุนไพรบรรเทาอาการปวดข้อเท้า คนทำงานบางคนมีสภาพการทำงานที่ไม่เหมือนคนอื่น ๆ บางคนต้องยืนทั้งวันหรือใช้เท้าในการทำงานมาก ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายที่ต้องยืนทั้งวัน พนักงานต้อนรับ หรือแม้แต่พนักงานประกอบอุปกรณ์ในโรงงาน ฯลฯ อาชีพเหล่านี้ทำให้เกิดความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อน่อง ต้นขา เท้า ได้ง่ายมาก วันนี้จะมาแนะนำสมุนไพรสำหรับบรรเทาอาการปวดข้อเท้าค่ะ ซึ่งนั่นก็คือสมุนไพรที่เราคุ้นตากันอยู่แล้ว “ข่า” นั่นเองค่ะ “ข่า” ไม่ได้เป็นแค่สมุนไพรสำหรับการปรุงอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคได้มากหมายหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร เพราะข่าช่วยย่อย ช่วยขับลม ขับน้ำดีได้ รักษาระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี รักษาอาการลมพิษ ผดผื่นคัน รักษากลากเกลื้อนได้ และยังช่วยแก้ปวดและแก้อักเสบได้ดีด้วย การนำเอาข่ามารักษาบรรเทาอาการปวดข้อเท้านั้น ก็ทำเองได้ง่าย ๆ โดยนำข่าแก่ ๆ มาโขลกแล้วคั้นน้ำออกบ้าง แล้วนำมาพอกบริเวณที่ปวดแล้วพันผ้าทิ้งเอาไว้ ที่สำคัญก็คือก่อนการพอกข่าทุกครั้งต้องทาน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าวบนผิวหนังก่อน เพราะข่ามีฤทธิ์ร้อน อาจทำให้ผิวหนังพองหรือไหม้ได้ และอย่าใช้ข่ามากเกินไป หรือพอกทิ้งไว้นานเกินไป เพราะอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้เช่นกัน แต่เผลอลืมนำข่าพอกลงไปบนผิวหนังก่อนที่จะทาน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว จะทำให้ผิวหนังพองหรือไหม้ดำ การรักษานั้นให้นำเอามะขามเปียกมาถูบริเวณที่ไหม้เบา ๆ จนกว่าผิวหนังจะเป็นปกติ จะเห็นได้ว่าสมุนไพรของไทยเป็นภูมิปัญญาที่มีค่า มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นของที่หาได้ง่ายและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ผลเป็นอย่างดี เราคนไทยควรร่วมกันรักษาภูมิปัญญานี้ไว้นาน ๆ…

  • รู้จักกันหรือเปล่า โรคหมาว้อ

    รู้จักกันหรือเปล่า โรคหมาว้อ

    รู้จักกันหรือเปล่า โรคหมาว้อ ชื่อโรคน่ารักมาก แต่ความจริงแล้ว โรคหมาว้อ ก็คือ โรคพิษสุนัขบ้านี่ล่ะค่ะ ทราบกันอยู่แล้วว่าโรคนี้ไม่มียารักษา หากติดเชื้อขึ้นก็จะต้องเสียชีวิตไปทุกราย สัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคมิใช่เพียงแค่หมาหรือแมวเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ อีก เช่น ลิง กระรอก กระแต ชะนี ฯลฯ ซึ่งผู้ป่วยที่ติดเชื้อก็มักจะติดจากสัตว์ที่เลี้ยงอยู่นั่นแหละค่ะ เพราะเราขาดการระวังตัว หากปล่อยให้ลูกหลานเล่นกับสัตว์เลี้ยงบ่อยๆ โดยที่ไม่เคยพาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนเลยก็มีโอกาสที่จะเป็นอันตรายถึงตายได้ แม้จะเป็นลูกสัตว์ตัวเล็ก ๆ ก็ไม่น่าไว้วางใจ เพราะมีการวิจัยว่าแม่สุนัขที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้านั้นสามารถถ่ายทอดเชื้อไปสู่ลูกทางรกได้ หากมีแผลอยู่แล้วโดนลูกสุนัขหรือลูกแมวเลียก็อย่าได้ชะลอได้ เพราะเชื้อจะสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทางเส้นประสาทและตรงเข้าสู่สมอง อาจใช้ระยะตั้งแต่สองอาทิตย์ สองเดือน หรือหกเดือนจึงจะแสดงอาการ เมื่อถึงเวลานั้นก็ยากที่จะรักษาแล้ว ดังนั้นก่อนนำสัตว์เลี้ยงเข้าบ้านควรนำไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหรืออำเภอ หรือตามคลินิกสัตว์แพทย์ต่าง ๆ ต้องฉีดเป็นประจำทุกปี และหากไม่ต้องการให้มีลูกก็ควรคุมกำเนิดเสียด้วย โรคพิษสุนัขบ้าจะห่างหายไปจากโลกนี้ด้วยความร่วมมือของเราทุกคนค่ะ

  • ผักใบเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้

    ผักใบเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้

    ผักใบเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้ มีการศึกษาไปข้างหน้าเกี่ยวกับวิจัยว่า หากกินผักและผลไม้จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคเบาหวานได้หรือไม่ ปรากฏว่า จากการติดตามวิเคราะห์ผลถึงสี่ปีครึ่งไปจนถึง 23 ปี พบว่าการกินผักใบเขียวมาก ๆ ช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวานได้ถึงร้อยละ 14 เลยทีเดียว แล้วทำไมการกินผักใบเขียวจึงช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ดีกว่าผักสีอื่น ๆ เพราะเชื่อกันว่าในผักใบเขียวนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนมากกว่า มีแร่แมกนีเซียมมากกว่าด้วย ในผู้ที่อ้วนลงพุง น้ำหนักเกิน ผู้ที่ยังไม่เป็นเบาหวาน ควรกินผักใบเขียวให้มาก และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และลดน้ำหนักลงให้ได้ร้อยละ 7 ในเวลาหกเดือนจะช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวานได้มากกว่าร้อยละ 50 การกินผักใบเขียวควรกินให้ได้มากเพียงพอก็คือวันละประมาณห้าฝ่ามือ ทั้งแบบสุกและแบบดิบรวมกัน นอกจากนี้ก็ต้องดูแลสุขภาพป้องกันเบาหวานด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วย เช่นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกลังกายที่ไม่หนักเกินไป แต่มีความสม่ำเสมอ ปรับสมดุลในการใช้ชีวิต งดดื่มเหล้า ดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ พักผ่อนให้พอเพียง อยู่ให้ห่างจากความเครียด เท่านี้ก็จะทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไปนาน ๆ แล้วค่ะ  

  • ผู้ที่ทำงานด้วยการยืนนาน ๆ ควรป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโรค

    ผู้ที่ทำงานด้วยการยืนนาน ๆ ควรป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโรค

    ผู้ที่ทำงานด้วยการยืนนาน ๆ ควรป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโรค คนที่ต้องทำงานด้วยการยืนนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายของตามห้างที่ต้องยืนทั้งวัน ผู้ที่ทำงานในโรงงานต่าง ๆ ที่ต้องยืนประกอบของ เหล่านี้มักจะมีอาการปวดเมื่อยน่อง เส้นเลือดขอด และอาการต่าง ๆ ทำให้มีความปวดเมื่อยน่อง ต้นขา เท้า เส้นเอ็น กระดูก เป็นอย่างมาก แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้วจะป้องกันผลเสียจากการยืนนาน ๆ ได้อย่างไร? 1. ยืนบนพื้นนิ่ม หรือบนพรมจะลดแรงกดดันที่เท้าได้ อาจเป็นพรมเช็ดเท้าก็ได้ ทดลองยืนขาเดียวดูถ้ารู้สึกว่าสบายเท้าและยืนได้มั่งคงก็ถือว่าใช้ได้ 2. ใส่รองเท้าพื้นนิ่มและมีความหลวมเล็กน้อย ช่วยลดแรงกดได้เช่นกัน ที่ให้เลือกหลวมเล็กน้อยเพราะในช่วงบ่ายเท้าจะบวมขึ้นเล็กน้อยเพราะยืนนาน ๆ นั่นเอง 3. ไม่ควรสวมส้นสูงยืนทำงาน หากเจ็บส้นเท้ามาก อาจใส่ส้นสูงได้ไม่เกินสองนิ้วเพื่อลดแรงกดที่ส้นเท้า 4. ยืนเท้าโต๊ะสูงหรือตู้ขายสินค้าโดยใช้แขนหรือศอกรับน้ำหนักตัวทางด้านหน้า สลับกับการใช้ก้นหรือหลังพิงกำแพงชั่วคราว จะช่วยลดแรงกดต่อหลังและเท้าได้ 5. พักการยืนบ่อย ๆ หย่อนขาลงข้างหนึ่ง 6. ใช้เก้าอี้แบบกึ่งนั่งกึ่งยืนในกรณีของพนักงานขายของหรือการทำงานในโรงงาน 7. หากสามารถสลับทำงานได้ทั้งท่านั่งและยืน ให้สลับกัน โดยจัดพื้นที่ทำงานให้เหมาะสม โต๊ะยืนทำงานไม่ควรเตี้ยเกินไปจนต้องก้มหลัง 8. ถ้ารู้สึกเมื่อยให้เดินไปเดินมาสัก 2-3…

  • วิธีการปฐมพยาบาลอุบัติเหตุต่าง ๆ ในเบื้องต้น

    วิธีการปฐมพยาบาลอุบัติเหตุต่าง ๆ ในเบื้องต้น

    วิธีการปฐมพยาบาลอุบัติเหตุต่าง ๆ ในเบื้องต้น – ผงเข้าตา ไม่ควรขยี้ตา ให้รีบไปลืมตาในน้ำสะอาดและกลอกตาไปมา หากยังไม่ออกให้คนอื่นช่วยเอามุมผ้าเช็ดหน้าสะอาดเขี่ยออกให้ ถ้าไม่ได้อีกให้รีบพาไปพบแพทย์ – ไฟฟ้าช็อต รีบปิดสวิตไฟทันทัน ถ้าทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ให้ใช้สิ่งที่แห้งเช่น ไม้ เก้าอี้ไม้ ที่ไม่นำไฟฟ้า เขี่ยสายไฟออกจากตัวผู้ป่วย แล้วรีบเป่าปากเพื่อช่วยหายใจค่อยนำส่งโรงพยาบาล – งูพิษกัด เขี้ยวของงูกพิษจะมีรอยเขี้ยว 1-2 จุด ให้ใช้เชือกหรือเข็มขัดรัดเหนือแผล (รัดระหว่างแผลกับหัวใจ) ให้แน่นพอควร อย่างแน่นมาก ให้นอนนิ่ง ๆ แล้วพูดปลอบใจอย่างให้กลัว ห้ามให้ดื่มเหล้า ยาดองเหล้าหรือยากล่อมประสาทเด็ดขาด แล้วรีบพาไปพบแพทย์ ควรจับงูไปด้วย หากหยุดหายใจให้เป่าปากก่อน – การเป่าปากช่วยหายใจ ใช้ในกรณีผู้ป่วยหยุดหายใจ ทำได้โดวยวางผู้ป่วยให้นอนหงายลง แล้วใช้ของหนุนไหล่ให้สูงหรือใช้มือยกคอให้สูงขึ้นโดยให้ศีรษะตกหงายไปด้านหลัง อ้าปากออก เช็ดน้ำมูกน้ำลายและล้วงของในปากออก ผู้ป่วยให้หายใจเข้าปอดให้เต็มที่ แล้วอ้าปากคร่อมไปบนปากของผู้ป่วยแล้วพ่นลมเข้าไป – แมลงเข้าหู ควรพาไปที่มืดแล้วใช้ไฟฉายส่อง แมลงจะออกมาตามแสง หรือเอาน้ำหลอดให้แมลงลอยน้ำขึ้น หรือใช้น้ำมันหรือกลีเซอรีนบอแรกซ์หลอดหุแมลงจะตายในหูแล้วเขี่ยหรือคีบออกมา หากมีประวัติหูน้ำหนวกหรือทำตามแล้วไม่ได้ผลให้รีบไปพบแพทย์ – เลือดกำเดาไหล ให้นั่งนิ่ง…

  • รักและเข้าใจผู้ป่วยอัลไซเมอร์

    รักและเข้าใจผู้ป่วยอัลไซเมอร์

    รักและเข้าใจผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ในประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทยนั้น พบผู้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ถึงร้อยละ 1-2 ของประชากรในช่วงอายุ 60-69 ปี เลยทีเดียวนะคะ ยังไม่พบสาเหตุของโรคและการรักษาก็ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงควบคุมอาการของโรคเท่านั้น ดังนั้นผู้ป่วยโรคนี้จึงต้องมีผู้ดูแล เพราะส่วนใหญ่แล้วจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ที่เข้ามาดูแลจะช่วยให้ผู้ป่วยได้ทานยาอย่างถูกต้องและต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ พาผู้ป่วยไปพบแพทย์ตามนัด และให้ข้อมูลของผู้ป่วยกับแพทย์ให้มากที่สุดด้วย ซึ่งการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์นี้ก็มักเป็นลูกหลานหรือญาติสนิท และต่อไปนี้คือแนวทางการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ค่ะ 1. ผู้ดูแลที่จำเป็นต้องใช้ความใจเย็นในการดูแลกับทั้งต้องเข้าใจผู้ป่วยอัลไซเมอร์ด้วย เพราะผู้ป่วยจะมีปัญหาเรื่องความจำและการใช้ความคิด ตลอดจนการควบคุมตนเอง อาจมีการเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพ พฤติกรรม จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 2. ผู้ดูแลควรให้ความช่วยเหลือในกิจวัตรประจำวันของผุ้ป่วย เช่น การกินอาหาร การขับถ่าย การอาบน้ำ การสวมเสื้อผ้า และดูแลในเวลาที่ออกข้างนอกเพื่อมิให้หลงกัน 3. ดูแลในเรื่องการใช้ยาและการพาไปพบแพทย์ เพราะบางรายอาจต้องได้รับยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เช่น ยานอนหลับ ยาลดความซึมเศร้า ผู้ดูแลควรช่วยในเรื่องการทานยาให้สม่ำเสมอและถูกต้อง พาไปพบแพทย์ตามนัด และสังเกตอาการเพื่อรายงานแพทย์ด้วย 4. ดูแลในเรื่องความปลอดภัยและอุบัติเหตุทั้งหลาย 5. ดูแลในเรื่องจิตใจ โดยการให้กำลังใจ ดูแลเรื่องการกินอยู่ การออกกำลังกาย และการหากิจกรรมกับผู้สูงอายุด้วยกัน หากผู้ป่วยความจำยังไม่บกพร่องมากสามารถหากิจกรรมฝึกความจำเพื่อช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมได้ 6. ผู้ดูแลก็ต้องดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจของตัวเองด้วย เพราะการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์นี้มักทำให้เกิดความเครียดหรือปัญหาทางด้านอารมณ์ขึ้นมาได้ อาจหาคนปรึกษาหรือหาเวลาเป็นส่วนตัวด้วยการสลับสับเปลี่ยนกันดูแลผู้ป่วยบ้างก็น่าจะดีขึ้นได้ เพราะการดูแลผู้ป่วยเป็นเรื่องสำคัญ…

  • ดูแลเสื้อผ้าให้แห้งสนิท ป้องกันเชื้อราในหน้าฝน

    ดูแลเสื้อผ้าให้แห้งสนิท ป้องกันเชื้อราในหน้าฝน

    ดูแลเสื้อผ้าให้แห้งสนิท ป้องกันเชื้อราในหน้าฝน ในช่วงฤดูฝนนั้น ปัญหาที่มักพบเจอได้บ่อย ๆ ในครัวเรือนก็คือ ผ้าที่ซักเอาไว้ยังตากไม่ทันแห้งดี ก็โดนฝนสาดเสียแล้ว ทำให้เกิดปัญหาความอับชื้น กลิ่นอับเหม็นจากเชื้อแบคทีเยก หรือมีเชื้อราขึ้นเสื้อผ้าได้อีกด้วย ซึ่งเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้อาจทำให้อันตรายต่อสุขภาพร่างกายเราได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อที่ผิวหนังส่วนต่าง ๆ การติดเชื้อลุกลามเข้าสู่พื้นที่ในร่มผ้า ฯลฯ วันนี้เราจึงมีเทคนิคในการขจัดกลิ่นอับและเชื้อราเหล่านี้มานำเสนอผู้อ่านกันค่ะ   1. ควรทยอยซักเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ อย่าหมกไว้มาก ๆ แล้วซักทีเดียว เพราะจะได้มีพื้นที่ในการตากผ้ามากขึ้น ไม่ต้องแขวนเบียด ๆ กันทำให้ผ้าแห้งช้าลง 2. เลือกใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีส่วนผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อหรือขจัดกลิ่นอับชื้นเป็นพิเศษ ในปริมาณที่มากกว่าปกติ 3. หากตากฝนมาจากนอกบ้าน ไม่ควรนำเสื้อผ้าเปียกไปกองสุมในตะกร้า เพราะอาจทำให้ผ้าเกิดกลิ่นอับและมีเชื้อราเกิดขึ้นได้ 4. แกว่งสารส้ม ใส่ผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา ในน้ำที่แช่ผ้าไว้ 1 คืน จะช่วยลดกลิ่นอับของเสื้อผ้าได้ 5. ตากผ้าในบริเวณที่โดนแสงแดด มีลมพัดผ่าน และอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรตากผ้าในห้องน้ำเพราะมีความชื้นสูง อาจทำให้เป็นเชื้อราได้ หากมีแอร์ก็สามารถนำราวผ้าไปตากบริเวณคอยด์ร้อนของแอร์จะช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นมากด้วย 6. หากซักและตากดีทุกอย่างแล้ว แต่ยังมีกลิ่นอับอยู่ บางทีอาจเกิดจากตู้เสื้อผ้าก็เป็นได้ ให้ทำความสะอาดตู้โดยนำเอาเสื้อผ้าและของทุกอย่างออกมาให้หมด แล้วใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือฆ่าเชื้อโรคเช็ดให้ทั่ว แล้วเปิดทิ้งไว้ให้ระบายอากาศสักหนึ่งวัน…

  • ไวรัสตับอักเสบซี อันตราย แต่ป้องกันได้ถ้าเข้าใจ

    ไวรัสตับอักเสบซี อันตราย แต่ป้องกันได้ถ้าเข้าใจ

    ไวรัสตับอักเสบซี อันตราย แต่ป้องกันได้ถ้าเข้าใจ ไวรัสตับอักเสบซี เป็นเชื้อไวรัสที่ค้นพบมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ทำให้ตับอักเสบได้แบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ทำให้เกิดเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ เป็นเชื้อไวรัสตับอักเสบที่รุนแรงมากกว่าเชื้อชนิดอื่น ไม่มีวัคซีนป้องกัน ทำได้เพียงให้ยาลดไวรัสและป้องกันการเกิดมะเร็งตับเท่านั้น โรคนี้สามารถติดต่อได้ทางเลือดและผลิตภัณฑ์ทางเลือดทุกชนิด โดยเฉพาะหากเคยได้รับมาก่อนปี 2535 ติดต่อได้ทางเข็มฉีดยา ทางการสักหรือเจาะหูด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน การฟอกไต การสักตัว สักคิ้ว สักขอบตา อุปกรณ์เสริมสวยไม่ว่าจะเป็นการทำผม ทำเล็บที่ใช้มีดโกน กรรไกร เป็นต้น การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ในผู้ที่เป็นตับอักเสบเฉียบพลัน เนื่องจากโรคนี้ผู้ป่วยมักไม่ค่อยแสดงอาการ จึงไม่มีการรักษาใด ๆ เป็นเพียงการดูแลตามอาการเท่านั้น ไม่นอนดึกและหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง แต่ในผู้ที่เป็นตับอักเสบเรื้อรังนั้น มียาที่ใช้เป็นมาตรฐานในการรักษาอยู่สองตัวร่วมกันก็คือ ยาฉีดในกลุ่มอินเตอร์เฟอรอนกับยาไรบาไวริน ซึ่งเป็นยากิน ทั้งสองชนิดช่วยกำจัดไวรัสให้หมดไปและไม่เป็นซ้ำอีกมีผลถึงร้อยละ 50 ในส่วนของการป้องกันไวรัสตับอักเสบซีนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อทุกอย่าง เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ไม่เข้าร้านสัก เจาะ หรือทำผมทำเล็บที่ไม่ได้มาตรฐาน ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงการดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรงไว้อย่างสม่ำเสมอด้วย