Author: pure
-
คุณผู้ชายรู้หรือยัง…การใช้ถุงยางอนามัยที่ต้องควรจะทำอย่างไร?
คุณผู้ชายรู้หรือยัง…การใช้ถุงยางอนามัยที่ต้องควรจะทำอย่างไร? คุณผู้ชายหลายๆคนก็คงรู้กันอยู่แล้ว ว่าการใช้ถุงยางอนามัยนั้น ช่วยไม่ให้ติดต่อโรคทางเพศสัมพันธ์ และก็ช่วยในเรื่องคุมกำเนิดอีกด้วย แต่คุณผู้ชายจะรู้รึยังว่าการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องควรทำยังๆไง วันนี้เรามีหลักปฏิบัติ สำหรับการใช้ถุงยางอนามัย และข้อแนะนำเกี่ยวกับถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องมาฝากกันค่ะ ! – ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธุ์ – เลือกซื้อถุงยางที่มีคุณภาพโดยดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุ (ถ้าไม่มีวันหมดอายุ ให้นับจากวันที่ผลิตไป 3 ปี ถ้ายังไม่เกิน 3 ปี แสดงว่ายังใช้ได้) – เลือกใช้ขนาดของถุงยางอนามัยให้เหมาะกับขนาดของตนเอง ถ้าเล็กไปมักจะฉีกขาดง่าย ถ้าใหญ่เกินมักจะหลุดง่าย – จงสวมถุงยางก่อนที่จะมีกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์ – บีบไล่ลมออกจากส่วนปลายถุงยางตรงที่เป็นกระเปาะก่อนจะสวมเสมอ เพื่อไม่ให้ลมที่ค้างอยู่เป็นตัวทำให้ถุงยางแตก – อย่าดึงถุงยางขึ้นมาจนสุด ให้เหลือส่วนปลายตรงที่เป็นกระเปาะไว ้สำหรับรองรับน้ำอสุจิเสมอ – ให้คลี่ถุงยางออกจนคลุมถึงส่วนโคนของอวัยวะเพศด้วย – ถ้าถุงยางแตกระหว่างมีเพศสัมพันธ์อยู่ ให้นำออกมาเปลี่ยนและสวมอันใหม่ทันที – เมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ให้ถอดถุงยางออกในระหว่างที่อวัยวะเพศยังแข็งอยู่ห้ามแช่อวัยวะเพศไว้ในช่องคลอด – การถอดถุงยางให้ใช้กระดาษชำระพันรอบขอบถุงยางให้กระชับอวัยวะเพศไว้ก่อน แล้วถอดถุงยางออก อย่าให้เปื้อนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย – เมื่อจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งใหม่ให้เปลี่ยนถุงยางอนามัยทุกครั้งเสมอ – ถ้าจะใช้สารหล่อลื่น ควรใช้สารหล่อลื่นเช่น ky หรือ xy…
-
เรื่องไม่ลับ “ถุงยางอนามัย” มีดีอย่างไร?
เรื่องไม่ลับ “ถุงยางอนามัย” มีดีอย่างไร? รู้หรือไม่ว่า ถุงยางอนามัยนั้น มีดีอย่างไร ? – ถุงยางอนามัยถ้าใช้อย่างถูกวิธี สามารถช่วยในการคุมกำเนิด โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาเม็ดคุมกำเนิด – ถุงยางอนามัยไม่มีผลข้างเคียงเหมือนวิธีการอื่น – ถุงยางอนามัยใช้เฉพาะเวลาที่ต้องการเท่านั้น – ถุงยางอนามัยไม่ทำให้หญิงบริการต้องเสี่ยงและต้องคอยระมัดระวังตัว – ถุงยางอนามัยซื้อหาได้ง่าย ใช้ง่าย ไม่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ – ถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการแพร่กระจายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งโรคเอดส์ – ถุงยางอนามัยช่วยให้ฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิช้าลงบ้าง จนพอดีกับความรู้สึกสุดยอดของฝ่าย หญิง จึงมีการนำมาใช้ในการรักษาภาวะที่เกิดการหลั่งน้ำอสุจิเร็วของผู้ชาย – ถุงยางอนามัยสามารถตรวจเช็คได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ว่าฉีกขาดหรือไม่และสามารถมั่น ใจได้ถ้าใช้อย่างถูกวิธี * ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว คุณผู้ชายที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ก็ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคเอดส์ และสาเหตุของการตั้งครรภ์กันด้วยนะค๊ะ
-
รู้จักการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HIV
รู้จักการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ HIV วิธีการป้องกันโรคเอดส์ที่ดีที่สุด และทุกๆคนสามารถทำได้ คือ การใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และสิ่งที่ควรเลี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเอดส์นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเราด้วย แต่ที่สำคัญ เราต้องลดพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคเอดส์ทั้งหมด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และอีกหลายๆอย่าง ในสมัยก่อยผู้ที่เป็นรักร่วมเพศ มักจะมีเปอร์เซ็นต์ติดเชื้อ HIV ได้มากกว่า ผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ในปัจจุบันกลับพบว่า เชื้อ HIV พบได้ใน วัยรุ่น คนทำงาน ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น แม่บ้าน คือสามารถพบได้ทั่วๆไป ดังนั้นทุกคนเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV หากไม่ป้องกันหรือประมาท โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้นเรามาดูวิธีการป้องกัน และหลีกเลี่ยงไม่ให้ติดเชื้อ HIV กันดูค่ะ การป้องกันการติดเชื้อ HIV จากเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อ HIV จะสามารถติดต่อทางเยื่อเมือก (mucous membranes)เช่น ปลายอวัยวะเพศชาย ปาก ทวารหนัก ช่องคลอด หากเยื่อเมือกเหล่านี้ได้รับเชื้อ HIV จาก น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นของทั้งหญิงและชาย เลือด ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ – วิธีป้องกันที่ได้ผลมากที่สุดแต่ทำยากที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น…
-
อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์
อาการและแพร่กระจายของโรคเอดส์ อาการและการดำแนินโรคของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์มีกี่ระยะ แต่ละระยะมีอาการอย่างไร โรคเอดส์แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ระยะที่ไม่ปรากฏอาการ (Asymptomatic Stage or Carrier Stage) หรือเรียกว่า ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ สุขภาพจะแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนคนปกติทุกประการ แต่อาจจะเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆเช่นเดียวกับคนปกติอื่นๆ เป็นไข้หวัด ซึ่งจะหายใจได้เหมือนปกติทั่วไป ไม่มีโรคแทรกซ้อน บางคนอาจจะอยู่ในระยะนี้ 2-3 ปีก่อนที่จะเข้าสู่ระยะต่อไปโดยเฉลี่ยประมาณ 7-8 ปีแต่บางคนอาจจะไม่มีอาการนานถึง 10 ปี หรือนานกว่านั้นก็ได้ ผู้ติดเชื้อทุกรายที่อยู่ในระยะนี้แม้จะไม่มีอาการก็สามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นๆ ได้ ระยะที่ 2 ระยะมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ (Aids Related Complex หรือ ARC) ระยะนี้นอกจากมีเลือดบวกแล้ว ยังอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างปรากฏ ให้เห็นได้ เช่น – ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน – น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัวใน 1 เดือน –…
-
มาดู! กีฬายอดฮิตของคนเมือง
มาดู! กีฬายอดฮิตของคนเมือง ปัญหาสำหรับคนเมืองที่ต้องการออกกำลัง เวลาถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญ เวลาของเราในแต่ละวันก็รู้สึกว่าน้อยเหลือเกิน เพราะเวลาหมดไปกับการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงาน หลายคนที่อยากออกกำลังกาย จึงอดไป แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธี ที่สามารถออกกำลังกายได้ง่ายๆ ลองมาดูกีฬายอดฮิตของคนเมือง เพื่อนำไปเป็นไอเดียในการดูแลสุขภาพกันดีกว่าค่ะ กีฬาที่เล่นต่อหนึ่งชั่วโมง / ทำให้คุณเบิร์นแคลอรีได้เท่าไหร่? – แบดมินตัน 200-800 cal/HR – โยคะ 200-400 cal/HR – จ๊อกกิ้ง 600-1000 cal/HR – เต้นแอโรบิค 500-900 cal/HR – ปั่นจักรยาน 250-800 cal/HR เทคนิคเพิ่มความฟิต (หัวใจและระบบไหลเวียนเลือด) สำหรับมือสมัครเล่น – ออกกำลังกายสม่่ำเสมอครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที – ระดับปานกลางอย่างน้อย 5 ครั้งต่อสัปดาห์ – ระดับหนักมากอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ สำหรับมืออาชีพ – รู้จักตนเองและวางแผนการฝึกซ้อม – นักกีฬาสามารถรู้สมรรถนะการจับออกซิเจนสูงสุดของตัวเองได้ด้วยการทดสอบหาค่า VO2…
-
โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์
โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์ โรคเอดส์กับการตั้งครรภ์ 1. หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ ควรปล่อยให้ตั้งครรภ์หรือไม่ ไม่ควร เพราะการตั้งครรภ์อาจกระตุ้นให้หญิงที่ติดเชื้อนั้นมีอาการป่วยของโรคเอดส์เร็วขึ้น นอกจากนี้หากทารกคลอกออกมาก็มีโอกาสได้รับเชื้อจากแม่ได้ 2. อัตราเสี่ยงของทารกที่เกิดจากมารดาที่มีเชื้อเอดส์มีมากน้อยเพียงใด หญิงที่มีเชื้อเอดส์อยู่ในร่างกายสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ได้ประมาณ20-40? ของทารกที่เกิดมา และทารกที่ติดเชื้อจะมีอาการเป็นโรคเอดส์ และตายในเวลาประมาณ 2-5ปี ผู้ติดเชื้อเอดส์แล้วจะมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยได้หรือไม่ > ได้ แต่เนื่องจากเชื้อเอดส์ออกมากับน้ำหลั่งจากอวัยวะเพศ เช่น น้ำจากช่องคลอด น้ำอสุจิ จึงทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อเอดส์ไปยังคู่นอนได้ ผู้ที่ติดเชื้อควรทราบความจริง มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์และแนวทางการปฏิบัติตัวที่จะไม่ให้เชื้อเอดส์แพร่ไปสู่ผู้อื่นได้เช่น ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศโดยแน่ใจว่าถุงยางนั้น ไม่ชำรุด และปฏิบัติตามหลักการ “การมีเพศสัมพันธ์อย่าง ปลอดภัย” เป็นต้น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) ต้องทำอย่างไรบ้างการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (Safe Sex) คือการร่วมเพศกับเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันจนสำเร็จความใคร่ด้วยวิธีที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเอดส์ ซึ่งจะปฏิบัติดังนี้คือ – พยายามเล้าโลมด้วยการกอดจูบลูบคลำตามร่างกาย – จูบตามร่างกายได้ รวมทั้งจูบตามริมฝีปากได้ แต่ห้ามจูบอย่างดูดดื่มระวังอย่าให้น้ำลายเข้าไปในปากฝ่ายตรงข้ามในปริมาณที่มากพอ รวมทั้งห้ามใช้ลิ้นสอดเข้าไปด้วย – ห้ามสอดอวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอด ทวารหนัก หรือปากของฝ่ายตรงข้าม – พยายามใช้ส่วนของร่างกาย (ซึ่งไม่มีแผล) ที่เป็นร่องเช่นร่องขา ร่องแขน ร่องหน้าอก…
-
ความเป็นมาของโรคเอดส์
ความเป็นมาของโรคเอดส์ ความเป็นมาของโรคเอดส์ 1. โรคเอดส์ค้นพบเมื่อใดโรคเอดส์เป็นโรคที่ค้นพบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพบว่าผู้ป่วยรายแรกที่พบนี้มีอาการป่วยที่แตกต่างจากผู้ป่วยอื่นๆและมีภูมิคุ้มกันปกติ และต่อมาได้พบผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยรายนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2. โรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศใด มีหลักฐานรายงานว่าโรคเอดส์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศ ในทวีปแอฟริกา ซึ่งเชื่อกันว่ามีผู้ป่วยตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2520 แล้วมีการแพร่กระจายไปยังเกาะไฮติ ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของทวีปอเมริกา ต่อมามีการแพร่ระบาดขึ้นในทวีปอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี และประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก แล้วจึงมีการแพร่กระจาย ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจนถึงปัจจุบันมีรายงานว่ามีมากกว่า 163 ประเทศที่พบโรคเอดส์ในประเทศของตนแล้ว 3. โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศใด โรคเอดส์พบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ.2524) โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯได้รับรายงานจากนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ว่ามีชายหนุ่มรักร่วมเพศ 5 คนป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อแปลกๆ ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าPneumocystis Carinii Pneumonia ภายในอีก 1 เดือนต่อมา มีรายงานจากนิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนียว่ามีชายรักร่วมเพศอีก 26 ราย ป่วยเป็นโรคมะเร็งKaposi’s Sarcoma ซึ่งตามปกติ เป็นในคนอายุมากหรือคนที่มีภูมิคุ้มกันของร่างกายเสียไป และยังมีผู้ป่วยอีกหลายรายเป็นโรคปอดบวม และติดเชื้อชนิดฉวยโอกาส…
-
วิธีสังเกตอาการต่างของโรคมะเร็ง
วิธีสังเกตอาการต่างของโรคมะเร็ง โดย : วราธร จารุชลิตากุล อาการของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย 1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด นื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้ 2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่อง ท้อง 3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศ สัมพันธ์ > มีปัญหา เกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง 4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการ ปวด ตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง 5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่าง ฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ ชัด 7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ 8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มี อาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย 9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำ หรือ เป็นเวลานาน 10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้ 11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย…
-
รู้จักความปวดกับผู้ป่วยมะเร็ง จากแพทย์ NCI
รู้จักความปวดกับผู้ป่วยมะเร็ง จากแพทย์ NCI ความปวดเป็นความรู้สึกที่มีอิทธิพลอย่างมากในการทำลายความสุข รวมทั้งรบกวน การประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องกระทำเป็นกิจวัตร โดยความปวดอาจเกิดขึ้นเป็น ครั้งคราวหรือต่อเนื่องตลอดเวลา ความปวดเกิดร่วมกับผู้ป่วยไข้ด้วยโรคมะเร็ง ได้ทุกระยะ โดยเฉพาะเมื่อโรคมะเร็งอยู่ในระยะแพร่กระจาย แต่ก็มีผู้ป่วยโรคมะเร็ง จำนวนไม่น้อยที่ พบว่าไม่เคยมีความปวดเกิดขึ้น โรคมะเร็งไม่ใช่สาเหตุที่ก่อให้เกิด ความปวดเท่านั้น ในนผู้ ป่วยโรคมะเร็งความปวดอาจเกิดจากผล ข้างเคียงของการบำบัด โรคมะเร็ง หรือเป็นความปวดชนิดธรรมดาที่เกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดาทั่วไป ความ ปวดจากโรคมะเร็งจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นกับขนิดของโรคมะเร็ง อวัยวะที่เกิดโรค รวมทั้งสภาพ ร่างกาย และจิตใจของผู้ป่วยโดยเฉพาะเมื่อร่างกายอ่อนล้า มีความกลัว ซึม เศร้า หรือวิตกกังวลเกิดขึ้น จะมีส่วนทำให้ความปวดที่เป็นอยู่มีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วย ที่มีความปวดเท่านั้นที่จะรู้สึก ถึงลักษณะและระดับความรุนแรงของ ความปวดที่เกิด ขึ้น กิจกรรมต่าง ๆ ที่ถูกกระทบจนไม่อาจกระทำได้ รวมทั้งสภาพทางด้านจิตใจที่ทรุดลง อันเป็นผลจากความปวด ดังนั้น เมื่อเกิดความปวดขึ้นต้องไม่ตื่นตระหนก แต่อย่ารีรอ และไม่ต้องเกรงใจให้แจ้งแพทย์ พยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้การดูแล รับรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับความปวดอย่างละเอียดลออทันทีที่มีโอกาส ซึ่งจะเป็นวิธีที่ ี่ช่วยทำให้การบำบัดความปวดที่เกิดขึ้นได้ผลมากที่สุด อย่าเบื่อหรือรำคาญกับคำถามมาก…
-
ทำความเข้าใจ การศัลยกรรม ในผู้ป่วยมะเร็ง จากแพทย์สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
ทำความเข้าใจ การศัลยกรรม ในผู้ป่วยมะเร็ง จากแพทย์สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ศัลยกรรม ในผู้ป่วยมะเร็ง โดยทั่วไปแล้ว คำว่า”ศัลยกรรม”หมาย ถึง การรักษาโรคโดยวิธีผ่าตัด ดังนั้น ศัลยกรรมในผู้ ป่วยมะเร็ง จึงหมายถึง การรักษาโรคมะเร็งด้วยการผ่าตัด การผ่าตัดที่ ใช้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นมีหลายลักษณะ แบ่งออกตามวัตถุประสงค์ของการ ผ่าตัดได้ ดังนี้ 1. การผ่าตัดเพื่อการวินิจฉัย (Biopsy) เป็น กาตัดหรือขลิบ ชิ้นเนื้อจากก้อน เนื้องอก หรืออวัยวะที่สงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง ส่งตรวจทางพยาธิ วิทยา เพื่อการพิสูจน์และ วินิจฉัยโรค วิธีนี้จะสามารถยืนยันได้ ว่าเนื้องอก หรืออวัยวะนั้น ๆ เป็นเนื้องอก ธรรมดา หรือ มะเร็ง การ ตัดชิ้นเนื้อ เพื่อพิสูจน์ ดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ ก. ตัดชิ้นเนื้อ เพียงบางส่วน (Incisional Biopsy) วิธีนี้เลือกใช้ ในกรณีที่เนื้อ งอก…