Author: pure
-
4 โรคต้องระวังสำหรับคนชอบขึ้นภู
4 โรคต้องระวังสำหรับคนชอบขึ้นภู สำหรับคนที่ชอบเดินทางไปขึ้นภู ดูหมอกสวย ๆ ในหน้าหนาวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศนั้น ทางคลินิกเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทาง โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เตือนว่านักท่องเที่ยวที่มีความนิยมการท่องเที่ยวแบบดังกล่าวมักพบอาการป่วยได้ง่ายถึง 4 โรคด้วยกัน ซึ่งควรระวังป้องกันไว้รวมทั้งควรฟิตร่างกายให้มีความแข็งแรงก่อนออกไปเผชิญอาการหนาวเย็นดังกล่าวด้วย โรคทั้ง 4 ได้แก่.. – ปอดบวม เกิดจากการติดเชื้ออักเสบของปอด หลอดลม ถุงลมซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ทำให้มีของเหลวเกิดขึ้นในถุงลง มักเป็นโรคที่แทรกซ้อนเข้ามาหลังจากการป่วยเป็นไข้หวัดได้ 2-3 วันซึ่งมีอาการก็คือไอ เจ็บหน้าอก มีไข้สูง และหอบ – โรคหัด ระบาดมากในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อน มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันทางน้ำลายของผู้ป่วย ที่สัมผัสการไอ จาม หรือการหายใจรดกัน ตลอดจนใช้สิ่งของร่วมกัน มีอาการระยะแรกคล้ายไข้หวัด มีไข้สูง กินยาแก้ไขก็ไม่ลด และถ่ายเหลวบ่อย ๆ เหมือนท้องเสีย สำหรับเด็กอาจชักได้เพราะมีไข้สูง – ภูมิแพ้อากาศ มักเป็นได้ในช่วงฤดูหนาว เพราะร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ทางการหายใจ มีอาการชัด ๆ ก็คือคันตา คันจมูก น้ำมูกใส จามบ่อย และแน่นจมูกในตอนเช้า…
-
4 อาหารอัพอึ๋ม ยิ่งกินยิ่งดูมดูม
4 อาหารอัพอึ๋ม ยิ่งกินยิ่งดูมดูม เรื่องอกใหญ่อกเล็ก นี่เป็นปัญหาระดับชาติของหญิงสาวแทบทั้งโลกเลยทีเดียวนะคะ ยิ่งโดยเฉพาะสาวไทยหรือสาวเอเซียที่มีโครงสร้างหน้าอกค่อนข้างเล็กแล้ว ยิ่งเล็กเท่าไรกลับกลายเป็นเรื่องหนักอกเท่านั้น ซึ่งหากพอมีทุนทรัพย์อยู่บ้าง ก็คงเดินเข้าคลินิกผ่าหรือฉีกไปรู้แล้วรู้รอด แต่หากกลัวมีดแล้วก็มีมีทุน เรามาหาอาหารทานอัพอึ๋มกันดีกว่า ราคาถูกกว่า ประหยัดและปลอดภัยชัวร์ด้วยค่ะ 1. อาหารอัพอึ๋มชนิดแรกก็ต้องเป็นถั่วเลยค่ะ ถั่วทุกชนิดอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินบี และวิตามินอีก ที่ช่วยให้คุณหน้าอกใหญ่บึ้มขึ้นและเต่งตึงขึ้นอีกด้วย แต่อย่ากินมากเกินไปล่ะ เพราะมีไขมันเยอะเหมือนกัน เดี๋ยวจะอึ๋มเพราะอ้วนเอา 2. น้ำมะพร้าว เพราะในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ช่วยสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อหน้าอก หน้าอกจึงใหญ่ขึ้นได้ชัวร์ค่ะ 3. ผักและผลไม้สดนานาชนิด อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลาย ยิ่งทานหลากหลายชนิดสลับกันไปก็จะยิ่งช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่บำรุงความงามให้กับหน้าอก แล้วยังกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดได้ดีด้วย ทั้งอึ๋มทั้งเปล่งปลั่งเลยล่ะทีนี้ 4. ไข่ เพราะในไข่มีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของหน้าอกที่เริ่มหย่อนยานไปแล้ว ทำให้กระชับเต่งตึงขึ้นได้ รู้อย่างนี้แล้วจะไปฉีดหรือไปผ่าอีกไหมล่ะ ว่าแล้วไปตลาดซื้ออาหารอัพอึ๋มมาทานดีกว่าค่ะ
-
นวดด้วยกะทิ ป้องกันผมร่วงศีรษะล้าน
นวดด้วยกะทิ ป้องกันผมร่วงศีรษะล้าน น้ำที่คั้นจากเนื้อมะพร้าวห้าวสีขาวครีมที่เราเห็นกันคุ้นตาอย่าง “กะทิ” นั้น เชื่อหรือไม่คะว่าเป็นครีมนวดศีรษะชั้นดีที่ช่วยป้องกันปัญหาผมร่วง ศีรษะล้านได้ด้วยนะคะ สำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วง วันนี้เรามาเรียนรู้วิธีการนวดหนังศีรษะด้วยน้ำกะทิกันค่ะ เพราะในน้ำกะทินั้น อุดมไปด้วยสารอาหารที่ประโยชน์นานาชนิดโดยเฉพาะโปรตีน ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผมงอกได้และทำให้ผมยาวเร็วขึ้นด้วย ทั้งยังช่วยป้องกันผมหลุดร่วง ทำให้หนังศีรษะไม่แห้งคัน แล้วยังป้องกันผมแตกปลายได้อีกเพราะมีน้ำมันจากกะทิที่ทรงคุณค่า วิธีการนวดหนังศีรษะด้วยกะทิ ก็เพียงเตรียมหัวกะทิที่ซื้อมา แล้วนำมาชโลมให้ทั่วทั้งเส้นผมและหนังศีรษะให้ทั่ว ใช้ปลายนิ้วนวดให้ทั้งเป็นจังหวะ ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วสระผมตามปกติ วิธีนวดแบบนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละครั้ง ผู้ที่ผมยังไม่ร่วงก็จะช่วยให้ผมที่ขึ้นใหม่และผมเดิมนิ่มสลวย หอมมะพร้าวอีกด้วยค่ะ
-
น้ำมันเปลือกมะนาว.. ต้านเครียดได้ดี
น้ำมันเปลือกมะนาว.. ต้านเครียดได้ดี ศาสตร์อโรมาเทอราปี เป็นศาสตร์ที่ใช้ “กลิ่นของสมุนไพรหรือสารต่าง ๆ” มาบำบัดสุขภาพและเพื่อความงาม รวมไปถึงการใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ ตามความเชื่อแต่ละศาสนา ซึ่งน้ำมันหอมระเหยที่นำมาใช้นั้นก็มักจะมาจากพืชในท้องถิ่นของแต่ละประเทศ ซึ่งเราสามารถนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ลดอาการหรือบำรุงสุขภาพได้ทั้งทางกายและทางใจ ช่วยลดความเครียดได้ด้วย อีกทั้งยังไม่มีอันตรายเพราะเป็นการใช้สารสกัดจากธรรมชาติมากทำการรักษา จึงปราศจากผลข้างเคียงให้ต้องกังวล วันนี้จะมาแนะนำน้ำมันหอมระเหยจากพืชที่เราคุ้นตากันดีอย่าง “มะนาว” ว่ามีคุณประโยชน์อะไรต่อสุขภาพของเรากันบ้าง กลิ่นของน้ำมันสกัดจากเปลือกมะนาวนั้น นักวิทยาศาสตร์และนักการแพทย์ได้วิจัยพบแล้วว่ากลิ่นของมะนาว โดยเฉพาะที่สกัดได้จากเปลือกนั้น ช่วยลดความเครียดทางจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการใช้บำบัดแทนการใช้ยา แล้วยังมีฤทธิ์ต่อระบบต่าง ๆ ผ่านทางผิวหนัง ช่วยระงับเชื้อจากบาดแผลหรือแมลงสัตว์กัดต่อยได้ อีกทั้งน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะนาวนั้นเมื่อช่วยลดความเครียดในสมองได้แล้ว ยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย
-
รู้กันบ้างไหม ในยาสีฟันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
รู้กันบ้างไหม ในยาสีฟันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? ยาสีฟันที่เรานำมาทำความสะอาดฟันของเราทุกเช้าเย็นนั้น มีส่วนประกอบของอะไรบ้าง เรามาลองดูส่วนประกอบเหล่านี้กันค่ะ กว่า 15-70% ของเนื้อยาสีฟันที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำนั้นคือสารรักษาความชื้น ที่ช่วยในการรักษาปริมาณน้ำในเนื้อยาสีฟันไม่ให้แข็งตัวเวลาถูกเก็บไว้ในหลอดเป็นเวลานาน ซึ่งสารรักษาความชื้นที่นิยมนำมาใช้กันคือ กลีเซอรีน, ซอร์บิทอล และไซบิทอล อีกทั้งประกอบไปด้วยน้ำอีกประมาณ 0-50% ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ยาสีฟันไม่แข็งตัว ยกเว้นยาสีฟันประเภทที่เป็นผง นอกจากนี้ยังมีผงขัดฟันอีกราว ๆ 10-50% ซึ่งทำหน้าที่ในการขจัดเศษอาหารที่ตกค้าง และรวมถึงคราบจุลินทรีย์ที่ติดอยู่บนฟัน โดยสารที่นิยมนำมาผสมเป็นผงขัดฟันได้แก่ อะลูมินา, แคลเซียมฟอสเฟต, แคลเซียมคาร์บอนเนต, เกลือ เป็นต้น รวมไปถึงมีสารลดแรงตึงผิวและสารแต่งกลิ่นอีกเล็กน้อยราว ๆ 2% ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบและทำให้เป็นฟอง และที่ทำให้ยาสีฟันมีรสชาติดีก็คือสารให้ความหวานจะมีส่วนผสมอยู่ถึง 40% ทำให้ยาสีฟันมีรสชาติที่ดีขึ้นกว่าการอมสารเคมีอื่น ๆ สารที่มักใช้ก็คือ แอสปาร์แทม และสารที่ทำให้ยาสีฟันเกาะกันเป็นเนื้อเดียว ไม่เละเทะ ก็คือ คาราจีแนน ยาเซลลูลส และ โซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส อีกทั้งสารสำคัญที่ช่วยป้องกันฟันผุ ทำหน้าที่เคลือบฟันเพื่อให้ทนต่อกรดที่เกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก ก็คือ ฟลูออไรด์นั่นเองค่ะ ความรู้นี้มีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีอาการแพ้สารเคมีต่าง ๆ ให้ลองสังเกตดูได้ว่าที่ข้างหลอดยาสีฟันนั้นระบุไว้ว่ามีสารอะไรผสมอยู่บ้าง เพื่อการหลีกเลี่ยงสารก่ออาการแพ้ได้ค่ะ
-
ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา
ประโยชน์ของผิวส้มและเนื้อส้มที่มีต่อสุขภาพของเรา เชื่อไหมว่า “ส้ม” เนี่ย มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราทั้งผล ไม่ว่าจะเป็นเปลือกภายนอกตลอดจนเนื้อส้มภายใน มาลองดูกันทีละส่วนเลยค่ะว่า แต่ละส่วนของส้มนั้นมีผลต่อสุขภาพของเราอย่างไรได้บ้าง เริ่มเลยค่ะ 1. เนื้อของส้ม เนื้อส้มมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีนสูงมาก เนื้อส้มเพียง 100 กรัม สามารถให้วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่เพียงพอสำหรับร่างกายแต่ละวันแล้ว นอกจากทำให้ผิวสวย ด้วยคุณสมบัติของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินซี จึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนผิว ทำให้ผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น ผิวจึงสวยใสแลดูอ่อนกว่าวัย และเสริมพลังด้วยเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยให้ผนังหลอดเลือดและเส้นฝอยแข็งแรง จึงลดอาการเส้นเลือดฝอยแตกตามผิวกายส่วนต่าง ๆ ได้ ทั้งยังทำให้เส้นผมและเล็บแข็งแรง วิตามินซียังช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันได้ด้วย 2. ผิวส้ม หรือเปลือกส้ม ประโยชน์ของเปลือกส้มอยู่ที่น้ำมันหอมระเหยบนเปลือก ที่ช่วยสลายความเครียด และความเมื่อยล้า ช่วยให้ร่างกายและความคิดได้ผ่อนคลาย เพียงนำน้ำมันหอมระเหยอมาสูดดมหรือนวดตามร่างกายส่วนร่าง ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในขณะที่กระตุ้นระบบประสาทได้อีก อีกทั้งยังมีการวิจัยของเภสัชกรในอังกฤษที่ค้นพบว่าเปลือกส้มมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในเปลือกของส้มเขียวหวานที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้บางชนิด ซึ่งในอนาคตอาจมีการพัฒนาขึ้นไปสู่การบำบัดโรคมะเร็งแนวใหม่ได้ ว่าแล้ววันนี้ออกไปส้มมาทานกันดีกว่าค่ะ
-
ระวัง! 6 โรคยอดฮิตมนุษย์ออฟฟิศบ้าพลัง
ระวัง! 6 โรคยอดฮิตมนุษย์ออฟฟิศบ้าพลัง สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ แม้ตอนนี้จะยังมีร่างกายแข็งแรงอยู่ แต่ก็ใช่ว่าการทำงานใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงนั้นจะไม่สร้างปัญหาให้กับร่างกายนะคะ เพราะจากการวิจัยและสำรวจมาหลายสิบปีในวงการแพทย์ พบว่าเหล่ามนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายนั้นมีอัตราความเจ็บป่วยจากการทำงานในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีอย่างน่ากลัว นั่นเป็นเพราะชาวออฟฟิศทั้งหลายมักปล่อยให้ปีศาจร้ายทำลายสุขภาพอย่าง โรคเครียด, การทำงานนานเกินไป, พฤติกรรมกินอาหารไม่ตรงเวลา และไม่ยอมออกกำลังกาย เหล่านี้มาเป็นตัวการร้ายทำลายสุขภาพ ซึ่งโรคร้ายที่ทำลายสุขภาพชาวออฟฟิศมากที่สุด 6 โรค ก็คือ 1. ต้อหิน และตาพร่า ทำให้มองภาพได้ไม่ชัด ตาสู้แสงไม่ได้ และอาจลุกลามทำให้ตาบอดไ 2. ไมเกรน ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ คลื่นไส้อ่อนเพลีย และเสียสมรรถภาพในการทำงาน 3. อาการนิ้วล็อค ทำให้นิ้วกระดิกไม่ได้ ตึง และรู้สึกเจ็บ กล้ามเนื้ออักเสบ 4. ปวดหลังเรื้อรัง รวมไปถึงอาการปวดไหล่ ต้นคอ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็นอัมพาตได้ 5. โรคอ้วน มีความเสี่ยงทำให้เป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ตลอดจนความดันโลหิตสูง 6. โรคกรดไหลย้อน เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งหลอดอาหาร สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศทั้งหลายที่เริ่มมีอาการนี้แล้ว หรือยังไม่มีก็ควรหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยเคล็ดลับดังต่อไปนี้ – อย่าเพ่งจ้องจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ควรพักผ่อนสายตาบ้าง…
-
พอกมือนุ่มด้วยสูตรสัปปะรดกับน้ำผึ้ง
พอกมือนุ่มด้วยสูตรสัปปะรดกับน้ำผึ้ง สำหรับสาว ๆ ที่ใช้งานมือตัวเองหนักไปหน่อย ไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า ทำสวน งานไม้ หรือการใช้มือกับงานอื่น ๆ จนรู้ว่ามือเรานั้นแห้งกระด้าง ไม่นุ่มเนียนเหมือนตอนวัยรุ่น เอาสูตรพอกมือที่จะช่วยให้คุณมีผิวมือและเรียวแขนที่ผุดผ่องนุ่มเนียนกันภายในเวลาไม่กี่นาทีกันนะคะ สูตรดังต่อไปนี้ใช้สัปปะรดเป็นนางเอกค่ะ โดยนำสัปปะรดมาหั่นประมาณ 4-5 ชิ้น นำมาสเครื่องปั่นปั่นให้ละเอียดเนียนแล้วเติมน้ำผึ้งลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ปั่นให้เข้ากันอีกนิดหน่อย จนกลายเป็นเนื้อครีมเนียน ๆ หากไม่มีเครื่องปั่นสามารถใช้มีดสับหรือเอาส้อมยี แล้วค่อยคลุกด้วยน้ำผึ้งก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ หลังจากก็ล้างมือให้สะอาด นำครีมสัปปะรดที่เตรียมไว้ มาพอกให้ทั่วทั้งมือและแขนทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ ซับให้แห้งสนิทแล้วทาด้วยโลชั่นทามือให้ทั่วมือทั้งเรียวมือ นิ้ว และแขนให้ทั่ว ทำเป็นประจำจะช่วยให้ผิวคุณเนียนขาวขึ้นด้วย เพราะสัปปะรดจะทำหน้าที่เป็นเหมือน AHA ตามธรรมชาติ ช่วยคุณผลัดเซลล์ผิวที่แห้งเสียให้หลุดลอกออก เผยผิวใหม่ที่ขาวนุ่มเนียนใสออกมาแทน ส่วนน้ำผึ้งช่วยให้ผิวนุ่มน่าสัมผัสเป็นไหน ๆ สำหรับในเรื่องของระยะเวลาการพอกนั้น หากคุณรู้สึกระคางเคืองเพราะกรดในสัปปะรด สามารถล้างออกก่อนเวลา 10 นาทีได้ค่ะ ไม่ต้องยึดติดกับสูตรมากเกินไปนัก ขอให้คุณทุกคนที่นำสูตรนี้ไปใช้ มีผิวมือที่นุ่มเนียนน่าสัมผัส จนหนุ่ม ๆ ของคุณอยากกุมไว้ไม่ยอมปล่อยเลยนะคะ
-
รายงานอันตรายจากลิปสติก ที่คุณควรระวัง
รายงานอันตรายจากลิปสติก ที่คุณควรระวัง ณ ปัจจุบันนี้มีผลการวิจัยที่น่าเป็นห่วงอยู่หนึ่งชิ้น เกี่ยวกับ ลิปสติกสวย ๆ ที่สาวๆ คนมีไว้ติดกระเป๋าทาปากกันนั้น อาจมีส่วนผสมของสารเคมีนานาชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ แล้วยังสร้างปัญหาต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้านด้วย ซึ่งจากการวิจัยชี้ถึงปัญหาที่ลิปสติกอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณดังต่อไปนี้ – ลิปสติกที่เราสาว ๆ ใช้กันอยากมีส่วนโยงใยกับปัญหาของกล้ามเนื้อและหัวใจเนื่องจากสารไตรโคซานที่ผสมอยู่ในลิปสติก – สารไตรโคซานยังเป็นสาเหตุให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะจนกลายพันธุ์เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะทุกชนิดต่อไปอีกด้วย – ก่อนหน้านี้สารไตรโคซานนั้น เกี่ยวข้องกับโรคไทรอยด์และการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อาจทำให้ฮอร์โมนในเพศชายและเพศหญิงมีความแปรปรวน ทำให้สิวขึ้น น้ำหนักเพิ่มขึ้น มีขนดกขึ้น และทำให้รอบเดือนไม่ปกติได้อีกด้วย – มีโลหะหนักที่ทำให้เกิดพิษต่อร่างกายทั้งสารตะกั่วและแคดเมียม – มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ และโรคข้อต่ออักเสบได้ เพราะสารเคมีที่ผสมอยู่นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น พาราเบน, เมทอะคริเลท แต่ก็ใช่ว่าลิปสติกทุกรุ่นทุกยี่ห้อจะทำให้เกิดพิษภัยดังกล่าวมาข้างต้นได้ ทางที่ดีคือควรเลือกเครื่องสำอางค์จากแบรนด์ที่ไว้ใจได้ และมีผลการวิจัยและทดลองที่น่าเชื่อถือมายืนยันก่อนที่เราจะซื้อหามาใช้จะดีกว่าค่ะ
-
ประโยชน์สุด ๆ ของโยเกิร์ต
ประโยชน์สุด ๆ ของโยเกิร์ต โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์นมที่หาซื้อมาทานได้ง่าย มีหลายรสชาติให้เลือกนะคะ แล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายแบบอเนกอนันต์เลยทีเดียว ในโยเกิร์ตหนึ่งด้วยนั้นประกอบไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงและรักษาร่างกายกว่า 11 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างยิ่งยวดต่อร่างกาย ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไอโอดีน วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 วิตามินบี 12 โปรตีน โพแทสเซียม สังกะสี ทริปโทฟาน และโมลิปเดนัม การทานโยเกิร์ตเพียงถ้วยเดียว ช่วยเติมเต็มสารอาหารหลาย ๆ ชนิดได้ในคราวเดียว นอกเหนือจากสารอาหารข้างต้นแล้ว ในโยเกิร์ตยังมีเชื้อจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ต่อการย่อยอาหารและมีประโยชน์ต่อลำไส้ ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ตัวเลวในลำไส้ได้ จึงช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีไขมันที่สำคัญชื่อว่า คอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก ช่วยป้องกันทั้งโรคหัวใจ และลดความเสี่ยงการเกิดโรคเหงือกได้ด้วย ฯลฯ การทานโยเกิร์ตจึงเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย เปรียบดั่งเป็นยาอายุวัฒนาที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะทานได้ง่าย ทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ มีแคลเซียมสูง ช่วยลดความเครียด ป้องกันมะเร็งลำไส้ โรคความดันโลหิตสูง และป้องกันอาการกระดูกพรุนได้ จุลินทรีย์โยเกิร์ตยังช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียแย่ ๆ ในช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมหาโยเกิร์ตมาทานกันนะคะ