Author: pure
-
กะหล่ำดาว ..อาหารสำหรับคนที่อยากมีลูก
กะหล่ำดาว ..อาหารสำหรับคนที่อยากมีลูก มีผลการวิจัยออกมาว่าผักที่มีประโยชน์สำหรับคู่สามีภรรยาที่อยากมีลูกนั้น หากได้ทาน “กะหล่ำดาว” หรือ “บรัสเซลส์ สเปราท์ส” (brussels sprouts) แล้วจะช่วยให้ภาวะเจริญพันธ์มีความสมบูรณ์ขึ้น เพราะในกระหล่ำดาวนั้นมีกรดโฟลิกสูง จึงช่วยให้ผู้ที่ตั้งครรภ์แล้วลดอัตราเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด และลดอัตราลูกที่คลอดออกมาไม่สมประกอบด้วย อีกทั้งยังอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนที่มีชื่อว่า ได อินโดลิลมีเทน ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ทำให้ภาวะเจริญพันธ์ในผู้หญิงมีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีการยืนยันจากโภชนากรด้วยอีกด้วย หากคู่สามีภรรยารับประทานกะหล่ำดาวมากขึ้น ยังช่วยให้มีลูกง่ายขึ้นด้วย ผู้ที่ลองหาอาหารเสริมสำหรับบำรุงการเจริญพันธ์ น่าลองทานกะหล่ำดาวให้เป็นประจำดูนะคะ น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีอีกชนิดหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ
-
ฉลาดทานไอศกรีม..ไม่เสียสุขภาพ
ฉลาดทานไอศกรีม..ไม่เสียสุขภาพ ฤดูร้อนแบบนี้ หากได้ไอศกรีมสักลูกคงชื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ แต่การทานมากเกินไปก็ทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน นั่นเพราะในไอศกรีมประกอบไปด้วยนม น้ำตาล กะทิ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีไขมัน น้ำตาลและคอเลสเตอรอลสูงทั้งสิ้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องอดไปเลย เพราะหากทำตามคำแนะนำของโภชนากรดังต่อไปนี้แล้ว คุณสามารถทานไอศกรีมได้แล้วล่ะ – คนที่มีคอเลสเตอรอลสูง ให้ทานไอศกรีมที่มีไขมันน้อยหรือปราศจากไขมัน อย่างเช่น ไอศกรีมหวานเย็น หรือ ไอศกรีมซอร์เบ ฯลฯ – ผู้ที่มีไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ทานได้เป็นครั้งคราว และครั้งละนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอเท่านั้น เพราะในไอศกรีมมีไขมันและน้ำตาลอยู่มาก อาจทำให้ไตรกรีเซอร์ไรด์พุ่งได้นะคะ ขอเตือน – สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรระมัดระวังในการทาน เพราะหากทานไอศกรีที่มีขนาดเท่าลูกปิงปองแล้ว ก็จะทำให้ร่างกายคุณได้รับพลังงานเทียบเท่าข้าวครึ่งทัพพี หรือไขมันและน้ำมัน 1 ช้อนชาเลยทีเดียว หากจะทานไอศกรีมต้องลดอาหารอื่น ๆ ลงด้วยนะคะ – สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน ควรเลี่ยงไอศกรีมที่มีไขมันสูง สามารถทานไอศกรีมซอร์เบ หรือหวานเย็นได้ แต่นาน ๆ ค่อยทานก็น่าจะดีกว่า อย่าทานบ่อย ๆ ค่ะ
-
6 พืชผักสมุนไพร ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร
6 พืชผักสมุนไพร ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร สำหรับคนที่มีมักจะมีปัญหาในเรื่องของการย่อยอาหาร และการดูดซึมอาหารอยู่บ่อย ๆ ทุกมื้อของอาหารลองทานผักหรือสมุนไพรเหล่านี้ ดูจะช่วยลดอาการในช่องท้องได้ดีเลยทีเดียวค่ะ 1. พริกขี้หนูสด ความเผ็ดร้อนของพริกช่วยให้ช่องปากหลั่งน้ำลายออกมามากขึ้น จึงทำให้แป้งถูกย่อยและดูดซึมในปากได้ดี กระเพาะและลำไส้จึงทำงานน้อยลง 2. กระเพรา แม้ผัดกระเพราะจะดูเป็นอาหารสิ้นคิดก็ตาม แต่สรรพคุณของผักชนิดนี้นั้น มีเหลือคณานับ เพราะช่วยให้กระเพาะอาหารขับน้ำดีออกมามากขึ้น จึงสามารถย่อยอาหารเราได้มากขึ้น ช่วยย่อยไขมัน และระบายแก๊สได้ จึงลดอาการจุกเสียดไปด้วยในตัว 3. กระเทียม การทานกระเทียมสด ๆ ทันทีหลังอาหารจะช่วยให้กระเพาะของคุณย่อยอาหารได้ดีขึ้น เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหากระเพาะไม่ย่อยอาหาร แล้วยังช่วยแก้ท้องอืด ขับลมได้ด้วยนะ 4. แมงลัก เป็นยาช่วยย่อยชั้นเลิศเลยทีเดียว แถมยังช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เพียงทานใบแมงลักสด ๆ มื้อละ 4-5 ใบก็พอ สบายท้องขึ้นเยอะเลยค่ะ 5. หอมแดง หอมแดงมีสารฟลาโวนอยด์ เพคติน ไกลโคไซด์ และกลูโคคินินอยู่สูงมาก ช่วยบำรุงลำไส้ และช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหารด้วย 6. ตะไคร้ หากการกินสด ๆ ทำให้รู้สึกว่ากินยาก…
-
วิธีเคี้ยวอาหาร 7 เลเวล ช่วยระบบย่อยแข็งแรง
วิธีเคี้ยวอาหาร 7 เลเวล ช่วยระบบย่อยแข็งแรง ยิ่งเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากเท่าไร ก็จะช่วยให้ระบบย่อยนับตั้งแต่กระเพาะอาหารเรื่องไปจนลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ทำงานน้อยลง สารอาหารก็ถูกดูดซึมดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง แถมยังไม่อ้วนอีกด้วยนะคะ มีวิธีเคี้ยวอาหารถึง 7 เลเวลให้คุณดูเลยค่ะว่า การเคี้ยวนั้นยิ่งนานเท่าไรก็ยิ่งดีต่อสุขภาพนั่นเอง – เคี้ยวอาหารคำละ 30 ครั้ง จะช่วยให้เหงือกและกรามแข็งแรง ช่วยคลายเครียด คลายความหงุดหงิดลงได้ – เคี้ยวอาหารคำละ 50 ครั้ง จะช่วยอารมณ์หดหู่และวิตกกังวล แล้วยังช่วยลดความอ้วนได้อีกด้วย – เคี้ยวอาหารคำละ 60 ครั้ง ช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง ลดอาการท้องผูก เหมาะมากสำหรับอาหารที่มีกากใยสูง ๆ – เคี้ยวอาหารคำละ 80 ครั้ง ทำให้ประสาทสัมผัสไวขึ้น สามารถจัดจำและแยกรสชาติของอาหารทั้งจากธรรมาชาติและสารปรุงอาหาร ทำให้ความจำดีขึ้นด้วย – เคี้ยวอาหารคำละ 100 ครั้ง ช่วยให้อารมณ์สงบเยือกเย็น มีสมาธิมากกว่าเดิม ร่างกายจึงดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น ลดความอยากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ได้ – เคี้ยวอาหารคำละ 150 ครั้ง…
-
มากินชีสกัน.. ลดปัญหาในช่องปากและฟันผุด้วย
มากินชีสกัน.. ลดปัญหาในช่องปากและฟันผุด้วย มีอาหารอยู่ชนิดหนึ่งค่ะที่ช่วยป้องกันฟันผุได้ แถมยังทานได้อร่อยอีกด้วย อาหารชนิดนั้นก็คือ “ชีส” นั่นเองค่ะ เพราะมีผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่พบว่า ชีส..อาหารมัน ๆ ที่คนอ้วนแสนจะกลัวกันนี้ มีผลดีต่อสุขภาพในช่องปากและฟัน ซึ่งได้ทำการวิจัยกับเด็ก ๆ 3 กลุ่ม ให้กลุ่มแรกดื่มนม อีกกลุ่มกินโยเกิร์ตสูตรไม่มีน้ำตาล ส่วนกลุ่มสุดท้ายให้กินชีส ถึงแม้จะกินไม่เหมือนกันแต่ก็ให้เด็กทุกคนทำความช่องปาก และแปรงฟันเหมือนกันทุกคน และสิ่งที่แตกต่างกันที่นักวิจัยตรวจพบก็คือ ค่าความเป็นกรดด่างในช่องปากของเด็ก ๆ เหล่านั้น สำหรับสองกลุ่มแรกที่ดื่มนมและโยเกิร์ตนั้น ค่าพีเอชไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งก่อนและหลังการกินอาหารทดลอง แต่กลุ่มที่กินชีสไปแล้วนั้น ภายในช่องปากมีสภาพความเป็นด่างมากขึ้น นั่นเป็นเพราะชีสมีส่วนช่วยในการผลิตน้ำตาลซึ่งมีสภาพเป็นด่างมากขึ้น ช่วยปรับสมดุลมิให้ภายในช่องปากเป็นกรดมากเกินไป จึงช่วยลดโอกาสการเกิดฟันผุ สึก กร่อน อีกทั้งระหว่างการกัดหรือเคี้ยวชีสนั้น ยังปล่อยสารบางอย่างทำหน้าที่เสมือนฟิล์มเข้าเคลือบฟันป้องกันกรดจากอาหาร จึงช่วยลดโอกาสฟันผุได้อีกทางหนึ่งด้วย
-
ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป
ผลไม้ต้านเหี่ยว 3 ชนิด กินทุกวัน เต่งตึงตลอดไป สำหรับสาว ๆ ที่รักการมีผิวพรรณที่เต่งตึงขาวสดใส วันนี้จะขอแนะนำผลไม้ดี ๆสามชนิดที่ยิ่งทานก็ยิ่งสวย ยิ่งทานผิวก็ยิ่งเปล่งปลั่งเต่งตึง สดใสย้อนอายุมาฝากกันค่ะ – Grapefruit หรือ เกรปฟรุต เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหวาน ตระกูลเดียวกับพวกส้มและมะนาว อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กรดซิติก จึงมีประโยชน์ต่อการปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างในเลือดและของเหลวในร่างกาย บำรุงตับ อีกทั้งยังมีกรดซาลิไซลิดที่สามารถจัดการกับแคลเซียมที่ผลึกอยู่ตามข้อ โรคไขข้ออักเสบจึงดีขึ้น – ลูกกีวี ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้เช่นกัน ช่วยป้องกันหวัดได้ในแม้ในห้วงเวลาที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง ทานแล้วผิวสวยใส เพราะอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฯลฯ จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้หลายส่วนในเวลาเดียวกัน – สับปะรด ไม่ว่าสายพันธุ์ไหน ก็อุดมไปด้วยบรอเมลิน เอนไซม์ที่ช่วยรักษาระดับความเป็นกรดเป็นด่างของร่างกายให้สมดุล อุดมไปด้วยวิตามินซี และแร่ธาตุอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ไม่แพ้ผลไม้จากต่างประเทศ ช่วยต้านทานการอักเสบ และย่อยโปรตีนได้ดี จึงช่วยลดสิวอักเสบและทำให้ผิวสวยใสกระจ่างด้วยวิตามินนานาชนิดค่ะ
-
พึงระวัง..อาหารบางชนิดทำระบบย่อยคุณมีปัญหา!
พึงระวัง..อาหารบางชนิดทำระบบย่อยคุณมีปัญหา! – อาหารที่มีรสเปรี้ยว หรือมีกรดมากอย่างน้ำอัดลม น้ำมะนาว น้ำส้ม ความเป็นกรดจะระคายเคืองหลอดอาหาร แล้วยังอาจทำให้เกิดปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อด้วย – ช็อกโกแลตอาจทำให้คุณเกิดปัญหาโรคกรดไหลย้อนได้ หากทานเล็กน้อยก็อาจไม่มีปัญหาอะไร แต่เกิดปัญหาเพราะคุณทานช็อกโกแลตมากเกินไป เพราะช็อกโกแลตทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัวออก กรดในกระเพาะจึงไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ – กะหล่ำปลี และบร็อกโคลี่ดิบ ๆ ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้ แต่ผักสองชนิดนี้มีประโยชน์มาก และมีเส้นใยอาหารมากอีกด้วย แต่ควรปรุงให้สุกก่อนจะดีกว่า – มันบดและไอศกรีม ทำให้มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก ท้องอาจจะอืดหรือคุณอาจจะผายลมไม่หยุดได้ ซึ่งหมายความว่าร่างกายคุณอาจจะแพ้แลกโทส แต่แม้คุณจะไม่แพ้ อาหารทั้งสองอย่างนี้หากทานมากไปก็อาจอ้วนเพราะไขมันสูงได้ – นักเก็ตไก่ หรือไก่ชุบแป้งทอด หากเป็นเนื้อไก่ล้วนมันยังเป็นของที่ย่อยง่าย แต่เมื่อไรที่นำไปคลุกแป้ง มันจะกลายเป็นอาหารขยะ ย่อยยาก มีไขมันสูง สร้างปัญหาให้กับกระเพาะและระบบย่อยอาหารทั้งหมด ยังไม่รวมว่ากินมากแล้วอ้วนด้วยนะคะ – หัวหอมที่ไม่สุก เพราะในหัวหอมดิบนั้นมีไฟโตนิวเทรียนต์ จึงอาจทำให้ปวดท้องได้ แม้จะมีประโยชน์ต่อร่างกายและดีต่อหัวใจ ทางแก้ไขก็คือควรทานหัวหอมดิบและหัวหอมสุกผสมกันจะดีกว่า – หากคุณทานถั่วบ่อย ๆ ก็คงไม่ค่อยเป็นปัญหาอะไรนัก แต่หากคุณไม่ได้ทานบ่อย ๆ ร่างกายคุณก็อาจขาดเอนไซม์สำหรับการย่อยถั่ว ผลก็คือเมื่อทานเข้าไปแล้วจะเกิดแก๊สแล้วก็ท้องอืดได้ง่ายค่ะ – หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล…
-
ข้อศอกด้านไหม?.. มาแก้ไขกันนะคะ
ข้อศอกด้านไหม?.. มาแก้ไขกันนะคะ สาว ๆ สมัยนี้ทำงานนั่งโต๊ะกันทั้งนั้น แล้วท่านั่งประจำเลยก็คือ ท้าวศอกคุยโทรศัพท์ บ้างก็วางศอกบนโต๊ะเพื่อพิมพ์งาน หรือพิมพ์สมาร์ทโฟน แทปเลต ฯลฯ จนข้อศอกเราด้าน แห้ง แตกและดำจนทาครีมเท่าไรก็เอาไม่อยู่ วันนี้เราจะมาแก้ไขผิวข้อศอกกัน เพื่อให้ผิวกลับมานุ่มนวลอวดสายตาใครต่อใครได้ไงล่ะคะ – สำหรับคนที่ทำงานนั่งโต๊ะ หากจำเป็นต้องเท้าข้อศอกบนโต๊ะ ควรทำให้พื้นที่บริเวณที่วางศอกมีความนุ่มมากขึ้น อาจจะหาผ้านุ่ม ๆ หรือแผ่นซิลิโคน มารองข้อศอก จะช่วยลดการเสียดสีระหว่างผิวโต๊ะแข็ง ๆ กับข้อศอกของเราได้ แต่ความจริงแล้วหากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการเท้าข้อศอกจะดีกว่าค่ะ แก้ปัญหาได้ยั่งยืนที่สุด – ทุกสัปดาห์สครับข้อศอกด้วยครีมหรือเกลือสปาที่มีเม็ดละเอียดและไม่คม เพื่อเป็นการขจัดผิวแห้งกร้านออกไปก่อน เปิดทางให้ผิวใหม่ได้เผยออกมา นอกจากการขัดด้วยครีมสปาแล้ว จะนำเปลือกด้านในมาถูข้อศอกก็ได้ผลดีเช่นกันค่ะ นอกจากสครับผิวแล้วควรหมั่นทาครีมบริเวณแขนตลอดจนข้อศอก เพื่อให้ผิวที่เกิดใหม่นุ่มเนียนขึ้นค่ะ
-
นอนยังไง หน้าไร้ริ้วรอย
นอนยังไง หน้าไร้ริ้วรอย ถ้าจะบอกผู้อ่านว่าริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้านั้นเกิดจากการนอนล่ะ คุณผู้อ่านจะเชื่อไหมคะ .. แม้จะไม่เชื่อแต่ก็ขอยืนยันว่าเป็นความจริงค่ะ!! เพราะกิจกรรมการนอนที่เราทำทุกวันวันละกว่า 1/3 ของวันนั้น หากเรานอนในท่าที่ทำให้เกิดริ้วรอยมันก็จะเกิดการกดทับของผิวหนังบริเวณนั้นถึงวันละ 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว .. นานเข้า ๆ หลายปี ๆ รอยยับบนหน้าก็เริ่มลึกและถาวรขึ้น จนกลายเป็นริ้วรอยบนใบหน้า เหมือนคนที่มีใบหน้าแก่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรนั่นเอง ดังนั้น คงไม่ต้องบอกแล้วใช่ไหมคะว่า ท่าทางการนอนของเราที่จะทำให้ใบหน้าปราศจากริ้วรอยได้มากที่สุดก็คือ ท่านอนหงายนั่นเอง เพราะการนอนหงาย ผิวหน้าของเราจะไม่ได้สัมผัสหมอน ไม่เกิดแรงกดทับใด ๆ กับผิวหน้า อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าได้หายใจได้เต็มที่ ตัวเราเองก็สามารถนอนหายใจได้เต็มปอด จึงสามารถหลับสนิทได้ตลอดคืน ตื่นมาก็สดใส แล้วผิวยังสวยไร้ริ้วรอยอีกด้วยค่ะ
-
มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย
มะเขือเทศผลเดียว.. แข็งแรงทั่วร่างกาย หากจะพูดถึงพืชผักสีแดงที่มีรสชาติอมเปรี้ยว อมหวานนิด ๆ กรอบและฉ่ำน้ำในตัวแล้ว ก็ต้องนึกถึงมะเขือเทศเป็นลำดับแรก ๆ เลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทานมะเขือเทศแค่ผลเดียวก็ได้รับวิตามินและแร่ธาตุบำรุงร่างกายได้ทั่วจากหัวจรดเท้าเลย มาดูประโยชน์ของมะเขือเทศกันเลยค่ะว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณอย่างไรกันบ้าง – มะเขือเทศมีวิตามินเอปริมาณสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา – ทานมะเขือเทศมาก ๆ ช่วยผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ – วิตามินบีในมะเขือเทศช่วยให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ – ส่วนวิตามินซีที่พบมากเช่นกันในมะเขือเทศ ช่วยป้องกันไข้หวัด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย – มะเขือเทศเป็นผักที่ทานได้อย่างสบายใจเพราะมีแคลอรี่ต่ำ ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักตัว – สารไลโคปีนในมะเขือเทศซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน ช่วยป้องกันการก่อตัวของมะเร็ง ซึ่งไลโคปีนในมะเขือเทศนี้มีฤทธิ์มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึงสองเท่าเลยทีเดียวค่ะ มะเขือเทศเป็นพืชผักที่นำไปประกอบอาหารก็อร่อย หรือจะทานสด ๆ เหมือนผลไม้ก็ดีทั้งนั้น และแม้ว่าการทานมะเขือเทศจะมีประโยชน์แต่ก็อย่าลืมว่าการทานผักควรทานให้มีความหลากหลาย มีหลากสีสันจึงจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ด้วยนะคะ