Author: pure
-
ทานเค็มน้อยลง… ก็นอนกรนน้อยลงด้วย
ทานเค็มน้อยลง… ก็นอนกรนน้อยลงด้วย อาการนอนกรน เป็นภัยเงียบที่มีความร้ายแรงสูงมาก เพราะจากผลการสำรวจในสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ที่นอนกรนแบบมีการหยุดหายใจรุนแรงด้วย จะมีโอกาสตายภายใน 8 ปี สูงกว่า 2 เท่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้นหากคุณเริ่มรู้สึกว่ากลางคืนนอนไม่ค่อยพอทั้งที่ไม่มีปัจจัยในเรื่องอื่นมาเป็นอุปสรรค กับทั้งมีอาการนอนกรนมากด้วย ควรรีบรักษาตัวแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า และวิธีหนึ่งก็คือการทานเกลือให้น้อยลง หรือทานอาหารที่มีความเค็มให้น้อยลงนั่นเอง ซึ่งมีนักวิจัยชาวบราซิลพลว่าเพราะอาหารที่มีส่วนประกอบของเกลือน้อย ๆ จะช่วยลดอาการกรน หรือลอการหยุดหายใจชั่วคราวระหว่างการนอนหลับได้ เขาเชื่อว่า การทานเกลือมากเกินไปจะทำให้ร่างกายสร้างของเหลวที่เมื่อเวลาเรานอนราบลงของเหลวเหล่านี้จะเคลื่อนมาอยู่ที่บริเวณคอ ปิดช่องทางการไหลเวียนของอากาศ ทำให้เกิดการหยุดหายใจชั่วคราวได้ การลดอาหารเค็มนอกจากมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการนอนกรนได้แล้ว ยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย
-
สาว ๆ จ๋า.. ถ้าอยากสวย “ห้ามขี้เกียจ”
สาว ๆ จ๋า.. ถ้าอยากสวย “ห้ามขี้เกียจ” สาว ๆ สมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากสวยว่าไหมคะ.. แต่ทว่า พอบอกให้ทำโน่นนั่นนี่แล้ว.. ก็มักจะอ้างว่า “ขี้เกียจ” เสมอ บางข้ออาจจะพออ้างไหว แต่บางข้อไม่ควรอ้างเอาเลยค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ทำให้คุณสวยแล้วบางอย่างอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณได้ด้วย มาดูสิ่งที่คุณ “ห้ามขี้เกียจ” กันดีกว่า 1. ห้ามขี้เกียจเช็ดฝารองชักโครก นี่ก็แหล่งสะสมเชื้อโรคสุด ๆ ต้องเช็ดทุกครั้ง ยิ่งถ้าเป็นห้องน้ำสาธารณะด้วยแล้ว ถ้าไม่เช็ด คุณอาจติดเชื้อจากฉี่คนอื่นได้เลยนะ ยี้!! 2. ห้ามขี้เกียจล้างหน้า ถ้าคุณแต่งหน้าออกไปเผชิญมลพิษมาทั้งวันแล้ว กลับบ้านมาจนดึกจนดื่น ไม่เอาละอยากนอน ขี้เกียจล้างหน้าละ.. คุณสร้างปัญหาให้ผิวหน้าแน่นอน เพราะมันจะกลายเป็นสิวอุดตันได้ในที่สุดน่ะสิคะ 3. ห้ามขี้เกียจเคี้ยว การรีบกลืนอาหารทำให้กระเพาะอาหารทำงานอย่างหนัก ส่งต่อปัญหาไปถึงระบบดูดซึมอาหารและลำไส้ด้วย แล้วยังทำให้อ้วนได้อีกนะ 4. ห้ามขี้เกียจถือโทรศัพท์ เอาไปหนีบไปที่คอกับบ่าดีกว่า ทำบ่อย ๆ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอเกร็ง ปวดคอ และเส้นประสาทกล้ามเนื้ออักเสบได้ง่าย ๆ เลยล่ะค่ะ 5. ห้ามขี้เกียจถอดคอนแทคเลนส์…
-
เกย์ไม่เกย์ ? เช็คง่าย ๆ ด้วย 25 ข้อนี้!
เกย์ไม่เกย์ ? เช็คง่าย ๆ ด้วย 25 ข้อนี้! ประชากรเพศชายในประเทศไทยก็น้อยกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ยิ่งเค้ามามีรสนิยมเป็นเกย์อีก บางทีก็ต้องเช็คก่อนให้ดีเหมือนกัน อ่ะ.. วันนี้ขอนำเช็คลิสต์ 25 ข้อนี้ มาสังเกตหนุ่มที่คุณกำลังเล็ง ๆ ดู ถ้าเช็คได้เกิน 10 ข้อนี้แล้ว.. ก็แนะนำว่าตัดใจเถอะค่ะ ปล่อยเขาไปเถอะนะ!! 1. แต่งเนี๊ยบเหลือเกิน ตั้งแต่หัวจรดเท้า 2. ชอบแต่งตัวโชว์หุ่น ตั้งแต่เสื้อรัดรูดฟิตเปรี๊ยะ เห็นกล้ามเป็นมัด เห็นเอวเป็นเอว ก็เค้าอยากโชว์นี่นา 3. มักชอบออกกำลังกาย จำพวกปั๊มกล้าม เน้นฟิตหุ่นให้ล่ำบึ้ก มักพบเห็นได้ตามฟิตเนส 4. มีเพื่อนเป็นผู้หญิงมากกว่าเพื่อนผู้ชายแฮะ 5. พูดเพราะ… เหลือเกิน ยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก 6. มักยุ่งกับงานมาก จนไม่มีเวลาให้แฟนเอาเสียเลย หรือไม่งั้นก็ยุ่งจนเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องแต่งงาน เพราะอาจหลงรักหนุ่ม ๆ บางคนอยู่ 7. มักเป็นลูกคนกลางหรือคนเล็ก และอ้อนแม่มาก 8. มักมีอาชีพจำพวก สจ๊วต…
-
นอนหลับยาก.ทานผักกาดหอมกันดีกว่า!
นอนหลับยาก.ทานผักกาดหอมกันดีกว่า! อาการนอนไม่หลับเนี่ย.. ใครไม่เคยเป็นไม่เข้าใจเลยนะคะ ว่าส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสมาธิต่ำ อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย ภูมิคุ้มกันก็ต่ำลง เป็นหวัด ป่วยง่าย ๆ แล้วยังอ้วนได้ง่ายอีกด้วยค่ะ แต่อย่าเพิ่งร้อนใจไป มีผักอยู่ชนิดหนึ่งที่หาซื้อก็สะดวกแล้วยังทานง่ายอีกด้วย มีคุณสมบัติช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ “ผักกาดหอม” นั่นเองค่ะ นั่นเป็นเพราะมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ค้นพบว่า หากได้ทานผักกาดหอมสดก่อนนอน หรือทานเป็นมื้อเย็น ร่างกายจะได้รับสารรสขมที่มีชื่อว่า “แลคทูคาเรียม” ทำให้รู้สึกง่วงนอน จิตใจผ่อนคลาย และสงบลง ทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น ลองนำไปทำเป็นประจำกันดูนะคะ จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดหรือพึ่งยานอนหลับกันอีกต่อไปค่ะ
-
อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น!
อาหาร 11 ชนิดที่อาจทำให้คุณแก่เร็วขึ้น! ขึ้นชื่อว่าอาหารแล้ว มีทั้งอาหารที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อร่างกายนะคะ ดังนั้นการทานอาหาร จึงใช่การสักแต่ทานเพราะเห็นว่าเป็นอาหารเท่านั้น แต่หากคุณไม่อยากแก่ และไม่อยากให้ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหาร 11 ชนิดดังต่อไปนี้ด้วย 1. เกลือ เพราะเกลือจะไปดูดซึมน้ำในร่างกาย ทำให้อ่อนเพลียและมีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิต และโรคไต 2. น้ำตาล เมื่อบริโภคน้ำตาลเข้าไป จะไปจับกับคอลลาเจนในร่างกาย ทำให้ผิวหนังเกิดรอยเหี่ยวย่อน ทำให้ดูแก่ลง 3. น้ำตาลเทียม แม้น้ำตาลเทียมจะไม่ทำให้คุณเป็นเบาหวาน แต่ก็อาจก่อปัญหากับร่างกายได้ด้วย ทำให้เกิดอาการปวดหัว และปวดข้อ ตลอดจนอยากทานน้ำตาลจริง ๆ ขึ้นมาได้ 4. ลูกอม มีน้ำตาล น้ำเชื่อมต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ ทำให้ร่างกายเกิดความระคายเคือง และทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย 5. น้ำอัดลม ทำให้ร่างกายขาดน้ำและรู้สึกอ่อนเพลียได้ 6. เครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ ทำลายเคลือบฟัน ทำให้ฟันสึก และผุกร่อนเร็ว 7. กาแฟ ดูดซึมน้ำในร่างกาย จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า…
-
“ปลาทู” อาหารชะลอความชรา
“ปลาทู” อาหารชะลอความชรา ปลาทูเป็นปลาทะเลที่หาทานได้ง่ายมากในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาคไหนของประเทศเดี๋ยวนี้ซื้อหาปลาทูทานกันได้แล้วแทบทั้งนั้น แม้จะเป็นจังหวะที่อยู่ห่างชายฝั่งก็ตาม มีราคาไม่แพง แล้วยังเป็นแหล่งของสารอาหารประเภทโปรตีนต่าง ๆ มากมายด้วย เพราะในเนื้อปลาทูสด 1 ขีด จะให้พลังงาน 140 กิโลแคลรี่ ให้โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี1, 2 วิตามินซี รวมทั้งไนอะซินกับร่างกายด้วย และความลับที่ปลาทูกลายเป็นอาหารชะลอความชราได้ก็คือ ให้ทานปลาทู 2 ตัวต่อวันพร้อมกับผักใบเขียววันละเพียง 5 กำมือ ร่างกายก็จะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่เพียงพอต่อการยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ได้ ทั้งวิตามินและสารอาหารที่มากมายเช่นนี้ ปลาทูจึงควรคู่เป็นอาหารประจำสำรับกับข้าวของคนไทยเรานะคะ
-
อาหารต้องห้ามของ 10 โรค
—
by
in ข่าวสุขภาพ, ความดันโลหิตสูง, ตับ, ท้องผูก, ริดสีดวงทวารหนัก, สิว, หอบหืด, หัวใจ, เบาหวาน, ไข้หวัด, ไตอาหารต้องห้ามของ 10 โรค อาหารต้องห้ามหรือของแสลง ก็คืออาหารท่านเข้าไปแล้วทำให้อาการกำเริบหรือโรคที่เป็นอยู่หายช้าลง มีพื้นฐานมาจากภูมิปัญญาทางการแพทย์พื้นบ้าน รู้ไว้จะดีกว่านะคะ ..หากเป็นโรคกระเพาะ หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกกาแฟ ชาแก่ ๆ ของทอด อาหารรสเผ็ด หรือมีไขมันสูง อาจทำให้โรคหายยากขึ้น ควรทานอาหารให้ตรงเวลาและเลือกอาหารที่ย่อยง่ายดีกว่า .. หากเป็นไข้ หรือเป็นไข้หวัด เลี่ยงอาหารที่มีความเย็น ของทอด ของมัน ที่ย่อยยาก จะยิ่งทำให้ตัวร้อนขึ้น .. หากเป็นโรคความดันโลหิตสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เช่น โกโก้ ไข่ปลา ไขกระดูก หมูสามชั้น สุรา แอลกอฮอล์ต่าง ๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดและผลไม้ที่มีความหวานอย่างขนุน ทุเรียน ลำไย ด้วย .. หากเป็นโรคตับหรือถุงน้ำดี เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลด์ อาหารติดมัน เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องใน ของทอด ของหวานจั เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของการย่อยอาหารลดลง เพิ่มภาระให้กับตับและถุงน้ำดี ..หากเป็นโรคหัวใจและโรคไต เลี่ยงอาหารที่มีความเค็ม เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง หัวใจทำงานหนักขึ้น ไตเองก็ต้องขับเกลือมากขึ้น…
-
ผงชูรส.. ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน
ผงชูรส.. ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน สำหรับคนไทยแล้วการเติมผงชูรสลงไปในอาหารนั้น สุดแสนจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่าผงชูรสนั้นทำให้คุณอ้วนขึ้นได้อีกด้วย! โดยผลการวิจัยนี้มาจากการค้นคว่าของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลน่ากับนักวิทยาศาสตร์จีน โดยได้ทำการทดสอบกับชาวจีนทั้งหมด 750 คน ที่ทำกับข้าวกันเองและไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ประมาณ 82% ใช้ผงชูรส ยิ่งครอบครัวใดใช้ผงชูรสมากก็ยิ่งมีคนอ้วนมาเป็นสามเท่าของผู้ที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งการทดสอบนี้ได้คำนวณในด้านปัจจัยอื่น ๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย และแคลอรี่ที่กินเข้าไป และอื่น ๆ มาพิจารณาร่วมด้วย แต่ก็ยังสรุปได้ว่ายิ่งกินผงชูรสมาก ก็ยิ่งอ้วนขึ้นอยู่ดี ผงชูรส หรือ monosodium glutamate เป็นสารที่ทำให้มีรสชาติเพิ่มมากขึ้น คือนอกเหนือจากรสชาติประจำอาหารทั้งสี่คือ เปรี้ยว หวาน เค็ม และขม และออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ในสมองด้านการรับรู้รสชาติ โดยประมาณกันว่าในสหรัฐอเมริกานั้น 50 ปีที่แล้วนั้น ใช้ผงชูรสในการประกอบอาหารถึงกว่าห้าร้อยตันต่อปี แต่ทุกวันนี้ปริมาณที่ใช้กลับทวีจำนวนขึ้นอีกกว่า 300 เท่า ดังนั้นจำนวนของคนที่น้ำหนักเกินจึงมากขึ้นหลายเท่าตัว นอกจากทำให้อ้วนลงพุง มีปัญหาน้ำหนักตัวแล้ว ในบางคนที่แพ้ผงชูรส ยังมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ คือ ปวดหัวอย่างหนัก และหัวใจเต้นเร็วได้อีกด้วยค่ะ นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังก่อโทษกับร่างกายอีกต่างหาก เรามาลด ละ เลิก ผงชูรสกันเถอะนะคะ
-
กินปลาทูน่าและปลาแซลมอนกันเถอะ…ช่วยลดความดันได้นะ
กินปลาทูน่าและปลาแซลมอนกันเถอะ…ช่วยลดความดันได้นะ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าปลาทูน่าและปลาแซลมอน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้าสามนั้น สามารถป้องกันการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ แล้วยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย ซึ่งผลการวิจัยนี้ทางด้านมหาวิทยาวอชิงตันก็ได้มีความเห็นที่สอดคล้ายไปในทางเดียวกัน แล้วยังแนะอีกว่าสำหรับผู้สูงวัยที่ทานปลาทูน่าสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไปนั้น ช่วยลดภาวะความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ถึง 50% เลยทีเดียว แต่การทานทูน่าที่จะเป็นประโยชน์และดีต่อสุขภาพได้จริงๆ นั้น ควรปรุงให้สุกด้วยวิธี นึ่ง อบ หรือย่างเท่านั้น เพราะหากนำไปทอด จะทำให้ผู้ที่รับประทานไม่ได้รับประโยชน์จากการลดภาวะความเสี่ยงโรคหัวใจ ในส่วนของคนไทยนั้นการหาปลาทูน่าและปลาแซลมอนมาทานเป็นประจำอาจเป็นเรื่องยาก คุณอาจลองเลือกซื้อน้ำมันโอเมก้าสามที่สกัดจากปลาแซลมอนมาทานแทนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
-
ความรู้ทางยาจาก “หอยแครง”
ความรู้ทางยาจาก “หอยแครง” หอยแครงเป็นยาชนิดหนึ่งนะคะ แต่เป็นยาในตำราแพทย์แผนไทยค่ะ จัดอยู่ในเปลือกหอย 9 เวลานำมาปรุงยาจะนำไปเผาไฟให้สุกจะได้ปูนหอย ซึ่งมีฤทธิ์ในการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ดังต่อไปนี้ค่ะ – ลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยขับลม และบรรเทาอาการจุกเสียดในช่องท้อง – ช่วยให้ระบายแก๊สได้ดี ทำให้เรอได้ – ช่วยล้างลำไส้ – แก้กระษัยนิ่ว ขับนิ่ว ขับปัสสาวะ – บำรุงไตพิการ – บำรุงกระดูก – ใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อรักษากระษัย หรือ ปวดท้องน้อยเป็นกำลัง – หากใช้ร่วมกับพืชและหอยชนิดอื่นๆ จะช่วยขับพยาธิได้ด้วย – รักษากระษัยจุก ด้วยการขับลม ล้างลำไส้ ขับปัสสาวะ แก้ท้องร่วง และสมานลำไส้ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือการนำเปลือกหอยไปปรุงยาแล้วนำมาทานเท่านั้น การปรุงยาก็จำเป็นต้องอาศัยแพทย์แผนไทยที่มีความรู้นะคะ อย่าเพิ่งไปลองทำเองค่ะ