Author: pure
-
นวัตกรรมพื้นบ้าน “ลบรอยตีนกาด้วยใบบัวบก”
นวัตกรรมพื้นบ้าน “ลบรอยตีนกาด้วยใบบัวบก” ใบบัวบกที่เราซื้อมากินกับน้ำพริก หรือนำมาต้มคั้นน้ำกินนั้น นอกจากจะมีประโยชน์ต่อภายในร่างกายแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อความสวยความงามอีกด้วย ก็คือช่วยลดริ้วรอยตีนกาบนใบหน้าของเราได้นั่นเอง .. ลองทำดูตามวิธีนี้การต่อไปนี้นะคะ ขั้นตอนก็คือให้ไปซื้อใบบัวบกมาแล้วล้างให้สะอาด นำมาตำ ปั่น หรือโขลก ยังไงก็ได้ขอให้ได้น้ำใบบัวบดสด ๆ แล้วกรองใส่ถ้วยเล็ก ๆ ไว้ จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำใบบักบกมาทาให้ทั่วใบหน้า แล้วทิ้งไว้ 15 นาที แล้วจึงล้างออก หากทำก่อนนอนสามารถทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วตื่นมาล้างตอนเช้าก็ได้ การที่ใบบัวบกสามารถลดรอยตีนกาได้นั้น นั่นเป็นเพราะในใบบัวบกมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติก จึงช่วยลดรอยตีนกาได้ และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วย การคั้นน้ำมาทาหน้านี้สามารถทำได้ทุกวัน น้ำคั้นที่เหลือก็สามารถเก็บใส่ตู้เย็นไว้ได้ แต่ไม่ควรเกินหนึ่งสัปดาห์นะคะ
-
วิธีการ “ดื่มน้ำ” ที่ให้ผลดีสุดยอดกับร่างกาย
วิธีการ “ดื่มน้ำ” ที่ให้ผลดีสุดยอดกับร่างกาย เห็นการดื่มน้ำที่เป็นกิจวัตรประจำวันแบบนี้ ก็มีวิธีการเหมือนกันนะคะ หากเราได้รู้ว่าจะดื่มแก้วกี่แก้ว เวลาใดบ้าง ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีกค่ะ ลองทำดูตามตารางเวลาดังต่อไปนี้ค่ะ – ยามเช้าตื่นนอนขึ้นมาให้ดื่มน้ำ 1 แก้วเต็ม ๆ หรือ 400 ซีซี เพราะช่วงตื่นนอนเลือดจะมีความเข้มข้นสูง จึงจำเป็นต้องเติมน้ำลงไปในเลือดและระบบต่าง ๆ ของร่างกาย – หลังจากนั้นในช่วงเวลาประมาณ เก้าโมงถึงสิบโมงเช้า ให้ดื่มเต็ม ๆ 2 แก้ว เพราะช่วงเวลานี้จะมีของเสียเกิดขึ้นในร่างกาย จึงควรดื่มน้ำเพื่อชำระของเสียดังกล่าวออกไป – ผ่านมาช่วงบ่าย ๆ ตั้งแต่ 13.00-15.00 น. ให้ดื่มน้ำอีก 3 แก้ว แต่ให้จิบเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบอย่าดื่มรวดเดียว – ช่วงเวลาก่อนเข้าก่อน ตั้งแต่19.00-20.00 น. ให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำนี้ไหลเวียนชำระสิ่งสกปรกตกค้างในกระเพาะและลำไส้ ยิ่งถ้าดื่มน้ำอุ่นได้จะดีกว่า ช่วยให้หลับสบายขึ้น นอกจากนี้ยังควรดื่มน้ำทั้งวันให้ครบ 8-10 แก้วด้วยเพื่อให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างพอเพียงค่ะ
-
“ชาเขียว” ดื่มชื่นใจ รักษารังแคได้ด้วย
“ชาเขียว” ดื่มชื่นใจ รักษารังแคได้ด้วย วันนี้จะพูดถึงชาเขียวที่เรานำเอามาดื่มกันชื่นใจ ได้ทั้งร้อนทั้งเย็น ดื่มได้ทั้งวัน แล้วยังรู้ไหมคะว่า นอกจากดื่มชื่นใจร่างกายได้ประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังป้องกันรังแคได้อีกด้วย ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก เพียงนำเอาชาเขียวมาหมักผมเท่านั้นเอง ขั้นตอนก็คือนำเอาผงชาเขียวมาผสมกับน้ำมะนาว แล้วนำมาชโลมบนหนังศีรษะให้ทั่ว ชาเขียวที่มีความฝาดจะช่วยลดความคันบนหนังศีรษะ และน้ำมะนาวก็ช่วยลดความมันและทำให้หนังศีรษะสดชื่นขึ้น จึงทำให้หนังศีรษะที่เป็นรังแคอยู่ทุเลาลง การหมักผมวิธีนี้ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง เชื่อได้เลยว่าไม่กี่ครั้งเท่านั้นคุณจะติดใจว่าวิธีนี้ทำให้ผมและหนังศีรษะมีสุขภาพดี ไม่คันหรือมีรังแคบนหนังศีรษะอีกต่อไปค่ะ
-
โด๊ปด้วย “หอยนางรม” ทำได้จริงเหรอ?
โด๊ปด้วย “หอยนางรม” ทำได้จริงเหรอ? ผู้ชายทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มทั้งหลาย มักจะชอบหาอาหารที่ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ มีพละกำลังแล้วก็อึดได้นาน ๆ เพื่อเอาใจสาวให้ติดใจกันไงล่ะค่ะ แล้ว “หอยนางรม” เนี่ยก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นอาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย ซึ่งก็เป็นเพราะว่า 1. ในหอยนางรมนั้นมีแร่ธาตุที่ทำให้สเปิร์มเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว ซึ่งก็สังกะสีที่มีอยู่ในปริมาณสูงกว่าอาหารชนิดอื่น ๆ 2. แล้วยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการต่อมลูกหมากอักเสบได้ 3. รวมไปถึงหอยนางรมและอาหารทะเลต่าง ๆ ยังมีกรดไขมันโอเมก้าสาม ที่เป็นสารอีกชนิดหนึ่งที่สร้างฮอร์โมนที่ชื่อว่า พรอสตาแกลนดิน มีความสำคัญต่อการตอบสนองทางเพศ แต่ในขณะเดียวกัน หอยนางรมก็อาจเป็นพิษได้ เพราะหากหอยนางรมนั้นไม่สดพอ ก็อาจมีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ หรืออหิวาตกโรคได้ และผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่ปกติและเป็นโรคตับ ก็มักจะติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้มีอาการป่วยอย่างรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมไปถึงปริมาณของคอเลสเตอรอลในหอยนางรมนั้นสูงมาก จึงแนะนำให้ทานแต่พอดีจะดีกว่าค่ะ
-
แมลงทอดอร่อยปาก.. แต่ควรกินให้ถูกวิธี
แมลงทอดอร่อยปาก.. แต่ควรกินให้ถูกวิธี อาหารอย่างแมลงทอดที่ขายกันตามรถเข็นหรือแผงลอยนั้นเป็นอาหารที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่พยายามหาอาหารมาทดแทนเนื้อสัตว์ที่มีราคาแพง โดยเฉพาะภาคอีสานที่หาทานแมลงหลากชนิดได้ง่าย บางชนิดก็อร่อยจนใครต่อใครติดใจ แต่การกินแมลงให้ปลอดภัยก็มีวิธีอยู่เหมือนกันค่ะ 1. ควรทานแมลงที่รู้จักและเคยมีการนำมาทานเป็นอาหารมาก่อน และควรเลือกทานแมลงที่อาศัยอยู่กับต้นไม้หรือสวน หรือตามพื้นที่ที่ปลอดการใช้สารเคมีในการฆ่าแมลง 2. การจับแมลงมาประกอบอาหารควรจับตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วนำมาปรุงอาหาร อย่าไปเก็บตัวที่ตายแล้วมาปรุง 3. แมลงที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือแมลงที่เป็นศัตรูภายในบ้าน เช่น แมลงสาป แมลงวันบ้าน เพราะเป็นพาหะนำโรคร้ายแรงได้มากมาย 4. แมลงที่มีสีสันสดใส มักจะมีพิษมากกว่าแมลงตัวที่สีซีด 5. ปรุงให้สุกก่อนการทานทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการคั่ว ทอด ปิ้ง ต้ม ผัด หรือทำให้สุกก่อนการนำไปตำกับน้ำพริกก็ได้ ฯลฯ 6. ส่วนที่ควรเด็ดทิ้งก่อนก็คือ ปีก ขา ขน หรือหนามแข็ง เพราะอาจทำให้คันได้ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายควรหลีกเลี่ยงการทานแมลงจะดีกว่า เพราะมีแมลงหลายชนิดเลยทีเดียวที่ก่ออาการแพ้กับคน ซึ่งขึ้นอยู่กับความไวพิษของบุคคลนั้น ๆ ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยงมากกว่าก็ควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ
-
ระวัง..กาแฟอาจทำคุณประสาทหลอน!
ระวัง..กาแฟอาจทำคุณประสาทหลอน! เป็นความจริงที่ได้รับเปิดเผยมาจาก นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเดอแรมในประเทศอังกฤษ ที่ได้ประกาศว่าผู้ที่กินกาแฟ ชา ช็อกโกแลต หรือเครื่องดื่มชูพลัง ที่ผสมคาเฟอีนมาก ๆ อาจทำให้ประสาทหลอนหรือหูแว่วได้ โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มกาแฟเกินกว่าวันละ 3 ถ้วย หรือเทียบเท่ากับกาแฟสำเร็จรูปถึง 7 ถ้วย ซึ่งมีโอกาสมีอาการทางประสาทได้มากกว่าคนอื่น ๆ ที่ดื่มกาแฟวันละถ้วยถึง 3 เท่าเลยทีเดียว! แต่อาการประสาทหลอนนั้นไม่ใช่เครื่องแสดงอาการทางจิตที่แน่ชัด เพราะคนทั่วไปก็มักมีโอกาสได้ยินเสียงแปลก ๆ อยู่ถึง 3% ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่ากาแฟนั่น เข้าไปช่วยซ้ำเติมให้ความเครียดของจิตใจและอารมณ์ให้กลับมากขึ้น และมีอาการประสาทหลอนมากกว่าเดิมนั่นเอง
-
ดูแลตับให้เป็น…ต้องรู้เวลาทำงานของร่างกาย
ดูแลตับให้เป็น…ต้องรู้เวลาทำงานของร่างกาย พฤติกรรมที่เราทำกันจนเคยชินทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการนอนดึกตื่นสาย กินมากจนล้นกระเพาะ ไม่ยอมกินอาหารเช้า กินยามากเกินไป และกินแต่อาหารปรุงแต่งไปด้วยสีผสมอาหาร วัตถุกันเสีย วัตถุปรุงแต่ง ร่วมทั้งกินอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันด้อยคุณภาพและไม่เป็นประโยชน์ ซึ่งนอกการลดการบริโภคน้ำมันลง แล้วเปลี่ยนน้ำมันมาเป็นน้ำมะกอกที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ก็ยังควรดูแลร่างกายตามตารางเวลาที่อวัยวะต่าง ๆ ทำงานอย่างถูกต้องด้วย ตับของเราและอวัยวะต่าง ๆ ของเราจึงจะมีสุขภาพดีไม่เสื่อมสภาพไปก่อนวัยอันควร ต่อไปนี้คือตารางเวลาการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ที่เราควรนำไปปรับใช้ให้ดีต่อร่างกายเราค่ะ 1. ช่วงเวลา 21.00-23.00 น. ช่วงนี้ร่างกายจะกำจัดสารพิษต่าง ๆ โดยระบบต่อต้านเชื้อโรคภายในร่างกาย หรือระบบน้ำเหลือง ซึ่งช่วงเวลานี้ควรเอาไว้พักผ่อน และผ่อนคลายด้วยการเข้านอน 2. ช่วงเวลา 23.00-01.00 น. ช่วงนี้ตับจะเริ่มกระบวนการกำจัดสารพิษ ช่วงนี้จึงควรหลับอย่างสนิท เพื่อให้ช่วงเวลาหลังจากนี้ ก็จะเป็นช่วงเวลากำจัดสารพิษในน้ำดีซึ่งควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นกัน 3. ช่วงเวลา 01.00-03.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ปอดจะกำจัดสารพิษ ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับปอดจึงมักไอรุนแรงในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นระบบการกำจัดสารพิษโดยอัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องทานยาแก้ไขใด ๆ 4. ช่วงเวลา 05.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ลำไส้ใหญ่กำจัดสารพิษ เราจึงควรขับถ่ายในเวลานี้ 5.…
-
กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด?
กินกล้วยยังไง…ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุด? โด่งดังกันมาแล้วสำหรับวิธีลดความอ้วนด้วยการกินกล้วยมื้อเช้า แล้วทำไมต้องทานมื้อเช้าด้วยล่ะ เหตุผลนั่นก็เป็นเพราะว่า ในกล้วยนั้น มีอุดมไปสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 ที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมัน น้ำตาล รวมไปถึงยังทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า หายงัวเงีย สดชื่นขึ้น อีกทั้งยังมีโพแทสเซียมที่ช่วยในการดูดซับโซเดียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ซึ่งเท่ากับช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ลดอาการบวมของร่างกายได้ แต่อันที่จริงแล้วการทานกล้วยนั้น จะกินตอนไหนต่างก็ให้ประโยชน์กับร่างกายได้ทั้งหมด ทางที่ดีที่สุดควรทานกับน้ำเปล่าด้วย เพื่อลดภาระของกระเพาะและลำไส้ให้มากที่สุดนั่นเอง
-
หลังทานอาหารอิ่ม ๆ อย่าทำแบบนี้!!!
หลังทานอาหารอิ่ม ๆ อย่าทำแบบนี้!!! 1. อย่าเพิ่งสูบบุหรี่ เพราะจากการทดลองพบว่าการสูบบุหรี่หลังอาหารนั้น เท่ากับการสูบบุหรี่ยามปกติถึงสิบมวนเลยทีเดียว ดังนั้นโอกาสการเป็นมะเร็งจึงสูงขึ้น 2. อย่าเพิ่งทานผลไม้หลังอาหาร ให้ทานในช่วงเวลาหลังอาหารไปแล้ว 1-2 ชั่วโมงจะดีกว่า 3. อย่าเพิ่งดื่มน้ำชา เพราะใบชามีความเป็นกรดสูง จึงทำให้โปรตีนในอาหารกระด้างขึ้น จึงย่อยยาก 4. หลังอิ่มใหม่ ๆ อย่าเพิ่งขยายเข็มขัด เพราะจะทำให้ลำไส้ขยับตัวไม่ปกติ และทำให้ลำไส้ทำงานไม่ปกติได้ด้วย 5. หลังการอิ่มข้าว อย่าเพิ่งอาบน้ำ เพราะเลือดจะไหลเวียนไปที่มือและเท้า จึงทำให้เลือดบริเวณท้องไหลเวียนไม่ดี จึงส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีด้วย 6. หลังทานอาหาร อย่าเพิ่งเดินทันทีตามที่เคยเชื่อกันมา เพราะนั่นจะทำให้การย่อยเพื่อดูดซึมไม่ดีเท่าที่ควร ควรรออย่างน้อยสักครึ่งชั่วโมงดีกว่า 7. อย่าเพิ่งนอนทันที เพราะอาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เพราะอาหารย่อยไม่เต็มที่ได้ อีกอย่างจะทำให้อ้วนด้วยนะคะ
-
ถนอมดวงตา ด้วย 6 เคล็ดลับง่าย ๆ
ถนอมดวงตา ด้วย 6 เคล็ดลับง่าย ๆ สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่ทำงานออฟฟิศ หรือทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละ ๆ หลายชั่วโมง คงเริ่มรู้สึกล้าสายตา หรือปวดตาขึ้นมากันบ้างแล้ว มาดูแลถนอมสายตากันก่อนที่จะมีปัญหาดีกว่า ดวงตาของเราจะได้อยู่รับใช้เราไปนาน ๆ ไงคะ 1. กระพริบตาบ่อย ๆ อาการตาแห้งนั้นเกิดจากการเรากระพริบตาน้อยลง เพราะเวลาที่เราจดจ่อที่หน้าจอคอมพิวเจอร์เราจะใช้สมาธิมาก จนลืมกระพริบตา ดังนั้นควรฝึกกระพริบตาบ่อย ๆ ยิ่งเวลาที่นึกขึ้นมาได้ก็ให้กระพริบตาทันที หรือหากตาแห้งมากแล้วสามารถหยดน้ำตาเทียมเพื่อให้ดวงตาชุ่มชื้นขึ้นได้ 2. จัดระดับของหน้าจอคอมพิวเจอร์ให้ พอดี โดยให้มีระยะระหว่างจอกับตัวเราประมาณ 50-70 เซนติเมตร และระดับของจุดศูนย์กลางจออยู่สูงกว่าระดับตาของคุณประมาณ 4-9 นิ้ว ไม่ควรมองจอที่อยู่ต่ำเกินหรือสูงเกินไป 3. ปรับความสว่างของแสงไฟให้พอดี การเปิดไฟให้สว่างหรือเปิดม่านให้แสงส่องเข้ามามากเกินไป ทำให้สายตามีปัญหาได้ หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์หรือของประดับตกแต่งต่าง ๆ ที่ไม่มีแสงสะท้อน เช่นพื้นโต๊ะควรใช้สีด้าน ๆ ไม่สะท้อนแสงมากเกินไปนัก 4. ปรับตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น และปรับความเข้มของตัวอักษรให้มาก ซึ่งขนาดที่พอดีก็คือ หากเราอยู่ห่างเป็นสามเท่าจากระยะปกติในเวลาทำงานนั่นเอง ควรใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์แบบ…