Author: pure
-
ผ่อนคลายเสียบ้าง สร้างสุขภาพการและใจที่ดี
ผ่อนคลายเสียบ้าง สร้างสุขภาพการและใจที่ดี ในบางวันที่ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าอย่างสาหัส จนรู้สึกว่าอะไรต่อมิอะไรไปต่อไม่ไหวแล้ว ปลดปล่อยออกมาเสียบ้าง เพื่อสุขภาพกายและจิตที่ดีของตนเอง ซึ่งการผ่อนคลายแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำได้เองนี้ก็ได้แก่ 1. พักเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรเลย ปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด รวมทั้งทีวี วิทยุ ไม่เสพข่าวสาร หนังสือพิมพ์ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรทั้งสิ้น นอนเอนหลังผ่อนคลาย หลับตาเบา ๆ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นสัก 5-10 นาที 2. เดินลมปราณ สบาย ๆ ด้วยการหายใจเข้าออกช้า ๆ จนผ่อนคลายทั่วร่าง ซึ่งสามารถทำเองได้ง่าย ๆ ก็คือ หายใจเข้าทางจมูก สูดเข้าไปช้าให้เต็มปอด จิตตามดูลมหายใจเข้าผ่านทางจมูกไปจนเต็มปอดภายใน แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกทางปาก ช้า ๆ ยาว ๆ จิตตามดูลมหายใจที่ไหลออกมาจนหมด ทั้งซ้ำ ๆ เช่นนี้บ่อย ๆ จะช่วยให้ผ่อนคลาย และสมองปลอดโปร่งได้ง่าย 3. หลังจากฝึกลมปราณแล้วให้นวดตัวเองดู…
-
World Cancer Research Fund แห่งประเทศอังกฤษ ยันอาหารไทยมีคุณค่าทางโภชนาการสูง!
World Cancer Research Fund แห่งประเทศอังกฤษ ยันอาหารไทยมีคุณค่าทางโภชนาการสูง! มีองค์การที่สำคัญแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร ก็คือ องค์กรวิจัยมะเร็งโลก หรือ World cancer research fund ได้แนะนำให้คนในชาติของตนเองเมื่อไปทานอาหารนอกบ้านหรือนอกประเทศแล้ว ให้ทานอาหารจากประเทศจีน อิตาลี อินเดีย และอาหารไทย เพราะจัดว่าเป็นอาหารที่คุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก นั่นเป็นเพราะว่าอาหารไทยเองเป็นอาหารที่รสชาติอร่อย มีสัดส่วนของสารอาหารที่พอเหมาะและมีคุณภาพ มีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาค และมีให้อาหารให้เลือกกินหลากหลายในแต่ละฤดูกาล แต่สำหรับคนไทยกลับกินอาหารไทยน้อยลงเอง มีการดัดแปลงสูตรกันมากขึ้น หรือนิยมทานอาหารจานด่วนกันมากขึ้น ซึ่งอาหารจานด่วนเหล่านี้ มักมีแคลอรี่สูง มีสัดส่วนของแป้ง ไขมัน และเนื้อสัตว์มากขึ้น ปรุงแต่งรสชาติมากขึ้น เพิ่มนมเนย ไขมันต่าง ๆ เข้าไปมากกว่าเดิม สมดุลของสารอาหารจึงเสียไป ทำให้ตัวคนไทยเองมีภาวะเป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น สุขภาพเสื่อมโทรม ทั้งที่เป็นเจ้าของอาหารที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งในโลก แล้วในอาหารไทยมีดีอะไร ต่างชาติจึงแนะนำให้ทานกัน หากจะนับอาหารที่เด่น ๆ และอร่อยถูกปากชาวต่างชาติ ก็ได้แก่ – ต้มยำต่าง ๆ มีแคลอรี่ต่ำ มีสมุนไพรบำรุงร่างกาย และมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันสูง – แกงเลียง…
-
หน้าฝนระวังโรคฉี่หนู
หน้าฝนระวังโรคฉี่หนู ในระยะเวลาที่ฝนกำลังตกพรำไม่เว้นแต่ละวันในระยะนี้ ทำให้ผู้ที่ไม่ค่อยดูแลรักษาตัวเองเท่าไรอาจป่วยเป็นโรคฉี่หนูได้ ซึ่งโรคฉี่หนูนี้เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากสัตว์ประเภทสัตว์กัดแทะขนาดเล็ก เช่น หนู กะรอก และยังสามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นได้ไม่ว่าจะเป็น หมา แมว วัว ควาย ฯลฯ ซึ่งหนูนั้นเป็นตัวการแพร่เชื้อที่สำคัญมาก โดยเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคเลปโตสไปโรซิสหรือฉี่หนูนี้จะถูกขับออกมาจากปัสสาวะของหนู แล้วปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำสกปรก ท่อน้ำขัง ที่เฉอะแฉะ พื้นดินแฉะ ๆ ผู้ที่เข้าไปเดินย่ำหรือสัมผัสกับแหล่งน้ำเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวไรชาวสวน ผู้ที่ทำปศุสัตว์ ผู้ที่ขุดลอกคูคลอง ผู้ทำประมง หาปลา ปู หรือเด็ก ๆ ที่เล่นน้ำ เมื่อสัมผัสกับน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้เข้าไป จะทำให้เชื้อโรคแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลเล็ก ๆ หรือเยื่อบุบอบบาง ไม่ว่าจะเป็น จมูก ตา ปาก ก็จะทำให้เกิดโรคได้ นอกจากนี้การทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อก็สามารถติดโรคได้ด้วย อาการของโรคฉี่หนูนี้ มีหลายระดับ ซึ่งอาจแสดงอาการเพียงเล็กน้อยหรือแสดงอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายผู้ติดเชื้อ ภูมิคุ้มกันและปริมาณของเชื้อด้วย ซึ่งระยะแสดงอาการจะอยู่ที่ราว 2-3 สัปดาห์ อาการนั้นจะแสดงออกมาเป็น การมีไข้สูง มักปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมากยิ่งโดยเฉพาะบริเวณน่อง ปรากฏรอยจ้ำเลือดหรือรอยช้ำเขียวตามผิวหนัง เยื่อบุตาอักเสบและมีเลือดออกในลูกตา หากมีอาการที่รุนแรงแล้วไม่ยอมรับการรักษาอาจเสียชีวิตจากตับวายหรือไตวาย และเยื่อหุ้นสมองอักเสบได้…
-
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการนอนหลับของคนเรา
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการนอนหลับของคนเรา หากเป็นช่วงเวลาวันหยุดยาวหรือเทศกาลต่าง ๆ แล้ว บางคนอาจเอาแต่เที่ยวและฉลองกันยันเช้าจนมักลืมไปเลยว่าตัวเองต้องพักผ่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาใด การนอนก็สำคัญสำหรับร่างกายเราอยู่ดี (เค้าไม่มารู้กับเราด้วยหรอกค่ะว่า วันหยุดยาวฉันจะฉลองฉันจะไม่นอน) ยิ่งโดยเฉพาะในกลุ่มสาว ๆ ด้วยแล้ว การอดนอนทำร้ายคุณทั้งทางสุขภาพและรูปร่างหน้าตาภายนอกชนิดปกปิดไม่อยู่เลยเชียวล่ะ ดังนั้นเพื่อการดูแลสุขภาวะที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ เราลองมาอ่านเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการนอนหลับของคนเรากันนะคะ – ในช่วงเวลานอนเป็นเวลาที่ร่างกายเราผลิตโปรตีนขึ้นมา จึงก่อให้เกิดกระบวนการสร้างเซลล์ผิวและฟื้นฟูสภาพเนื้อเยื่อและเซลล์ผิวในระหว่างการนอนหลับด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการอดนอนจึงทำให้ผิวดูทรุดโทรมไม่สดใส – การนอนมีผลต่อกระบวนการจำ สมาธิในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ หากอดนอนก็จะทำให้เบลอๆ งงๆ – การอดนอนยังทำให้เกิดความเสี่ยงและเกิดการกำเริบของโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้มากมาย – การที่ผิวแลดูเหี่ยวย่น หรือแก่ก่อนวัยนั่นเป็นเพราะหากคุณนอนไม่พอ จะทำให้ฮอร์โมนความเครียดที่หลั่งออกมามากเกินไปส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตคอลลาเจนของผิวที่จะทำงานได้ช้าลง แล้วยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อการต่อสร้างอนุมูลอิสระในร่างกายทำให้ผิวร่วงโรยก่อนวัย – รวมไปถึงหากคุณยังคงอดนอนอย่างต่อเนื่อง กระบวนการฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากพฤติกรรมแย่ ๆ ต่อตัวเอง และการทำร้ายจากรังสียูสี ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ผิวจึงยิ่งดูแย่ลงไปกว่าเดิม – การอดนอนหรือนอนไม่พอ ยังส่งผลต่อการไหลเวียนของโลหิต ที่จะเห็นได้ชัดก็คืออาการถุงใต้ตาหรือตาบวมนั่นล่ะค่ะ – การได้นอนหลับในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลาที่ร่างกายจะมีอุณหภูมิลดลงต่ำที่สุดก็คือช่วงตีสี่ ถึงตีห้า อีกทั้งฮอร์โมนเมลาโทนินก็จะถูกหลั่งออกมาในช่วงเวลานั้นทั้งจาก เมื่อทั้งอุณหภูมิร่างกายลดลงและระดับเมลาโทนินเพิ่มขึ้นมาเจอกัน ก็จะทำให้นอนหลับได้ง่าย…
-
ขนมปังหรือข้าว.. กินอะไรอ้วนกว่ากัน
ขนมปังหรือข้าว.. กินอะไรอ้วนกว่ากัน อ๊ะอ๊ะ สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วนกันอยู่คงสับสนไม่น้อยเลยใช่ไหม ว่าทานอะไรแล้วอ้วนกว่ากันระหว่าง “ขนมปัง” กับ “ข้าว” ทั้งที่ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตเหมือนกัน ให้พลังงานเท่ากันคือ 4 กิโลแคอรี่ต่อกรัม แต่มีความแตกต่างกันไปในสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน รวมทั้งไฟเบอร์และวิตามินต่าง ๆ ของข้าวแต่ละชนิด และขนมปังแต่ละประเภท รวมไปถึงปริมาณที่ทานเข้าไปด้วยค่ะ ความจริงแล้ว หากนำมาเปรียบเทียบกันด้วยน้ำหนักเที่เท่ากันก็คือ ในปริมาณ 100 กรัมนั้น ข้าวจะให้พลังงาน 140 กิโลแคลอรี่ และขนมปังจะให้พลังงาน 170 กิโลแคลอรี่ การที่ขนมปังให้แคลอรี่สูงกว่าเพราะว่าส่วนประกอบของขนมปังคือ แป้ง น้ำตาล เนย ผลฟูต่าง ๆ จึงสรุปได้ว่า ในปริมาณที่เท่ากันนั้น คุณจะได้รับพลังงานจากขนมปัง มากกว่าข้าวนั่นเอง สาว ๆ ลดน้ำหนักทั้งหลายควรทานข้าวจะดีกว่านะคะ ยิ่งโดยเฉพาะเป็นข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ จะได้รับประโยชน์จากสารอาหารมากมายอีกด้วยค่ะ
-
ผู้ป่วย “ไมเกรน” ระวังอาหารดังต่อไปนี้
ผู้ป่วย “ไมเกรน” ระวังอาหารดังต่อไปนี้ คนที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคไมเกรนนี่ จำเป็นต้องระวังการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าคนทั่วไป ยิ่งโดยเฉพาะอาหารแล้ว หากทานไม่ระวังอาจทำให้ร่างกายได้รับสารไทรามีน และ ไนไตรต์ เข้าไป เมื่อร่างกายได้รับปุ๊บก็จะทำให้ระบบประสาทและหลอดเลือดหดตัวทันที จึงปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ดังนั้นจึงควรระวังอาหาร 5 ชนิดนี้ไว้ค่ะ 1. กุนเชียงและเนื้อหรือหมูแดดเดียว เพราะสีแดง ๆ ของอาหารทั้งสองชนิดนี้จะเติมดินประสิวลงไปด้วย และในดินประสิวนี่แหล่ะมีสารไนไตรต์ผสมอยู่เยอะมาก ดังนั้นจึงทำให้คุณปวดหัวจี๊ดได้ทันที 2. ช็อกโกแลต คนเป็นไมเกรนทานแล้วปวดหัวทุกที แต่ทันทีสามารถทานช็อกโกแลตขาวได้ ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นนมมากกว่านั่นเอง 3. แอสปาแทม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล มีผลการสำรวจมากว่าคนที่เป็นไมเกรนมักจะปวดหัวเมื่อกินสารชนิดนี้เข้าไป 4. ไวน์แดง มีไทรามีและไนไตรต์สูงมาก ดังนั้นหลีกเลี่ยงจะดีกว่า 5. ลูกชิ้นเด้งดึ๋ง ก็มีมากเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกร้านที่เติมสารบอแร็กซ์ที่ทำให้ลูกชิ้นเด้งดึ๋ง นอกจากทำห้ปวดศีรษะแล้ว ยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วยค่ะ ระวังไว้ก่อนจะดีกว่านะคะ จะได้ไม่ปวดหัวจี๊ดค่ะ
-
อุทาหรณ์สอนใจ ภรรยาปรุงยาเพิ่มพลังทางเพศให้สามีกิน.. ตายคาเตียง!
อุทาหรณ์สอนใจ ภรรยาปรุงยาเพิ่มพลังทางเพศให้สามีกิน.. ตายคาเตียง! ในต่างประเทศมีข่าวที่ชวนให้เกิดความสลดใจว่า Mitchell Amwono ภรรยาสาววัย 30 ปี ได้นำเอาสมุนไพรที่เชื่อว่าสามารถเร่งพลังรักและพลังเซ็กซ์ให้พุ่งปรี๊ด อึดนาน มาแอบปรุงให้สามีทานเป็นอาหาร ซึ่งสามีชื่อ Davis Ekwau สามีวัย 40 ปี เมื่อทานเข้าไปนิดเดียว ก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล แต่กลับเสียชีวิตระหว่างทาง โดยทางฝ่ายภรรยาก็ยังยืนยันอยู่ดีกว่าสมุนไพรแปลก ๆ ดังกล่าวนั้นสามารถเพิ่มพลังทางเพศได้จริง ๆ ซึ่งเป็นสมุนไพรที่เพื่อนของตนเองแนะนำมา จึงนำมาทดลองทำตามบ้าง อุทาหรณ์เรื่องนี้บอกว่า สมุนไพรต่าง ๆ นั้น แม้จะมีประโยชน์แต่ก็ควรได้รับการปรุงอย่างถูกวิธีและถูกสัดส่วนจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญสมุนไพร และทานให้ถูกวิธีตามที่แพทย์สั่งด้วย ซึ่งหากคุณนำเอาไปทำเอง ก็อาจมีจุดจบของเรื่องคือ ฝ่ายภรรยาและเพื่อนภรรยาถูกจับติดคุก สามีก็เสียชีวิตไปเลยจริง ๆ
-
สังเกตโรคร้ายให้ดี คุณอาจเป็น “ปอดบวม”
สังเกตโรคร้ายให้ดี คุณอาจเป็น “ปอดบวม” โรคที่มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง และมีฝนตกหนักก็คือ โรคปอดบวมนั้นเอง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้เปิดเผยว่าโรคปอดบวมนี้ คร่าชีวิคคนไทยเป็นอันดับหนึ่งถึงร้อยละ 78 เลยทีเดียว ซึ่งวิธีการสังเกตว่าตนเองหรือคนที่รักเป็นโรคปอดบวมแล้วหรือยัง ให้สังเกตอากาศดังต่อไปนี้ค่ะ 1. เป็นไข้ตัวร้อน และเมื่อเป็นแล้วมักจะไม่ค่อยลด 2. ไอมาก ไอหนัก ไอถี่ขึ้นเรื่อย ๆ 3. หายใจหอบหนัก หายใจไม่ทั่วท้อง หายใจไม่ทัน 4. ลักษณะของน้ำมูกจะเปลี่ยนสีไปจากเดิม คือจากใส ๆ เป็นสีขุ่นข้นและสีเขียว ยิ่งโดยเฉพาะหากเป็นลูกเล็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ให้สังเกตว่าหากเด็กมีอาการไข้สูง ซึม ไม่กินน้ำหรือกินนม รวมทั้งไอมีเสมหะ หายใจหอบเร็ว หรือหายใจมีเสียงวี๊ด หรือหายใจจนกระทั่งชายโครงบุ๋มลง ขอให้รีบนำเด็กไปพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่อาการจะทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้เสียชีวิตได้
-
สาว ๆ จ๋า..อย่าเชื่อเราเลย เราโกหกคุณแน่!
สาว ๆ จ๋า..อย่าเชื่อเราเลย เราโกหกคุณแน่! มีคำโกหกอยู่ 10 คำ ที่เราจะโกหกคุณแน่ ๆ ทำไมน่ะเหรอ?.. ก็เราอยากให้คุณเชื่อเรา แล้วก็อยู่ใน “อวย” ของเราต่อไปน่ะสิ ดังนั้นถ้าคุณอยากอยู่ในอวยของเราต่อไป จะเชื่อที่เราโกหกก็ได้นะ – “ผมเลิกเจ้าชู้” ประโยคนี้เด็ดสุด ๆ ใช้ง่ายและบ่อยสุด เพราะเมื่อผมบอกว่าผมจะเลิกเจ้าชู้ แปลว่าร้อยทั้งร้อย ผมจะยังเจ้าชู้ต่อไป – “ให้อภัยผมเถอะ ผมไม่ทำอีกแล้ว” พอถูกจับได้ว่าโกหกผมก็ต้องขอโทษสิ ก็ไม่อยากให้คุณทิ้งผมนี่นา แต่..ลับหลังคุณ ก็อาจจะเป็นอีกเรื่องนะ! – “มือถือแบตหมด” ใช้ง่ายมาก เวลาผมอยู่กับคนอื่นที่ไม่อยากให้คุณรู้ แล้วคุณก็เชื่อผมทุกทีด้วยนี่นา – “ผมอยู่บ้าน” ก็ถ้าผมบอกว่าอยู่ข้างนอกกับเพื่อน ๆ คุณก็ด่าผมสิ – “ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ” ผมไม่ใช่พระเอกหนัง แต่คุณก็เชื่อ เชื่อทั้งที่มันไม่มีอยู่จริง – “ผมจะรักคุณตลอดไป” อย่าว่าแต่อย่าเชื่อผมเลย ต้องเข้าใจหน่อยว่าโลกนี้ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลงหรอกนะ – “ผมจะมีคุณคนเดียว” ก็คุณฟังแล้วใจอ่อน ยอมเป็นแฟน ยอมแต่งงานด้วย…
-
สูตรพอกหน้า…มะม่วงสลายสิว
สูตรพอกหน้า…มะม่วงสลายสิว มะม่วง.. ผลไม้ที่ออกผลในช่วงฤดูร้อน ที่ไม่ว่าจะนำมาทานแบบดิบ สุก หรือทานกับข้าวเหนียวมูล รวมไปถึงขนมชนิดอื่น ๆ ก็อร่อยทั้งสิ้น แต่วันนี้ไม่ได้มาแนะนำสูตรอาหารนะคะ แต่เป็นสูตรพอกหน้าที่ช่วยลดสิว, สิวอักเสบและอาการบวมแดงต่าง ๆ วิธีก็แสนง่าย แค่ซื้อมะม่วงสุกมาปอกแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ นำลงปั่นในเครื่องปั่นจนเหลว หรือสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเอาส้อมยีให้แหลกก็ได้ นำมาผสมกับน้ำมะนาวอีกครึ่งช้อนโต๊ะ กับดินสอพอง ¼ ช้อนโต๊ะ กับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา กวนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกบนใบหน้าที่ล้างสะอาดรอไว้แล้ว พอกให้ทั่วประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออก สูตรนี้จะช่วยผิวหน้าสวยใสในขณะที่ช่วยรักษาสิวไปด้วยในตัว เพราะในมะม่วงนั้นมีกรดผลไม้ชนิดอ่อน ๆ เมื่อผสมรวมกับมะนาวแล้วก็จะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ส่วนดินสอพองช่วยปรับสภาพผิวและซับสิวให้แห้ง รวมไปถึงลดอาการบวมได้ แถมด้วยน้ำผึ้งท่ช่วยฆ่าเชื้อและสมานแผล สูตรพอกหน้านี้จึงเป็นสูตรที่ครบวงจรในการดูแลผิวหน้าเลยทีเดียวค่ะ