Author: pure
-
สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน
สูตรไม่ลับ! ล้างไขมันลำไส้ ง่ายๆที่บ้าน หนุ่มๆ สาวๆ ท่านไหน ที่สะสมไขมันไว้ในร่างกายมากๆ ขอบอกเลยนะ ว่าไม่ใช่ผลดีเลย เพราะไขมันที่อยู่ในร่างกายของเรา ถ้าหากมีปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้โทษกับร่างกาย ซึ่งโทษที่เกิดจากการที่ไขมันสะสม ที่เกาะผนังลำไส้ กระเพาะอาการ จะทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เช่น – ถุงน้ำดี โรคนี้จะมีอาการนอนไม่หลับ เป็นนิ่วในไต สายตาเสื่อมลง และจะปวดเมื่อยตามร่างกาย – เลือดเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จะทำให้มึนศรีษะ – ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลง และจะกลายเป็นคนขี้หนาว – ม้ามชื้น ทำมห้อาหารที่เราทานเข้าไป แปรสภาพเป็นไขมัน และส่งผลให้เป็นคนอ้วนง่าย – ม้ามโต ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากม้ามไปเบียดปอด – หากไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะส่งผลให้ลำไส้เล็ก ไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ และจะทำให้เป็นหวัดในตอนเช้า หรือเป็นหวัดเรื้อรัง อาจจะมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ และมักจะมีอาการจามในตอนเช้า – ถ้ามีไขมันในตับสูง จะส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดไม่ปกติ หากดื่มตามสูตรนี้ จะช่วยลดหน้าท้อง และยังส่งผลให้อาการทั้ง 7…
-
ล้างสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ล้างสารพิษในร่างกาย ง่ายๆ ด้วยตัวเอง คุณจะรู้หรือไม่ว่า…. การล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราออกไป นั้นจะช่วยทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น และช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก ยิ่งถ้าทำเป็นประจำ ก็จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลง และยังช่วยรักษาโรคร้ายอย่าง “มะเร็ง“ รวมถึงโรคภูมิแพ้ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หอบหืด เบาหวาน รวมกระทั่งลดความอ้วนได้อีกด้วย หัวใจหลักๆของการทำงานในการล้างสารพิษในร่างกาย 1 วัน คือ จะต้องทานให้ได้แคลลอรี่ที่น้อยกว่า 800 แคลลอรี่ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารและตับได้มีการพักผ่อน และต่อจากนั้น ตับก็จะขับสารพิษออกมา และอาหารที่เราทานเข้าไปในวันนั้นจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์ปะปนเด็ดขาด หากเข้าใจกันดีแล้ว เรามาเข้าสู่ขั้นตอนการล้างสารพิษกันเลยค่ะ 1. เลือกผลไม้ที่เราชื่นชอบมา 1 ชนิด อย่างเช่น ฝรั่ง แคนตาลูป มะละกอ แอปเปิ้ล ชมพู่ มะม่วง ส้มโอ หรืออะไรก็ตาม แต่จะมีผลไม้ที่ต้องยกเว้นไว้ 2 อย่าง คือ ทุเรียนและสับประรด เนื่องจากในทุเรียนจะมีแคลลอรี่สูงมาก และยังย่อยยากอีกด้วย ส่วนในสับประรดนั้น จะมีกรดที่สูง ถ้าหากต้องทานทั้งวัน จะทำให้เราท้องอืดได้ 2. ทานแต่ผลไม้ที่เราเลือก…
-
“กระเจี๊ยบเขียว” ช่วย DETOX ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม
“กระเจี๊ยบเขียว” ช่วย DETOX ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม รู้กันรึเปล่า? ว่า “กระเจี๊ยบเขียว” เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการอาหารอย่างสูง เนื่องจากในกระเจี๊ยบเขียว จะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นในสูง ส่วนมาเรามักจะนำกระเจี๊ยบเขียวมาเป็นผักเคียงกับน้ำพริก นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำอาหารได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แกงต่างๆ ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว ยำกระเจี๊ยบเขียว หรือจะเป็นอาหารว่างอย่าง กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอดเป็นต้น สรรพคุณทางยาของกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียว นั้นเป็นพืชผัก ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยในการรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ เนื่องจากในฝักกระเจี๊ยบเขียวนั้น จะมีเมือกจำพวกเพ็กติน Pectin และ กัม Gum ที่จะสามารถช่วยเคลือบหรือสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้อย่างดีเยี่ยม และยังช่วยให้แผลไม่ลุกลาม ช่วยรักษาความดันให้เป็นปกติ ช่วยบำรุงสมอง และยังมีสรรพคุณเป็นยาระบาย แถมยังสามารถช่วยรักษาโรคพยาธิตัวจี๊ดได้ดีอีกด้วย (แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะต้องมีการรับประทานติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 15 วันนะค๊ะ) ผลสำรวจจากการแปรรูปกระเจี๊ยบเขียว ให้ข้อมูลมาว่า – รับประทานกระเจี๊ยบเขียว 10-15 ฝัก ทุกวันจะช่วยบำรุงตับได้ดี – รับประทานกระเจี๊ยบเขียว 3-5 ฝัก ก่อนอาหารทุกวัน จะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร –…
-
สูตรน้ำเต้าหู้ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและสมอง !
สูตรน้ำเต้าหู้ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและสมอง ! สวัสดีค่ะ… วันนี้เรามีเคล็ดลับ การนำน้ำเต้าหูมาเป็นอาหารเสริม ช่วยในเรื่องบำรุงสุขภาพ ร่างกาย และสมอง แถมยังช่วยในเรื่องของสายตา ยิ่งถ้ารับประทานเป็นประจำ ยังมีสรรพคุณอีกหลายๆอย่าง ที่ช่วยพัฒนาและบำรุงร่างกายของเรา ลองไปดูกันว่า สูตรน้ำเต้าหู้บำรุงร่างกายนี้มีอะไรบ้าง? 1. น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย : จะต้องใช้น้ำเต้าหู้ที่ไม่ใส่น้ำตาลทราย ใช้น้ำเต้าหู้อุ่น ไม่ร้อน ไม่เย็น 2. น้ำมะนาว : ใช้มะนาว 1 ลูก วิธีทำก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่น้ำน้ำมะนาวใส่ลงไปในน้ำเต้าหู้ แล้วคนให้เข้ากัน เมื่อใส่น้ำมะนาวลงไป น้ำเต้าหูจะมีลักษณะข้น หรือคล้ายๆวุ้นหรือโจ๊ก เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ถึงหน้าตาจะดูไม่น่าทาน แต่ขอบอกไว้เลยว่า ช่วยบำรุงสุขภาพได้จริง และมีสรรพคุณต่างๆดังนี้ 1. ช่วยให้ระบบเส้นเลือดฝอยในร่างกาย มีความยืดหยุ่นดี ไม่เปราะหรือแตกง่าย หากคนที่มีปัญหาในเรื่องของเส้นเลือดฝอยเปราะ หรือแตกง่าย หรือมีเลือดออกตามร่างกาย เช่น เลือดออกที่เยื่อบุตาขาว หรือในคุณผู้หญิงที่มักจะมีรอยจ้ำ เขียวในเวลาที่ถูกกระแทกได้ง่าย หรือในผู้สูงอายุ ที่มักมีเลือดออกใต้ผิวหนัง เมื่อทานสูตรนี้เข้าไปแล้ว…
-
พิษร้ายจากแอลกอฮอล์ ลดได้ทั้งอีคิว และไอคิว
พิษร้ายจากแอลกอฮอล์ ลดได้ทั้งอีคิว และไอคิว แม้สารเคมีและแอลกอฮอล์ในเหล้า หรือเครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลายจะทำให้ผู้ดื่มรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ และผ่อนคลาย รวมทั้งอารมณ์ดีสนุกสนานขึ้นเมื่อดื่มก็ตาม แต่หากดื่มเป็นระยะเวลานาน ๆ ในปริมาณมากแล้ว แอลกอฮอล์จะกลายเป็นพิษร้ายที่ทำลายสุขภาพได้อย่างชะงัด ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมลงทั้งร่างกายและจิตใจไปด้วย ลุกลามไปถึงสร้างปัญหาในทางบุคลิกภาพและทางสังคมในระยะยาวอีกด้วยค่ะ – การดื่มสุราทำให้ผู้ดื่มมีระดับเชาวน์ปัญญาลดลง โดยพบว่ากลุ่มที่เพิ่งเริ่มดื่มในช่วงอายุ 20-29 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยเรียนและวันทำงานนั้น มีระดับของสติปัญญาที่ลดลงมากกว่าผู้ที่เริ่มดื่มสุราในช่วงอายุอื่น ๆ – จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลกพบว่ากว่าร้อยละ 30 หรือ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิตมีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา โดยสารพิษที่เกิดจากการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกายจะเข้าทำลายสารเคมีในสมอง ส่วนที่ทำให้คนเรารู้สึกสงบและเป็นปกติสุข คนที่ดื่มสุราจนติดจึงมีจิตใจที่อ่อนไหวและอารมณ์ที่ไม่มั่นคง มีความอดทนต่อความเครียดและความกดดันลดน้อยลง ขาดสมาธิ และมีปัญหาบุคลิกภาพได้ในที่สุด ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน หวาดระแวง ความจำเสื่อม โรคซึมเศร้า โรคหวาดกลัวผิดปกติ ฯลฯ ซึ่งอาการทางจิตจากการดื่มสุรานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง – ผู้ที่ดื่มสุรามักมีแนวโน้มเป็นคนที่รุนแรง เพราะการดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าไปกดการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมความรู้สึกผิดชอบชั่วดี สมองส่วนอื่น ๆ จึงมีอิทธิพลต่อความคิดมากขึ้น ผู้ดื่มจึงขาดความยับยั้งชั่งใจจากที่เคยมีในเวลาปกติ เป็นสาเหตุให้ต่อความรุนแรง และมีพฤติกรรมที่เดือดร้อน เป็นอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่น รวมทั้งเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงนี้ จะมีปัญหาบุคลิกภาพตามไปด้วย และมีโอกาสที่จะเติบโตไปมีบุคลิกภาคและพฤติกรรมที่ชอบดื่มเหมือนคนในครอบครัวที่เคยเห็นในวัยเด็กได้อีก…
-
ล้างพิษตับด้วยอาหารเพื่อสุขภาพ
ล้างพิษตับด้วยอาหารเพื่อสุขภาพ ตับมีความสำคัญต่อร่างกายเราอย่างไร?.. ตับทำหน้าที่ในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยกระบวนการย่อยอาหาร ช่วยเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงานมากขึ้น หากตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วก็จะส่งผลให้ร่างกายมีกำลังวังชา กำจัดของเสียออกจากระบบอวัยวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการติดเชื้อให้กับร่างกายได้ด้วย ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องล้างพิษตับด้วยผัก และอาหารที่มีคุณประโยชน์ดังต่อไปนี้ – ผักที่ช่วยล้างพิษตับได้แก่ กระเทียม หัวหอม มะนาว ผักใบเขียว ดอกกะหล่ำ ฯลฯ ช่วยละลายสารพิษที่ปะปนมากับอาหารอื่นให้เจือจางลง เพิ่มการผลิตน้ำดี ทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้การขับถ่ายดีขึ้น – ส่วนผลไม้ที่ช่วยฟอกพิษให้ตับก็ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอรี่ องุ่น ส้ม มะละกอ แคนตาลูป พรุน ลูกเกรด มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ช่วยในกรระบวนการขับสารพิษ ทำให้ตับทำงานน้อยลง – อาหารที่มีวิตามินบีสูง เช่นธัญพืชไม่ขัดสีต่าง ๆ – อาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว พริก ฝรั่ง ผักใบเขียว ช่วยในกระบวนการล้างพิษของตับ – เลซิทิน ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับ พบมากในไข่แดง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ผักตระกูลกะหล่ำ เนื้อปลา…
-
กินเนื้อสัตว์แปรรูป เพิ่มโอกาสการเป็นโรคได้
กินเนื้อสัตว์แปรรูป เพิ่มโอกาสการเป็นโรคได้ มีการรวบรวมและการศึกษาจากฐานข้อมูลผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ที่ทำให้สรุปได้ว่า การกินเนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป และปรุงแต่งกลิ่นรสมากเกินไป เช่น ไส้กรอก หมูแฮม กุนเชียง หมูยอ ฯลฯ จะเพิ่มโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ถึงร้อยละ 42 ทุก ๆ น้ำหนัก 50 กรัมที่กินในแต่ละวัน หรือมีขนาดเท่ากับเหรียญห้าบาท จำนวนหกเหรียญ แล้วยังพบด้วยการกินเนื้อสัตว์แปรรูปดังกล่าวที่มีปริมาณของเกลือ และสารไนไตรท์เป็นจำนวนมากนี้จะเพิ่มโอกาสการเป็นเบาหวานมากถึงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้กิน อีกทั้งผู้ที่กินเบคอนวันละสองชิ้น หรือกินฮอทด๊อกวันละชิ้น ยังเพิ่มโอกาสการเป็นเบาหวานขึ้น 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้กินด้วย ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือด ควรทานอาหารที่ปรงุแต่งแต่น้อย หรือไม่ปรุงแต่งเลย ทานเนื้อสัตว์ที่ปราศจากสารเคมี ไม่มีการเติมเกลือ ดินประสิว หรือสารใด ๆ กินแต่อาหารจากธรรมชาติ ผักปลอดสารพิษ ถั่ว หรือธัญพืชต่าง ๆ รวมทั้งผู้ปรุงอาหารก็ควรมีอารมณ์และจิตใจที่ดี จะทำให้อาหารมื้อนั้นมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ปราศจากสารก่ออันตราย ทำให้สุขภาพของผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น ช่วยเยียวยารักษาโรคได้ และทำให้สุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
-
ระวังโรคมือ เท้า ปาก ระบาดหนักในเด็ก
ระวังโรคมือ เท้า ปาก ระบาดหนักในเด็ก โรคมือ เท้า ปาก นั้นเป็นโรคที่ติดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด สามารถติดต่อได้จากคนสู่คนเท่านั้น (เป็นคนละชนิดกับโรคปากเท้าเปื่อยในสัตว์กีบ พวก วัว ควาย หมู นะคะ) โดยโรคนี้ระบาดหนักมากในช่วงหน้าฝนที่มีอาการเย็นชื้น ผู้ป่วยมากจะเป็นเด็กทารก และเด็กที่อายุน้อยกว่าห้าขวบ ส่วนเด็กที่อายุไม่เกินสิบขวบจะพบได้น้อยลงแล้ว และในผู้ใหญ่มักจะมีภูมิคุ้มกันแล้วเพราะได้รับเชื้อนี้มาตั้งแต่เด็ก การติดเชื้อของโรคมือ เท้า ปากนั้น ส่วนมากมักติดจากการนำสิ่งของเข้าปาก หรือจากอาหารการกิน ที่ปนเปื้อนเชื้อจากน้ำลาย น้ำมูก น้ำเลือดน้ำหนองจากแผล หรืออุจจาระ ปัสสาวะของผู้ที่ป่วย บางครั้งแค่จามไอรดกันก็สามารถติดต่อกันได้แล้ว การแพร่เชื้อก็ง่ายมากสามารถแพร่ได้ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่รับเชื้อ ต่อให้หายแล้วก็ยังสามารถแพร่เชื้อได้อีกถึง หกสัปดาห์ เพราะเชื้อยังถูกขับออกมาทางอุจจาระอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อนั้นจะเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ 3-5 วันแรกเลย โดยอาการที่เห็นได้ก็คือ มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ต่อจากนั้นอีก 1-2 วัน จึงเริ่มมีตุ่มแดงในปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม ฝ่ามือ นิ้วมือและนิ้วเท้า (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรค มือ เท้า ปาก) และยังสามารถพบผื่นได้บริเวณก้น…
-
ป้องกันไข้เลือดออกอย่างมั่นใจ ต้องใช้ 4ป.
ป้องกันไข้เลือดออกอย่างมั่นใจ ต้องใช้ 4ป. เพื่อสภาวะอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้วงจรของยุงลายซึ่งเป็นพาหะสำคัญของโรคไข้เลือดออก มีระยะที่สั้นลง นั้นจึงทำให้แพร่พันธุ์ได้เร็วมากขึ้น โอกาสในการแพร่เชื้อของยุงก็มากขึ้นไปด้วย จะเห็นได้ว่าเมื่อไรที่ประเทศไทยเข้าสู่หน้าฝน ไข้เลือดออกก็ระบาดอย่างหนัก หากผู้ติดเชื้อเป็นเด็กอายุ 5-14 ปีแล้วล่ะก็ มีความเสี่ยงมากที่จะเสียชีวิต จะเห็นได้ว่าปีหลัง ๆ ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเป็นแสนคน และเสียชีวิตกันเป็นหลักพัน และขยายความเสี่ยงออกมาสู่เด็กโตและวัยผู้ใหญ่ก็ป่วยด้วยไข้เลือดออกกันมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งการจัดการกับต้นกำเนิดของยุงลายพาหะของโรคไข้เลือดออกนั้น จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในชุมชน ให้ลงมือช่วยกันอย่างเอาจริงเอาจังและมีความต่อเนื่อง จึงจะสามารถควบคุมการระบาดได้ โดยอาศัยมาตรการ 4 ป. ดังต่อไปนี้ 1. ปิด คือการใช้ฝาไปปิดภาชนะเก็บน้ำต่าง ๆ ให้หมด ไม่ว่าจะเป็นกระถางต้นไม้ อ่างน้ำ โอ่ง แทงค์เก็บน้ำ ฯลฯ 2. เปลี่ยน คือการหมั่นเปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้ หรือจานรองขาตู้กับข้าว โดยการหมั่นเปลี่ยนทุกอาทิตย์ หรือหยอดเกลือหรือผสมน้ำส้มสายชูลงในน้ำดังกล่าว ป้องกันการวางไข่ของยุงลายได้ 3. ปล่อย ก็คือการปล่อยปลาหางนกยูง ปลาสอด ลงไปในอ่างบัว บ่อน้ำ โอ่งน้ำเพื่อกินลูกน้ำเป็นอาหาร ถือเป็นการตัดตอนการแพร่พันธุ์ของยุงลายไปได้ 4. ปรับปรุง บ้านทุกหลังในหมู่บ้านหรือชุมชน…
-
การดูแลลูกไม่ให้หันหน้าเข้าหายาเสพติด
การดูแลลูกไม่ให้หันหน้าเข้าหายาเสพติด สาเหตุสำคัญของการหันหน้าเข้าหายาเสพติดของวัยรุ่นนั้น แบ่งออกได้เป็นสองประการใหญ่ ๆ ก็คือ ประการแรก เด็กมักจะมีพฤติกรรมชอบตามเพื่อน อยากได้รับการยอมรับจากเพื่อน และความอยากรู้อยากลองด้วยการทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นทุกยุคสมัย สิ่งใดที่เพื่อนทำแล้วตนเองก็อยากลองบ้าง มิเช่นนั้นอาจทำให้เพื่อนไม่ยอมรับเข้ากลุ่ม จนทำทุกสิ่งอย่างตามกันเป็นแฟชั่นไปหมด แม้ว่าในปัจจุบันนี้เด็ก ๆ จะทราบดีกว่ายาเสพติดเป็นเรื่องที่อันตราย แต่กลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลก และก็ยังอยากที่จะลองทำตามเพื่อน ๆ ไป จนทำให้ชีวิตต้องผิดพลาดกลายเป็นเหยื่อของยาเสพติดไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนปัญหาอีกประการของการติดยาเสพติดในวัยรุ่นก็คือ การต่อต้านผู้ใหญ่ ซึ่งก็เป็นไปตามวัย เมื่อเขาโตขึ้นเข้าสู่วัยรุ่น จะเป็นวัยที่เขาเริ่มอยากปฏิวัติ ไม่อยากเชื่อฟังสิ่งที่ผู้ปกครองพูดหรือสอน จนบางครั้งอาจแสดงความก้าวร้าวออกมา หากผู้ปกครองหรือครูไม่เข้าใจแล้วตอบโต้คืนด้วยปฏิกิริยาที่รุนแรงกับเด็ก หรือเข้าไปจัดการกับชีวิตของเขา เด็กก็จะยิ่งต่อต้านมากขึ้น ทีนี้ล่ะ ทุกอย่างที่เราบอกว่าไม่ดี เขาจะทำตรงข้ามหมด สิ่งไหนที่ห้ามเขาก็จะทำ เหมือนเด็กประชดไปเลย แต่ด้วยความที่เขายังอ่อนประสบการณ์จึงยังไม่รู้ว่าการประชดด้วยการหันหน้าเข้าหายาเสพติดนั้น เป็นสิ่งที่อันตรายมากกว่าที่คิดไว้มากขนาดไหน แล้วเราควรทำอย่างไรบ้างเพื่อมิให้เด็กหันหน้าเข้าหายาเสพติด สิ่งที่สำคัญที่สุดของครอบครัวก็คือต้องหันหน้ามาคุยกัน ให้ความรักความเอาใจใส่ ความผูกพัน ทำให้เด็กได้เข้าใจถึงอันตรายของยาเสพติด และปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้เขาอยู่กับเราด้วยความรักความเอาใจใส่ของครอบครัว จะช่วยให้เขาไม่อยากหันหน้าเข้าไปทดลองยาเสพติดเลย อีกเรื่องก็คือ ต้องรู้จักศิลปะของการพูดคุยกับเด็กวัยรุ่น เด็กวัยรุ่นทุกยุคสมัยไม่ชอบให้ผู้ใหญ่เข้าไปวอแวกับชีวิตของเขาทุกคน ดังนั้นการไถ่ถามจึงต้องตะล่อม ๆ เรื่องทั่วไปก่อน แล้วให้เขาได้ปรึกษาหารือเราบ้าง พ่อแม่ควรหาเวลารับฟังสิ่งที่ลูกพูดบ้าง …