Author: pure

  • ใช้ชีวิตแสนสุข เพื่อสุขภาพจิตที่ดี

    ใช้ชีวิตแสนสุข เพื่อสุขภาพจิตที่ดี

    ใช้ชีวิตแสนสุข เพื่อสุขภาพจิตที่ดี คนที่มีสุขภาพจิตที่ดีนั้น ประกอบไปด้วยความสุขสี่องค์ประกอบดังต่อไปนี้ 1. สภาพจิตใจที่ดี 2. สมรรถภาพของจิตใจที่ดี เช่น ความสามารถในการจัดการปัญหา หรือความสามารถในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น 3. คุณภาพของจิตใจดีที่ดี เช่นมีความรัก ความเมตตา กรุณา ความภาคภูมิใจ 4. มีปัจจัยสนับสนุนที่ดี เช่น ครอบครัวที่ดี ชุมชนที่สนิทสนม และมีศาสนาประจำใจ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย แล้วเราจะสร้างความสุขขึ้นมาในชีวิตของเราได้อย่างไร – สุขสนุก เกิดจากความสุขในกิจกรรมแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมส์ ดูหนังตลก เต้นตำ ทานอาหาร ดื่มเหล้า หรือเล่นกีฬา แต่ความสุขประเภทนี้มักจะเป็นระยะสั้น คือผ่านเวลาหนึ่งแล้วก็หายไป – สุขสบาย เป็นความสุขที่เกิดจากความผ่อนคลาย ความสบายกาย เช่นการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ อยู่ในที่สะดวกสบาย แต่ก็เป็นความสุขระยะสั้นเช่นกัน เมื่อพบกับความเครียดเข้ามาเผชิญก็จะไม่สุขอีก – สุขสง่า เป็นความสุขทีเกิดจากความภาคภูมิใจในความสำเร็จ การเป็นต้นแบบ เป็นโรลโมเดล เป็นไอดอล…

  • โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป

    โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป

    โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ คือโรคที่รักษาหายได้ยากหรือรักษาได้ไม่หายขาด ได้แก่โรคในกลุ่ม ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด เบาหวาน และโรคมะเร็ง ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยโรคเหล่านี้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุของโรคเหล่านี้เกิดจากการกินดีอยู่ดีเกินไป ไม่ว่าจะเป็น การชอบกินอาหารรสชาติหวานจัด ไขมันสูง หรือเค็มจัด การขาดการออกกำลังกาย ชอบดื่มเหล้าสูบบุหรี่ และชอบสะสมความเครียดด้วย คนที่มีน้ำหนักเกินจนอ้วนลงพุงนั้น จะมีไขมันสะสมในช่องท้องมาก โดยไขมันเหล่านี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ ขัดขวางการทำงานของอินซูลินจึงเกิดผลร้ายกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เมื่อมีไขมันในหลอดเลือดก็จะทำให้หลอดเลือดเสื่อมตัวลง เกิดเป็นโรคหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ ทำให้ไตวาย หัวใจวาย จนเป็นอัมพาตหรืออัมพฤกษ์และเสียชีวิตได้ เกณฑ์ในการเป็นโรคอ้วนลงพุงนั้น ให้วัดที่ขนาดรอบเอวโดย ผู้ชายมีเส้นรอบเอวตั้งแต่ 90 เซนติเมตรขึ้นไป และ 80 เซนติเมตรขึ้นไปในผู้หญิง รวมกับปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้ได้แก่ 1. มีความดันโลหิตตั้งแต่ 130/85 ขึ้นไป หรือทานยาควบคุมความดันโลหิตอยู่ 2. มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป 3. มีระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150…

  • รู้ทันอาการสมองขาดเลือดด้วย FAST

    รู้ทันอาการสมองขาดเลือดด้วย FAST

    รู้ทันอาการสมองขาดเลือดด้วย FAST ในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพฤกษ์อัมพาตมากถึงปีละกว่าหกล้านคน แม้แต่ในประเทศไทยเอง ก็มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ถึง 3 คนทุก ๆ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว แล้วยังมีแนวโน้มที่จะทวีจำนวนและอัตราเร็วมากขึ้นทุกปีอีกด้วย ผู้ที่มีความเสี่ยงกับอาการสมองขาดเลือดนี้ได้แก่ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไม่ยอมออกกำลังกาย อ้วนน้ำหนักเกิน สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมไปถึงผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเคยป่วยด้วยโรคนี้ ดังนั้นจึงควรหัดสังเกตอาการสมองขาดเลือดชั่วคราวดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ใบหน้าอ่อนแรง หรือแขน ขา อ่อนแรงซีกเดียว 2. พูดจาลำบาก พูดไม่รู้เรื่อง สับสน มีปัญหาทางการพูด 3. การมองเห็นลดประสิทธิภาพลงไม่ว่าจะข้างเดียวหรือสองข้าง 4. มึนงง เดินเซ สูญเสียสมดุลในการเดิน หรือคุณสามารถใช้ตัวย่อ FAST ช่วยในการจดจำได้ ดังนี้ F ; Face เวลายิ้มแล้วมุมปากตก ข้างใดข้างหนึ่ง A ; Arms ยกแขนไม่ขึ้นข้างใดข้างหนึ่ง S ;…

  • วิธีสังเกตสัญญาณเตือนภัย…โรคหลอดเลือดสมอง

    วิธีสังเกตสัญญาณเตือนภัย…โรคหลอดเลือดสมอง

    วิธีสังเกตสัญญาณเตือนภัย…โรคหลอดเลือดสมอง  เพราะเหตุที่คนไทยมีภาวะโภชนาการล้นเกิน และวิธีการใช้ชีวิตก็เอื้อให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ มากขึ้น คนไทยจึงมีสถิติการเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาตมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกปีด้วย โดยโรคหลอดเลือดสมองนี้แม้จะไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เกิดโรค ไม่ว่าจะเป็น ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ยิ่งในผู้ที่มีอายุเกิน 45 ปีขึ้นไปก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก อาการอัมพาตนั้นมักจะมีอาการเตือนก่อนเกิดโรคเสมอ และการรักษาจะได้ผลก็ต้องเมื่อผู้ป่วยรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อพบว่าตนเองมีอาการดังต่อไปนี้เพียงข้อใดข้อหนึ่งแล้วแม้จะมีร่างกายที่แข็งแรงอยู่ ก็ควรปรึกษาไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด จะทำให้โอกาสการเสียชีวิตหรือพิการลดลงไปมากได้นั่นเอง การสังเกตอาการเตือนภัยของโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ 1. มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า ขา แขน ด้านใดด้านหนึ่งอย่างทันทีทันใด ไม่มีสัญญาณเตือน 2. ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปอย่างทันทีทันใด ไม่ว่าจะเป็น เอะอะ สับสน โวยวาย ซึมลง หรือพูดลำบาก พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หรือพูดไม่เข้าใจ 3. จู่ ๆ ก็ตามัวหรือเห็นภาพซ้อนของตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างอย่างทันที 4. มึนงง เวียนหัว…

  • เกร็ดความรู้….เกี่ยวกับการเลือกรองเท้าให้เหมาะสม

    เกร็ดความรู้….เกี่ยวกับการเลือกรองเท้าให้เหมาะสม

    เกร็ดความรู้….เกี่ยวกับการเลือกรองเท้าให้เหมาะสม หลายท่านมีปัญหาเลือกรองเท้าใส่กี่คู่ ๆ ก็ปวดนิ้วและอุ้งเท้าไปหมด เปลี่ยนมากี่แบบแล้วก็ไม่หายสักที บางทีอาจจะเกิดจากคุณเลือกรองเท้าไม่เหมาะกับรูปเท้าของตนเองอยู่ก็ได้ค่ะ มาลองอ่านเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเลือกรองเท้านี้ดู น่าจะช่วยให้คุณเลือกรองเท้าที่เหมาะกับเท้าตัวเองได้ดีขึ้นค่ะ – วิธีการเลือกรองเท้าให้เข้ากับเท้าของเรานั้น ต้องเลือกคู่ที่สวมใส่แล้วสบาย สามารถเดินได้ทั้งวัน – รองเท้าหน้าแคบหรือรองเท้าส้นสูง อาจทำให้เกิดอาการปวดเท้าหรือทำให้รูปเท้าผิดปกติได้ เนื่องจากเท้าถูกบีบรัด – ผู้ที่มีอุ้งเท้าแบนราบ มักจะปวดบริเวณอุ้งเท้าส่วนกลาง เพราะเอ้นที่ทำหน้าที่ยกอุ้งเท้าถูกดึงยืด ดังนั้นควรเลือกรองเท้าชนิดที่เสริมอุ้งเท้าเพื่อพยุงไว้ไม่ให้ส้นเท้าบิด และเท้าหักล้มเข้าด้านใน – ผู้ที่มีอุ้งเท้าเว้าสูง มักจะเกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้าด้านหน้ารวมทั้งส้นเท้า เพราะการรับน้ำหนักของอุ้งเท้าส่วนกลางหายไป รองเท้าที่ควรเลือกจึงควรเลือกชนิดที่เสริมอุ้งเท้าส่วนกลาง เพื่อช่วยกระจายน้ำหนักจากฝ่าเท้าด้านหน้าและส้นเท้มาที่อุ้งเท้า ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นนุ่มและมีความยืดหยุ่นเพื่อช่วยกระจายแรงได้ดี – ผู้ที่สวมรองเท้าส้นสูง มักมีปัญหาปวดฝ่าเท้าด้านหน้า จึงควรเลือกรองเท้าส้นเตี้ย มีพื้นนิ่ม และมีหน้ารองเท้ากว้าง เพื่อลดการบีบและเสียดสีของเท้า – ผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีอาการเท้าชา นิ้วเท้าหงิกงอ เพราะมีปัญหาที่ปลายประสาททำงานผิดปกติ ฝ่าเท้าด้านหน้าจึงรับน้ำหนักมากและนิ้วเท้าเสียดสีกับหัวรองเท้า ควรเลือกรองเท้าพื้นนิ่ม หัวลึกและกว้าง ไม่ควรเลือกรองเท้าชนิดหูคีบ เพราะอาจเกิดแผลระบริเวณร่องนิ้วเท้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอันตรายสำหรับคนเป็นเบาหวานมาก – การเลือกรองเท้าให้พอดีก็คือ ต้องสวมแล้วส้นเท้าชิดส้นรองเท้าพอดี ด้านหน้ามีพื้นที่เหลือประมาณครึ่งนิ้ว ควรทดลองสวมทั้งสองข้างด้วย หากเลือกรองเท้าแตะควรเลือกที่มีพื้นนิ้วและเสริมบริเวณอุ้งเท้า สำหรับผู้ที่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง ควรเลือกที่โค้งรับกับฝ่าเท้าเพื่อให้เท้ามีสุขภาพดี –…

  • ทำความรู้จักกับ…โรคสะเก็ดเงิน

    ทำความรู้จักกับ…โรคสะเก็ดเงิน

    ทำความรู้จักกับ…โรคสะเก็ดเงิน ความจริงแล้วโรคสะเก็ดเงินไม่ได้เป็นโรคติดต่อ และไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ด้วย มักเกิดในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย และกระโดดข้ามไปในช่วงอายุ 40-50 ปี พบได้ทั้งสองเพศพอ ๆ กัน ส่วนสาเหตุของโรคไม่แน่ชัด แต่พบปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ – พันธุกรรมพบได้กว่าร้อยละ 50 – ความเครียดทั้งร่างกายและจิตใจก็กระตุ้นให้เกิดโรคได้ – การติดเชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ เกลื้อน – การบาดเจ็ดที่มีลักษณะของการเสียดสีที่ผิวหนัง – ยาบางตัว เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต ยาต้านมาลาเรีย ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่กลุ่มสเตียรอยด์ และสามารถแบ่งโรคตามลักษณะของอาการได้ดังนี้ 1. โรคสะเก็ดเงินปื้นหนาเป็นเรื้อรัง พบบ่อยที่ข้อศอก หัวเข่า หรือหลังส่วนล่าง 2. โรคสะเก็ดเงินที่ซอกพับ ปื้นมักเรียบ ไม่มีขุย 3. โรคสะเก็ดเงินบริเวณหนังศีรษะ / ฝ่ามือฝ่าเท้า / เล็บ / ช่องปาก 4. โรคสะเก็ดเงินของรูปหยดน้ำ 5. โรคสะเก็ดเงินชนิดเป็นตุ่มหนอง ชนิดผื่นแดง 6.…

  • เส้นเลือดในสมองแตก.. สาเหตุและการป้องกัน

    เส้นเลือดในสมองแตก.. สาเหตุและการป้องกัน

    เส้นเลือดในสมองแตก.. สาเหตุและการป้องกัน อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองนั้นเป็นอาการที่ทำให้ ขา แขน หน้าด้านใดด้านหนึ่งเกิดความรู้สึกชา อ่อนแรง ควบคุมไม่ได้ เคลื่อนไหวลำบาก อย่างกะทันหัน สาเหตุก็เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองตีบตัน หรือหลอดเลือดแดงแตกทำให้เนื้อสมองขาดออกซิเจน และอาหาร เนื้อสมองจึงเสียหาย หากไม่รีบรักษาเนื้อสมองจะตาย ทำให้พิการอย่างถาวร ซึ่งสาเหตุได้แก่ 1. หลอดเลือดแดงในสมองตีบแข็งหรือเสื่อม เกิดจากการสะสมของไขมันที่ผนังด้านใน ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแข็ง ขาดความยืดหยุ่น ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญก็คือการทานอาหารที่มีไขมันสูง ไม่ยอมออกกำลังกาย สูบบุหรี่ เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นต้น 2. หลอดเลือดแดงในสมองแตก เมื่อเลือดออกมากก้อนเลือดจะกดทับเนื้อสมองทำให้ขาดออกซิเจนและขาดอาหาร หากไม่ได้รับการรักษาเนื้อสมองจะตาย ซึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ อาการความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม 3. หลอดเลือดแดงในสมองอุดตัน จากชิ้นของไขมันหรือเลือดที่หลุดลอยออกมา ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือการมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจหรือหัวใจโต เป็นต้น การป้องกันอาการอัมพฤกษ์อัมพาต จากเส้นเลือดในสมองแตกนั้นคุณควรดูแลสุขภาพตนเองดังนี้ – เลิกสูบบุหรี่และเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีควันบุหรี่ เพราะควันบุหรี่จะทำให้ปริมาณออกซิเจนในหลอดเลือดลดลงทำให้เลือดหนืด การไหลเวียนของเลือดไม่ดี – ลดการดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย เพราะเป็นต้นเหตุของโรคความดันโลหิตสูง – ทานอาหารเท่าที่พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย…

  • ทานอาหารดี ๆ หลีกเลี่ยงอาการอัมพาต

    ทานอาหารดี ๆ หลีกเลี่ยงอาการอัมพาต

    ทานอาหารดี ๆ หลีกเลี่ยงอาการอัมพาต ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจต่าง ๆ รวมไปถึงการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นต้นเหตุของการอัมพาตได้ทั้งหมด ดังนั้นการแก้ไขตั้งแต่ต้นเหตุก็คือเราควรเลือกทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้ จึงจะเป็นการป้องกันอาการอัมพาตได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งควรเลือกทานอาหารตามเคล็ดลับดังต่อไปนี้ค่ะ – หากเป็นคนที่มีน้ำหนักร่างกายเกินมาตรฐาน ควรทานอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล ให้น้อยลง ลดการดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้หวาน ๆ หลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะเร่งให้เกิดโรคเบาหวานได้ง่าย ส่วนผลไม้ก็เลือกทานชนิดที่ไม่มีน้ำตาลมากนัก เช่น ฝรั่ง ชมพู่ แอปเปิ้ล แก้วมังกร สตรอเบอร์รี่ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่าง ๆ ฯลฯ – หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารผัด ทอด หรือแม้แต่ปิ้งย่างน้ำมันเยิ้มทาเนยทั้งหลาย ทานอาหารที่ปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่างแห้งไม่ทาน้ำมัน เช่น แกงส้ม แกงป่า แกงเลียง หลีกเลี่ยงอาหารเข้ากะทิ พวกแกงเผ็ด แกงบวช ผัดใส่กะทิ ขนมไทยใส่กะทิต่าง ๆ…

  • เมลาโทนิน.. ฮอร์โมนช่วยชะลอวัยที่ร่างกายสร้างได้เอง

    เมลาโทนิน.. ฮอร์โมนช่วยชะลอวัยที่ร่างกายสร้างได้เอง

    เมลาโทนิน.. ฮอร์โมนช่วยชะลอวัยที่ร่างกายสร้างได้เอง การที่ร่างกายจะทำงานได้เป็นปกติและสอดคล้องเข้ากันได้ดีนั้น ต่อมไร้ท่อที่มีอยู่ในร่างกายต้องผลิตฮอร์โมนออกมาควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานราบรื่นด้วยดี แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายมีความเสื่อมลง และเราเองก็ขาดการดูแลร่างกาย ต่อมไร้ท่อเหล่านี้ก็อาจไม่ยอมผลิตฮอร์โมนออกมา จึงทำให้ร่างกายเกิดกลุ่มอาการและโรคต่าง ๆ แสดงตัวออกมาได้ง่าย ฮอร์โมนตัวหนึ่งที่มีความสำคัญกับร่างกายมีชื่อว่า “เมลาโทนิน” ฮอร์โมนตัวนี้จะหลั่งออกมาในช่วงเวลากลางคืน เมื่อไม่มีแสงกระทบตา ต่อมไพเนียลจะหลั่งเมลาโทนินออกมา โดยฮอร์โมนตัวนี้จะเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์ให้เนิบช้าลงทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวช้าลง แต่หากหลั่งมากไปก็อาจทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวช้ากว่าปกติได้ โดยเมลาโทนินนี้จะทำงานสัมพันธ์กับนาฬิกาชีวิตในร่างกาย ได้แก่ การนอน การตื่น การหลั่งฮอร์โมนต่าง ๆ รวมไปถึงอารมณ์และการคลายตัวของกล้ามเนื้อด้วย เมลาโทนินมีฤทธิ์ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระในร่างกายได้ จนทำให้นักวิจัยได้ทดลองนำเอาเมลาโทนินมารักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมหรือความชรา ซึ่งพบว่าช่วยเพิ่มสเต็มเซลล์ของระบบประสาท จึงเป็นทางเลือกใหมสำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ได้ในอนาคต ดังนั้นการจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนนินออกมาอย่างสมดุลก็ควรปฏิบัติตัวดังนี้ – หลีกหนีจากความเครียด ทำจิตใจให้มีความสบายและผ่อนคลาย บริหารจัดการเวลาให้ดี เวลาทำงานก็ทำงาน เวลานอนก็ควรเข้านอน – เข้านอนให้เป็นเวลา และนอนอย่างพอเพียง ควรเข้านอนตั้งแต่ก่อนสามทุ่มด้วย – ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ – งดการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า – บริหารลมปราณด้วยการหายใจให้ช้าลง ให้ลึกสุดปอด จะทำให้ต่อมไพเนียลหลั่งเมลาโทนินและไปกระตุ้นโกร๊ทฮอร์โมน ช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอกได้ – สำหรับผู้สูงอายุ หากนอนหลับยาก…

  • ปรับไลฟ์สไตล์ ป้องกันกระดูกพรุนแต่เนิ่น ๆ

    ปรับไลฟ์สไตล์ ป้องกันกระดูกพรุนแต่เนิ่น ๆ

    ปรับไลฟ์สไตล์ ป้องกันกระดูกพรุนแต่เนิ่น ๆ สำหรับสตรีแล้วมีความเสี่ยงในการกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนได้ถึงร้อยละ 30-40 เลยทีเดียว การกระดูกหักในช่วงวัยชรานั้นเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตที่ทุกข์ทรมานอีกสาเหตุหนึ่งเลยทีเดียว โดยผู้ที่มีอาการของกระดูกพรุนนั้น ก็คือมักจะกระดูกหักเพราะอุบัติเหตุเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนที่มักจะหักก็คือข้อต่อสะโพก กระดูกสันหลัง และกระดูกข้อมือ และส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการยุบตัวของกระดูกสันหลังทำให้ปวดหลัง หรือมีอาการปวดหลังเรื้อรัง , หลงดูโก่งขึ้น หรือกระดูกแตกหักง่าย ซึ่งเป็นอันตรายมาก ควรรับรับการรักษาทันที และป้องกันไว้ก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้ 1. ทานอาหารให้ครบถ้วยทุกหมวดหมู่ โดยเฉพาะอาหารตามธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ ให้น้อยที่สุด เพื่อให้ร่างกายรับสารอาหารอย่างเต็มที่ ควรทานอาหารให้หลากหลายเพื่อรับวิตามินและแร่ธาตุให้ครบถ้วนตามที่ต้องการ 2. ทานอาหารที่มีแคลซียมทั้งหลาย เช่น นมไขมันต่ำ เต้าหู ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง กุ้งฝอย ผักใบเขียวและธัญพืช ฯลฯ 3. หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า น้ำอัดลม และอาหารที่ไขมันสูง ที่อาจทำให้เกิดการสลายแคลเซียมจากกระดูก รวมไปถึงลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ธัญพืชที่ผ่านกระบวนการมากเกินไป และน้ำตาลด้วย เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด ส่งผลให้มีการสลายแร่ธาตุบางอย่างรวมถึงแคลเซียมด้วย 4. ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ…