Author: pure

  • ป้องกันเด็ก ๆ จากไวรัสโรต้าในฤดูหนาว

    ป้องกันเด็ก ๆ จากไวรัสโรต้าในฤดูหนาว

    ป้องกันเด็ก ๆ จากไวรัสโรต้าในฤดูหนาว โรคถ่ายอุจจาระร่วงแบบเฉียบพลัน นั้นสาเหตุสำคัญส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสโรต้า พบมากในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่าห้าขวบ และยิ่งพบได้มากที่สุดในกลุ่มเด็กที่มีอายุ 6-12 เดือน เพราะเด็กวัยนี้ชอบหยิบสิ่งของเข้าปาก เชื้อไวรัสโรต้าจึงมักชอบแฝงตัวปนเปื้อนอยู่ตามสิ่งของเหล่านั้น โดยทั่วโลกนั้นมีเด็กที่อายุต่ำกว่าห้าขวบต้องเสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัสชนิดนี้ถึงปีละกว่า 4-6 แสนคนต่อทั่วโลก เป็นปัญหาระดับโลกเลยทีเดียว เพราะการแพร่ระบาดไม่สามารถคาดเดาได้ และจัดการได้ยาก เพราะเชื้อจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและสถานที่ สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี พบได้ทั้งปียิ่งโดยเฉพาะช่วงที่มีอากาศเย็นลงในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ทำให้เด็ก ๆ ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงกันมากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะเด็กที่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อมากเพียงพอ อาการจากไวรัสโรต้าได้แก่ – ถ่ายเป็นน้ำร่วมกับเป็นไข้และอาเจียน หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 24-48 ชั่วโมง – อาการถ่ายเป็นน้ำจะหายได้เองภายใน 3-7 วัน ส่วนไข้และอาเจียนจะหายได้เองใน 2-3 วันแรก ซึ่งการดูแลควรรักษาตามอาการ และให้สารน้ำทดแทนอย่างเพียงพอ เพราะหากเด็กถ่ายและอาเจียนมากก็อาจทำให้เด็กมีภาวะขาดน้ำได้ผู้ปกครองจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งหากเด็กอาเจียนและถ่ายมากเกินไปจะทำให้เด็กมีภาวะที่สังเกตได้ง่ายคือ ริมฝีปากแห้ง กระหายน้ำ ฉี่น้อยลง ควรรีบพบแพทย์ก่อนที่จะช็อคและเสียชีวิตได้ การป้องกันเชื้อไวรัสโรต้าได้แก่ – กินนมแม่หรืออาหารตามวัยอย่างเหมาะสม – ล้างมือบ่อย ๆ ทั้งมือคุณแม่ที่ป้อนข้าวลูก และมือของเด็กที่หยิบจับสิ่งต่าง…

  • เลี้ยงลูกอย่างไร ไอคิวดี มีความสุข

    เลี้ยงลูกอย่างไร ไอคิวดี มีความสุข

    เลี้ยงลูกอย่างไร ไอคิวดี มีความสุข นอกจากความปรารถนาให้ลูกเป็นคนดีและมีชีวิตที่มีความสุขแล้ว พ่อแม่หลายคนก็ยังอยากให้ลูกๆ ได้มีไอคิวสูงและมีสติปัญญาดีเพื่อทางเลือกในอนาคตและการทำงานดี ๆ ที่จะได้มีชีวิตที่สุขสบายด้วย ซึ่งอธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะนำถึงปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เด็กมีความฉลาดทางสติปัญญาหรือไอคิวอยู่ในระดับดี ด้วยการเลี้ยงดูที่เหมาะสมจากครอบครัวดังนี้ค่ะ 1. ความรักความอบอุ่นในครอบครัว การแสดงออกของความรักจากพ่อแม่ทำให้เด็กหลังกสาร Nerve growth factor ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมองได้ 2. ให้เด็กได้ทานอาหารที่ดีได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ที่สำคัญคือไอโอดีน 3. ให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้ชีวิตเรียนรู้ธรรมชาติอย่างมีความสุข 4. ปล่อยให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ ทำให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เกิดการเรียนรู้ที่มีความสุข รู้จักแก้ปัญหาได้ 5. ส่งเสริมการอ่านให้กับเด็ก ๆ เพราะการอ่านช่วยสร้างจิตนาการ ทำให้สมองได้รับการพัฒนาการในด้านการใช้ภาษาและการสื่อสาร รวมไปทั้งการพูด การฟัง การเขียน และมีทักษะชีวิตที่ครบถ้วนทุกด้าน 6. ฟังเพลงเล่นดนตรี หรือเต้นรำตามจังหวะ การได้หัดแยกแยะเสียงต่าง ๆ ทั้งจากเสียงร้อยและเครื่องดนตรีจะส่งเสริมและกล่อมเกลาจิตใจให้รู้จักฟังผู้อื่นมากขึ้น มีบุคลิกภาพที่ดีและมีสมาธิดีขึ้น 7. ส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกายเล่นกีฬาที่ชอบ ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ กระตุ้นการเจริญเติบโตของสมองเด็ก ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง หลักการเลี้ยงเด็กเพื่อพัฒนาไอคิวข้างต้นทั้งเจ็ดข้อนี้ หากปฏิบัติตามได้คุณจะได้ทั้งลูกน้อยที่มีทั้งความสามารถทางสติปัญญาพร้อมกับเด็กที่อารมณ์ดีมีความสุขในคน ๆ…

  • สารพัดสิ่งอย่างสำหรับผู้หญิงที่ขับรถเอง

    สารพัดสิ่งอย่างสำหรับผู้หญิงที่ขับรถเอง

    สารพัดสิ่งอย่างสำหรับผู้หญิงที่ขับรถเอง เดี๋ยวนี้ผู้หญิงขับรถกันเป็นเองแล้วทั้งนั้น อันตรายบนท้องถนนก็เกิดขึ้นได้ง่ายด้วย แม้จะขับรถได้เก่งแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นแม้จะพกความมั่นใจมาเต็มร้อยแต่ก็ระวังให้มากทุกครั้งที่ขับรถด้วยเช่นกัน ลองทำตามเช็คลิสท์เหล่านี้ดูเพื่อความปลอดของคุณนะคะ 1. ก่อนขับรถออกจากบ้านควรตรวจเช็คล้อทั้งสี่ของรถก่อน ว่าอยู่ในสภาพปกติ ลมอ่อนหรือยางแบนหรือเปล่า 2. ปรับเบาะให้เหมาะกับสรีระเพื่อความปลอดภัย 3. ปรับกระจกมองหลังให้เหมาะกับระดับสายตาที่จะมองเห็นด้านหลังได้อย่างชัดเจน 4. คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง 5. หากต้องไปในพื้นที่ไม่ชำนาญเส้นทางควรศึกษาเส้นทางกับคนในท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดีก่อน หากรู้สึกไม่ปลอดภัยให้ขับรถเข้าไปถามที่สถานีตำรวจที่อยู่ใกล้เคียง 6. ก่อนออกจากที่จอดรถให้มองรอบคันให้ดีกว่ามีสิ่งของ ก้อนหินหรือสิ่งกีดขวางอะไรอยู่หรือไม่ 7. หากต้องขับทางไกลหรือทางเปลี่ยวควรทางเพื่อนไปด้วยกัน 8. ชาร์ตแบตเตอรี่มือถือให้เพียงพอ 9. ในรถควรมีเบอร์โทรฉุกเฉินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัย ศูนย์ซ่อมรถ ศูนย์บริการรถลาก ไว้ด้วย 10. ช่วงหน้าฝนควรเช็คผ้าเบรก ที่ปัดน้ำฝนยังใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า 11. ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม 12. หากง่วงไม่ควรขับ และไม่ควรโทรไปขับไปด้วย 13. เวลาจอดรถติดไฟแดงควรใส่เบรกมือทุกครั้งกันรถไหลไปชนคันหน้า 14. การเปลี่ยนเลนทุกครั้งต้องมองกระจกทั้งข้างซ้ายและขวาให้ดี และเปิดสัญญาณขอก่อนแล้วจึงเปลี่ยนเลน 15. ไม่ควรแต่งหน้าทาปากไปด้วยระหว่างรถติดหรือจังหวะเคลื่อนรถช้า ๆ บนถนน 16. อย่าเพิ่งหยิบจับโน่นนี่บนเบาะหลังรถ แม้จะเป็นขณะรถเลื่อนช้า ๆ ก็ตาม…

  • ประโยชน์ที่ได้รับจากไข่ไก่

    ประโยชน์ที่ได้รับจากไข่ไก่

    ประโยชน์ที่ได้รับจากไข่ไก่ ไข่ไก่เป็นอาหารที่มีราคาไม่แพง แต่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงมากเมื่อเทียบกับราคาเลยนะคะ บางคนก็กังวลไปว่าหากทานไข่มากเกินไปอาจทำให้คอเลสเตอรอลสูงได้ แต่ก็ไม่เสมอไปหากเราทานอย่างถูกวิธีและมีปริมาณที่เหมาะสม เรามาดูกันดีกว่าในไข่หนึ่งฟองนั้น ประกอบด้วยสารอาหารอะไรกันบ้าง ในไข่ไก่หนึ่งฟองนั้นให้พลังงาน 90 กิโลแคลอรี่ มีโปรตีน 7 กรัม ไขมัน 6.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 0.8 กรัม ให้แคลเซียม 126 กรัม ให้เลซินทิน 1,280 กรัม คอเลสเตอรอล 200 กรัม รวมทั้งให้แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กด้วย ฯลฯ ซึ่งเลซิทินที่พบมาในไข่แดงนี้เป็นไขมันในรูปของสารประกอบฟอสโฟลิปิด เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อเซลล์ประสาท ช่วยย่อยสลายไขมันให้เป็นพลังงาน ช่วยให้สามารถรับคอเลสเตอรอลจากร่างกายเข้าสู่ตับได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นสารจำเป็นในการสร้างโคลีน ทำให้ความจำดีขึ้นไม่หลงลืมได้ง่าย เลซิทินจึงจำเป็นต้องผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ผู้ที่ต้องการเสริมความจำ เด็กวัยเรียนและผู้ที่ใช้สมองอย่างเคร่งเครียด แม้ไข่จะให้คอเลสเตอรอลสูงถึง 200 กรัม แต่จากข้อกำหนดแล้วเราไม่ควรทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลเกิน 300 กรัมต่อวัน การไม่กินไข่เลยจึงเป็นเรื่องไม่แนะนำ ควรระมัดระวังอาหารชนิดอื่น ๆ มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ติดมัน ไส้กรอก…

  • ไม่ต้องตกใจ.. เลือดกำไหลหยุดได้ง่าย ๆ

    ไม่ต้องตกใจ.. เลือดกำไหลหยุดได้ง่าย ๆ

    ไม่ต้องตกใจ.. เลือดกำไหลหยุดได้ง่าย ๆ ยิ่งในหน้าร้อนด้วยแล้ว ภาวะเลือดกำเดาไหลพบได้บ่อยยิ่งขึ้นและพบได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งในเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่และวัยชรา มักทำให้ตนเองและคนรอบข้างตกใจได้ง่าย ๆ สาเหตุของเลือดกำเดาไหลอาจเกิดจากหลอดเลือดที่เลี้ยงเยื่อบุจมูก ซึ่งในเด็กอายุน้อยมากเกิดจากส่วนหน้าของจมูก ส่วนผู้สูงอายุมักเกิดจากส่วนหลังของจมูก แบ่งสาเหตุออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ได้แก่ 1. มาจากบริเวณจมูก เช่น ได้รับการกระแทกซึ่งพบได้บ่อยมากที่สุด หรือเกิดจากการถูก แคะ, สั่งน้ำมูกแรง ๆ, ความกดดันอาการเปลี่ยนแรงอย่างกระทันหัน เช่น การขึ้นเครื่องบิน การอักเสบในจมูก เนื้องอกในจมูกบริเวณไซนัสและโพรงหลังจมูก รวมไปถึงการได้รับอุบัติเหตุบริเวณหัวและกระดูกใบหน้าด้วย ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีเลือดกำเดาไหลปริมาณมากและเป็นซ้ำ ๆ รวมไปถึงอาจเกิดจากการผิดรูปของผนังกั้นช่องจมูกและภาวะอากาศเย็น ความชื้นต่ำได้ด้วย เยื่อบุจมูกจึงแห้งมีเลือดไหลออกมาได้ง่าย 2. เกิดจากโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคไต ไตวายเรื้อรังทำให้เกร็ดเลือดทำงานผิดปกติ , ผู้ป่วยที่กินยาบางประเภท เช่น ยาสลายลิ่มเลือด แอสไพริน ซึ่งยาเหล่านี้จะทำให้เลือดไหลได้ง่ายกว่าปกติ รวมไปถึงผู้ป่วยด้วยโรคตับแข็งและโรคเลือดต่าง ๆ ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติได้อีกด้วย การบรรเทาอาการเลือดกำเดาไหลและการดูแล – ให้ผู้เงยหน้าขึ้น บีบจมูกด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้แน่นประมาณ 5-10 นาทีจนกว่าเลือดจะหยุดไหล…

  • วิธีเลือกทานผัก…ให้ปลอดจากสารเคมีทางการเกษตร

    วิธีเลือกทานผัก…ให้ปลอดจากสารเคมีทางการเกษตร

    วิธีเลือกทานผัก…ให้ปลอดจากสารเคมีทางการเกษตร พิษจากสารเคมีทางการเกษตรนั้นทั่วทั้งโลกตระหนักดีกว่าก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บมากมายทั้งตัวของเกษตรกรผู้ผลิตเองและไล่ไปถึงผู้บริโภคด้วย ที่ว่าร้ายก็เป็นเพราะว่าสารเคมีทางการเกษตรนี้ก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งกระเพาะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งรังไข่และมะเร็งที่ไต เป็นต้น จากการสุ่มตรวจเลือดของประชาชนโดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขนั้น ได้ดูระดับของเอนไซม์ อะเซทิล โคลิเนสเทอเรส ในเลือด ซึ่งหากลดต่ำลงหากได้รับสารในกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟตและคาบาร์เมต พบว่ามีสัสดส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงถึงร้อยละ 54 และจากการศึกษาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าผู้ที่มีระดับเอนไซม์อะเซทิล โคลิเนสเทอเรสต่ำนั้นมีความสัมพันธ์กับสภาวะดีเอ็นเอถูกทำลาย จนอาจกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้ในอนาคต ดังนั้นทั้งเราจึงต้องร่วมมือกันในการทำให้อาหารที่บริโภคนั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากเกษตรกรผู้ปลูกจะต้องใส่ใจการผลิตอาหารที่ปลอดสารพิษ ด้วยการหันมาปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ พืชผักปลอดสารพิษแล้ว ผู้บริโภคก็ต้องหันมาสนับสนุนอาหารเหล่านี้เช่นกัน ด้วยการเลือกผักมาประกอบอาหารดังต่อไปนี้ – ทานผักให้มีความหลากหลาย หมุนเวียนเปลี่ยนชนิดไปเรื่อย ๆ ยิ่งหากทานเป็นผักพื้นบ้านก็จะยิ่งปลอดภัยจากสารเคมีมากยิ่งขึ้น – เลือกอาหารหรือผักอินทรีย์จากแหล่งผลิตที่วางใจได้ – เมื่อนำมาปรุงควรลอกเปลือกชั้นนอกทิ้งไปก่อน เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว เพราะใบชั้นนอกจะมีสารเคมีตกค้างมากกว่าใบชั้นใน – ล้างผักด้วยการแช่น้ำ เช่น เปิดน้ำจากก๊อกให้ไหลผ่านผักโดยตรง 2 นาที หรือจะใช้วิธีแช่ผักในน้ำปูนใส น้ำด่างทับทิม น้ำซาวข้าว…

  • ดูแลร่างกายตนเองยามเมื่อเป็นหวัด

    ดูแลร่างกายตนเองยามเมื่อเป็นหวัด

    ดูแลร่างกายตนเองยามเมื่อเป็นหวัด ในช่วงที่ฤดูหนาวหรือมีอากาศที่เย็นลงจะทำให้คนเป็นหวัดกันได้ง่าย เพราะการสูดอากาศเย็น ๆ ผ่านเข้าสู่บริเวณโพรงจมูกทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง เส้นเลือดฝอยที่เยื่อบุเมือกหดตัว เซลล์ต้านทานโรคจึงทำงานได้ไม่เต็มที่ เชื้อโรคที่หายใจเข้าหรือมีอยู่แล้วจึงเพิ่มจำนวนและเกิดอาการอักเสบของเยื่อจมูกและลำคอขึ้น ซึ่งก็คือเป็นหวัดนั่นเอง ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำมักจะเป็นกลุ่มที่เป็นหวัดได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว เด็ก หรือผู้สูงอายุ สามารถหากจากหวัดชนิดหนึ่งแล้วไปติดหวัดอีกชนิดมาแทนก็ได้ บางคนก็เป็นกันปีละหลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆ ที่อยู่เนอสเซอรี่หรือโรงเรียนอนุบาลและสถานเลี้ยงเด็ก เพราะติดต่อกันได้ง่าย อาการสำหรับผู้ที่เป็นหวัด จะไอ จาม มีน้ำมูลไหล เจ็บคอ มีเสมหะ ปวดหัว มีไข้ต่ำ ๆ อย่างมากจะเป็นอยู่ในระยะเวลาประมาณ 1-2 วันแล้วจะค่อย ๆ หายไปในหนึ่งอาทิตย์ โดยบางรายอาจมีน้ำมูกและไอต่อไปอีก 2-3 อาทิตย์ ผู้ที่ปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดนาน ๆ ลุกลามไปเป็นโรคอื่น รวมทั้งภูมิแพ้ได้ด้วย วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นหวัด – อย่าสั่งน้ำมูกแรง ๆ เพราะจะทำให้โพรงจมูกมีแรงดันสูงขึ้น เชื้อโรคจะถูกดันเข้าไปสู่โพรงอากาศรอบจมูก หรือ ไซนัส เกิดการอักเสบลุกลามได้ – รักษาร่างกายตนเองให้อบอุ่นโดยเฉพาะบริเวณลำคอ – ทานอาหารที่ย่อยง่าย แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น –…

  • ปรับวิถีชีวิตพิชิตมะเร็งร้าย

    ปรับวิถีชีวิตพิชิตมะเร็งร้าย

    ปรับวิถีชีวิตพิชิตมะเร็งร้าย เดี๋ยวนี้เราต้องยอมรับกันแล้วล่ะค่ะว่า โรคมะเร็งนั้น เกิดจากวิถีชีวิตในปัจจุบันของเราเองที่ทำให้เกิดโรคขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความเร่งรีบ ทานแต่อาหารสำเร็จรูป พักผ่อนไม่เป็นเวลา อีกทั้งการอยู่ท่ามกลางมลพิษต่าง ๆ อย่างเลือกไม่ได้อีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมอัตราการเป็นมะเร็งของคนไทยจึงพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกปี แต่หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมกับสุขภาพในระยะยาว รวมทั้งได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างเสม่ำเสมอแล้วก็เชื่อได้ว่า สุขภาพที่แข็งแรงของคุณจะพิชิตมะเร็งร้ายได้แน่นอน ซึ่งการปรับรูปแบบวิถีชีวิตนั้น ๆ ได้แก่ – ทานอาหารเน้นไปที่การทานผักและผลไม้ และต้องคละกันไปหลากสีสันในทุกวัน รวมไปถึงบรรดาธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วต่าง ๆ โดยทุกมื้อต้อมีอาหารเหล่านี้เป็นสัดส่วน 2 ใน 3 อีก 1 ใน 3 นั้นเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำ – หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและเกลือมาก – เลือกใช้สมุนไพรและเครื่องเทศในการปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น กระเทียม กระเพราะ ขมิ้น มะนาว – ทานไขมันดีๆ จากน้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคาร์โนล่า และกรดไขมันโอเมก้าสาม – ทานมังสวิรัติหรืออาหารที่ปลอดเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัปดาห์ละ สามมื้อ เช่น ผัดเต้าหู้ ต้มยำเห็ด…

  • ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

    ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

    ใส่ใจสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีรายงานการพบมะเร็งแล้วในคนกว่าร้อยชนิด และคนไทยเองก็ตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันหนึ่งหนึ่งมาโดยตลอด และยังมีแนวโน้มการป่วยและตายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งทวารหนัก โดยผู้ที่ป่วยกว่าครึ่งจะเป็นผู้สูงอายุ เนื่องจากมะเร็งเป็นโรคที่ค่อย ๆ คืบคลานอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึวควรดูแลตัวเองให้แข็งแรงจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่สุขภาพดังต่อไปนี้ 1. รักษาตัวไม่ให้อ้วนเกินมาตรฐาน ทานอาหารแต่พอดีและออกกำลังกายเป็นประจำ รักษาสภาพจิตใจให้สดใสสดชื่นทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคมากขึ้น 2. ทานอาหารให้ครบถ้วนให้ได้วิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย แต่ลดอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอดหรือย่าง รวมไปถึงอาหารหมักดอง อาหารแปรรูปใส่ดินประสิว หรือเสี่ยงมีเชื้อรา และอาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ด้วย ควรทานอาหารสด ๆ ผักสด ผลไม้สด นอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระแล้วยังมีกากใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย 3. งดสูบบุหรี่ สามารถลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปอดได้ร้อยละ 60 4. งดสุรา หากสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงในการมะเร็งถึงเก้าเท่าและหากสูบบุหรี่ด้วยอีกจะเพิ่มความเสี่ยงสูงถึง 50 เท่า! 5. มีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อม เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยและมีคู่หลายคนมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น 6.…

  • อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก

    อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก

    อย่าหลงเชื่อ…กาแฟลดน้ำหนัก เดี๋ยวนี้มีโฆษณาจำหน่ายกาแฟที่ดื่มแล้วช่วยให้รูปร่างผอมเพรียวได้มาขายกันหลายยี่ห้อเลยนะคะ ถึงแม้กาแฟจะมีผลช่วยให้ระดับการเผาผลาญในร่างกายเพิ่มมากขึ้นบ้าง แต่หากดื่มเป็นประจำ คาเฟอีนในกาแฟอาจมีผลต่อการเส้นของหัวใจมากกว่า จากข้อมูลของศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิค โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ระบุว่า แม้กาแฟนจะมีส่วนเพิ่มระดับการเผาผลาญได้แต่ก็มิได้มากพอที่จะทำให้ร่างกายผอมลง แต่การดื่มมากเกินไปกลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะจนเป็นอันตราย อีกทั้งครีมเทียมและน้ำตาลที่ผสมในกาแฟยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน อีกทั้งแต่ละซองยังให้พลังงานมากนอกจากไม่ผอมแล้วยังอาจทำให้อ้วนขึ้นได้อีก หรือต่อให้ดื่มกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมเทียมก็ช่วยยกระดับการเผาผลาญได้นิดหน่อย แต่ก็ไม่ควรดื่มมากอยู่ดีเพราะคาเฟอีนอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ นอกจากนี้แล้ว องค์การอาหารและยาหรือ อย. ของประเทศไทยเรายังได้ตรวจพบว่าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปลดความอ้วนที่ไม่มีฉลากภาษาไทยหลายยี่ห้อนั้น อย.ไม่อนุญาตให้ระบสรรพคุณว่าลดความอ้วนได้ อีกทั้งหากดื่มเข้าไปมาก ๆ จะทำให้หน้ำหนักเพิ่มได้ด้วยน้ำตาลหรือครีมและนมในกาแฟนั้น ๆ รวมไปถึงหัวใจยังทำงานหนักเนื่องจากได้รับคาเฟอีนมากเกินไป รวมไปถึงกาแฟบางยี่ห้อยังลักลอบใส่สารอันตรายไว้ในกาแฟด้วย อย่างเช่น ยาไซบูตรามีน ที่มีผลให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นยาที่ห้ามใช้ในประเทศไทยไปแล้ว สรุปได้ว่ากาแฟสูตรใดสูตรหนึ่งนั้นไม่สามารถลดน้ำหนักได้ ยกเว้นว่าใส่สารบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อร่างกายลงไปด้วย การลดน้ำหนักที่ดีที่สุดก็คือ การควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วยกัน หากพบการจำหน่ายอาหารหรือยา ที่น่าจะผิดกฎหมาย ขอให้รีบแจ้ง อย. 1556 สายด่วน อย. ด้วยค่ะ