Author: pure

  • วิธีการสังเกตว่าเด็กเป็นออทิสติกหรือไม่ ?

    วิธีการสังเกตว่าเด็กเป็นออทิสติกหรือไม่ ?

    วิธีการสังเกตว่าเด็กเป็นออทิสติกหรือไม่ ? อาการออทิสติกนั้น เป็นกลุ่มอาการที่แสดงความผิดปกติของเด็กในด้านพัฒนาการ โดยอาการที่มักพบได้ในเด็กออทิสติกก็คือ มักชอบอยู่คนเดียว ไม่พูดหรือสื่อสารทางภาษากับคนอื่น มีปัญหาทางด้านพฤติกรรม ซึ่งการจะสังเกตว่าเด็กคนไหนมีออทิสติกนั้น ให้สังเกตตั้งแต่ตอนที่เขายังเล็ก ๆ โดยดูตามขั้นตอนของพัฒนาการเด็กดังต่อไปนี้ – เด็กดูดนมได้ไม่ดี ไม่ชอบให้ใครกอดรัด ไม่ชอบให้ใครอุ้ม – เงียบเฉย ไม่สนใจใคร หรือทำอะไรให้มาก ๆ ก็ไม่ชอบ บางรายก็ติดคนมากผิดปกติ – ไม่ตอบสนองต่อการแสดงท่าทางหรือส่งเสียงเรียก – ไม่สบตา ไม่สนองตอบทางด้านอารมณ์ ไม่เลียนแบบผู้ใหญ่ – ไม่ส่งเสียงร้อง ไม่อ้อแอ้ – ชี้นิ้วไม่เป็น เรียกคนอื่นให้มาเล่นด้วยไม่เป็น และมีท่าทีเฉยเมย ไร้อารมณ์เมื่อถูกชวนให้เล่น – แสดงอาการสุดโต่ง ไม่ดีใจให้เห็นหรือไม่ทักทายคนที่เด็กชอบ หรือหากจะแสดงออกก็มักจะมากเกินไป – ยึดติดกับสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตา หมอนข้าง ผ้าอ้อม ใบไม้ เชือกฟาง ของเล่น ฯลฯ ถ้าไปดึงออกจะร้องนานมาก – ผู้เลี้ยงดูจะสังเกตเห็นได้เองว่าเด็กแตกต่างหรือไม่เหมือนคนอื่น หากสังเกตพบว่าเด็กของเราน่าจะเป็นเด็กออทิสติก ควรพาไปตรวจ…

  • ดนตรีและศิลปะช่วยพัฒนาเด็กพิเศษได้อย่างไร ?

    ดนตรีและศิลปะช่วยพัฒนาเด็กพิเศษได้อย่างไร ?

    ดนตรีและศิลปะช่วยพัฒนาเด็กพิเศษได้อย่างไร ? เด็กพิเศษที่เราพูดกันถึงในวันนี้ได้แก่ เด็กที่มีปัญหาดังต่อไปนี้ เด็กที่มีปัญหาทางร่างกาย, เด็กสมาธิสั้น, ดาวน์ซินโดรม, เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้, ออทิสติก, พิการทางสมอง, เด็กพิการซ้ำซ้อน และเด็กปัญญาเลิศ แต่เด็กพิเศษในกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนานั้นจะหมายถึงเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการดูแลแตกต่างกันไป ยิ่งค้นพบได้เร็วเท่าไรก็มีโอกาสในการพัฒนาและรักษาให้ดีขึ้นไปเท่านั้น การพัฒนาเด็กพิเศษมีหลายวิธี แต่วิธีที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากก็เห็นจะเป็นการนำเอาศิลปะและดนตรีมาเป็นเครื่องมือในการบำบัดนั่นเองค่ะ ในส่วนของการบำบัดด้วยดนตรี จะช่วยให้เด็กได้เกิดการรับรู้ กระตุ้นสมองให้เกิดการทำงาน พัฒนาประสาทสัมผัสร่วมกันของส่วนต่าง ๆ เช่น ตากับนิ้วมือ มือซ้ายและมือขวา แม้แต่การเต้นรำก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาการทำงานร่วมกันของอวัยวะต่าง ๆ ได้ ดนตรีทำให้เด็กรู้จักจังหวะรอคอยเป็น ทำในสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จ ดนตรีเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเอง มีข้อดีก็คือมีเครื่องดนตรีหลายชนิดให้เลือกเล่นตามความชอบ บางคนสามารถนั่งฟังเครื่องดนตรีบางชนิดได้เป็นเวลานาน ทำให้มีสมาธิมากขึ้น พลอยทำให้อยากทำกิจกรรมอื่น ๆ เกี่ยวกับดนตรีได้สำเร็จอีกด้วย สำหรับงานศิลปะเพื่อการพัฒนาเด็กพิเศษนั้นจะช่วยให้เด็กรู้จักฝึกการใช้สายตาแยกแยะเส้นและสี มีความสุขกับการใช้มือจับพู่กันวาดภาพบนกระดาษ พัฒนาการวาดด้วยเทคนิคต่าง ๆ เปิดโอกาสให้เด็กได้สร้างผลงานตามที่ตนเองชอบ ศิลปะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน แต่ก็มีความกล้าหาญขึ้นด้วย สร้างสมาธิ ทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะสร้างชิ้นงานให้เสร็จ อาจได้เปิดเผยความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวเด็กออกมาด้วย จึงเป็นทางช่วยให้สังคมภายนอกและคนอื่น ๆ ยอมรับความสามารถของเด็กได้อีกทางหนึ่ง ความจริงแล้วทั้งดนตรีและศิลปะต่าง ๆ ล้วนเหมาะกับเด็กทุกประเภท…

  • ใช้ชีวิตอย่างไรห่างไกลวัณโรค

    ใช้ชีวิตอย่างไรห่างไกลวัณโรค

    ใช้ชีวิตอย่างไรห่างไกลวัณโรค วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่มนุษย์รู้จักมานานนับพัน ๆ ปีแล้ว เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า มัยโคแบคทีเรีย ทูเบอร์คูโลซิส มีรูปร่างเป็นแท่ง ต้องย้อมสีและส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้นจึงจะมองเห็นได้ สามารถติดเชื้อได้แทบทุกอวัยวะของร่างกาย แต่ส่วนมากจะเกิดขึ้นที่ปอด เชื้อนี้สามารถแพร่กระจายจากได้เวลาผู้ป่วยไอหรือจาม ละอองเสมหะจะฟุ้งกระจาย เมื่อสูดเข้าไปจะเกิดการติดเชื้อและป่วยเป็นวัณโรคได้ วิธีการสังเกตว่าตนเองป่วยเป็นวัณโรคหรือไม่ก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรังนานเกินกว่าสองสัปดาห์ มีเสมหะสีเขียวหลืองหรือเสมหะปนเลือด อ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้เวลาบ่าย ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ในด้านของการรักษานั้น เน้นความสม่ำเสมอของผู้ป่วยที่ต้องกินยาให้ตลอดระยะเวลาการรักษา ทั้งยังต้องมีพี่เลี้ยงเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และสมาชิกในครอบครัวช่วยดูแลการกินยาของผู้ป่วย พร้อมทั้วให้คำแนะนำและให้กำลังใจ คอยแนะนำในระหว่างที่อาจมีอาการแพ้ยา ให้ผู้ป่วยให้ทานยาได้ตลอดระยะเวลาจนกว่าแพทย์จะสั่งหยุดยาเอง ในระยะแรกที่เข้ารับการรักษาเมื่อกินยาวัณโรคไปแล้ว ประมาณสองถึงสามอาทิตย์อาการจะดีขึ้น แต่ยังไม่หายต้องกินยาต่อไปจนกว่าจะครบหกหรือแปดเดือนจึงจะหายสนิท ในระยะที่กำลังรักษาตัวผู้ป่วยวัณโรค ควรป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ด้วยการปิดปากและจมูกทุกครั้งเวลาไอหรือจาม ไม่บ้วนเสมหะทิ้งบนพื้น แต่ควรบ้วนในภาชนะแล้วนำไปทิ้งในโถส้วม ฝังดิน หรือเผาให้เรียบร้อย แม้โรคนี้จะร้ายแรงแต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วย การดูแลเอาใจใส่สุขภาพ จะทำให้ห่างไกลจากวัณโรคและทำให้ผู้ป่วยหายได้เร็วขึ้นด้วยการปฏิบัติตามข้อแนะนำได้แก่ – การกินยาให้หมดทุกเม็ด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง – หากมีอาการแพ้ยาควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที – ทานอาหารที่มีประโยชน์ งดการดื่มสุราและสูบบุหรี่ – พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ – พยายามทำใจให้สบายอย่างเคร่งเครียด…

  • ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค

    ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค

    ตระหนักถึงอันตรายจากวัณโรค    แม้ทุกวันนี้วิทยาการต่าง ๆ จะก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว แต่วัณโรคก็ยังเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาของสาธารณสุขทั่วโลกอยู่ดี นั่นเป็นเพราะมีสาเหตุมาจากการระบาดของโรคเอดส์ ความยากจน การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการย้ายถิ่นฐานของประชากร วัณโรคจึงมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจากการคาดการณ์นั้นประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นถึงปีละกว่าแสนรายเลยทีเดียว วัณโรค มีต้นเหตุมาจากเชื้อที่ชื่อว่า Mycobacterium tuberculosis มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องดูได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น มักติดเชื้อได้กับอวัยวะทุกส่วนแต่ที่เป็นปัญหาและพบได้บ่อยที่สุดก็คือส่วนของปอดนั่นเอง สามารถติดต่อกันได้โดยเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม จะมีเชื้อออกมาปะปนกับละอองของเสมหะหรือน้ำลาย เมื่อผู้ที่อยู่คลกคลีใกล้ชิดสูดหายใจเข้าไปก็จะทำให้เกิดติดเชื้อวัณโรคได้ โดยผู้ป่วยวัณโรคจะสามารถแพร่กระจายเชื้อออกไปสู่ผู้อื่นได้ถึง 10-15 คนเลยเชียว! อาการที่เป็นที่สังเกตของวัณโรคก็คือ จะไอติดต่อกันถึงสองอาทิตย์ขึ้นไป มีไอออกมากับเสมหะ ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก น้ำหนักลด เบื่ออาหาร และมักมีไข้ตอนบ่าย ๆ เมื่อพบว่ามีอาการเช่นนี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยด่วน แต่ไม่ต้องหนักใจหรือกลัวไปเพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการกินยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เป็นเวลาหกถึงแปดเดือน ก็จะทำให้หายขาดจากโรคนี้ได้ องค์การอนามัยโลกเองก็เห็นความสำคัญในการรณรงค์เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการหยุดยั้งวัณโรคนี้ แม้แต่ในส่วนของตัวผู้ป่วยเองก็มีส่วนร่วมในการหยุดยั้งได้โดยการพยายามรักษาตัวให้หายให้เร็วที่สุดและป้องกันการแพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น ในส่วนของผู้ให้บริการทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็น หมอ พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ก็ต้องกระตือรือร้นในการค้นหาตัวผู้ป่วยจากผู้ที่น่าสงสัย รวมไปถึงการให้บริการรักษาให้ได้มาตรฐาน ในส่วนของภาคชุมชนทั้งตัวผู้นำชุมชนและประชาชนเองก็ควรมีควรรู้ความเข้าใจในเรื่องของวัณโรคนี้ ระดมถ่ายทอดความรู้ และนำมาช่วยกันควบคุมโรคภายในชุมชนด้วย จึงจะเป็นการช่วยกันป้องกันและหยุดยั้งการระบาดของวัณโรคได้อย่างเด็ดขาดค่ะ

  • ป้องกันภัยจาก…วัณโรค

    ป้องกันภัยจาก…วัณโรค

    ป้องกันภัยจาก…วัณโรค วัณโรค เป็นโรคติดต่อโรคหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเมื่อรับเชื้อมาแล้วจะยังไม่แสดงอาการทันทีทันใด และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเพราะผลกระทบจากโรคเอดส์ด้วย วัณโรคนี้สามารถแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่คนอื่น ๆได้ด้วยการหายใจ จากผู้ป่วยที่มีเชื้อเสมหะอยู่ ไม่ว่าจะโดยการไอ จาม พูด โดยไม่ยอมปิดปากปิดจมูก เชื้อวัณโรคจะอยู่ในละอองที่ออกมาจากตัวผู้ป่วยและลอยอยู่ หากผู้ที่อยู่ใกล้หายใจเอาละอองฝอยนี้เข้าไปก็จะติดเชื้อวัณโรคและอาจป่วยเป็นวัณโรคได้ ผู้ที่รับเชื้อวัณโรคไม่จำเป็นต้องเป็นวัณโรคทุกคน เพราะทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่ เชื้อนั้นอาจถูกกำจัดออกไปด้วยภูมิคุ้มกันในร่างกาย แต่เมื่อใดที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ ก็จะเจ็บป่วยเป็นวัณโรค พบว่าผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่ทานยากดภูมิจะมีโอกาสเป็นวัณโรคได้มากกว่าคนทั่วไป วัณโรคนั้นสามารถเป็นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกายได้ แต่ที่พบและเป็นปัญหามากที่สุดก็คือวัณโรคปอด อาการเริ่มต้นนั้นจะมีอาการไอติดต่อกันนานเกินกว่าสองอาทิตย์ รวมทั้งอาจมีอาการอื่นด้วยอาทิเช่น ไอมีเสมะเหลืองเขียว หรือมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก เป็นไข้ เหนื่อยหอบ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยด่วน ซึ่งการรักษาในปัจจุบันนี้ก็มียารักษาที่ใช้เวลารักษา 6-8 เดือนก็หายขาดได้ ขอให้มีวินัยในการกินยาทุกวันและทุกเม็ดให้ครบถ้วนก็สามารถรักษาให้หายได้แล้ว ผู้ป่วยควรรีบรักษาตัวให้หาย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น ระหว่างการรักษาควรปิดปากจมูกทุกครั้งที่ไอหรือจาม โดยการใส่หน้ากากอนามัยให้มิดชิด หรือใช้ผ้าปิดปากจมูกทุกครั้งที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ยิ่งประชาชนในประเทศและในโลกนี้ร่วมมือกันหยุดยั้งวัณโรคมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการควบคุมและหยุดยั้งวัณโรคได้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ

  • เมื่อ…เด็กเล็กเป็นไข้

    เมื่อ…เด็กเล็กเป็นไข้

    เมื่อ…เด็กเล็กเป็นไข้  อาการไข้ขึ้นของเด็กเล็กนี่ทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองหลายคนวิตกกังวลได้เหมือนกันค่ะว่าลูป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ วันนี้มาฟังคำอธิบายแบบง่าย ๆ กันนะคะ – ไข้หวัดนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยติดต่อกันทางน้ำมูก น้ำลาย การไอหรือจาม ยิ่งหากเด็ก ๆ อยู่รวมกันเป็นจำนวนมากและอากาศถ่ายเทไม่สะดวกแล้วก็มีโอกาสติดหวัดกันได้ง่าย ไข้หวัดทั่วไปจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง หากเป็นเด็กที่แข็งแรงอยู่แล้ว ก็สามารถดูแลเบื้องต้นได้เอง แต่หากเป็นเด็กเล็กมาก หรือมีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นหอบหืด โรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรมาพบแพทย์ – ไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะ มีความแตกต่างจากไข้หวัดก็คือ มีไข้ต่ำ ๆ มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล หลายวันไปสีจะข้นขึ้น มีอาการคัดจมูก หายใจไม่ออก เบื่ออาหาร หากในเด็กเล็กจะมีอาการกวนมากกว่าปกติ หากทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด มีอาการหน้าแดง อ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน และมีจุดแดงหลังจากมีไข้ 3-4 วัน จะเป็นอาการของไข้เลือดออกและควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจต่อไป – ไข้หวัดใหญ่ จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว เบื่องอาหาร คลื่นไส้อาเจียน เด็กจะป่วยซม…

  • วัณโรค รักษาหายได้ไม่แพร่เชื้อ

    วัณโรค รักษาหายได้ไม่แพร่เชื้อ

    วัณโรค รักษาหายได้ไม่แพร่เชื้อ วัณโรคเป็นโรคที่เราหลายคนเคยได้ยินชื่อ ได้รู้จักกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่รู้จักแต่ยังหวาดกลัวการแพร่ระบาดหรือการติดเชื้อโรคนี้อยู่ วัณโรคหรือที่เราเรียกกันว่า ทีบีนี้เป็นโรคติดต่อจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Mycobacterium tuberculosis พบมากคือ วัณโรคปอด ติดต่อผ่านกันทางระบบทางเดินหายใจ และฝอยน้ำลายของผู้ป่วย ผู้ที่ได้รับเชื้อวัณโรคไม่จำเป็นต้องป่วยเป็นวัณโรคทุกคน ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและกลไลการต่อสู้กับเชื้อโรค ซึ่งพบว่ามีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่ผู้ติดเชื้อวัณโรคจะป่วยเป็นโรคขึ้นมา อาการเริ่มต้นของวัณโรคได้แก่ การไอติดต่อกันเกินกว่าสองอาทิตย์โดยไม่ทราบสาเหตุ รวมไปถึงไอมีเสมหะปนเลือด อยูใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจ หากตรวจพบว่าเป็นวัณโรคจริง ๆ ก็จะเข้าสู่การรักษาต่อไป โรคนี้เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยต้องกินยาทุกวันต่อเนื่องเป็นเวลา 6-8 เดือนจนครบกำหนดรักษา อีกทั้งหากผู้ป่วยได้กินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว จะพบว่าโอกาสที่จะแพร่เชื้อวัณโรคมาสู่คนรอบข้างนั้นจะน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการรักษาวัณโรค วัณโรคนี้ยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งรักษาหายได้เร็ว และเชื้อไม่แพร่กระจายด้วย ดีกับผู้ป่วยเองและคนรอบข้าง ชุมชนและคนในสังคม ผู้ที่สงสัยว่าป่วยเป็นวัณโรคสามารถขอเข้ารับการรักษาได้จากสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านได้ทุกแห่งค่ะ

  • จิตใจดี อารมณ์ดีป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

    จิตใจดี อารมณ์ดีป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง

    จิตใจดี อารมณ์ดีป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งล้วนมีต้นเหตุมาจากอารมณ์ของคนด้วยส่วนหนึ่ง คนที่อารมณ์ดี มักจะดูสดใสมีชีวิตชีวิต คนที่อยู่รอบข้างก็รู้สึกเย็น ๆ สบายใจ คนในครอบครัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มีแต่คนอยากเข้ามาคุยด้วย ในทางตรงข้ามหากเป็นคนที่ขี้โมโหหงุดหงิด ขี้บ่นแล้วก็คงไม่มีใครอยากเข้าหาเป็นแน่ การที่เรามีอารมณ์ดีนั้นไม่ได้ส่งผลต่อคนรอบข้าง หน้าที่การงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพกายอีกด้วย ผู้ที่มักมีอารมณ์ร้าย ๆ จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอเป็นโรคได้มากเช่นกัน – ผู้ที่มีอารมณ์ด้านลบ มักมีความเครียดสูง มีความคาดหวังสูง ไม่พอใจกับนสิ่งรอบตัว หงุดหงิด โมโหได้ง่าย รวมไปถึงมักมีอารมณ์อาฆาตพยายามแรงด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือสโตรคได้มาก – คนที่วิตกกังวลบ่อย ๆ มักชอบกลัวความผิดพลาด ร้อนใจ และวุ่นวายใจกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่อยู่กับปัจจุบัน ขาดความมั่นใจ มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยดูแลตนเอง กินนอนไม่ถูกสุขอนามัย มักสูบบุหรี่และออกกำลังกายน้อยกว่าปกติอีกด้วยค่ะ – คนท้อแท้หดหู่ มักชอบคิดว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีเพื่อน มักรู้สึกหงอยเหงา เปล่าเปลี่ยน เบื่อ ละเหี่ยใจ ห่อเหี่ยวสิ้นหวัง จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนทั่วถึงสามเท่า การรักษาสภาพจิตใจให้ดี อารมณ์ดีอยู่เสมอช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้เพราะ…

  • รู้จักกับเลนส์แก้วตาเทียม เพื่อการรักษาโรคต้อกระจก

    รู้จักกับเลนส์แก้วตาเทียม เพื่อการรักษาโรคต้อกระจก

    รู้จักกับเลนส์แก้วตาเทียม เพื่อการรักษาโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกาย ผู้สูงวัยทุกคนเมื่อถึงเวลาที่ความเสื่อมของดวงตามาถึงต่างก็ต้องมีอาการของโรคต้อกระจกกันทั้งนั้น อาการนี้เป็นภาวะเลนส์แก้วตาขุ่นมัว ทำให้แสงผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาได้น้อยลง ตาจะมัว เหมือนมีฝุ่น หมอกควันมาบังตาไว้ ยิ่งอยู่ในที่สว่าง ๆ หรือมีแสงแดดจัดจะมัวมากขึ้น แต่ในที่แสงสลัวจะเห็นชัดเจนกว่าเดิม อาจมีการเห็นภาพซ้อน หรือแสงกระจายขณะขับรถตอนกลางคืนทำให้ขับรถลำบาก ในส่วนของการรักษานั้นทำได้โดยการสลายต้อกระจกออกแล้วใส่เลนส์แก้วตาเข้าไปแทน มีแผลเป็นขนาดเล็ก และใช้เวลาในการผ่าตัดที่น้อยมาก เรามาทำความรู้จักกับเลนส์แก้วตาเทียม ที่ทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้อีกครั้งกันนะคะ เลนส์แก้วตาแบ่งออกได้เป็น – ชนิดโฟกัสระยะเดียว ช่วยให้มองเห็นระยะไกลชัดเจน แต่มองใกล้อาจต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ – ชนิดหลายโฟกัส ช่วยให้มองเห็นได้ทั้งไกล กลาง และใกล้โดยไม่ต้องใช้แว่นตา – ชนิดแก้ไขสายตาเอียง ช่วยชดเชยความโค้งของกระจกตาที่ไม่เท่ากันของผู้ที่มีภาวะสายตาอียง ช่วยให้มองระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้แว่นเช่นกัน การผ่าตัดต้อกระจกและใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปใหม่นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ทั้งยังเป็นการผ่าตัดที่ใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น แต่รักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจกให้กลับมามองเห็นได้ใหม่อย่างดายเลยค่ะ  

  • อันตรายของมะเฟืองที่มีต่อผู้ป่วยโรคไต

    อันตรายของมะเฟืองที่มีต่อผู้ป่วยโรคไต

    อันตรายของมะเฟืองที่มีต่อผู้ป่วยโรคไต การกินมะเฟืองมากเกินไป มีผลต่อร่างกายถึงขั้นทำให้ไตวายเฉียบพลันได้ ซึ่งนี่เป็นข้อมูลจาก รศ.นพ. ม.ล. ชาครีย์ กิติยากร ซึ่งเป็นอายุรแพทย์หน่วยโรคไต คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้มีบทความที่เผยแพร่ผ่านเสื่อต่าง ๆ มากมาย ชักชวนให้มากินมะเฟืองสดกัน โดยระบุว่าช่วยรักษาโรคและลดน้ำตาลในเลือดได้ ทำให้มีผู้คนหลงเชื่อและซื้อมากินกันมากมาย บางคนกินมากจนเกิดผลเสียต่อร่างกาย และที่อันตรายกว่านั้นคือพบผู้ป่วยอยู่ในภาวะไตวายเฉียบพลันเป็นจำนวนมากหลังการกินมะเฟืองสด หรือนำมะเฟือง โดยผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะออกน้อย บวมน้ำ ความดันสูง อ่อนเพลีย น้ำท่วมปอด บางรายอาจมีอาการสะดึก ต้องรักษาด้วยการฟอกเลือดล้างไต หากเป็นผู้ป่วยที่เดิมมีไตปกติอยู่แล้ว ไตจะสามารถกลับมาทำงานตามปกติได้ แต่อาจต้องใช้เวลา 3-4 อาทิตย์ แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีโรคไตอยู่ก่อน การรักษาอาจทำให้การทำงานของไตดีขึ้นบ้าง แต่ไม่เท่าเดิม อาจต้องได้รับการฟอกไตตลอดไป เพราะว่าในมะเฟืองนั้นมีสารออกซาเลตสูงมาก เมื่อถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายจะถูกขับออกทางไต ทำให้ไตวายเฉียบพลันได้ และเพราะออกซาเลตไปจับตัวกับแคลเซียมในร่างกายเกิดเป็นผลิตออกซาเลต เมื่อตกผลึกเป็นจำนวนมากในเนื้อไตก็จะทำให้เกิดการอุดตัน ไตสูญเสียการทำงานหรือไตวายได้ในที่สุด นอกจากนี้ยังทำให้พิษต่อระบบประสาท ทำให้สมองบวม ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ สะอึก อาเจียน แล้วตามด้วยภาวะซึมและชักได้ จนตอนนี้ก็มีรายงานพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากการกินมะเฟืองไปแล้วด้วย พิษจากการกินมะเฟืองนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง – ความแข็งแรงของผู้ป่วย หากเป็นผู้ป่วยโรคไตอยู่แล้วอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้…