Author: pure

  • มาทำความรู้จักกับโรคที่เกิดจากความร้อนกัน

    มาทำความรู้จักกับโรคที่เกิดจากความร้อนกัน

    มาทำความรู้จักกับโรคที่เกิดจากความร้อนกัน ความร้อนทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้หลายแบบ ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงระดับที่ทำให้เสียชีวิตได้ มีหลายโรคหลายอาการได้แก่ – ผดผื่นร้อน เกิดจากการอักเสบของท่อเหงื่อ เพราะการอุดตันจากเศษขี้ไคล ท่อเหงื่อจึงขายตัวภายใต้แรงดันจนแตกในที่สุดเกิดตุ่มแดงบนผิวหนัง มีอาการคันบรรเทาได้ด้วยยาแก้แพ้ การโรยแป้งไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนัก สามารถป้องกันผดผื่นคันได้ด้วยการสวมเสื้อผ้าที่สะอาด เบาและหลวมเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เหงื่อออกมาก – บวมจากความร้อน บวมหรือตึงบริเวณมือเท้าที่มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันหลังจากสัมผัสความร้อน และลุกลามไปยังบริเวณอื่นได้อีก เช่น หน้าแข้ง ข้อเท้า เปลือกตา สามารถหายได้เองใน 1-2 วัน – ลมแดด มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่เคยชินกับสภาพความร้อน มักจะหน้ามืด เป็นลมจนหมดสติได้ ให้รีบออกจากแหล่งความร้อน ให้ดื่มน้ำ และพักผ่อน – ตะคริวแดด มักจะปวดเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อน่อง ต้นขา และไหล่ได้ เกิดกับผู้ที่เสียเหงื่อเป็นจำนวนมากและได้รับการทดแทนด้วยน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีเกลือแร่ การแก้ไขให้ออกจากแหล่งความร้อนนั้น นอนพักในที่ร่มแล้วดื่มเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่เข้าไปทดแทน – เพลียแดด มักมีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียน มึนงง ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ แต่รู้สึกตัวตามปกติ เกิดจากการขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรง อาการเจ็บป่วยจากความร้อนเหล่านี้สามารถป้องกันได้โดย – เตรียมร่างกายให้พร้อมรับความร้อนด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ…

  • โรคลมเหตุร้อนคืออะไร?

    โรคลมเหตุร้อนคืออะไร?

    โรคลมเหตุร้อนคืออะไร? ในประเทศไทยนั้นช่วงระยะหลายสิบปีที่ผ่านมาอากาศเปลี่ยนแปลงมาก มีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ การเผชิญกับสภาพอากาศร้อนทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้ทั้งเด็ก คนแก่ และผู้ที่ต้องทำงานกลางแสงแดดจ้า หรือนักกีฬาที่ไม่ได้เตรียมตัวมาให้กรพร้อมกับการเผชิญอากาศร้อน ความร้อนนี้ทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้ทั้งระดับเล็กน้อยไปจนถึงระดับเสียชีวิตได้ โรคนี้เรียกว่าโรคอุณหพาต หรือ “โรคลมเหตุร้อน” โดยจะมีอาการคือ มีอุณหภูมิร่างกายเกิน 40.5 องศาเซลเซียส ซึมลง ไม่มีเหงื่อออก โดยโรคนี้เกิดจากการสูญเสียน้ำในร่างกายอย่างรวดเร็วจนทำให้อวัยวะภายในหยุดการทำงานและเสียชีวิตในที่สุด ทุกคนมีโอกาสเป็นได้โดยเฉพาะคนที่ต้องออกไปเผชิญกับอากาศร้อน ๆ โดยทั่วร่างกายของเราจะใช้เหงื่อและปัสสาวะเป็นตัวปรับอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล เวลาอากาศร้อนร่างกายจะคายความร้อนออกมาเป็นเหงื่อ เมื่อสูญเสียน้ำสมองก็จะสั่งให้รู้สึกหิวน้ำขึ้นมา ซึ่งกลไกนี้จะใช้ระดับความเข้มข้นของเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเสียน้ำไปเตือนสมองให้รู้สึกหิวน้ำ แต่หากคนที่เกิดอาการของโรคนี้ร่างกายจะขับน้ำออกไปพร้อมกับเหงื่อพร้อมกับเกลือแร่ด้วย ทำให้สมองไม่รับรู้ว่าร่างกายขาดน้ำ กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว ต่อมเหงื่อจะหยุดการทำงานทันที ความร้อนไม่สามารถระบายออกไป อุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้อวัยวะภายในเกิดอาการสุกจากความร้อน หยุดการทำงานหรือทำงานอย่างผิดปกติ เมื่อถึงจุดนั้นจะรักษาได้ยากและส่วนมากจะเสียชีวิต กลุ่มที่มีความเสี่ยงก็คือ กลุ่มคนเมืองที่ไม่ค่อยได้เจอแดดมากเท่าไร ร่างกายยังไม่ปรับตัวจนรักษาเกลือแร่ให้สูญเสียไปกับเหงื่อเวลาออกแดดเหมือนผู้ใช้แรงงาน และเกษตรกร ยิ่งหากเป็นคนแก่หรือเด็กเล็ก ๆ แล้วการออกไปเผชิญแดดในช่วงหน้าร้อนก็อาจเป็นอันตรายได้มาก ยิ่งโดยเฉพาะกลุ่มทหารเกณฑ์รุ่นใหม่ที่ต้องฝึกกลางแดดแล้ว ก็มีความเสี่ยงกับการเป็นโรคได้ทั้งสิ้น เมื่อพบเห็นผู้ที่มีอาการดังกล่าวให้รีบพาออกจากแหล่งความร้อนโดยเร็วที่สุด ถอดเสื้อผ้าออกแล้วลดอุณหภูมิร่างกายด้วยการใช้น้ำพ่นให้ทั่วร่าง แล้วเป่าด้วยพัดลม นำผ้าชุบน้ำซับไว้บริเวณข้อพับต่าง ๆ แล้วรีบน้ำส่งโรงพยาบาลเลยค่  

  • เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน

    เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน

    เพื่อน 4 คนและการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน มีเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ที่นับถือกัน ซึ่งมีอายุเข้าหลักเลขห้ากันหมด ก็นับว่าวัยเกือบใกล้เกษียณเต็มที่แล้ว ท่านเล่าให้ฟังถึงเพื่อน 4 คนที่มีการดูแลสุขภาพที่แตกต่างกัน รูปร่างและสุขภาพของท่านเหล่านั้นก็แตกต่างกันไปด้วย บางคนก็อ่อนกว่าวัยมาก บางคนก็ดูแก่กว่าอายุจริงไปเลย มาลองฟังกันดูว่าพวกท่านเหล่านั้นใช้ชีวิตกันอย่างไรบ้างนะคะ เพื่อนคนแรก เป็นวิศวกรมีตำแหน่งระดับ ผอ. เขาดูแลสุขภาพดีมาก ไม่แตะต้องอบายมุข ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ กินผักผลไม้ทุกวัน มีความสุข มองโลกในแง่ดี ไม่งัดข้อกับใคร และมีคติในชีวิตว่า ชีวิตคนเรานั้นมีเวลาไม่นาน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า เพื่อนต่อมา เป็นเภสัชกรและเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย มีรูปร่างกระชับคล่องแคล่ว เธอเล่าว่าแม้จะต้องนอนดึกเพราะทำงานหนัก แต่ก็หมั่นดูแลตัวเอง ออกกำลังกายด้วยการเดินหรือวิ่งสม่ำเสมอ เลี่ยงของทอดของมันของหวานหมด ไม่ดื่มกาแฟหรือชาเลย กินปลาเล็กปลาน้อย และสัตว์เล็กต่าง ๆ ไม่กินอาหารกระป๋องอาหารสำเร็จรูป กินอาหารตามธรรมชาติ เพื่อนคนนี้ดูอ่อนกว่าวัยมาก อีกอย่างก็คือเป็นคนไม่เครียด ให้ความสำคัญกับความรักความอบอุ่นในครอบครัว เพื่อนคนที่สาม ทำงานในครอบครัว ส่วนตัวเธอรับผิดชอบการเงินและบัญชี ชอบกินของทอดของมัน ขนมทุกชนิด กาแฟทั้งหวานและมัน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย นอนดึกบ่อย ๆ ผลการตรวจไขมันตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 สูงถึง 200…

  • เที่ยวป่าหน้าฝนระวังไข้มาลาเรีย

    เที่ยวป่าหน้าฝนระวังไข้มาลาเรีย

    เที่ยวป่าหน้าฝนระวังไข้มาลาเรีย ในแต่ละปีนั้นองค์การอนามัยโลกคาดว่ามีผู้ป่วยไข้มาลาเรียถึงกว่าปีละ 500 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่าปีละล้านคน ระบาดสูงสุดในช่วงเดือน เม.ย. ถึง ก.ค. ผู้ที่ชอบไปท่องเที่ยวในป่า หรือแหล่งที่มียุงชุกชุมจึงมักติดเชื้อไข้มาลาเรียได้ง่ายในช่วงนี้ ไข้มาลาเรีย หรือไข้ป่านี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวที่ติดต่อกันโดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะ มักระบาดตามป่าเขา และพบการโรคมาลาเรียนี้ดื้อยามากขึ้นด้วย เมื่อยุงไปกัดคนที่มาเชื้อมาลาเรียเข้าเชื้อก็จะเข้าไปแบ่งตัวในยุง เมื่อไปกัดคนอื่นก็จะถ่ายทอดเชื้อออกไป เมื่อเข้าสู่ร่างกายคนจะเจริญเติบโตในเซลล์ตับและเม็ดเลือดแดง มีระยะฟักตัวประมาณสองอาทิตย์ แล้วจะป่วยไม่สบาย ต่อมาก็จะมีไข้หนาวสั่น ปวดหัว ปวดเมื่อย คลื่นไส้อาเจียน และอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้ ไม่ว่าจะเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง น้ำตาลในเลือดต่ำ เหลืองซีด ปัสสาวะสีดำ ไตวาย ปอดบวมน้ำและเสียชีวิตได้ เพราะการกินยาป้องกันมาเลเรียล่วงหน้านั้นไม่ได้ผล การที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในป่าหรือเดินทางศึกษาธรรมชาติจึงควรระมัดระวังตนเองไม่ให้ยุงกัด ด้วยการสวมเสื้อผ้ามิดชิด ทาโลชั่นกันยุงและนอนในมุ้งที่ฉาบน้ำยา หากกลับจากไปเที่ยวแล้วป่วยควรรีบไปพบแพทย์ด่วน และควรปฏิบัติตามแพทย์สั่งและทานยาให้ครบถ้วนด้วย ผู้ที่เพิ่งกลับจากป่าเขามาอย่าเพิ่งบริจาคโลหิตจะดีกว่าเพราะงานบริการโลหิตยังไม่มีวิธีการตรวจเชื้อมาลาเรียได้ และเชื้อมาลาเรียที่ติดมากับโลหิตบริจาคจะสามารถถ่ายทอดไปยังผู้รับโลหิตได้อีกด้วย

  • พิษภัยจากโรคถุงลมปอดโป่งพอง

    พิษภัยจากโรคถุงลมปอดโป่งพอง

    พิษภัยจากโรคถุงลมปอดโป่งพอง บุหรี่เป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคจากปอดที่เรียกว่า “โรคถุงลมปอดโป่งพอง” ได้ง่าย พบมากในผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 45-65 ปีขึ้นไป มักสูบบุหรี่กันมานานกว่า 10 ปี จนในที่สุดปอดก็พิการ ทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบง่าย ติดเชื้อที่ปอดซ้ำซาก นอกจากบุหรี่แล้ว ก็ยังมีสาเหตุอื่นด้วยได้แก่ มลพิษในอากาศ ควันไฟหุงต้มอาหารที่ก่อไฟในที่ขาดอาการถ่ายเท เป็นต้น อาการของโรคถุงลมปอดโป่งพอง ก็คือ ระยะแรกจะมีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไอหนัก ไอมีเสมหะเป็นแรมเดือนแรมปี ไอหรือขาดเสมหะในคอหลังจากตื่นนอนตอนเช้า และไอถี่ขึ้นเป็นตลอดทั้งวัน เสมหะช่วงแรงจะมีสีขาวและกลายเป็นเหลืองหรือเขียว มีไข้หรือหอบเหนื่อยเป็นครั้งคราว หากผู้ป่วยยังไม่เลิกสูบบุหรี่ ก็จะยิ่งมีอาการเหนื่อยง่ายมากขึ้น แม้เวลาเดิน พูด หรือทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะรุนแรงขึ้นจนแม้อยู่เฉย ๆ ก็เหนื่อยหอบ เพราะถุงลมปอดพิการอย่างรุนแรง ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้แล้ว ในระยะสุดท้ายผู้ป่วยจะเบื่ออาหาร จนน้ำหนักลด หอบตลอดเวลา และทุกข์ทรมานมาก การรักษาโรคถุงลมปอดโป่งพองนั้น แพทย์จะรักษาตามความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปจะให้ยาขยายหลอดลมเพื่อสูดพ่น ต่อมาก็อาจจ่ายเป็นยาสเตียรอยด์ชนิดสูดพ่นด้วย หากมีการติดเชื้อก็จะให้ยาปฏิชีวนะ สำหรับรายที่หอบรุนแรง ปอดอักเสบแพทย์ก็จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลเพราะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องให้ออกซิเจน โรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง…

  • ทำความรู้จักกับโรคหอบจากอารมณ์

    ทำความรู้จักกับโรคหอบจากอารมณ์

    ทำความรู้จักกับโรคหอบจากอารมณ์ คุณผู้อ่านเคยเห็นไหมคะที่บางมีพอมีเรื่องขัดใจหรือมีความเครียดขึ้นมาก็มักมีอาการหอบใจหอบลึก มือเท้าเกร็งจีบเหมือนเป็นตะคริว บ้างก็แน่นิ่งไม่พูดจา บ้างก็เอะอะโวยวายเหมือนคนเสียสติ ทำให้ญาติพี่น้องคนรอบข้างตกใจได้ บ้านนอกบางชุมชนก็เข้าใจว่านี่คืออาการผีเข้า ไปทำพิธีไล่ผีกันวุ่นวาย ความจริงแล้วกลุ่มอาการเช่นนี้แพทย์จะเรียกว่า กลุ่มอาการระบายลมหายใจเกิน หรือ โรคหอบจากอารมณ์ นั่นเองค่ะ โรคหอบจากอารมณ์นี้เกี่ยวข้องกับปัญหาจิตใจและอารมณ์ไม่มีอันตรายใด ๆ แก้ไขและรักษาได้ พบได้ในคนทุกวัย โดยเฉลี่ยแล้วร้อยละ 6-10 ของประชากรจะเป็นโรคนี้ แต่จะพบในผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า พ่อแม่หรือลูกของคนที่เป็นมักจะมีแนวโน้มเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป แต่ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพันธุกรรม โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ใจ แต่มีแนวโน้มว่ามีการหายใจด้วยการกล้ามเนื้อหน้าอกหายใจแทนการใช้กระบังลมและกล้ามเนื้อหน้าท้อง การหายใจจึงไม่มีประสิทธิภาพ มักจะมีความไวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด ความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยหอบ หายใจลึก หายใจเร็ว ร่างกายขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาเกินไป เลือดกลายเป็นด่าง แคลเซียมในเลือดต่ำ เกิดความผิดปกติของร่างกายหลายระบบพร้อมๆ กัน ผู้ป่วยที่เป็นแบบเฉียบพลันจะมีอาการหายใจลึก หายใจถี่หรือทั้งสองอย่าง มักเกิดหลังจากมีเรื่องกระทบกระเทือนทางอารมณ์ บางรายเกิดจากการเจ็บปวดรุนแรง อาจปวดหัว เวียนหัว อ่อนเพลีย ใจสั่น เจ็บหน้าอก แน่นอึดอัดในหน้าอก ชารอบปาก ชาปลายมือปลายเท้า มีลมในท้อง ท้องอืดเฟ้อ เอะอะโวยวาย สับสน…

  • ต้นเหตุของโรคหืดในเด็ก

    ต้นเหตุของโรคหืดในเด็ก

    ต้นเหตุของ…โรคหืดในเด็ก โรคหืด เป็นโรคที่สร้างความทรมานทั้งตัวเด็กเอง และผู้ปกครองที่ดูแล เพราะเป็นโรคที่พยากรณ์ได้ยาก แค่กวาดบ้านก็อาจทำให้ลูกเป็นหอบได้แล้ว พออุ้มไปโรงพยาบาลก็พ่นยาหรือกินยาแล้วก็หาย บางวันนอนเล่นตุ๊กตาสะอาด ๆ อยู่ดี ๆ ก็จับหืดอีก ฯลฯ ซึ่งพ่อแม่ส่วนมากไม่รู้ว่าลูกเป็นหืดเพราะอะไรกันแน่ ความจริงแล้วโรคหืดนี้รักษาไม่หายแต่ป้องกันได้ โดยการควบคุมโรคอาจจะใช้เวลาหกเดือนถึง 1-2-3 ปีโดยไม่มีอาการ ปัจจุบันนี้มีเด็กป่วยเป็นโรคหืดมากขึ้น และหอบจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้นทุกวัน โรคหืดนี้ มีสาเหตุมาจากการเป็นคนที่มีภูมิไวเกิน โดยปกติคนเราเมื่อได้รับฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้หรือไรฝุ่น ก็จะไม่มีอาการหอบแต่จะจามไล่สิ่งแปลกปลอมออกสัก 2-3 ครั้งก็หาย แต่คนเป็นคนโรคหืดจะมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมจะหดเกร็ง เยื่อบุจะบวมมีเสมหะที่เหนียวออกมามาก หายใจลำบากทำให้เหนื่อยมาก ถ้าเป็นมากอาจมีเสียงหายใจดังวี๊ดได้ บางรายทำให้หายใจไม่ออกเสียชีวิตได้เหมือนกัน การรักษาโรคหืดนั้น นอกจากยาที่สำคัญแล้ว การปฏิบัติตัวก็สำคัญด้วย ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ รักษาความสะอาดสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้บ้านมีฝุ่น รวมไปถึงที่นอน หมอนมุ้งก็ควรทำความสะอาดให้ปราศจากไรฝุ่น อย่าให้ใครในบ้านมาพ่นบุหรี่ใส่หน้าเด็กโดยตรง และผู้ปกครองควรทำความเข้าใจกับคนในบ้านถึงสาเหตุของโรคและช่วยกันป้องกันแก้ไข อย่าให้เด็กได้สัมผัสควันบุหรี่ หรือวิ่งเล่นจนเหนื่อยหอบมากเกินไป จะทำให้เด็กมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่อาหารการกินก็ตาม ควรทานแต่อาหารที่สะอาดมีต้นกำเนิดที่สะอาด หากไม่สามารถหาผักปลอดสารพิษมาทานได้ ก้ควรปลูกผักผลไม้ทานเอง เพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษ จะทำให้ร่างกายแข็งแรง โรคหืดไม่กำเริบ ร่างกายส่วนอื่น ๆ…

  • ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันเอาชนะ…โรคหอบหืดในเด็ก

    ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันเอาชนะ…โรคหอบหืดในเด็ก

    ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันเอาชนะ…โรคหืดในเด็ก ปัจจุบันนี้มีเด็กป่วยด้วยโรคหอบหืดเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี บางรายก็กลับมาเข้าโรงพยาบาลซ้ำ ๆ ด้วยโรคเดิมบ่อย ๆ โรคหืดนี้หากจะให้เด็กมีอาการดีขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือกันในการดูแลทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ปกครองและตัวเด็กเองด้วย – ในส่วนของแพทย์ควรให้ผู้ป่วยทุกคนมีสมุดบันทึกประจำตัว จดบันทึกอาการทุกวัน เช่น วันนี้เป็นหวัดหรือไม่ หอบหรือไม่ หรือขาดโรงเรียนเพราะหอบหรือไม่ มาพ่นยาที่ห้องฉุกเฉอนกี่ครั้ง ซึ่งญาติหรือผู้ปกครองของผู้ป่วยต้องช่วยกรอกด้วย – แพทย์ควรซักประวัติผู้ป่วยให้แน่ชัด ไม่ว่าจะเป็น มีคนสูบบุหรี่ในบ้านหรือไม่ ชอบเล่นกับหมาแมว หมอนข้าง ตุ๊กตายัดนุ่นหรือเปล่า มีญาติสายตรงเป็นโรคอยู่แล้วหรือไม่ สิ่งแวดล้อมภายในบ้านเอื้อให้เกิดการกำเริบของโรคหรือเปล่า – ด้านของเภสัชกรควรสอนให้ผู้ป่วยหรือญาติพ่นยาให้ได้จริง ๆ บางคนเอาไปแล้วก็ไม่พ่น หรือพ่นไม่เป็น อีกทั้งในเด็กเล็กควรใช้กรวยที่เรียกว่า spacer ต่อเข้ากับกระบอก ก็จะช่วยได้มาก เภสัชกรควรให้ผู้ป่วยหรือผู้ปกครองพ่นให้ดูให้แน่ใจว่าพ่นเองเป็นจริง ๆ – ญาติ ๆ และผู้ปกครองควรจัดสิ่งแวดล้อมและดูแลเรื่องอาหาร และพฤติกรรมให้เหมาะสม จัดให้เด็กได้ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ไม่ให้เหนื่อยเกินไป, พาเด็กมาหาหมอตามนัด, ดูแลให้เด็กกินยาหรือพ่นยาอย่างต่อเนื่อง จัดบ้านให้ปราศจากฝุ่น ควันบุหรี่ อย่าให้อากาศเย็นเกินไป – ควรมีการจัดกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันระหว่างผู้ดูแลเด็กผู้ปกครอง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์แนะนำกันเอง ซักถามและให้ความช่วยเหลือ เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ป่วยและทีมรักษา…

  • บรรเทาอาการตาแห้ง

    บรรเทาอาการตาแห้ง

    บรรเทาอาการตาแห้ง อาการดวงตาแห้ง มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดไม่ว่าจะเป็น การที่ดวงตาสร้างน้ำตาลลดลงอง การกินยาบางชนิด การใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่มีคุณภาพ เป็นภูมิแพ้ที่ตาหรือเยื่อตาอักเสบ ผู้ที่เคยทำเลสิก ผ่าตัดตา ผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ หรือช่วงเข้าฤดูหนาว อาการแห้ง ลมแรง ดื่มน้ำน้อย รวมไปถึงการใช้สายตามองคอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือนาน ๆ ก็เป็นสาเหตุให้ดวงตาแห้ง รวมไปถึงอายุที่มากขึ้นก็เป็นต้นเหตุได้เช่นกัน เพื่อรักษาดวงตาให้รับใช้เราไปได้อีกนาน ๆ ควรรักษาปัญหาตาแห้งและแก้ไขตามสาเหตุด้วยการดูแลดวงตาดังต่อไปนี้ – หลีกเลี่ยงการปะทะลม แดด โดยตรง รวมไปถึงพัดลมหรือแอร์ด้วย เพราะจะทำให้ตาแห้งได้ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้สวมแว่นกันแดดกันลมทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับแดดหรือลม – ผู้ที่ใช้สายตาหรือนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ทั้งวัน น้ำตาลจะระเหยออกไปทำให้ตาแห้งได้ง่าย ควรพักสายตาทุก 2-3 นาทีทุกชั่วโมง กระพริบตาบ่อย ๆ จะทำให้น้ำตาหลั่งออกมาฉาบผิวกระจกทำให้ตาไม่แห้ง – ไม่ควรสวมใส่คอนแทกเลนส์นานเกินกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน – ผู้ที่กินยาบางชนิดที่ทำให้ตาแห้ง เช่น ยาแก้แพ้ อาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตาช่วย – ทานอาหารที่บำรุงสายตา ผักสด ผลไม้สด ปลาหรืออาหารทะเลที่มีกรดไขมัน แล้วดื่มน้ำให้เพียงพอ – ใช้งานดวงตาอย่างถนุถนอม…

  • อากาศร้อนอับชื้น ระวังเป็นกลาก

    อากาศร้อนอับชื้น ระวังเป็นกลาก

    อากาศร้อนอับชื้น ระวังเป็นกลาก สภาพอากาศในประเทศไทยที่มีความร้อนทำให้เหงื่อออกได้ง่าย สร้างความอับชื้นให้กับผิวหนังนั้น ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี จึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคกลากได้บ่อย ๆ โรคกลากนี้ทำให้ผู้เป็นขาดความหมั่นใจได้ ติดต่อได้ง่ายจากการสัมผัส การใช้สิ่งของร่วมกัน ติดต่อจากคนสู่คน จากสัตว์สู่คนและจากพื้นดินได้ เพราะเชื้อกลากนั้นอยู่ในรูปของสปอร์ เมื่อมีสภาวะที่เหมาะสมจะขยายเส้นใยเข้าทำลายผิวหนังกำพร้า เส้นผมหรือเล็บ กินโปรตีนเคราตินบนผิวหนังเป็นอาหาร บริเวณที่กลากมักจะขึ้นนั้น เกิดตามส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หนังหัว เส้นผม ใบหน้า แขนขา ลำตัว มือเท้า ขาหนีบ หรือแม้แต่แผ่นเล็ก มักมีลักษณะเป็นผื่นแดงมีวงขอบชัดเจน ผื่นแห้งเป็นขุย บางรายก็อักเสบอย่างรุนแรงขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันแต่ละคน หากเป็นกลากที่บริเวณผมจะมีปลอกเชื้อราหุ้มอยู่ ผมจะหักและเปราะได้ง่าย ส่วนกลากเล็บอาจเริ่มที่ปลายหรือโคนเล็บก็ได้ทั้งสิ้น สีของเล็บจะเปลี่ยนไปเป็นสีขาว น้ำตาล เขียว หรือเทา เล็บเปราะและเปื่อยง่าย การรักษาสามารถใช้ยาได้หลายกลุ่ม มีทั้งยาทาและยากิน โดยแพทย์จะพิจารณาจากลักษณะของผื่นและบริเวณที่เป็น ผู้เป็นกลากไม่ควรซื้อยาใช้เอง ควรไปหาหมอรับการวินิจฉัย หากในบ้านเป็นกันหลายคนควรรักษาพร้อมกันเพื่อป้องกันการติดต่อและเป็นซ้ำได้อีก อาจใช้เวลานานในการรักษาและไม่ควรหยุดยาเองแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม การป้องกันโรคกลาก ก็คือการรักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาดทุกวัน ซับตัวให้แห้ง สวมเสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี อย่าปล่อยให้ร่างกายอับชื้น ยิ่งโดยเฉพาะซอก ข้อพับต่าง ๆ…